ดั่งรักบันดาล 73

ตอนที่ 73

เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็ประหลาดใจ

อวี้อี่มั่วอธิบายอย่างเรียบง่าย “เมื่อวานฉันแพ้แล้ว และถูกสาดด้วยน้ำสองถัง แน่นอนว่าไม่พอใจนิดหน่อย วันนี้ก็เลยจะล้างอาย เราจัดกลุ่มอย่างเมื่อวาน สองคนหนึ่งกลุ่มแล้วก็แข่งกัน”

เมื่อเขาพูดอย่างนี้ทุกคนก็เห็นด้วย และเพื่อนร่วมงานผู้หญิงบางคนก็ทำหน้าบึ้งตึงและไม่เห็นใจ

ถ้าแบ่งกลุ่มอย่างเมื่อวาน งั้นอวี้อี่มั่วก็จะอยู่กลุ่มเดียวกันกะบหร่วนซือซือ?แน่นอนว่าพวกเธอไม่เบิกบานใจ

แต่เพื่อนร่วมงานชายที่ส่งเสียงดังซึ่งนำโดยต้าตงกลับไม่รู้เรื่องนี้เลย และพวกเขาก็ปรบมือเพื่อบอกว่าพร้อมจะแข่งขันกับอวี้อี่มั่วแล้ว

แม้ว่าเพื่อนร่วมงานหญิงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาต่อหน้าอวี้อี่มั่ว พวกเธอมองไปที่หร่วนซือซือด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็แยกกันไป

เสี่ยวหานที่ยืนอยู่ข้างๆหร่วนซือซือ สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเธอ และขยิบตาให้เธออย่างบ้าคลั่ง

แน่นอนว่าหร่วนซือซือเข้าใจความหมายของเธอและยิ้มอย่างเขินอาย ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็เห้นอวี้อี่มั่วมองมาที่เธอ

อวี้อี่มั่วมีเจตนาแอบแฝง และในใจเธอก็รู้ดี เขาทำเรื่องมากมายก็เพื่อเธอ

เธอเดินไปข้างหน้า และเธอก็รู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว

เสียงของเขาดังขึ้นข้างๆหูเธอ “ไปกันเถอะ?”

หร่วนซือซือเดินตามเขาไปที่ริมฝั่งของทางลงเรือ

เมื่อทุกทีมขึ้นเรือเจ้าหน้าที่ก็เหลือบมองเวลาและเตือนว่า “มีเวลาในการแข่งขันหนึ่งชั่วโมง และหลังจากหนึ่งชั่วโมงเราจะมารวมตัวกันที่นี่ ทีมที่มีธงสีแดงมากกว่าจะชนะ”

หลังจากชี้แจงกฎกติกา เสียงนกหวีดจากเจ้าหน้าที่ก็ดังขึ้น และเรือทุกลำก็เริ่มแล่นออกไปยังทะเลสาบอันกว้างใหญ่

อวี้อี่มั่วนั่งอยู่ที่หัวเรือ และหร่วนซือซือนั่งอยู่ข้างหลังเขา เพียงพอที่จะได้กลิ่นหอมจางๆ จากตัวเขา

หลังจากนั้นไม่นานเรือของพวกเขาก็แล่นไปด้านหน้า หร่วนซือซือองไปที่ทิวทัศน์โดยรอบอย่างผ่อนคลาย

ไม่มีการสื่อสารใดๆระหว่างทั้งสอง ผ่านไปสักพักในที่สุดอวี้อี่มั่วก็หันกลับมาพูดกับเธอก่อน “เธอมาลองหน่อยไหม?”

เมื่อเห็นเขากำลังหมุนพวงมาลัยของเรือ หร่วนซือซือก็เริ่มสนใจ “ฉันขอลองหน่อยได้ไหม?”

“มาสิ”

หร่วนซือซือเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เธอกำลังจะย้ายไปอยู่ในตำแหน่งของอวี้อี่มั่ว แต่หัวเรือค่อนข้างเล็กทันทีที่เธอเดินผ่านไปข้างๆก็จะดูแออัดเล็กน้อย

เมื่อมองไปที่มือเล็กๆที่ลังเลของเธอ อวี้อี่มั่วก็พูดว่า “ส่งมือมาให้ฉัน”

หร่วนซือซือยื่นมือออกไปอย่างเชื่อฟัง

หลังจากนั้นเขาก็จับมือเธอไว้ และให้เธอจับพวงมาลัยตามคำแนะนำของเขา

อวี้อี่มั่วพยายามแนะนำ “เอาเท้าเหยียบตรงนี่ ด้านซ้ายคือถอยหลังและด้านขวาคือคันเร่ง เมื่อเธอผ่อนลงมันก็จะหยุด เข้าใจไหม?”

