ดั่งรักบันดาล 64

ตอนที่ 64

อวี้อี่มั่วชะงักไปเล็กน้อย รับปาก“ได้ ถ้าพวกเรามีเวลาก็จะไปหาท่าน”

พูดจูงใจไม่กี่ประโยค เขาจึงกดวางสายโทรศัพท์

เก็บโทรศัพท์แล้ว อวี้อี่มั่วก็มองไปที่หร่วนซือซือที่อยู่ข้างๆ“คุณย่าให้พวกเรากลับบ้านช่วงบ่าย คุณอยากกลับไปไหม?”

หร่วนซือซือตอบอย่างไม่ลังเล“ได้สิ”

คุณย่าดีกับเธอมาก เธอรู้ชัดเจน พอดีกับช่วงบ่ายไม่มีธุระ เช่นนี้ก็กลับไปหาคุณย่าได้

ทานข้าวเที่ยงเสร็จ พวกเขาเก็บของเล็กน้อย ก็นั่งรถกลับไปบ้านเก่า

รถเพิ่งจะถึงหน้าประตูบ้านเก่า หร่วนซือซือลงจากรถก็มองเห็นคุณนายใหญ่ถูกคนประคอง โบกมือมาที่พวกเขา

หร่วนซือซือก้นบึ้งหัวใจอบอุ่นขึ้นมา เดินเข้าไปด้านหน้าทันที

คุณนายใหญ่มองเห็นเธอ ยื่นมือมาจับเธอ พูดอย่างอบอุ่น“เป็นยังไงบ้าง ป่วยหายดีหรือยัง?”

หร่วนซือซือยิ้มอย่างเชื่อฟัง“ไข้ลดแล้วค่ะ ทานยาตามเวลาไม่กี่วันก็หายดีแล้วค่ะ!”

คุณนายใหญ่ได้ฟัง ยิ้มและพยักหน้า จับเธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก

อวี้อี่มั่วเดินอยู่ด้านหลังพวกเขา สีหน้าอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว

“ซือซือ ครั้งนี้ฉันให้คนรับใช้เลือกอาหารบำรุงให้เป็นพิเศษ มีรังนกโสมอะไรเหล่านั้น เป็นของที่เหมาะสมกับเธอ เธอกลับไปให้ป้าหรงตุ๋นให้เธอทาน ช่วงนี้บำรุงหน่อย”

หร่วนซือซือเพิ่งจะนั่งลงบนโซฟา ก็ได้ยินคุณนายใหญ่พูดแบบนี้ จะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ใช่“คุณย่าไม่ต้องหรอก ของพวกนั้นเก็บไว้บำรุงท่านเถอะ หนูอายุยังน้อย ร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องใช้ของพวกนั้นค่ะ!”

“อย่าพูดแบบนี้ ผู้หญิงจำเป็นต้องบำรุง เพื่อจะเตรียมพร้อมมีลูก!”

หร่วนซือซือนิ่งอึ้งไป มองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณนายใหญ่ จึงเพิ่งจะเข้าใจความหมายของคำพูดของเธอ

คุณนายใหญ่จับมือของหร่วนซือซือ ยิ้มและพูด“ไม่ต้องอาย?ผู้หญิงก็ต้องมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้ เธอกับอวี้อี่มั่วก็พยายามเข้า ให้คนแก่อย่างฉันได้อุ้มหลานเร็วหน่อย!”

หร่วนซือซือได้ฟัง ก็เงยหน้าไปมองอวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่ตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว แก้มร้อนผ่าว ร้อนจนถึงใบหู

สังเกตเห็นสายตาของเธอ คุณนายใหญ่ก็มองตามไปที่อวี้อี่มั่ว จงใจถามจริงจัง“อี่มั่ว คำพูดที่ฉันพูดเมื่อกี้นายได้ยินไหม พยายามให้ฉันได้อุ้มหลานเร็วๆ!”

อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้น สุดท้ายก็กระตุกยิ้มบางๆ พูดรับปาก“คุณนายใหญ่วางใจเถอะ”

ได้ยินเขารับปาก คุณนายใหญ่ก็หัวเราะ จับมือของหร่วนซือซือแน่นขึ้น“ซือซือ ทายาทพวกเราตระกูลอวี้ต้องพึ่งพาเธอแล้ว”

มองเห็นสายตารอคอยของคนแก่ หร่วนซือซือพยักหน้าอย่างกระดากอาย

พูดคุยเป็นเพื่อนคุณนายใหญ่เรื่องทั่วไปมากมาย มองเห็นเวลาก็สายแล้ว คุณนายใหญ่จึงสั่งให้คนรับใช้หยิบอาหารบำรุงกองโตออกมา ทั้งหมดถูกยัดลงไปในท้ายรถ จึงวางใจที่จะปล่อยคนไป

หร่วนซือซือนั่งอยู่บนรถ ในสมองตอนนี้คิดวนเวียนแต่เรื่องที่คุณนายใหญ่กำชับให้เธอมีทายาทสืบตระกูล

รถขับอยู่บนถนน ขับอยู่ครึ่งวัน อวี้อี่มั่วพบว่าผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่นั่งมึนงง เขากระแอมในลำคออย่างช่วยไม่ได้“กำลังคิดอะไรอยู่?”

หร่วนซือซือตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว แก้มแดงขึ้นมา“ไม่…ไม่มีอะไร?”

เธอยิ่งเป็นแบบนี้ จะปกปิดความจริงสุดท้ายกลับเปิดเผยชัดแจ้งกว่าเดิม เม้มริมฝีปากและพูด“คำพูดของคุณย่า คุณอย่าเก็บมาคิดจริงจัง ผมไม่ฝืนใจคุณแน่นอน”

ถึงแม้ว่าเขาไม่พูดอธิบาย แต่หร่วนซือซือก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา เป็นเรื่องคลอดลูก

หร่วนซือซือกัดริมฝีปาก มือที่จับกันอยู่แน่นขึ้น ปลุกความกล้าเปิดปากพูด“ความจริง ฉันก็ไม่กีดกัน”

ตอนนี้เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลอวี้ เป็นภรรยาของเขา เป็นธรรมชาติที่ต้องมีหน้าที่มีทายาทสืบตระกูล

อวี้อี่มั่วจับพวงมาลัยรถแน่น ทันใดนั้นสีหน้าจริงจังขึ้นมา นานมากก็ไม่ตอบรับ

หร่วนซือซือไม่ได้สังเกตความผิดปกติของอวี้อี่มั่ว รู้สึกกระดากอาย ก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อไปอีก

ครู่ต่อมา โทรศัพท์ของอวี้อี่มั่วดังขึ้นมา เชื่อมต่อกับบูลทูธในรถ หร่วนซือซือกวาดสายตามอง ดูชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษP

อวี้อี่มั่วกวาดสายตามอง ยื่นมือออกไปกดตัดสาย

หร่วนซือซือรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เปิดปากถาม“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”

อวี้อี่มั่วพูดเสียงหนักแน่น“เรื่องบริษัท ขับรถเสร็จค่อยว่ากัน ไม่รีบ”

หร่วนซือซือได้ฟัง ก็พยักหน้า ไม่ได้เก็บมาคิด

กลับมาถึงคฤหาสน์ อวี้อี่มั่วลงจากรถ หลังจากที่ให้ป้าหรงหยิบอาหารบำรุงลงจากรถ เขายืนอยู่ในลานบ้าน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายโทรศัพท์

“Peter มีอะไร?”

“คุณชายอวี้ ทีมงานของพวกเราพร้อมแล้ว เพียงแค่สถานการณ์ของคุณเย่ไม่มีปัญหา พวกเราก็ผ่าตัดได้ทุกเวลา ที่มาบริจาคไตของท่านด้านนั้นจำเป็นต้องได้รับการยืนยันให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัยอย่างอื่น”

อวี้อี่มั่วได้ยิน มือกำโทรศัพท์ไว้แน่น หลังจากหยุดไปหลายวินาที ก็พูดรับปาก“ได้ ถ้าด้านนี้ขาดคน ผมจะแจ้งให้คุณทราบ”

“ได้”

