ตำนานเทพยุทธ์ 86

ตอนที่ 86

เมื่อเหล่าสัตว์เทพทั้งสองดินแดนล้วนตื่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหงส์เพลิงหรือ เสือขาวจากแดนพยัคฆ์ ทำให้หอแห่งปัญญาผู้ครอบครองศิลาหมื่นปีที่สถิตย์พลังเหล่าสัตว์เทพทั้งสี่ไว้อยู่ส่องแสง

มู่เจิ่นหลงชายชราที่บัดนี้นั่งอยู่ด้านข้าง สหายผู้ ที่สนิทกันดั่งพี่น้อง ในดินแดนเขตปกครองมังกรฟ้า นามปราชญ์ลู่จื่อ เมื่อมู่เจิ่นหลงนำเรื่องความหวังที่จะกำเนิดมังกรฟ้ามาแจ้งแก่สหายของตัวมู่เจิ่นหลงเอง ด้านลู่จื่อเองกลับได้พาสหายของตัวมันมู่เจินหลง เดินไปดูหินศิลาหมื่นปีที่เปล่งประกายของสัตว์เทพทั้งสองตัว

“สหายเรา บัดนี้เราคิดว่าเขตปกครองมังกรฟ้าควรเร่งลงมือแล้ว หากไม่เราจะไม่ทันเวลาที่เหมาะสม อีกไม่กี่วันงานประลองของึกชิงจ้าวยุทธ์จะเริ่ม หากตระกูลของท่านไม่อาจเสาะหาที่สถิตของสัตว์เทพมังกรฟ้าได้ เห็นควรเร่งหาสัตว์ที่มีสายเลือดของสัตว์เทพตนนั้นเช่นมังกรเขียว มาทดแทน”

เมื่อลู่จื่อกล่าวข้อมูลที่ได้รับฟังมาจาก กลุ่มสายลับที่อยู่เมืองซื่อตู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์พบเจอสัตว์อสูรตัวใหญ่ยักษ์ที่ลอยเด่นผ่านเมืองซื่อตู่ไป

ด้วยสีหน้าของมู่เจิ่นหลง หลังจากได้ฟังข้อมูลจากลู่จื่อทำให้ตัวมู่เจิ่นหลงเข้าใจสิ่งที่ลู่จื่อต้องการจะสื่อ

“สหาย ท่านมิใช่ว่าจะให้หลานสาวของข้าต้องทำพิธีปลดปล่อยมุกมังกรฟ้าก่อนเวลาหรอกนะ นางอาจจะได้รับบาดเจ็บได้….”

ลู่จื่อได้เห็นและรับรู้ถึงผลกระทบ แต่ข่าวที่ว่าหลานสาวของบรรพชนตระกูลมู่คนนี้เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์และระดับยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา หากตัวของลู่จื่อและมู่เจิ่นหลงช่วยกันอาจทำนางสามารถปลุกพลังและดึงพลังจากชีพจรมังกรของนางให้ตื่นขึ้น และมังกรเขียวตนนั้นอาจรับรู้ถึงจิตวิญญาณของมังกรฟ้าที่หลับไหลและยอมมารับใช้นางที่เป็นผู้ครอบครองชะตาของดาวมังกรฟ้าก็ได้

“สหายหากนางทนรับความเจ็บปวดนั้นได้ และสามารถทำให้มังกรเขียวยอมรับท่านอาจมีหวังในงานประลองชิงจ้าวยุทธ์ในครั้งนี้”

ตัวของมู่เจิ่นหลงไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดหากแต่คิดเห็นเพียงหน้าตาของตระกูล ใช่ที่หลานสาวก็เป็นคนที่รักมาก แต่หากเทียบกับตระกูลความรักต่อตระกูลกลับมากกว่า

“ได้…ข้าจะให้คนพานางมา แต่เราทั้งสองต้องช่วยกัน”

เมื่อเป้าหมายที่ได้วางไว้คือการปลุกพลังจากมุกมังกร เพื่อช้ำนาจของพลังจากมุกดึงดูดให้มังกรเขียวมาเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของตน

