ดั่งรักบันดาล 288

ตอนที่ 288

ในคืนนั้นเอง มีคนหลุ่มหลงในความรัก และก็มีคนที่ทุกข์ทรมานจนนอนไม่หลับ

อวี้อี่มั่วกับหร่วนซือซือถูกแยกห้องกันอยู่ในห้องนอนกับห้องนอนของแขก เป็นเพราะว่าบาดแผลบนร่าง พวกเขาจึงต้องนอนแผ่บนเตียง หลังจากที่คุณหมอประจำตระกูลเข้ามารักษาบาดแผลให้เรียบร้อยแล้ว ทำได้เพียงแค่ประคับประคองความยากลำบากในค่ำคืนนี้ไปเท่านั้น

ก่อนเวลาเที่ยงคืน เป็นเพราะว่าบาดแผลที่อยู่บนร่างกาย หร่วนซือซือเจ็บจนแทบจะนอนไม่หลับ อดหลับอดนอนเพื่ออดทนตลอดเวลา เมื่อถึงช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เธอถึงจะต่อสู้ไม่ไหวแล้วจริงๆจึงพลอยหลับไป หลับไปอย่างลึกมาก

อีกคนที่ไม่สามารถหลับได้เหมือนกับเธอ คือเย่หว่านเอ๋อ หัวใจของเธอถูกครอบงำด้วยความกังวล พลิกไปพลิกมาจนนอนไม่หลับ เกรงว่าอวี้อี่มั่วจะสืบสาวเรื่องพวกนี้ ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเธอคงจะต้องจบเห่จริงๆแน่

เช้าตรู่วันถัดมา เย่หว่านเอ๋อตื่นแต่เช้า ก่อนจะรีบไปล้างหน้าล้างตา สั่งให้ลูกน้องจัดเตรียมรถไว้ เพื่อมุ่งหน้าไปที่บ้านของตระกูลอวี้

ก่อนที่จะถึงบ้านคุณท่าน เธอตั้งอกตั้งใจไปแวะห้างสรรพสินค้างละแวกนั้นเพื่อซื้อขวัญของราคาแพงเล็กน้อย ถึงจะไปต่อ

หลังจากที่กดออกหน้าประตูแล้ว ไม่นานนักก็มีคนรับใช้เข้ามาหา เมื่อได้ยินว่าเป็นคุณเย่ หลังจากที่รายงานกลับเข้าไปแล้วจึงเปิดประตู

เมื่อเข้าไปด้านใน หร่วนซือซือจังจึงเห็นเหอซูผิงที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่หน้าโต๊ะรับประทานอาหาร มื้อเช้าพึ่งถูกจัดเตรียม ดูท่าแล้วยังไม่ได้รับประทานที

"คุณน้าเหอ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ!"

เย่หว่านเอ๋อมีท่าทีประหลาดใจ ก่อนจะรีบสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปหา เอ่ยคำทักทายกับเหอซูผิง

เหอซูผิงได้ยินเสียง เมื่อช้อนสายตาขึ้น สายตาสบมองไปที่เธอก่อนจะลุกขึ้นยืนและยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะตรงเข้าไปต้อนรับ "หว่านเอ๋อ ไม่เจอกันนานเลยจ้ะ เธอสวยขึ้นอีกแล้ว!"

เย่หว่านเอ๋อยิ้มขัน "จะสวยแบบคุณน้าเหอได้ที่ไหนกันล่ะคะ ไม่เจอกันไม่กี่ปี คุณน้าดูเด็กลงไปเยอะมากเลยนะคะ ผิวก็ยังดูดีแบบนี้ ดูแลรักษาอย่างไรกันคะเนี่ย! ทำให้หนูรู้สึกไม่ปลอดภัยเสียแล้วค่ะ!"

คำพูดไม่กี่ประโยคของเย่หว่านเอ๋อทำเอาเหอซูผิงยกยิ้มขบขันไม่หยุด ก่อนจะรีบดึงเธอให้มานั่งเข้าที่ทางด้านข้าง และสั่งให้คนรับใช้นำชามาเสริฟ

"หลายปีผ่านไปไม่เปลี่ยนเลย น้าก็คิดถึงหนูเหมือนกันจ้ะ กลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อมาจัดแจงอะไรให้เรียบร้อย จริงสิ คุณพ่อของหนูสุขภาพตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างหรือจ๊ะ?"

