ทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน หร่วนซือซือก็เก็บข้าวของเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้าน
ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอกำลังจะออกไป เธอก็ถูกเมิ่งจื่อหันขวางประตูห้องทำงานไว้
เมิ่งจื่อหันเหลือบมองกระเป๋าในมือของเธอ จากนั้นก็เลิกคิ้วและพูดว่า “นี่เตรียมจะไปแล้วหรอ?”
หร่วนซือซือเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง “เลิกงานแล้ว”
อวี่กรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีมนุษยธรรมเป็นอย่างมาก โดยจะไม่ทำงานล่วงเวลาในวันธรรมดา เว้นแต่จะมีงานยุ่งในบางครั้ง และเพื่อให้งานเสร็จทันเวลา พนักงานก็จะอยู่ทำงานล่วงเวลา
“ทำเอกสารพวกนี้ให้เสร็จก่อนค่อยไป”
เมิ่งจื่อหันกลอกตา และยัดเอกสารใส่มือเธอ
หร่วนซือซือเห็นว่าเอกสารมากมายขนาดนี้ต้องใช้เวลาในการเก็บเอกสารเข้าแฟ้มนานกว่าสองชั่วโมง แต่เธอนัดกับอวี้อี่มั่วว่าจะกลับไปทานข้าวด้วยกันที่บ้าน…
เมื่อเห็นเมิ่งจื่อหันกำลังจากไป หร่วนซือซือก็เรียกให้เธอหยุด “เดี๋ยวก่อน!”
เมิ่งจื่อหันหันกลับมา “มีอะไรหรอ?”
หร่วนซือซือพูดที่ละคำว่า “วันนี้ฉันทำงานเสร็จแล้ว คุณจะมอบหมายงานในช่วงนอกเวลางานได้ยังไง?”
ดูเหมือนเมิ่งจื่อหันจะคิดไม่ถึงว่าหร่วนซือซือจะแข็งกร้าวอย่างนี้ เธอขมวดคิ้ว “ทำไม หน้าที่ของเธอ เธอยังจะไม่ทำได้หรอ?”
หร่วนซือซือไม่ยอมถอย และพูดทีละคำว่า “วันนี้ฉันมีธุระ ไม่สามารถทำได้จริงๆ ถ้าคุณมีความเห็นเกี่ยวกับฉัน พรุ่งนี้เราไปให้คุณหลานตัดสินกัน”
เธอกับเมิ่งจื่อหันอยู่ในระดับเดียวกัน ในวันธรรมดาเมิ่งจื่อหันมอบหมายงานให้เธอ เธอก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องทำตามทุกอย่าง
หลังจากพูดจบหร่วนซือซือก็เดินออกจากห้องทำงาน และปล่อยให้เมิ่งจื่อหันยืนกลอกตาอยู่ตรงนั้นคนเดียว
เธอรีบเร่งออกจากบริษัท เพื่อให้ทันเวลาชั่วโมงเร่งด่วน เมื่อกลับมาถึงบ้าน อวี้อี่มั่วก็เสร็จธุระข้างนอกและกลับมาบ้านแล้ว
ทันทีที่เดินเข้าประตูมา เธอก็เห็นป้าหรงกำลังตั้งโต๊ะอาหาร
“คุณนาย อีกเดี๋ยวอาหารก็ทำเสร็จแล้ว คุณไปล้างมือก่อน และขึ้นไปเรียกคุณชายที่ด้านบนให้ลงมาทานอาหาร”
“ค่ะ”
หร่วนซือซือวางกระเป๋าของเธอด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบน
เธอเดินไปที่หน้าห้องนอนแล้วผลักประตูเข้าไป และได้ยินการเคลื่อนไหวในห้องน้ำ เธอจึงเดินไปยกมือขึ้นเคาะประตูกระจก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากข้างใน
เสียงนั้นไม่ดังมาก เป็นเพียงเสียงสั้นๆ แต่หร่วนซือซือก็ยังคงหน้าแดงอยู่
อวี้อี่มั่วอยู่ข้างใน…ทำอะไรอยู่นะ?
