ตำนานเทพยุทธ์ 76

ตอนที่ 76

เสียงดังอื้ออึงจากเหล่าศิษย์นิกายเสือขาว ที่บัดนี้พากันติดตามกลุ่มโจรที่ลักพาตัวของธิดาเจ้าเมืองตระกูลหงนาม หงหลี่หญิงสาวที่ถูกทำให้สลบทันทีที่นางลืมตาขึ้นมา

ภาพที่โจรร้ายรีบคว้าตัวประกันไป เพียงหวังว่านางคงใช่บุตรสาวตระกูลหย่วนแห่งดินแดนทางใต้ การนำตัวนางไปขึ้นเงินกับตระกูลเร่อคงได้เงินงากพอที่จะใช้ได้เป็นปี

แต่สิ่งที่กลุ่มโจรนั้นผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง ก็คือการจับตัวประกันไปผิดตัว หย่วนชิงเหยียนที่สลบไปเพราะถูกทำร้ายตอนไม่ทันตั้งตัว นางฟื้นสติกลับมาก็ทำเอาใบหน้าของทุกคนที่เห็นต้องหวาดหวั่น เหล่าศิษย์ชายที่เข้ามาตรวจดูเป็นกลุ่มแรกและมีอีก 2 คนที่ติดตามกลุมโจรออกไป

เมื่อเปาฮู่ที่ถูกจ้าวหู่องครักษ์ประจำตัว ปลุกมาด้วยอาการสลึมสลือแต่เพียงได้ยินว่า ห้องน้องสาวของตนถูกโจรร้ายบุกรุก และมีกลุ่มโจรร้ายพาตัวคุณหนูหงหลี่ไปจากห้องของนาง เท่านั้นอาการสลึมสลือพลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง

 

เป่าฮู่ลึกขึ้นมาพร้อมทั้งคว้าเสื้อผ้าได้เพียงบางตัวก็นรีบทะยานมาที่ห้องของน้องสาว เพื่อดูร่องรอยของคนร้ายและที่ได้เห็นก็คือ

หย่วนชิงหยียนนั่งร้องไห้เสียใจที่นางกลับมิถูกชิงตัวไป ทั้งที่ประโยคสุดท้ายที่นางได้ยินก็คือชื่อของนางที่เป็นเป้าหมายของคนเหล่านั้น

เพียงนางเล่าให้แก่เป่าฮู่ฟัง เป่าฮู่เองก็คิดว่าการเป็นศิษยนิกายใหญ่ย่อมมีบางสิ่งที่เหล่าศิษย์สามารถตามตัวกันจนเจอได้ในระยะใกล้ๆนี้

“พวกเจ้า ใครที่เป็นพี่ใหญ่สุดในนี้?”

คำกล่าวที่เดือดดาลทำเอาเหล่าศิษ์ชายที่เหลือเพียงสามคนต้องขวัญผวา กลุ่มคนเหล่านั้นชี้ไปที่ชายที่มีนามว่า จางเหริ่นนั่นเอง

“ข้า..ข้า จางเหริ่นเป็นคนนำพากลุ่มศิษย์ของนิกายเสือขาวออกมาขอรับพี่ชาย”

จางหริ่นได้กล่าวออกมาทำให้เป่าฮู่กระชากอกของจางเหริ่นเข้ามาก่อนที่จะกล่าวด้วยโทสะออกไปว่า

“หากน้องสาวข้าต้องเป็นอะไร ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าที่เป็นศิษย์นิกายเสือขาวแน่ แล้วตอนนี้เจ้ามีสิ่งใดที่ระบุว่าน้องข้าอยู่ทิศทางไหนได้บ้าง?”

เมื่อจางเหริ่นได้รับรู้โทสะที่มาพร้อมจิตคุกคามที่รุนแรงจางเหริ่นรีบนำกระจกวารีขนาดเล็กออกมา พร้อมทั้งสีหน้าที่เขินอาย

“พี่ชาย ท่านต้องเก็ยเรื่องนี้เป็นความลับ ข้าใช้สิ่งนี้ติดตามหงหลี่มานานมากนัก เพื่อพิชิตใจนาง ท่านคงไม่ว่า…”

เพียงเป่าฮู่ได้เห็นสิ่งที่ชายชั่วคนนี้มีในครอบครอง ทำให้คนเป็นพี่มีหรือที่จะไม่โกรธเคืองแต่ตอนนี้ ชีวิตของน้องสาวสำคัญกว่า เป่าฮู่หันไปสั่งการจ้าวหู่ทันที

