หร่วนซือซือรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่นึกว่าอวี้อี่มั่วจะติดตามเรื่องการผ่าตัดของ ศจ.หร่วน เธอตอบกลับไปว่า : "งั้นเดี๋ยวฉันจะติดต่อไปทางหัวหน้าเฝิงเองค่ะ ดูว่าเขาจะวางแผนยังไง"
อวี้อี่มั่วพิงไปยังพนักพิง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาบาง : "อืม ถึงเวลามีตรงไหนที่จะให้ช่วยเหลือ ก็พูดกับฉันได้ทุกเมื่อ"
หร่วนซือซือรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอพยักหน้าด้วยความตื้นตันใจ
ออกจากห้องทำงานของเขา เธอก็ถอนหายใจเบาๆ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาดีต่อตระกูลหร่วนของเธอมาก ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเขาจะช่วยเหลือเสมอ แต่ว่า……คงอาจเป็นเพราะ ศจ.หร่วนเป็นอาจารย์ของเขามั้ง
หร่วนซือซือถอนหายใจเบาๆ กลับไปยังห้องทำงานของเธอ
ยุ่งมาทั้งวัน นอกจากทานข้าวกับเข้าห้องน้ำแล้ว หร่วนซือซือเองแทบจะไม่ได้พักเลย เห็นงานที่ยังเหลือเป็นกอง เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ
วันนี้อวี้อี่มั่วบอกว่าต้องทำงานล่วงเวลา เธอเป็นเลขาก็ต้องอยู่ทำงานล่วงเวลากับเขาเป็นธรรมดา
เลยเวลาเลิกงานมาสักพัก บริษัทเงียบลงไปมาก หร่วนซือซือเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม ชงกาแฟให้อวี้อี่มั่วหนึ่งแก้ว พร้อมกับจะไปถามว่าจะทานอะไร
"ท่านประธานอวี้ ค่ำมากแล้ว อยากทานอะไรดีคะ?"
อวี้อี่มั่วที่กำลังเพ่งเล็งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ ตอบขึ้นเสียงเบาว่า : "สั่งอะไรที่จืดหน่อยมาแล้วกัน"
"ค่ะ"
หร่วนซือซือตอบรับ หยิบมือถือขึ้นมาสั่งอาหารร้านโจ๊กที่เธอชอบสั่งเป็นประจำ โจ๊กสองถ้วย ผัดอีกสองเมนู แล้วก็ซาลาเปา* เสร็จแล้วก็คอนเฟิร์มออเดอร์
ไม่นาน อาหารก็ถูกจัดส่งมา เธอเดินไปรับอาหารที่หน้าลิฟต์ แล้วก็ตรงไปที่ห้องทำงานของอวี้อี่มั่วเลย : "ท่านประธานอวี้คะ ฉันสั่งโจ๊กแล้วก็ผัด วางตรงนี้ให้คุณหนึ่งชุด อย่าลืมทานตอนร้อนๆนะคะ"
เธอพูดพลางเปิดถุงออก เอาออกมาหนึ่งชุด วางไว้ที่โต๊ะน้ำชา แล้วก็หมุนตัวเดินออกไป
อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้น เห็นเธอกำลังเดินออกไป รีบพูดขึ้นมาว่า : "เดี๋ยว"
หร่วนซือซือนิ่งไป หันมามองเขา : "มีอะไรเหรอคะ?"
เขาที่ดูท่าทางเหนื่อยล้า ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาทางเธอ : "เธออยู่นี่ กินกับฉันที่นี่"
"เอ่อ……" หร่วนซือซือหยุดพูดไป : "ไม่ดีมั้งคะ"
ถึงแม้จะเลิกงานแล้ว แต่เธอและเขาเกี่ยวข้องกันเพียงตำแหน่งเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าเกิดคนอื่นเห็นเข้า เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแน่ๆ
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย : "กลัวอะไร?"
เมื่อวานเธอมีทัศนคติที่แน่วแน่ต่อหน้าเมิ่งจื่อหัน อารมณ์ดุเดือดเสียไม่ได้ พอมาวันนี้ต่อหน้าเขา ทำไมเปลี่ยนไปเป็นกระต่ายน้อยได้
หร่วนซือซือลดตาลงและลังเลเล็กน้อย : "ฉันรู้สึกว่าไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ค่ะ……"
ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เธอก็โดนอวี้อี่มั่วลากไปทางโต๊ะน้ำชา จนถึงหน้าโซฟาแล้ว เขาก็กดเธอให้นั่งลง พูดเสียงเบาๆข้างหูว่า : "ฉันบอกว่าเหมาะสมก็คือเหมาะสม"
หร่วนซือซือหมดแรงต่อต้านไปชั่วขณะ
อวี้อี่มั่วเดินมานั่งข้างๆ หยิบผ้าเย็นมาเช็ดมือ หร่วนซือซือก็ทำได้เพียงเอากล่องอาหารของเธอออกจากถุง
ทั้งคู่ต่างคนต่างกิน ไม่ได้คุยอะไรกัน บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด
หร่วนซือซือนั่งข้างๆ ทานไปสองคำ ก็รู้สึกอึดอัดใจมาก ทานข้าวในบรรยากาศแบบนี้ เธอรู้สึกไม่สบายเลย
เธอคนโจ๊กในถ้วยตัวเอง แต่ตามองไปที่อวี้อี่มั่ว เห็นเขาที่จับตะเกียบอยู่ คีบผัดเผ็ดหมูคำเล็ก ทานอย่างใจเย็น
นี่คือหนึ่งในร้านโปรดของเธอ คนเสฉวนเป็นเชฟทำอาหาร อาหารที่ทำออกมารสชาติต้นตำรับเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เธอและซ่งอวิ้นอันจะทานโจ๊กก็จะสั่งร้านนี้เป็นประจำ
ตอนแรกนึกว่าจะถูกปากเขา แต่เขาทานไปแค่คำเดียว ก็ขมวดคิ้วขึ้น
สีหน้าท่าทางของเขาไม่ชอบมาพากล หร่วนซือซือตกใจ รีบถามขึ้นว่า : "เป็นอะไรไปคะ? รสชาติไม่ถูกปากเหรอคะ?"
