ดั่งรักบันดาล 63

ตอนที่ 63

ป้าหรงมองเห็นอวี้อี่มั่ว เดินเข้าไปตรงหน้าทันที ถามอย่างระมัดระวัง“คุณชาย นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”

สีหน้าของอวี้อี่มั่วปกคลุมไปด้วยแสงอันเยือกเย็น เขาเลิกคิ้วขึ้น พูดเฉยชา“ไม่มีอะไร”

พูดสองคำนี้จบ เขาก็หมุนตัวกลับ เข้าไปในห้องหนังสือ

ป้าหรงยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน เกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

ทั้งสองคนทำไมถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ได้ หรือว่าพวกเขาทะเลาะกัน?

สูดหายใจเข้าลึกๆ ป้าหรงค่อยๆก้าวเดินลงไปชั้นล่าง

ฝนตก ไม่หยุด ตอนค่ำ ท้องฟ้าด้านนอกยิ่งเพิ่มความอึดอัด

แสงไฟสว่างในคฤหาสน์ ป้าหรงเตรียมอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว เช็ดมือ ขึ้นไปเรียกหร่วนซือซือกับอวี้อี่มั่วทานข้าว

เดินเข้าไปถึงประตูหน้าห้องนอน เธอเคาะประตูเบาๆ“คุณนาย ได้เวลาทานข้าวแล้วค่ะ”

เคาะประตูไปหลายครั้ง ด้านในก็ไม่ได้ตอบกลับ

ป้าหรงรู้สึกว่าผิดปกติ ค่อยๆผลักประตู เข้าไปในห้อง

ไฟในห้องล้วนปิด หร่วนซือซือเหมือนกับกำลังนอนหลับ

ป้าหรงเดินเข้ามาตะโกนเรียกหลายครั้ง ก็ยังไม่มีท่าทีโต้ตอบ เธอจนปัญญา จำเป็นต้องเปิดไฟที่หัวเตียง

หร่วนซือซือหดตัวอยู่ในผ้านวม มองเห็นเพียงใบหน้า สีหน้าเธอขาวซีด เหมือนรู้สึกหนาว ร่างกายสั่นเทา

ป้าหรงประหลาดใจ รีบยื่นหลังมือออกไปวัดอุณหภูมิบนหน้าผ้าของเธอ เพิ่งจะแตะลงไปที่หน้าผาก ก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่หน้าผากของเธอ!

“คุณนาย!”

สัญชาตญาณบอกว่าหร่วนซือซือมีไข้ เธอไม่กล้าเฉยเมย รีบหยิบปรอทวัดไข้มาวัดอุณหภูมิ เป็นไปอย่างที่คิด สามสิบแปดจุดแปดองศา!

เธอไม่กล้าล่าช้า รีบวิ่งไปที่ห้องหนังสือทันที“คุณชาย!แย่แล้ว!คุณนายมีไข้!”

อวี้อี่มั่วกำลังเปิดดูเอกสาร ได้ยินเสียงของป้าหรง ก็ตกใจไปชั่วขณะ

“อะไร?”

ป้าหรงยืนหอบหายใจอยู่ที่หน้าประตู“คุณนายมีไข้!สามสิบแปดจุดแปดองศา!”

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วขึ้น ลุกขึ้นยืนทันที ก้าวเท้าเดินไปในห้องนอนอย่างไม่ลังเล

ผลักประตูเข้าไปในห้อง อวี้อี่มั่วมองเห็นผู้หญิงสั่นเทาอยู่ในผ้าห่ม ดวงตามีความตึงเครียด เขารีบออกคำสั่งทันที“ป้าหรง โทรศัพท์หาหมอหลัว!”

ป้าหรงขานรับ ก็โทรศัพท์ทันที

อวี้อี่มั่วก้มลงไป สัมผัสที่หน้าผากของหร่วนซือซือ เป็นไปอย่างที่คิด ร้อนมาก!

มองคนที่อยู่บนเตียง ก้นบึ้งหัวใจของเขาก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา ถ้าหากว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ทิ้งเธอไว้คนเดียว เธอคงไม่ต้องเปียกฝน และไม่ต้องเป็นหวัด?