ชั่วขณะหนึ่งความอยากรู้อยากเห็นก็ครอบงำเธอ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง เธอก็อดไม่ได้ที่จะค่อยๆผลักประตูห้องน้ำเข้าไป
ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า เขาหันหลังให้ประตู กล้ามเนื้อทุกส่วนบนหลังที่แข็งแรงบึกบึนเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง แต่ที่เอวด้านหลังของเขามีบาดแผล และมีเลือดไหล
หร่วนซือซือสั่นสะท้านไปทั้งตัว และอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
เขา…เขาเป้นอะไรไป!
อวี้อี่มั่วได้ยินเสียงที่อยู่ข้างหลัง เขาจึงหันหน้าไปทันที “ใคร!”
เมื่อเห็นว่าหร่วนซือซืออยู่ที่ประตู สายตาที่ระมัดระวังของเขาก็ค่อยๆคลายลง
เขารีบเอาผ้าพันแผลมาพันบาดแผลไว้ แล้วหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ และสั่งว่า “ไปรอฉันข้างนอก”
หร่วนซือซือหายจากอาการตกใจและได้สติกลับมา เธอลังเลอยู่สักครู่แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ
เธอพูดเสียงสั่น “เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่?”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว “เธอไม่จำเป้นต้องรู้”
“อวี้อี่มั่ว!”
จู่ๆหร่วนซือซือก็ขึ้นเสียง เธอเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จากนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือไปจับมือเขาอย่างไม่ลังเล “ทำไมต้องปิดบังฉัน……”
เขาไม่จำเป็นต้องบอกเธอว่าเขาบาดเจ็บ และไม่จำเป็นต้องบอกเธอว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะบอกเธอเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ!
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น และกำลังจะเอ่ยปากบอกให้เธอออกไป แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อหันกลับมา ดวงตาทั้งสองหร่วนซือซือจะแดงและมีน้ำตา
เมื่อเธอเอ่ยปากน้ำตาก็ไหลพราก “คุณไม่ยอมบอกฉันว่าคุณได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะคุณไม่เคยเห็นว่าฉันเป็นภรรยาของคุณใช่ไหม?”
หลังจากที่อวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกแย่
หร่วนซือซือยักไหล่และร้องไห้ทั้งน้ำตา “คุณตอบฉันสิ……”
เขาขยับตัวแล้วหยุดไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็พูดเบาๆว่า “มีบางเรื่องที่ตัวเองรู้แค่คนเดียวก็พอแล้ว ซือซือ เธอไม่ใช่ฉัน เธอไม่เข้าใจหรอก”
หร่วนซือซือยกหลังมือมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างไม่ไยดี จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงเสื้อคลุมอาบน้ำออกจากตัวของเขา
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆเธอก็พบว่าอวี้อี่มั่วมีบาดแผลมากกว่าหนึ่งแผลบนร่างกาย และมีรอยแผลเป็นเก่าๆที่แขนและหลัง เธอยื่นมือออกไปแตะที่รอยแผลเบาๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
อวี้อี่มั่วเอียงหัวและพูดเบาๆว่า “หร่วนซือซือ ฉันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด เธอไม่จำเป็นต้องร้องไห้เพราะฉัน มันไม่คุ้มค่า”
เมื่อได้ยินเข้าพูดอย่างนี้ หร่วนซือซือก็ยิ่งเสียใจ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น “แต่ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณแล้ว ฉันคิดว่ามันคุ้มค่า!ไม่ว่าคุณจะดีหรือเลว คุณก็เป็นสามีของฉัน……”
