ตำนานเทพยุทธ์ 74

ตอนที่ 74

จากที่ได้ร่ำลาผู้เฒ่าหย่วนปงและเจ้าหมอหลั่วจื่อออกมา เป่าฮู่ไม่รอช้ารีบเดินทางพร้อมเหล่าองครักษ์ออกไปที่เมืองเซี่ยหยู โดยทัน ด้วยม้าของเหล่าสำนักเทพโอสถที่เตรียมไว้ให้

การเดินทางด้วยกลุ่มชายวัยฉกรรจ์เพียงไม่นานก็มาถึงยังเขตหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างออกไปไม่ไกลจากเขาร้อยบรรพต ภาพที่เป่าฮู่ได้เห็นโศกนาฏกรรมที่ฮันเผิงได้ทำ พิษร้ายคร่าชีวิตคนในหมู่บ้านปลายน้ำล้มตายไปมากมาย นั่นทำให้เป่าฮู่รู้สึกอยากลงไปฆ่าฮันเผิงให้ตายอีกหลายสิบครั้ง

แววตาที่เศร้าหมองของคนที่รอดตายในหมู่บ้าน เป่าฮู่ก็ไม่อาจที่จะทนรับได้มากนัก จึงทำได้เพียงใช้เงินที่เจ้าชั่วนั่นเก็บไว้ในแหวนเก็บของ และยาถอนพิษเช่นเดียวกับที่เหล่าศิษย์ของสำนักเทพโอสถได้รับมานั่นคือ แก้พิษเบื้องต้นมอบแก่ชาวบ้านพร้อมบอกให้เดินทางไปยังสำนักเทพโอสถเพื่อให้รักษาอาการที่เหลือ

 

ไม่นานเวลาที่ผ่านมาก็กินเวลาไปกว่า 5 วัน เป่าฮู่ก็เดินทางมาถึงที่ชายแดนเมืองเซี่ยหยู ด้วยม้าที่ได้มาเป็นม้าที่วิ่งนานไม่ได้ ต้องพักบ่อยครั้ง ทำให้การเดินทางจึงนานกว่าปกติไป 1 วัน จากที่ใช้มา

 

“นั่นขอรับนายน้อย เมืองเซี่ยหยูที่เราจำเป็นต้องมา”

เหล่าองครักษ์ที่ได้เห็นกำแพงเมืองที่ตั้งตระหง่านรออยู่ เป่าฮู่ก็กล่าวออกไปว่า หลังจากเข้าเมืองก็ให้แบ่งงานกัน สองคนไปซื่อตั๋วขึ้นเรือเหาะ อีกสองคนไปหาที่พัก ส่วนเป่าฮู่จะไปหาซื้อของที่จำเป็นก่อนเดินทาง

 

ทุกคนที่ได้รับหน้าที่และเงินที่ต้องใช้ ด้วยค่าเรือเหาะนั้นต้องใช้จ่ายเท่าใดนั้นเป่าฮู่ไม่อาจคำนวณได้จึงให้ไปมากหน่อยแต่สำหรับเป่าฮู่เงินที่ได้มาฟรีๆ เป่าฮู่ไม่เคยเสียดายมันและยังมอบส่วนที่เหลือเป็นเงินรางวัลแก่คนของตน เพื่อที่จะนำไปคลายความเหนื่อยล้าในยามค่ำคืนในเมืองเซี่ยหยูนั่นเอง

เพียงเหล่าองครักษ์ได้รับเงินและเวลาว่างมา มีหรือพวกมันจะไม่คว้าไว้ และไม่นานแสงแห่งวันก็หมดลง

เป่าฮู่ที่ออกจับจ่ายซื้อของในเมืองเซี่ยหยูอยู่นาน ในที่สุดก็ได้มานั่งพักรอคนของตนที่โรงเตี๊ยมใหญ่ที่สามารถเห็นเมืองทั้งเมืองได้นั่นเอง

แสงของวันที่เริ่มหมดลง ทำให้โรงเตี๊ยมมากด้วยผู้คนที่เข้ามาหาที่พักยามค่ำคืน เช่นเดียวกับเป่าฮู่กลุ่มนักเดินกลุ่มอื่นๆก็เช่นกัน ที่เข้ามาหาที่พักอาศัย นั่นรวมถึงกลุ่มศิษย์ของนิกายเสือขาวที่ออกมาทำภารกิจ ที่เมืองเซี่ยหยู

เพื่อการเดินทางไปยังป่าพฤกษาทมิฬ เพื่อล่าพยัคฆ์โลหิต มาให้แก่แขกคนสำคัญของนิกายจากที่นิกายเสือขาวของไป๋ฟงเสียนตามหาข่าวมานานหลายเดือน ก็พบว่าที่ป่าพฤกษาทมิฬมีพยัคฆ์โลหิตอยู่

แต่ต้องเดินทางไปยังเมืองซื่อสุ่ยในเขตปกครองมังกรฟ้าที่เป็นดินแดนของพยัคฆ์โลหิตนั่นเอง

