ตำนานเทพยุทธ์ 81

ตอนที่ 81

การได้มาฟังหมอที่มีพระคุณของตนในทางที่แย่แบบนี้ เป่าฮู่คิดว่าผู้เฒ่าหย่วนปงอาจคิดมากเกินไปก็เป็นไปได้ แต่สำหรับเป่าฮู่ที่วางแผนการเอาไว้ ว่าจะลอบเข้าไปในตระกูลมู่ไม่ว่าวิธีใดก็วิธีหนึ่ง เพื่อที่จะมีโอกาสได้ชิงมุกพิษที่ถูกเฝ้าดูแลอย่างดีมาครอง เพื่อจะได้ในสิ่งที่ต้องการ

แต่บัดนี้ภาระที่ตัวเป่าฮู่แบกรับมีมากเกินไป จำต้องหาสถานที่อันเหมาะสมที่จะฝากให้คนดูแลพวกคนเหล่านี้ แต่ว่าเมื่อมาคิดๆดูวันเวลาที่ผ่านไป อีกไม่นานก็จะครบกำหนดหนึ่งปีที่ให้ไว้กับผู้เฒ่ามารฟ้าโอสถแล้วหรือว่าอาการของซิวหยูจะให้มารฟ้าโอสถรักษาดี

แต่มุกพิษก็สำคัญเช่นกัน แต่ในตอนนี้คงต้องพักเรื่องมุกพิษไปก่อน ด้วยตระกูลมู่กำลังวุ่นที่จะตามหากลุ่มของเป่าฮู่อย่างพลิกแผ่นดินหา ด้วยพวกมันคงต้องการอะไรที่มากกว่าความแค้นเหล่านั้นเป็นแน่

เมื่อรถม้าที่วิ่งลัดเลาะไปตามเส้นทางของเมืองตระกูลหยุนพรมแดนนั้นถูกทิ้งร้างไว้ ด้วยอำนาจตระกูลหยุนถูกริบรอนไปแล้ว หย่วนปงจึงกล่าวถึงสถานการณ์ตอนที่ตนเองจากมา

ตอนนี้ตระกูลหย่วนสูญสิ้นไปแล้ว เพราะเร่อเว่ยซูนางโกรธแค้นหย่วนซิวหยูมาก นางใช้อำนาจของเทพธิดาหงส์เพลิงในการสั่งการต่อเหล่าตระกูลทั้งหมดในดินแดนทางใต้ บีบคั้นจนตระกูลหย่วนไม่มีที่อยู่ตอนนี้เขตแดนของหย่วนถูกตระกูลซินที่หวังครอบครองแผ่นดินผืนนี้มานานเข้ายึดครองแล้ว แต่ก็ยังมีหลายตระกูลรองในเมืองหย่วนที่ยังคงแผ่อำนาจไปโดยหันไปพึ่งใบบุญตระกูลเร่อโดยตรง

จากที่ได้ฟังมา เป่าฮู่คิดว่าทุกชีวิตต้องดิ้นรนกันทั้งนั้น แต่เพียงหันมาดูคนในรถม้าที่ตอนนี้มีเพียงหญิงและคนแก่เช่นหย่วนปงที่บาดเจ็บนั่นทำให้เป่าฮู่ไม่รู้จะทำเช่นไรดี ในใจคิดว่าตนควรรีบให้เหล่าองครักษ์นำพาคนเหล่านี้ไปจากที่นี่ซะ

“จ้าวหู่รับคำสั่ง จงพาคุณหนูเดินทางกลับไปให้ถึงตระกูลพร้อมทั้งท่านอาวุโสหยวนปงด้วย จงอย่าทำตัวให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจ ส่วนพวกเจ้าศิษย์ของนิกายเสือขาวเองหากเป็นห่วงหงลี่จริงจงแยกกันเดินทางเพราะการรวมตัวกันนั้นจะทำให้นางเกิดอันตรายขึ้น

ส่วนข้าจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อหาทางรักษาซิวหยูก่อนนางอาการไม่สู้ดีนักและอีกอย่างข้าก็จะไปทำงานที่คั่งค้างไว้ด้วย”

เป่าฮู่ได้สั่งการทุกอย่างไปก่อนที่จะขอแยกตัวที่เมืองหยวน โดยเป่าฮู่ให้ซิวหยูสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์อีกครั้งและตัวเป่าฮู่เองก็เช่นกันหลังจากที่ได้มาอยู่ในตัวตนของต้านเสี่ยว ศิษย์ของเฒ่ามารฟ้าโอสถแห่งเขาเทวะ ตอนนี้การเดินทางของทั้งสองก็ราบรื่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก

การเดินทางผ่านไปกว่า ครึ่งเดือนในที่สุดทั้งสองก็มาถึงที่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ และเบื้องหน้าคือเขาเทวะที่ไม่ได้มาตั้งนาน