อวี้อี่มั่วที่สีหน้าไม่ค่อยดี ส่ายหัวเบาๆ : อร่อย……""
ปากพูดแบบนั้น แต่เขาหน้าแดงหูแดงไปหมด ขมวดคิ้วแน่น หยิบน้ำที่วางข้างๆขึ้นมาดื่มอึกใหญ่
หร่วนซือซือพึ่งได้สติ รีบถามขึ้นว่า : "คุณทานเผ็ดไม่ได้เหรอคะ?"
ได้ยินแบบนี้ อวี้อี่มั่วก็หันขวับมาทางเธอ รีบเก็บสีหน้าท่าทางอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น : "ใครบอก?"
เขาพูดพร้อมกับหยิบตะเกียบขึ้นคีบผัดเผ็ดหมูเข้าปากอีกคำ
อาการเดียวกันเป๊ะ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายก็ขมวดคิ้ว แล้วก็ดื่มน้ำไม่หยุด
เห็นเขาที่พยายามฝืนกิน หร่วนซือซืออดไม่ได้ก็เลยหลุดขำออกมา
ก็เห็นๆอยู่ว่ากินเผ็ดไม่ได้ ก็ยังจะดันทุรังกินต่อ
อวี้อี่มั่วหันหน้ามามองเธอ แววตาเย็นชา : "ขำอะไร?"
หร่วนซือซือรีบส่ายหน้า : "เปล่า……ไม่มีอะไรค่ะ!"
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นเธอเลื่อนผัดหมูไปตรงหน้าเธอ แล้วเปลี่ยนเอาผัดมันฝรั่งเส้นของเธอให้เขาแทน
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า : "คุณทานเมนูนี้แล้วกัน"
อวี้อี่มั่วรู้สึกจุกในใจ ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ปะทุขึ้นมาจากข้างใน
นี่เป็นครั้งแรกที่เสียหน้าต่อหน้าเธอ
อวี้อี่มั่วมองไปยังผัดเผ็ดหมูที่อยู่ตรงหน้าเธอ แล้วพูดขึ้นว่า : "เธอกินเผ็ดได้เหรอ?"
หร่วนซือซือมองไปที่เขา นิ่งไปชั่วครู่ ก็พยักหน้าขึ้นเบาๆ
อยู่ในกลุ่มเพื่อนๆแล้วเธอถือว่าทานเผ็ดได้พอตัว อีกอย่างผัดเผ็ดหมูก็ไม่ได้เผ็ดจัด เป็นเพียงความชาจากหม่าล่าเท่านั้น ก็ถือว่าไม่เท่าไหร่
เธอไม่คิดอะไรต่อ หยิบตะเกียบคีบหมูขึ้นเข้าปากไปหนึ่งคำ
พึ่งทานเข้าไปนั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่หลังจากที่กลืนลงคอไปแล้ว พึ่งรู้สึกว่าความเผ็ดนี้ไม่เหมือนปกติที่เคยสั่ง เผ็ดแสบทั่วทั้งปากเผ็ดยันคอ
หร่วนซือซือผงะ ยังไม่ทันได้สติดี หน้าของเธอก็แดงทั้งหน้า เธอขมวดคิ้วแน่น : "ทำไม…ครั้งนี้……เผ็ดขนาดนี้!"
เธอซี๊ดปากไปหลายรอบ เผ็ดชัดเจนจนลิ้นชา ร้านนี้คงเปลี่ยนพริกแน่ๆ มิน่าล่ะตอนอวี้อี่มั่วกินถึงเสียอาการขนาดนั้น
เมื่อกี้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เธอจึงตั้งใจคีบคำโตๆ พร้อมกับคีบโดนพริกด้วย แต่กลับเผ็ดขนาดนี้
เธอเผ็ดจนเหงื่อตก พูดแทบไม่ชัด : "เผ็ดมาก……น้ำ……"
พูดจบก็หันไปดูที่โต๊ะ แต่ห้องทำงานของเขาไม่มีน้ำ ไม่มีแม้กระทั่งแก้วของเธอ ส่วนน้ำในแก้วของอวี้อี่มั่วก็ดื่มหมดไปแล้ว
หร่วนซือซือที่ใช้มือพัดลมเข้าปาก ซี๊ดปากไม่หยุด ทันใดนั้นเขาที่นั่งอยู่ข้างๆก็ยื่นแขนมาจับไหล่เธอ แล้วดึงเข้าในอ้อมกอด
หร่วนซือซือตกใจตาค้าง ยังไม่ทันที่จะได้เห็นสีหน้าของเขา ก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเขา
ในหัวเธอขาวโพลนไปชั่วขณะ รู้สึกถึงลิ้นที่ค่อนข้างเย็นของเขาช่วยทุเลาความเผ็ดแสบในปากของเธอลง
ความเผ็ดบนลิ้นค่อยลดลงช้าๆ แต่ร่างกายเธอกลับร้อนระอุขึ้นแทน ราวกับโดนจุดไฟเผาไหม้ไปทั้งตัว