แต่บัดนี้มังกรเขียวนั้น เป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเป่าฮู่ไปแล้ว ด้วยพันธะสัญญานั้นได้เกิดขึ้นจากการสังหารอสูรลงได้ของเป่าฮู่ แต่ตอนนี้มันกำลังถูกคุกคาม

เมื่อร่างของชายหนุ่มที่นั่งรอให้หย่วนซิวหยูออกมาจากซากโบราณสถานนั้น เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิด เมื่อมังกรเขียวผู้ที่นอนหลับอยู่ที่เกาะลอยฟ้าได้ลืมตาขึ้น และหันไปมองยังทิศตะวันออก ด้วยความสนใจอย่างรุนแรง

เป่าฮู่ที่รับรู้ได้ถึงความระส่ำระสายของจิตวิญญาณของสัตว์อสูรของตนเอง เพียงเต่าอักขระที่อยู่ในโลกวิญญาณเดียวกันถึงกลับพุ่งร่างออกมาขณะที่ด้านนอกเกิดคลื่นลมที่ปั่นป่วน

“นี่มันเกิดอะไรกัน เจ้ามังกรเขียว?”

เพียงเต่าอักขระถาม มังกรเขียวก็จ้อมมองไปยัง ตัวของเป่าฮู่ และสายตาที่มองกำลังส่งความรู้สึกบางอย่าง และเพียงไม่นานทำให้เจ้ามังกรเขียวกล่าวบางสิ่งออกมา

“นายท่าน วันนี้มาถึงแล้ว”

เมื่อเป่าฮู่ที่นั่งปรับลมปราณของตนให้เสถียรอยู่นั้น ได้ลืมตาขึ้นมาดู มังกรเขียวก็รีบ เลื้อยหัวมาที่เบื้องหน้าของเป่าฮู่ ก่อนที่จะกล่าวบางสิ่งออกมา

“นายท่าน ดวงชะตาของเราเผ่ามังกร ในรอบ 1000 ปีนี้ มีเพียงข้าที่จุติขึ้นมา ใต้ดวงดาวของเทพมังกรฟ้า และตอนนี้ผู้ครอบครองดวงชะตานั้นกำลังเรียกร้องข้าให้ไปเป็นกำลังให้แก่ผู้เลือกนั้น”

เพียงเป่าฮู่ได้ฟังเรื่องตลกนี้ ก็ได้กล่าวออกไปอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

“นี่เจ้ามิใช่ว่ากำลังล้อข้าเล่นหรือ มังกรเขียว อยากได้อะไร ข้าจะช่วยเจ้าเอง?”

แต่แล้วอักขระสีแดงที่เป็นอักขระแห่งพันธะสัญญาของทั้งคู่ก็ลอยเด่นออกมา เหนือหัวของมังกรเขียว ทำให้โลกจิตวิญญาณของเป่าฮู่สั่นคลอน

“นายท่าน ข้ารับใช้ท่านมานาน วันนี้ข้าไม่อาจหลบเลี่ยงดวงชะตาได้ ท่าจงรับสิ่งนี้ไป เพราะว่าวันข้างหน้า ข้าไม่รู้ได้ว่านายคนใหม่ของข้าจะเป็นใครและมีนิสัยใจคออย่างไร หากท่านมีเขาของข้าไว้ข้าจะไม่ทำร้ายท่านแน่นอน”

เพียงคำกล่าวนี้สัญญาลักษณ์แห่งพันธะสัญญาก็แตกสลายไป

เป่าฮู่กระอักเลือดออกมา พร้อมทั้งร่างของมังกรเขียวกลายเป็นแสงพุ่งไปยังทิศทางของเขตปกครองมังกรฟ้า ทำให้เป่าฮู่ที่เห็นภาพนั้นรู้สึกโกรธแค้นผู้ที่กล้ามาฉกฉวยสหายของเป่าฮู่ไป

“บัดซบ!….มันเป็นใคร มันเป็นใคร?”

เสียงแห่งความกราดเกรี้ยวของเป่าฮู่ที่บัดนี้ยังถือเขาของมังกรเขียวไว้ข้างหนึ่งในมือ เลือดที่ไหลซึมออกมาจากมุมปากไม่อาจจะอธิบายได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้มันเป็นแบบนี้ไปได้เช่นไร

“เทพเต่าบ้า อธิบายให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้ เหตุใดถึงมีคนทำให้มังกรเขียวทำลายพันธะสัญญาวิญญาณของเราได้?”