หร่วนซือซือย้ำในใจแล้วพยักหน้า เธอลองเหยียบคันเร่งดู ทันใดนั้นเรือก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างความเร็ว

เสียงของเขาดังขึ้นข้างๆหู “ใช่ อย่างนั้นแหละ จับพวงมาลัยให้แน่นๆ”

เนื่องจากทั้งสองอยู่ใกล้กัน หร่วนซือซือจึงรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่กระทบหูของเธอ และหูของเธอก็ร้อนขึ้น

อวี้อี่มั่วหันไปมองเธอที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากของเขาสั่นและเธอเรียกชื่อเธอ “หร่วนซือซือ”

เมื่อกี้ตอนที่เขาให้จัดกลุ่มตามอย่างเมื่อวาน หนึ่งคือเพื่อความปลอดภัยของเธอ สองคือหาเวลาให้อยู่ด้วยกันตามลำพังสองคน เขามีบางอย่างจะบอกเธอ

หร่วนซือซือจับพวงมาลัยไว้โดยไม่เหล่ตามามอง “หึ้ม?มีอะไรหรอ?”

“ถ้าวันหนึ่ง ฉันต้องการให้เธอช่วย เธอจะช่วยฉันไหม?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังมากของเขา เธอก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่ใจ “แน่นอนว่าต้องช่วย!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น อวี้อี่มั่วก็ถอนหายใจ เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า ,“อันที่จริง ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอ……”

ทันใดนั้นหัวเรือก็เอียงไปกระแทกกับต้นอ้อใกล้ๆ โดยที่อวี้อี่มั่วยังพูดไม่ทันจบ เขารู้สึกถึงความผิดปกติ และมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที เขารีบยื่นมือไปจับพวงมาลัย

พวงมาลัยถูกปรับให้ตรงและตัวถังก็สั่นอย่างรุนแรงเนื่องจากความเฉื่อย ร่างกายของหร่วนซือซือก็กระแทกเข้ากับอวี้อี่มั่ว

“ปัง!” หร่วนซือซือตกตะลึงและหยุดชะงักไปสองวินาที จากนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองหมุนพวงมาลัยให้เลี้ยวตั้งแต่เมื่อไหร่ จนเกือบจะเกิดเรื่องใหญ่!

“ขอ…ขอโทษ”

เธอพูดอย่างรู้สึกผิด และหันไปเห็นอวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว

“คุณ…เป็นอะไร?” หร่วนซือซือรีบถาม และนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้มีเสียงกระแทก เธอมองไปที่ลูกกรงเหล็กที่อยู่ด้านข้างเรือ จากนั้นก็หันไปมองอวี้อี่มั่ว “หัวกระแทกหรอ?ให้ฉันดูหน่อย?”

อวี้อี่มั่วหลบหลีกมือของเธอ และพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่เป็นไร”

ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะอธิบายความจริงกับเธอ

หร่วนซือซือตำหนิตัวเองในใจ จู่ๆก็มีเรือลำหนึ่งแล่นมาข้างๆ เป็นต้าตงและเพื่อนร่วมงานชายอีกคน พวกเขาเป่านกหวีดเสียงดัง จากนั้นก็โบกธงสีแดงขนาดเล็กเป็นการยั่วยุ

เมื่อเห็นพวกเขา หร่วนซือซือก็เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ในการแข่งขัน แม้ว่าเรือของพวกเขาจะเป็นผู้นำ แต่ต้าตงและคนอื่นๆก็พบธงสีแดงขนาดเล็กๆแล้ว!

อวี้อี่มั่วหันไปมองหร่วนซือซื และพบว่าดวงตาของเธอจ้องมองไปที่เรือตรงหน้าอย่างสดใส

เขาก็ไม่ใจแข็งพอ เธอกำลังเบิกบานใจ ถ้าเขาบอกเรื่องเหล่านี้กับเธอ ดูเหมือนจะใจร้ายไปหน่อย

งั้นก็รอกลับไปก่อนแล้วค่อยพูดดีกว่า วันนี้ก็สนุกเป็นเพื่อนเธอ แม้ว่าจะเป็นการชดเชยให้เธอก็ตาม

เขาลดเสียงลงและถามว่า “อยากชนะไหม?”