คำพูดนี้เหมือนหินก้อนใหญ่ที่กระทบจิตใจของอวี้อี่มั่ว
เขาหันไปเห็นขนตาที่สั่นไหวของเธอและพูดพึมพำว่า “แล้วคุณจะเสียใจ”
ถ้าเธอรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขาแต่งงานกับเธอ เธอจะต้องเสียใจแน่ๆ
“ฉันจะไม่เสียใจ…” หร่วนซือซือปฏิเสธโดยไม่ลังเล และพูดพึมพำซ้ำอีกครั้งว่า “ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณแล้ว”
อวี้อี่มั่วรู้สึกสับสนและเสียใจ ความรู้สึกผิดที่มีต่อเธอก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถดูแลได้มากนัก
เขายื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามากอด “ไม่ต้องร้องนะ”
หร่วนซือซือไม่สามารถควบคุมน้ำตาของเธอได้ เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ฉัน…ฉันสงสาร……”
เธอสงสารที่เดิมทีเทียบไม่ได้กับเขาที่หล่อเหลาและสง่างาม และเธอรู้สึกสงสารที่เขาต้องแบกรับความทุกข์และความเจ็บปวดมากมายเพียงลำพัง
เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนี้ อวี้อี่มั่วก็เม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนพูดว่าสงสารเขา ถึงอย่างไรเวลาเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ภาพลักษณ์ของเขาคือเข้มแข็งไใาสามารถเสียใจได้
ในตอนนี้หัวใจของเขาอ่อนแอลงเพราะเธอ
เมื่อเห็นท่าทางเศร้าเสียใจจนจมูกแดงของเธอแล้ว จู่ๆอวี้อี่มั่วก็ก้มลงบที่ริมฝีปากของเธอ
เมื่อริมฝีปากประกบกัน ทั้งสองคนก็ตกตะลึงพร้อมกัน
เธอไม่คิดว่าเขาจะทำอย่างนี้ และเขาก็ไม่คิดว่าเขาจะทำอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว
ในวินาทีต่อมาทั้งสองคนก็ดีดตัวและถอยหลัง แต่ก็ยังคงสบตากัน ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เริ่มอึดอัด
หร่วนซือซือเบิกตากว้าง แล้วกลั้นหายใจ เหมือนทุกอย่างนิ่งสงบเป็นปกติ
อวี้อี่มั่วเป็นฝ่ายไอเบาๆก่อน แล้วดึงเสื่อคลุมอาบน้ำมาใส่ หลังจากนั้นก็พูดว่า “อาหารเย็นน่าจะเสร็จแล้ว”
ในขณะที่พูดเขาก็เดินออกจากห้องน้ำไป
จนกระทั่งร่างของเขาหายไปจากสายตา หร่วนซือซือจึงหายใจออกมา เธออ้าปากและหายใจหอบ
จูบเมื่อกี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงหนึ่งหรือสองวินาที แต่มันช่างหอมหวาน
เธอตบแก้มที่แดงและร้อนผ่าว จากนั้นก็แสร้งเดินลงไปชั้นล่างด้วยท่าทีที่สงบ
อวี้อี่มั่วนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สีหน้าของเขาไม่ต่างจากปกติ
ทันทีที่หร่วนซือซือนั่งลง ป้าหรงที่กำลังเสิร์ฟซุปก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทำไมถึงแดงขนาดนี้?”
หร่วนซือซือตอบในทันที “ห่ะ?ไม่นะ ฉันรู้สึกร้อนมากก็เลยหน้าแดง ไม่ได้เป็นอะไร!”
หลังจากที่เธออธิบาย จู่ๆเธอก็รู้ว่าสึกว่าบรรยากาศมันเงียบสงบและน่ากลัว
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นป้าหรงมองเธออย่างสงสัย “ที่ฉันพูดหมายถึงซุปถั่วเขียวที่ทำไมครั้งนี้ถึงเป็นสีแดง คุณนาย คุณพูดถึงอะไร?”
หร่วนซือซือตกใจ และพบว่าป้าหรงกำลังจะเสิร์ฟซุปถั่วเขียว เธอคิดว่า……
นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา หร่วนซือซือก็รีบพูดเน้นย้ำทันที “ฉัน…ฉันไม่ได้พูดอะไร!”