เร็วมาก หมอประจำตระกูลก็มาถึง หลังจากที่ตรวจแล้ว รีบให้ป้าหรงทำให้อุณหภูมิลดลง ยังป้อนยาให้หร่วนซือซือทานเข้าไปสองสามเม็ด

“เป็นหวัดแล้ว เธอต้องการพักผ่อน รอให้เธอตื่นป้อนโจ๊กให้เธอทาน สองวันนี้ให้ทานยาตามเวลา ก็จะหายดีอย่างรวดเร็ว”

ด้านนอกห้อง อวี้อี่มั่วได้ยินคำสั่งของหมอ ก็พยักหน้า“ได้ ผมรู้แล้ว”

หมอประจำของตระกูลอวี้คือคงที่ ตอนที่อวี้อี่มั่วยังเด็กก็เป็นหมอหลัวที่รับหน้าที่ดูแลตระกูลอวี้ และหมอหลัวสำหรับอวี้อี่มั่ว ก็เหมือนกับเป็นอา

อวี้อี่มั่วส่งหมอหลัวกลับไป เวลาที่เดินมาถึงหน้าบันได หมอหลัวอดไม่ได้ที่จะถาม“อี่มั่ว เธอเป็นหลานสะใภ้ของคุณนายใหญ่?”

หมอหลัวไปตรวจร่างกายให้คุณนายใหญ่ที่บ้านเก่าเป็นประจำ รู้เรื่องพวกนี้ของเขาก็ไม่แปลก

อวี้อี่มั่วชะงักไปครึ่งวินาที พยักหน้าและพูด“ใช่”

“มองแล้วเหมือนเป็นสาวน้อยที่ดี ดีกว่าก่อนหน้านี้ เหมาะสมกับนาย ก็ควรจะเป็นแบบนี้”หมอหลัวพูดพลาง ตบลงบนหัวไหล่ของอวี้อี่มั่ว เขาหมุนตัวกลับ“ตรงนี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปส่ง”

อวี้อี่มั่วยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังของหมอหลัว สิ่งที่วนเวียนในสมองคือประโยคที่เขาเพิ่งจะพูด

ก่อนหน้านี้ เย่หว่านเอ๋ออยู่ข้างกายเขา หมอหลัวก็รู้ คำพูดที่เขาเพิ่งจะพูดนั่น เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้าไปที่เย่หว่านเอ๋อ

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วขึ้น หงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก

เช้าตรู่วันถัดมา ในที่สุดฝนก็หยุดตกท้องฟ้าปลอดโปร่ง ใกล้ถึงตอนเที่ยง หร่วนซือซือจึงค่อยๆลืมตาขึ้น

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกกระอักกระอ่วน

คอแห้งมาก

เธอจับแก้วน้ำที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาดื่มไปครึ่งหนึ่ง จึงรู้สึกดีขึ้นมา

“ปัง——”

ประตูห้องถูกคนผลัก หร่วนซือซือหยุดการกระทำไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็มองเห็นอวี้อี่มั่วเดินเข้ามา

ทั้งสองคนสบตากัน คาดไม่ถึงว่าจะเก้อเขิน

อวี้อี่มั่วเดินเข้ามา เปิดปากถามก่อน“เป็นยังไงบ้าง?ดีขึ้นไหม?”

เขาพูดพลาง ก็ยื่นมือออกไปวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของหร่วนซือซือ

หร่วนซือซือแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไม่หลบและไม่พูดจา ก้นบึ้งหัวใจยังถือสา

หลังจากที่แน่ใจว่าอุณหภูมิปกติ อวี้อี่มั่วมองหร่วนซือซือที่ไม่ตอบสนองกลับมา ยื่นมือออกไปจับมือเธอเอาไว้“ไป ลงไปทานข้าว”

ตั้งแต่ที่เธอกลับมาเมื่อวานจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ถ้าหากไม่ทานอะไรอีก กลัวว่าร่างกายจะทนไม่ไหว

หร่วนซือซือถูกดึงเดินไปสองก้าว ทันใดนั้นก็หยุดฝีเท้าลง ดึงมือออกจากมือผู้ชาย“ฉันเดินเอง”

ได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงที่ไม่สบอารมณ์ อวี้อี่มั่วหันหน้ากลับมา จ้องมองหร่วนซือซือ ทันใดนั้นก็ก้าวมาด้านหน้า

ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่า ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เงาของร่างกายสามารถปกคลุมเธอไว้ได้ อวี้อี่มั่วสูดหายใจเข้า พยายามอดทน“ครั้งต่อไปผมจะไม่ทิ้งคุณอีก”