“พวกเจ้าคุ้มกันคนพวกนี้โดยเฉพาะ ชิงเหยียน จากนี้นางต้องไปกับเรา และให้นางออกจากนิกายเสือขาวซะข้าจะตามไอ้คนพวกนั้นไปเอง ส่วนกระจกนี่ข้าขอยืมมันก่อน หากว่าน้องสาวข้าปลอดภัยเจ้าก็ไปรับเอากับนางเอาเอง”

 

เพียงเท่านั้นสหย้าของจางเหริ่นพลันขาวซีดใครจะไปคิดว่าหนีเสือจะพบอสรพิษกลางพงพนาไพรเช่นนี้

“ขอรับ”

 

เสียงอ่อนน้อมเข้ามาแทนที่เป่าฮู่ในชุดอาภรณ์ ที่สวมใส่แต่เสื้อผ้าที่เบาบางแต่มีผ้าคลุมสีดำปกปิดร่างกายท่อนบนเอาไว้ สองเท้าทะยานด้วยท่าท่องวารีด้วยกำลังเต็มสิบส่วน ร่างเงาที่ทะยานออกไปนั้นสร้างภาพเงาติดตาหากมีคนพบเห็นแต่กลับมองหาตัวไม่พบในอีกหนึ่งลมหายใจต่อมา

เป่าฮู่ทะยานติดตามกลิ่นของน้องสาวและจุดบ่งบอกในกระจกวารีที่อยู่ในมือ เสียงของเต่าอักขระที่ตื่นจากการหลับนอนเพราะจิตใจของชายหนุ่มกำลังร้อนรุ่มโลกแห่งจิตวิญญาณ ก็พลันเดือดทะลุชั้นฟ้าไปด้วย

“(((เจ้าเด็กบ้า จะโกรธก็ควรมีสติระงับอารมณ์หน่อยข้าและเจ้างูบ้านั่นนอนแทบไม่ได้))))”

 

เมื่อการทะยานมาด้วยพลังลมปราณของชนชั้นราชั้นขั้นสูง ไม่นานก็ติดตามมาจนพบกลุ่มศิษย์ของนิกายเสือขาวที่ติดตามมาตั้งแต่ครั้งแรก

“ช้าก่อน พวกเจ้าติดตามพวกมันมาตอนนี้พวกมันไปทางไหน?”

 

เหล่าศิษย์นิกายเสือขาวได้เห็นชายที่เอ่อยถาม แม้ในเงามืด

แต่แสงจันทร์ก็ทำให้คนเหล่านี้รับรู้ถึงกลิ่นอายที่กดดันพวกมันมาก่อนหนึ่งครั้งแล้ว

“พี่ชาย เป็นท่าน ดีนักพวกมันมุ่งหน้าสู่เมืองซื่อหลางคงคิดผ่านแดนศักดิ์จากทางหุบเขาซากศพขอรับ”

 

เพียงกล่าวถึงหุบเขาซากศพเท่านั้นเป่าฮู่ก็คิดถึงตาเฒ่าหลางจงทันที แต่บัดนี้ก็ยังไม่ครบกำหนด 1 ปีดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรมากนัก เอาเรื่องตรงหน้านี้ก่อน

“ดี! หุบเขาซากศพ เช่นนั้น สหายข้าออกมา”

 

การเรียกให้ราชาอสรพิษฟ้าครามออกมาและให้มันบัญชาเหล่าอสรพิษทั่วทั่งเทือกเขา ให้ล้อมพวกวายร้ายนี้เอาไว้ การลงมือที่รวดเร็วราชาอสรพิษรุดหน้าไปก่อนที่เป่าฮู่จะสั่งให้ทั้งสองศิษย์นิกายเสือขาวหวนกลับไปสมทบกับศิษย์คนอื่นๆที่เมืองเซี่ยหยูก่อน

 

เพียงร่างของเป่าฮู่ตามมาถึงที่เขตชายแดนอันมีกำแพงที่ถูกเจาะผ่าน และเป็นเส้นทางี่พวกนอกกฎหมายของบ้านเมืองชอบใช้สัญจรกันไปมา เป่าฮู่รับรู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนดีมากนัก ทั้งที่ลงมือเพราะ ยากนำตัวหย่วนชิงเหยียนไปมอบตัวแก่ใครสักคน หากเดาไม่ผิดคงเป็น ตระกูลเร่อเป็นแน่