หร่วนซือซือพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “อยาก”

“โอเค งั้นเราไปหาธงแดงกัน!”

เรื่อค่อยๆเร็วขึ้นและค่อยๆเข้าใกล้พุ่มไม้ หร่วนซือซือชะโงกหน้าออกไป และเหลือบไปเห็นสีแดงในพุ่มไม้

“ตรงนั้นมีธงสีแดง!”

เมื่ออวี้อี่มั่วมองไปก็เห็นว่ามีธงสีแดง เขาค่อยๆชะลอตัวลงและเข้าไปใกล้พุ่มไม้ เขายื่นมือไปดึงธงสีแดงที่ติดอยู่ในดินออก

หร่วนซือซือถือธงสีแดงและโบกมืออย่างตื่นเต้นดีใจ “สุดยอดไปเลย!เราไปหากันต่อ!”

อวี้อี่มั่วยิ้มและขับเรือต่อไป

เมื่อขับไปเรื่อยๆ พวกเขาก็พบธงสีแดงห้าธงอย่างราบรื่น!

หลังจากดูเวลาแล้ว ยังมีเวลาอีกยี่สิบกว่านาที อวี้อี่มั่วมองไปที่เธอที่อยู่ข้างๆ และถามว่า “ยังอยากจะไปหาอีกไหม?”

หร่วนซือซือพยักหน้า “อยาก”

ครั้งนี้พวกเราต้องชนะ!ครั้งก่อนเพราะเธอเป็นตัวถ่วงอวี้อี่มั่ว ครั้งนี้เธอจึงต้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

อวี้อี่มั่วขับเรือต่อไป โดยทิ้งเรือส่วนใหญ่ไว้ด้านหลัง เรือเลี้ยวซ้ายขวาไปรอบๆพุ่มไม้ และหร่วนซือซือก็เห็นธงสีแดงอีกอันผูกติดกับพุ่มไม้

“ตรงนั้นมีผืนหนึ่ง!”

ตำแหน่งของธงสีแดงสูงไปหน่อยและมีโคลนอยู่ทั้งสองด้าน อวี้อี่มั่วเข้าไปใกล้ๆอย่างระมัดระวัง หลังจากเก็บธงแล้วก็ขับถอยออกมา

“หึ่งหึ่งหึ่ง——”

ไม่รู้ทำไมเรือไม่ถอยหลัง และมีเสียงดัง

หร่วนซือซือตกตะลึงและถามว่า “มีอะไรหรอ?”

อวี้อี่มั่วเหยียบถอยหลังอีกครั้ง แต่เรือก็ยังคงส่งเสียงดัง “หึ่งหึ่ง” อยู่สองสามครั้ง และเรื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอยหลัง

จากนั้นก็ลองอยู่หลายครั้ง เรือไม่มีการเคลื่อนไหวราวกับว่ามันติดอยู่ แต่ไม่มีสิ่งกีดขวางรอบๆ

อวี้อี่มั่วสีหน้าเคร่งขรึม เขามองไปที่หร่วนซือซือและพูดอย่างจริงจังว่า “เรือไม่ขยับเลย”

เมื่อหร่วนซือซือได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกงุนงง “หรือว่าจะติดอยู่กับอะไร?”

อวี้อี่มั่วหยิบไม้พายสำรองขึ้นมาแล้วกดลงกับโคลนข้างๆ จากนั้นเรือก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป

“เธอยังขยับได้ ไม่ได้ติดกับอะไร” อวี้อี่มั่วรู้สึกกระวนกระวายใจ “หรือว่าเครื่องยนต์มีปัญหา”

เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น หร่วนซือซือก็ตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ร้ายแรงกว่าที่พวกเขาคิด เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา “ฉันจะโทรไปขอความช่วยเหลือ……”

เธอพูดไปได้แค่ครึ่งหนึ่งก็เห็นว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วการเคลื่อนไหวของเธอก็แข็งทื่อ

โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ แล้วพวกเขาจะขอความช่วยเหลือได้?

Options

not work with dark mode
Reset