เรื่องครั้งนี้ ความจริงเป็นเขาที่ผิด

หร่วนซือซือได้ฟัง ขนตาก็สั่นเทา น้ำตาไหลทะลักออกมา

ถึงแม้ว่าเธอไม่ใช่องค์หญิงที่ถูกเลี้ยงดูทะนุถนอมมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ว่าคุณนายหลิวกับศาสตราจารย์หร่วนไม่เคยทิ้งเธอไว้ เมื่อวานเธออยู่ที่ในงานคนเดียวน้อยใจมากขนาดไหน สุดท้ายคาดไม่ถึงว่าถูกเขาทิ้งไว้ แน่นอนว่าเธอรู้สึกเสียใจ รู้สึกไฟสุมขอนคุกรุ่นอยู่ในใจยากที่จะดับลง

เดิมทีอวี้อี่มั่วก็ไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้หญิง ตอนนี้หร่วนซือซือก็ร้องไห้เสียใจต่อหน้าเขา เขายิ่งไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

เขาปลอบโยนคนไม่เป็น ขยับริมฝีปาก พูดออกมาสองคำ“อย่าร้องไห้”

สองคำนี้พูดออกมาจากปากเขา กลับจะยิ่งแข็งกร้าว หร่วนซือซือไม่เพียงแต่ไม่หยุดร้อง กลับจะร้องไห้หนักขึ้น

อวี้อี่มั่วไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนยังไง หยุดไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็คว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอด

หร่วนซือซือชะงักไป เอียงศีรษะไปข้างหลัง จึงพบว่าตอนนี้เสื้อเชิ้ตบนหน้าอกของเขาถูกน้ำตาเธอจนเปียกเป็นวงกว้าง

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เดิมทีความน้อยใจในใจหายไปเยอะแล้ว มองเห็นรอยบนหน้าอกของเขา เธอกลับอยากจะร้องไห้อีก

บังเอิญที่อวี้อี่มั่วยกมือขึ้น ลูบบนแผ่นหลังของเธอเบาๆ ให้สัญญาอีกครั้ง“ครั้งต่อไปจะไม่ทิ้งคุณอีก”

หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น ถามด้วยความเคร่งขรึม“จริงไหม?”

อวี้อี่มั่วก้มหน้า พยักหน้าด้วยสายตาจริงจัง

มองเห็นการแสดงออกของเขาแบบนี้ หร่วนซือซือก็รู้สึกสงบจิตใจลง ถึงอย่างไร เธอไม่เคยถูกผู้ชายให้สัญญาแบบนี้มาก่อน

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของอวี้อี่มั่วก็ดังขึ้นมา เขาปล่อยหร่วนซือซือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กวาดสายตาดูหน้าจอของโทรศัพท์ กดรับสายโทรศัพท์

“ฮัลโหล?คุณย่า”

เขาเพิ่งจะรับสาย เสียงโมโหของคุณนายใหญ่ดังเข้ามาจากสายโทรศัพท์“เจ้าหนุ่มขี้เหร่!ฉันได้ยินว่าหร่วนซือซือไม่สบาย จริงเหรอ?”

อวี้อี่มั่วได้ฟัง ก็รู้สึกประหลาดใจ

ทำไมคุณนายใหญ่รู้?

ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตอนเย็นหมอหลัวเข้ามา เขาจึงตอบสนองกลับมา

“เมื่อวานฝนตก เธอเป็นหวัด ตอนนี้ไข้ลดแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”

คุณนายใหญ่พูดอย่างไม่พอใจ“ไม่ต้องเป็นห่วง?นายจะไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้ยัง?หลานสะใภ้สุดที่รักของฉันเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่ ได้ยินไหม?”

อวี้อี่มั่วกระตุกริมฝีปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิดไม่ถึงว่า คุณนายใหญ่จะรักทะนุถนอมหร่วนซือซือขนาดนี้

“รู้แล้ว”

เขาเพิ่งจะตอบรับ คุณนายใหญ่ก็พูดต่ออีก“ถ้าช่วงบ่ายพวกเธอว่าง ก็กลับมา ฉันต้องการจะดูว่าหร่วนซือซือเป็นยังไงบ้าง!”

Options

not work with dark mode
Reset