เพียงเป่าฮู่ตามมาจนพบว่าร่องรอยที่ผ่านมายังคงใหม่มากและตอนนี้การเดินทางของพวกโจรร้ายกำลังช้าลงเพราะหงหลี่น่าจะตื่นขึ้นมาแล้ว

 

ณ เขตชายแดนเมืองเซี่ยหยูห่างจากเขตเทือกเขาอสรพิษไม่ไกลนัก พวกโจรร้ายได้รับรู้ถึง หารเคลื่อนไหวของเหล่าสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าฝ่ามือกำลังเคลื่อนตัวมาอย่างไม่คิดชีวิต

และกำลังมากขึ้นและมากขึ้น

 

“พี่ใหญ่ ทำไมตอนนี้เส้นทาที่เรามา พบเจออสรพิษฟ้าครามมากนัก แม้มันจะเป็นเพียงอสูรลมปราณระดับ 10 ปี 20 ปีแต่กลับพบมากขึ้นและมากขึ้น?”

 

ร่างของชายหนุ่มที่เป็นผู้สั่งการกลับหยุดชะงักทันทีที่รับรู้ถึงสิ่งที่ต่างไปจากเดิมตรงหน้า

“พวกเราหยุด!”

เสียงที่พี่ใหญ่กล่าวทำให้น้องๆอีก 2 คนมีหรือจะพลาดท่า

ทั้งสองคนรีบกระชับอาวุธในมือข้างหนึ่ง และชายคนที่สามที่แบกร่างของหงหลี่ไว้ก็เริ่มบ่นออกมา

“นี่พี่ใหญ่ข้าว่าเราก็หนีมาไกลแล้วพักกันสักครู่ก่อน อย่างไรเสียจากนี่จนถึงเมืองตระกูลเร่อ ยังไงก็ต้องพักอีกหลายร้อยรอบ หากเราพานางไปได้ในสภาพที่นางไร้สติได้คงดีไม่น้อย”

 

เมื่อทั้งกลุ่มคิดเช่นนั้นทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าฉุดคิดขึ้นมาได้ ว่าตนอาจต้องย้อนกลับไปหายาสลบมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่เข้พามาขัดขวางความคิดของ

 

เพียงพวกโจรได้เห็นก็คือ ดวงตาสีแดงกร่ำที่ซ่อนในป่าใหญ่ และเสียงที่ดังสะท้อนป่าเขาในยามค่ำคืน (((ครื่น))) (((ครื่น!))) เสียงของบางสิ่งที่ครูดไปกับพื้น และเสียงก็คล้ายกับการเลื้อยของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่กว่าพวกโจรจะคาดคิด

เพียงชั่วอึดใจเมฆที่บดบังแสงจันทร์ในยามค่ำคืนเคลื่อนผ่านเผยให้เห็นร่างที่ใหญ่โตของอสรพิษร้ายที่ชูคอเหนือยอดไม้ใหญ่ดวงตาที่แดงกร่ำกลับเผยออกมากลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวของอสรพิษที่มีอายุ 1000ปี ขึ้นไป แสงที่เผยออกมาจากวงแหวนสีแดงของชายที่หยัดยืนอยู่บนส่วนหัวของเจ้าราชาอสรพิษร้ายตนนี้ เผยออกมา สร้างความอึดอัดแก่โจรร้ายเหล่านี้เป็นอย่างมาก

เมื่อหัวหน้าของกลุ่มโจรได้เห็นแสงสีแดงที่เป็นอื่นใดไปได้นอกจากวงแหวนลมปราณระดับราชันลมปราณนั้นทำให้มันทิ้งเข่าทั้งสองข้างกับพื้นและรีบอ้อนวอนขอชีวิตอย่างเร่งรีบ

“ท่านจอมยุทธ์ ได้โปรด ละเว้นชีวิตน้อยๆของพวกข้าทั้งสามคนด้วย พวกข้าเพียงผ่านทางมาและกำลังหนีศัตรูมายังเขตแดนของท่าน ท่านโปรดละเว้นเราทั้งสามด้วย”

เมื่อเป่าฮู่เห็นการเล่นละครฉากใหญ่ เป่าฮู่ที่แผ่แรงกดดันและจิตคุกคามออกมาคละคลุ้งทั่วพื้นที่ แห่งนี้จนเหล่าโจรไม่ต้องทำอะไรก็หลั่งเหงื่อออกมา และพร้อมตกตายได้ทันทีที่แรงกดดันเหล่านั้นเพิม่ขึ้น ร่างของชายสองคนเริ่มมอบกราบไปกับพื้นด้วยแรงกดดันที่หนักหน่วง