ดังนั้นทำให้ศิษย์คนสำคัญของฝ่ายในเช่น หงหลี่ที่ต้องรีบกลับนิกายเสือขาวเพื่อรับงาน ก็ได้เดินทางมาในค่ำคืนนี้เช่นกัน

“เถ้าแก่ ข้าขอห้องพัก 3 ห้อง”

เป็นเสียงของชายหนุ่มที่คอยอำนวยความสะดวกแก่คุณหนูตระกูลหงเป็นอย่างดี ทำให้นางรู้สึกอึดอัดและรำคาเป็นบางครั้งในจำนวนนั้นมีศิษย์ที่หงซวนใช้เส้นสายฝากเข้าไปเรียนนั่นคือ หย่วยชิงเหยียน เทพธิดาที่ไปไหนมาไหนต้องคลุมผ้าปกปิดใบหน้าไว้เป็นอย่างดี เพื่อลดความวุ่นวายแต่ก็ไม่รอดที่เหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายตามอารักขาดั่งมุกล้ำค่าต้องสร้างความรำคาญแก่นางจนได้

เมื่อพวกนางได้มนั่งพักที่ชั้นเดียวกับเป่าฮู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป่าฮู่นั้นนั่งชมวิวทิวทัศน์อยู่ส่วนมุมของชั้นที่สาม เพื่อรอคอยคนของมันกลับมาและแล้วกลุ่มองครักษ์ทั้งสี่ก็กลับมาโดยพร้อมเพียงกัน

ขณะที่กำลังเดินผ่านทางขึ้นของบันได ซึ่งเป็นโอกาสเดียวที่หนึ่งในองครักษ์ที่หงหลี่ มักใช้เป็นคู่ซ้อมดาบบ่อยครั้งจนนางจำได้ผ่านทางมาพอดี

 

นางจึงไม่รอช้าที่จะรีบทักด้ยรำคาญคนเหล่านี้ตามตอแยนางและชิงเหยียนตอลลดเวลา

“จ้าวหู่!….”

เสียงของหงหลี่กล่าวทักองครักษ์ชายที่มีนามว่าจ้าวหู่ และจ้าวหู่เองก็จดจำเสียงของคุณหนูหงหลี่ได้ เมื่อพูดถึงลำดับความสำคัญในตระกูล คุณหนูจะถูกให้ความสำคัญมากที่สุดรองลงมาคือหงซวนและ เป่าฮู่เป็นคนที่ 3

เพียงจ้าวหู่ได้หันมา พี่น้องทั้งสามของมันก็เช่นกันที่เห็นใบหน้าของคุณหนู พวกมันไม่รอช้ารีบหยุดก้มศีรษะคาราวะโดยทันที

“จ้าวหู่ คาราวะคุณหนู และแม่นางชิงเหยียน”

พวกจ้าวหู่ได้จดจำชิงเหยียนได้ดี เพราะท่าทางที่ลึกลับของนาง นางชอบสวมใส่ชุดคลุมปกปิดใบหน้า เพราะใบหน้าของนางถือว่าเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายคนรอบข้างและตัวของนางเองหากนางทำตัวไม่ดี ด้วยความงามที่พร้อมนำภัยมาสู่ตนนั่นเอง

 

เหล่าศิษย์พี่ของพวกนางได้เห็น หงหลี่ทักชายกลุ่มนั้น พวกมันด้วยความสงสัยรีบกรูเข้ามาถามเพื่อป้องกันนางในดวงใจโดยทันที

“ศิษย์น้อง เจ้ารู้จักคนพวกนั้น?”

เพียงหงหลี่ได้ฟังนางรีบกล่าวออกไปว่า คนพวกนี้แท้จริงคือใครและมีความสนิทสนมกับนางมากเพียงใด แต่ที่นางสนใจไม่ช่ว่าพบคนเหล่านี้ที่นี่ แต่เป็นคนที่ชายเหล่านี้มารับช้และคุ้มกันต่างหาก

 

“จ้าวหู่ พี่ชายอยู่ที่นี่หรืออย่างไร?”

เพียงเท่านั้นเหล่าศิษย์ชายได้ฟังว่าพี่ชาย นั่นยิ่งทำให้ใจของพวกมันต้องสะท้าน เพราะโอกาสมาถึงแล้ว การที่จะได้ใจของนางมาครองยังต้องเอาใจผู้เป็นพี่ชายของนางด้วยเช่นกัน

“นี่ศิษย์น้องในเมื่อพี่ชายเจ้ามาที่นี่ทำไมไม่พาเราไปรู้จักหน่อยหละ?”