เมื่อเต่าอักขระได้ฟังคำถามและเห็นเหตุการณ์ ก็นึกไปถึงสิ่งที่ตัวมันรู้ ถึงผู้ที่ครอบครองสัตว์ในตำนานของแต่ละทิศ

“เจ้าหนู เจ้าคือคนทั่วไปไม่ได้เกิดมาใต้ดวงดาวแห่งผู้ครอบครอง ดูอย่างนางหนูนั่น นางเองก็คือหนึ่งในผู้ครอบครอง ข้ารู้ว่าเจ้าที่อยู่ด้านในม่านอักขระนั้นคือสัตว์จากยุคบรรพกาลเช่นข้า

หงส์เพลิงเทวะ วิหคอมตะ ส่วนเจ้ามังกรเขียว มันเองก็คือลูกหลานของมังกรฟ้า และนายที่แท้จริงของมันก็คือ ผู้ที่ครอบครองดวงชะตาของดวงดาวแห่งมังกรเท่าที่ข้ารู้นั่นคงเป็นการปลุกพลังของมุกมังกรที่สามารถทำลายพันธะสัญญาของเจ้าได้”

การกล่าวเช่นนั้นออกไปทำให้เป่าฮู่เริ่มสงสัย หากศัตรูที่เก่งกาจ แล้วตนจะเอาอะไรไปสู้ ขนาดมังกรเขียวยังถูกช่วงชิงไป แล้วจะเป็นจักรพรรดิลมปราณไปเพื่อสิ่งใด

“เทพเต่าบ้า แบบนี้ข้าจะรับมือกับพวกที่ครอบครองสัตว์เทพได้เช่นไร ข้าไม่ได้มีสิ่งเหล่านั้น?”

เต่าบ้ายอก็ได้ยืดอกยกตัวขึ้นพร้อมกล่าวว่า

“เจ้าหนู ลืมไปแล้วหรือว่า ข้าคือใคร ข้าคือลูกหลานของเทพเต่าดำ ในเมื่อเรามีกันและกัน เจ้าก็จัดการกำราบพวกมันให้หมด รีบๆทะลวงระดับเวลานี้เราไม่อาจช้าได้แล้วศัตรูของเจ้าอาจยกระดับตนเองอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน เวลาของการประลองเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว”

การสูญเสียสหายที่คิดว่าน่าเกรงขามไปแก่คนที่ครอบครองดวงชะตาบ้าบอนั่นวันนี้เป่าฮู่พึ่งรู้ว่าตนเองไม่อาจครอบครองอะไรได้อย่างแท้จริง หรือว่าตัวเป่าอู่จะไม่สามารถครอบครองอะไรได้เลย

“ข้าไม่สนใจแล้ว จะเกิดอะไรก็ช่าง ข้าจะตบพวกมันให้หมด เหล่าผู้ครอบครองสัตว์เทพด้วยมือคู่นี้”

เพียงเท่านั้นหยกสวรรค์ที่ถูกนำออกมาหลายก้อนล้วนถูกกลืนกินลงท้องพลังลมปราณที่มหาศาลจากก้อนหยกสวรรค์พรั่งพรูทั่วทั้งชั้นฟ้า ทำให้ร่างกายของเป่าฮู่สั่นไหว และเนื้อหนังในกายล้วนปริแตก กระดูกที่ดูดซับลมปราณมหาศาลนั้นไว้กำลังแตกร้าวด้วยมวลพลังที่เกินคาดเดา

เป่าฮู่ตอนนี้กำลังรวบรวมสมาธิชักนำพลังมหาศาลที่เกิดจากความบ้าบิ่นของเป่าฮู่ในครั้งนี้ แม้การทะลวงระดับยากเย็นแสนเข็ญ แต่ตอนนี้ เป่าฮู่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วมีแต่เดินหน้าต่อไปเท่านั้น ขนาดมังกรเขียว ยังถูกใครช่วงชิงไปไม่รู้วันนี้ เขตปกครองมังกรฟ้าต้องถูกขึ้นบัญชีดำ

Options

not work with dark mode
Reset