เป่าฮู่ได้นั่งชันเข่าลงที่ส่วนหัวของราชาอสรพิษ ก่อนที่จะเปล่งเสียงผ่านลมปราณออกไป

“ฮึ! กลัวตายกันนัก แต่ข้าไม่ชอบอะไรที่เป็นเพียงแต่ลมปาก ข้าเองฝึกฝนตนเองมานาน กลิ่นสัมผัสที่ข้ารับได้จากม้วนผ้าผืนนั้น มอบมันแก่ข้า ในนั้นคงเป็นหญิงสาว พวกเจ้าคิดขอให้ข้าละเว้นชีวิต ข้าก็จะให้ หากว่าข้าได้ของที่ข้าต้องการ”

เมื่อชายกลุ่มนั้นได้ฟัง ก็รู้สึกโกรธแค้นและแอบสาปแช่งชายประหลาดผู้นี้ในใจ ก่อนที่ผู้เป็นน้องจะร้องออกมาจนเสียสติ

“พี่ใหญ่ข้าไม่ไหวแล้วรีบยกนางให้แก่ยอดฝีมือท่านนี้ซะไม่อย่างนั้นข้าคงเป็นเนื้อบดกับพื้นป่านี้เป็นแน่”

ชายที่เป็นพี่ใหญ่แม้รับราชาลมปราณขั้นกลางของมันจะสร้างชื่อให้แก่มันมามากนัก แต่วันนี้กลับอาพับวาสนาได้ร่ำรวยเงินทอง ชายผู้เป็นผู้นำรีบลุกขึ้นอุ้มร่าวของหงหลี่ออกมาวางไว้ที่พื้นเบื้องหน้าของพวกมันก่อนที่จะหมอบกราบส่งนางแก่เป่าฮู่อย่างว่าง่าย

เมื่อเป่าฮู่ให้ราชาอสรพิษใช้หางยกร่างของหงหลี่ขึ้นมาและตัวของเป่าฮู่ก็รับนางไว้ในอ้อมกอด โดยหงหลี่นางนั้นรับรู้ว่านี่คือพี่ชายนางด้วยกลิ่นเฉพาะตัวของพี่ใหญ่เป่าฮู่ที่นางไม่มีวันลืม

นางได้รับรู้ว่าพี่ชายนางกอดรัดนางไว้ในอ้อมแขนขณะที่หันหลังทะยานร่างจากไป แต่สิ่งที่ยังอยู่เบื้องหน้าของกลุ่มโจรกลุ่มนี้กลับเป็นราชาอสรพิษร้ายที่น่าหวหั่นเกรง

 

ชายที่คิดว่าตนปลอดภัยและเงยหน้าขึ้นมามอง สัมผัสแรกที่ได้รู้ก็คือ ร่างที่ใหญ่โตกำลังโอบล้อมชายทั้งสามเอาไว้

เพียงชายผู้นั้นได้สติก็ร้องก่นด่าเป่าฮู่ด้วยคำสาปแช่งต่างๆนานา นั่นก็ไม่ผิดในความคิดของเป่าฮู่ตนเองละเว้นชีวิตของโจรร้ายทั้งสาม แต่สหายของมันไม่คิดเช่นนั้น อาหารตรงหน้าที่ทำให้มันเหนื่อยและต้องถูกนายของมันปลุกออกมาจากโลกจิตวิญญาณ มันต้องหาที่ระบายอย่างใหญ่หลวงและกลุ่มคนทั้งสามนี่แหละคือโอสสถชั้นดีของราชาอสรพิษฟ้าครามตนนี้

เป่าฮู่ทะยานร่างกลับมาที่เมืองเซี่ยหยูระหว่างทางเป่าฮู่รับรู้ว่าน้องสาวของตนรู้ตัวแล้วตั้งแต่ต้น แต่ที่ทำเป็นนิ่งเงียบเพราะอยากให้ตนเองอุ้มมาตลอดทางเป็นแน่

“หลี่เออร์ น้องจะนอนอีกนานหรือไม่ พี่ชายก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ?”

เพียงนั้นเสียงร้องออกมาด้วยความไม่ชอบใจของหงหลี่ก็เด่นชันขึ้น

“พี่ชาย ข้าก็อยากให้ท่านอุ้มข้านานๆนี่ ข้าชอบ”

เพียงเท่านั้นทั้งสองก็เดินทางกลับมาที่ตัวเมืองเซี่ยหยู่ดั่งเดิม

Options

not work with dark mode
Reset