ต้านเสี่ยวชายหนุ่มที่ถือครองป้ายเงินอันเป็นที่รู้กันว่า มีความสำคัญเทียบเท่าจี้เออร์หลานสาวของเฒ่า

มารฟ้าโอสถทำให้การเดินทางนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

หลังจากที่ได้ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน เดินทางมาที่เขาเทวะ พร้อมทั้งอาการของหย่วนซิวหยูที่บาดเจ็บมาตลอดทางนั่นทำให้เป่าฮู่รู้สึกผิดต่อนางมากนัก

ณ เชิงเขาเทวะ

“อาจารย์เฒ่า อาจารย์เฒ่า ข้าต้านเสี่ยวกลับมาแล้ว”

เสียงของเป่าฮู่ทำให้จี้เออร์ที่เฝ้ารอมานานนับปีได้รีบรุดหน้ามาเพื่อต้อนรับ เพียงหวังให้พี่ชายชื่นชมในความก้าวหน้าตามที่พี่ชายแนะใก้ท่านปู่ของนางไปขอกล่องปริศนามาและก็ได้ผลตามนั้น

เต้าเจิ่งผิงบังคับให้ เฒ่ามารฟ้าปรุงยาที่สร้างภาระแก่ร่างกายมากขึ้นมากขึ้นทุกวันของตอบแทนจำเป็นต้องมากขึ้นมากขึ้นเช่นกัน จี้เออร์ได้ฝึกทักษะดีๆที่มีในกล่องปริศนา แม้รับสูงสุดที่จะเปิดได้จะเป็นเพียงระดับราชันแต่นั่นก็ทำให้นางดีใจและยิ่งไปกว่านั้นนางได้ยินว่ามีชายหนุ่มที่อาจหาญบุกท้าทายสำนักซื่อหม่าเพียงลำพังก่อนที่จะสังหารล้างสำนักนางคิดว่าคนผู้นั้นต้องเป็นพี่เป่าฮู่ของนางแน่

“ท่านพี่ เอะ!…นั่นคือ?”

นางตกใจที่เห็นมีคนสองคนเดินทางมาและต้านเสี่ยวยังแบกร่างของใครบางคนขึ้นมาด้วยแล้วกลิ่นหอมของกายนั้นดั่งอิสตรีที่งดงามนางหนึ่ง จี้เออร์รีบมาคาราวะพี่ชายก่อนที่จะหันไปถามถึงคนที่อยู่บนแผ่นหลังนั้น

“จี้เออร์คาราวะศิษย์พี่ ว่าแต่ท่านกำลังพาใครมาที่เขาเทวะกัน?”

เมื่อจี้เออร์แสดงความหึงหวงออกมาเล้กน้อย เป่าฮู่ก็รีบกล่าวไปว่า

 

“ศิษย์น้อง คนผู้นี้กำลังป่วยหนัก ด้วยพิษร้ายแรง คงมีเพียงอาจารย์ที่จะรักษานางได้”

เพียงคำเรียกว่านางเท่านั้นจี้เออร์ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ก่อนและรีบนำพาทั้งสองกลับไปพบปู่ของนาง เป่าฮู่เพียงกละบมาถึงหลังจากวางร่างของซิวหยูลงไปที่เตียงก้หันหลังมากล่าวคาราวะเฒ่ามารฟ้าอย่างเป็นทางการ

“ผู้น้อยคาราวะท่านอาวุโสหลางจง”

เมื่อเป่าฮู่กล่าวออกมาทำให้มารฟ้าหลางจงหันไปมองชายหนุ่มก่อนที่จะหันไปสนใจหญิงสาวนางนั้น

“ศิษย์ข้า พูดซะห่างเหินแม้จะเป็นศิษยืเพียงในนาม แต่ว่าก็มีสถานะแบบนี้แล้ว หากไม่ได้คำแนะนำของเจ้ามีหรือจี้เออร์จะพัฒนาได้เพียงนี้ นางเฝ้าฝึกฝนตำราทักษะที่ได้จากกลองประหลาดนั่นจนตอนนี้นางจัดว่าไม่ต้องกลัวศิษย์ของหอยอดยุทธ์ที่ชอบระรานใครต่อใครอีกแล้ว ว่าแต่กลินอายพิษชนิดนี้นับว่าร้ายแรงนัก มันคือพิษที่ขาคุ้นเคยเสียด้วย”

เมื่อกล่าวไปเฒ่ามารฟ้าโอสถก็ได้เล่าถึงอดีตที่ตนพบเจอยอดตำราหมื่นพิษอันเป็นตำราที่ดึงผู้ฝึกให้เข้าไปในทางที่ชั่วช้าจนกลายเป็นหมอที่มีจิตใจที่ดำมืด