 

กลุ่มเหล่าองครักษ์ชายเหล่านั้นได้ฟังก็กล่าวออกมาโดยทันที เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่วุ่นวายเกิดขึ้น

“คุณหนูเรื่องนี้คงไม่ได้……”

เพียงจ้าวหู่กล่าวออกมา เพื่อไมให้คนเหล่านี้เข้าใกล้คุณชายที่อารมณ์ยังไม่สงบาจากเรื่องของแม่นางหย่วนซิวหยูและการตกายของไสวหลิว แต่ไม่ทันที่เสียงของหงหลี่จะตอบกลับมา

กลับมีเสียงที่พวกองครักษ์ต้องสะท้านดังออกมาจากมุมหนึ่งของโรงเตี๊ยมแห่งนี้

“จ้าวหู่ปล่อยพวกนาง ส่วนคุณชายเหล่านั้นก็ให้เขามานั่งด้วยกัน บอกเสี่ยวเอ้อ อาหารมื้อนี้ข้าเลี้ยง จัดอาหารมาให้พอกับคนทั้งหมดที่น้องสาวสุดที่รักของข้าพามา”

 

เสียงนั้นทำให้หัวใจของชายหนุ่มทุกคนเต้นออกมาดั่งได้พบพี่ชายตนเองที่ใจกว้างดั่งมหาสมุทร และอย่างนี้ย่อมมีโอกาสทำคะแนนกับน้องสาวเช่นแมนางหงหลี่ไปด้วย ที่แปลกใจกับเป็นหญิงน้อยนางหนึ่งใต้ผ้าคลุมหลังจากใช้เส้นสายของบิดาพี่สาวหงหลี่ หรือก็คือเจ้าเมืองตระกูลหง ลุงหงซวนได้เข้านิกายเสือขาว ก็มิได้คิดว่าจะได้พบผู้มีคุณเช่นคุณชายเป่าฮู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้

เพียงคนทั้งหมดลุกขึ้นและเดินมายังมุมของโรงเตี๊ยมชั้นนี้ พวกคุณชายจอมสอพอทั้งหลายก็รีบกรูเข้ามาคาราวะพี่ชายของศิษย์น้องหงหลี่เพื่อทำคะแนนเพิ่ม

“ผู้น้อย จางเหริ่น นายน้อยตระกูลจางคาราวะท่านพี่”

เช่นเดียวกับ คุณชาย ตระกูลอื่นๆที่ตามมารายงานตัวกับเป่าฮู่จนครบและทำให้เป่าฮู่ได้รู้ว่าคนพวกนี้มาเพื่อ เอาใจตนและหวังอะไรในตัวของน้องสาวของตน

 

“ข้าไม่รู้ว่าน้องสาวของข้าจะมีเสน่ห์แรงขนาดนี้ หนุ่มๆของตระกูลใหญ่ต่างๆพากันมาอารักขาน้องสาวของข้า อย่างท่วมท้น ดี เช่นนี้ข้าก็หมดห่วง แต่ว่า หากใครที่ทำให้น้องสาวของข้าร้องไห้วันนั้นตระกูลของเจ้า ข้าคนนี้จะลบมันออกไปจนสิ้นซาก”

 

คำพูดที่กล่าวออกมาพร้อมลมปราณระดับราชัน ขั้นปลายทำให้ทั่วทั้งชั้นของโรงเตี๊ยมต้องเกิดบรรยากาศที่เงียบสงบไปทันที เพราะไม่รู้ว่าใครไปทำให้ยอดฝีมือท่านใดโกรธ แต่ที่น่าขบขันคือเหล่าคุณชายที่พากันหน้าเปลี่ยนจนขาวซีดไปทันที

“ฮ่าๆๆๆ พี่ชาย โปรดอย่าได้ล้อเล่นแรงขนาดนี้ พวกข้าเพียงระดับปราชญ์ลมปราณไหนเลยจะทานรับพลังลมปราณของท่านได้ ฮ่าๆๆๆ ในที่นี้มีใครบ้างที่ไม่อยากให้คุณหนูหงลี่ปลอดภัย การมาครั้งนี้เพียงล่าสัตว์อสูรไปมองแก่ แขกของท่านประมุขหรือก็คือคุณชายตระกูลหยุน บุตรชายของหัวหน้าพรรคใต้หล้านะขอรับ”

 

เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ที่น้องสาวของตนต้องมาเสียแรงไปกับเจ้าบ้าหยุนฟงผู้นั้น แต่เมื่อได้ฟังเป่าฮู่กล่าวออกไปถึงสถานที่ล่า เพราะต้องการรู้เพื่อจะได้ไว้ใจในความปลอดภัยของน้องสาว

แต่เพียงครุ่นคิดไปก็เข้าใจแต่เรื่องของหย่วนชิงเหยียนนี่จะไม่เป็นกรเสี่ยงไปหรือนางเพียงมีระดับปราชญ์ลมปราณแล้วพี่สาวของนางยังมาพบเจออะไรแบบนั้น เป่าฮู่ก็ไม่อยากให้นางไปอย่างนี้

“ชิงเหยียน หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ตามข้าไปยังสถานที่หนึ่งก่อน ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า”

 

เมื่อเหล่าศิษย์นิกายเสือขาวได้ฟังพี่ชายจอมเย็นชาของศิษย์น้องหงหลี่ เรียกให้ศิษย์น้อง

ชิงเหยียนไปพบนั่นทำให้คนที่หลงรัก พร้อมทั้งชื่นชมในตัวศิษย์น้องชิงเหยียนเหมือนถูกแย่งของรักไปต่อหน้านั่นเอง

Options

not work with dark mode
Reset