อวี้อี่มั่วตัดสายโทรศัพท์ หัวใจเหมือนกับถูกหินก้อนใหญ่ทับ กดดันเล็กน้อย

เขาก้าวเดินเข้าไปในบ้าน เข้าไปก็มองเห็นป้าหรงกับหร่วนซือซือกำลังเก็บของขวัญ

ไม่รู้ว่าป้าหรงพูดอะไร หร่วนซือซือยิ้มหน้าแดง ท่าทางเขินอายน่ารัก

มองเธอจากไกลๆ อวี้อี่มั่วในใจก็ยุ่งเหยิง

ตอนนั้นเธอกับเขานัดดูตัวกัน แต่งงานกับเธอ ล้วนมีแรงจูงใจแอบแฝง แม้ว่าในใจจะรู้ชัดเจนว่าจะต้องบอกเรื่องนี้กับเธอไม่ช้าก็เร็ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเธอแบบนี้ เขาก็พูดไม่ออก

หร่วนซือซือมองเห็นอวี้อี่มั่วยืนอยู่ที่หน้าประตูนานมาก อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถาม“เป็นอะไร?มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”

อวี้อี่มั่วทำสีหน้าปกติ พูดเสียงเบา“ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ”

หร่วนซือซือสมองว่างเปล่า ส่งยิ้มหวานให้เขา“พูดสิ”

มองเห็นผู้หญิงรอยยิ้มจริงใจอยู่ต่อหน้า ริมฝีปากของอวี้อี่มั่วก็ไม่ขยับ ไม่รู้จะพูดยังไงดี

เห็นว่าผู้ชายไม่เปิดปากพูดครึ่งวันแล้ว และการแสดงออกก็ดูไม่ค่อยดี หร่วนซือซือขมวดคิ้วขึ้น ถามด้วยความห่วงใย“เป็นอะไร?คุณไม่สบายเหรอ?”

พูดพลาง เธอยื่นมือออกไปโดยธรรมชาติ สัมผัสหน้าผากของเขา วัดอุณหภูมิ ขณะเดียวกันก็พูดพึมพำ“ไม่ใช้จะเป็นหวัดนะ?”

อวี้อี่มั่วหน้าผากอุ่นขึ้นมา ยื่นมือออกไป จับมือของเธอเอาไว้

หร่วนซือซือตกใจ“เป็น…เป็นอะไร?”

อวี้อี่มั่วเงียบไม่พูดจาไปชั่วขณะ พูดเสียงเบา“ไม่มีอะไร”

หร่วนซือซือแปลกใจเล็กน้อย ก็ไม่ได้ถามอีก นึกขึ้นได้ถึงคำพูดของเขาเมื่อกี้ เธอถามเสียงเบา“เมื่อกี้คุณบอกว่ามีเรื่องอะไรจะพูดกับฉัน?”

อวี้อี่มั่วระงับสายตามืดครึ้มเอาไว้ เปิดปากพูด“ไม่มีอะไร ไม่กี่วันก็จะเป็นวันครบรอบการก่อตั้งอวี้กรุ๊ปแล้ว ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจให้ทุกคนหยุดงานสองวัน ออกไปจัดกิจกรรมนอกสถานที่”

เอ่ยมาถึงวันครบรอบการก่อตั้งอวี้กรุ๊ป หร่วนซือซือถึงนึกวันครบรอบการก่อตั้งอวี้กรุ๊ปเมื่อสองปีที่แล้วออกไปร่วมกิจกรรมทั้งบริษัท ปืนเขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้สนุก กลับจะเหนื่อยปวดเอวและปวดขา

หร่วนซือซือเหลือบมองต่ำและพูดพึมพำ“คงจะไม่ปืนเขาอีกนะ?”

“ไม่ใช่ ไปวิลล่าริมทะเลสาบของเขตนอกเมือง

“วิลล่าริมทะเลสาบ?หร่วนซือซือได้ฟัง มีความสนใจขึ้นมาทันที เธอรู้สึกตื่นเต้น จับแขนของอวี้อี่มั่วโดยไม่รู้ตัว“คุณไปด้วยกันกับพวกเราไหม?”

Options

not work with dark mode
Reset