หลังจากที่เป่าฮู่ได้ฟังก็รีบนำเอาตำราของฮันเผิงออกมาสิ่งแรกที่หลางจงได้เห็นก็คือ ม้วนตำราหนังสัตว์ที่เขาเป็นคนเปลี่ยนปกด้านหนาของมันขึ้นมาใหม่และซ่อนมันไว้ที่เทือกเขาเทพโอสถสำนักที่เฒ่ามารฟ้าจากมานั่นเอง

“อื่ม ชะตาสวรรค์ข้าฝังมันกลับมือ กลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เอาหละในเมื่ออยู่ในมือของเด็กหนุ่มชอบเล่นกับพิษแต่จิตใจดีเช่นเจ้า สักวันคงมีประโยชน์ เจ้าหากลองศึกษาต้องตั้งจิตใจให้มั่นคงและควยบคุมมันให้ได้ เอาหละมาดูอาการแม่สาวคนนี้ก่อน”

 

เพียงสองนิ้วที่สำรวจชีพจร ก็ทำให้มารฟ้าโอสถได้แต่ถอนใจ เพราะสภาพร่างกายของนางถือว่าอ่อนแอมากนางจำต้องอาศัยสถานที่ที่เหมาะสมในการฟื้นฟูพลังมปราณและขจัดพิษ การจะขจัดพิษชนิดนี้ต้องได้รับโอสถส่วนที่ขาดไป ตามตำรานี้กล่าวไว้หย่วนซิวหยูต้องรับโอสถที่เฒ่ามารฟ้าจะปรุงขึ้นมาแก้พิษ โดยการใช้แก่นแท้แห่งเปลวเพลิงมาปรุงเป็นยาเมื่อนางมีของดีในตัวก็ใช้มันขจัดพิษในตัวของนางซะก็สิ้นเรื่อง แต่ว่าของดีชนิดนี้ก็ต้องเสี่ยงที่จะส่งพิษร้อนเข้าไปกระตุ้นมันเสียก่อน

การใช้พลังของสายาเลือดของนางขจัดพิษออกไปทำให้คนที่เข้าใจลำดับขั้นตอนเช่นเป่าฮู่เบาใจไปมาก ดังนั้นหลังจากที่มีเวลาว่างเพราะเฒ่าหลางจงรับปากจะรักษานางให้หาย และให้เป่าฮู่พักผ่อนให่สบาย และช่วยแนะนำจี้เออร์ไปขณะที่รอ

เมื่อเป่าฮู่ได้มีเวลาก็พาจี้เออร์มาที่ลานกว้างเพื่อสำรวจว่านางมีทักษะดีๆอะไรบ้าง

“เอาหละจี้เออร์ วันนี้ศิษย์พี่เช่นข้าจะมาแนะนำเจ้า ที่ผ่านมามีตำราใดบ้างที่เจ้าได้จากกล่องปริศนา?”

เพียงจี้เออร์ได้ฟังก็ลดหางตาลงไปมองที่เป่าฮู่ เพราะการจะแอบฉกฉวยตำรากันง่ายๆด้วยไม่มีของแลกเปลี่ยนนั้นทำให้นางไม่พอใจ

เป่าฮูได้เห็นแววตาก็คิดอะไรดีๆขึ้นมาได้

“ก็ได้ ก็ได้ พี่ชายของแลกกับการสอนจี้เออร์ด้วยวิชานี้”

เพียงร่างของเป่าฮู่ที่พุ่งออกไปด้วยเท้าท่องวารี ด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อยและพลิ้วไหว ก่อนที่เป่าฮู่จะกล่าวออกไปว่า

“หากสักวันน้องจี้เออร์มาเข้าร่วมนิกายที่พี่จะก่อตั้ง พี่จะสอนทุกวิชาที่พี่มี วันนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน วิชานี้ดูให้ดี มันเรียกว่า ดักแด้เหมันต์ ((((พรึ๊บ! ))))”

การก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วและทุกสามก้าวจี้เออร์นางจะเห็นรูปสลักน้ำแข็งที่ตั้งอยู่เพียงเวลาไม่นานและสลายไป จนเป็นภาพติดตาและสวยงาม แต่ที่มากกว่านั้นมันคือภาพทีสามารถนำมาหลอกล่อศัตรูให้สับสนได้

“เยี่ยมมากศิษย์พี่ ข้าพร้อมจะแลกกับเคล็ดวิชานี้”

จากนั้นนางก็นำตำรามากมายที่ได้มาแต่นางไม่ชบออกมาวางกองกับพื้นและขอตำราที่เป่าฮู่มีกลับไป และนั่นก็คือวิชาดักแด้เหมันต์นั่นเอง

Options

not work with dark mode
Reset