เหอซูผิงกับเย่เฟิงเผิงเป็นนักเรียนร่วมชั้นด้วยกัน ทั้งสองคนรู้จักมักจีกันมานานหลายปีแล้ว หลังจากที่เหอซูผิงเข้ามาที่ตระกูลอวี้แล้ว ตระกูลอวี้กับตระกูลเย่ก็ไปมาหาสู่กับบ่อย เป็นเพราะแบบนี้เย่หว่านเอ๋อกับอวี้อี่มั่วจึงรู้จักกันมาหลายปี ความสัมพันธ์ก็เลยสนิทสนมกัน

เป็นเพราะว่าตระกูลอวี้เจริญรุ่งเรื่องมากขึ้น ไม่เหมือนกับตระกูลเย่ บวกกับอวี้ชิงซานพาเหอซูผิงออกนอกประเทศ การไปมาหาสู่ของทั้งสองตระกูลจึงไม่แน่แฟ้นเหมือนแต่ก่อน

ตอนนี้อวี้ชิงซานกับเหอซูผิงกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตระกูลเย่หลับมีความรู้สึกตะกายสูงขึ้นบางอย่าง ดังนั้นเย่หว่านเอ๋อกับเย่เฟิงเผิงถึงไล่ความรู้สึกเป็นอย่างยิ่งแบบนี้ออกไป เกรงว่าการแต่งานของทั้งสองคนจะไม่ถูดจัดขึ้น

"คุณพ่อหนูสุขภาพแข็งแรงดีค่ะ"

เย่หว่านเอ๋อตอบกลับไปอย่างสบายๆสองสามประโยค สายตาสบมองไปที่ห้องโถงใหญ่ที่โล่งๆ ก่อนจะอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า "คุณน้าคะ ทำไมถึงไม่เห็นคุณลุงกับพี่มั่วล่ะคะ?"

เมื่อเอ่ยถึงอวี้อี่มั่ว สีหน้าของเหอซูผิงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่จะขยับริมฝีปากไปมา ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ฉีกยิ้มอย่างอึดอัดขึ้นมา "หว่านเอ๋อจ๊ะ หนูยังไม่รู้อีกหรือจ๊ะ เมื่อคืนวานอี่มั่วถูกลงโทษน่ะ"

"คะ?" เย่หว่านเอ๋อเด้งตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า "เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือคะ?"

เหอซูผิงแสร้งทำเป็นโกรธขึ้นมา ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า "เป็นเพราะว่าเรื่องเล็กน้อยของบริษัทน่ะ เขาถูกคุณลุงของหนูทำโทษ บนร่างเขายังคงมีบาดแผลอยู่ คาดว่ายังคงที่จะลงจากเตียงไม่ได้"

เย่หว่านเอ๋อได้ยินดังนั้น รอบดวงตาแดงก่ำ "พี่มั่วอยู่ที่ไหนคะ? หนูจะไปหาเขาค่ะ!"

เหอซูผิงกุลีกุจอปลอบประโลมก่อนจะตบเบาๆเข้าที่มือของเธอ แล้วจึงเอ่ยเสียงเบาว่า "ที่ห้องนอนชั้นสองจ้ะ น้าจะให้คนนำหนูไปหาเขาก็แล้วกันนะ"

"ค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณน้า"

เย่หว่านเอ๋อร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ท่าทางน่าสงสาร ราวกับพึ่งจะได้รับรู้ข่าวสารนี้ขึ้นมาจริงๆก็ไม่ปาน ถูกคนรับใช้นำทางขึ้นมาจนถึงประตูห้องนอนชั้นสอง เธอเปิดประตูเข้าไปด้วยความระมัดระวัง

ชายหนุ่มเปลือยเปล่าครึ่งตัวนอนแผ่อยู่บนเตียง แผ่นหลังกว้างของเขาถูกจัดการพันแผลเอาไว้เต็มไปหมดเรียบร้อยแล้ว ดูได้จากนี้เลยว่า บาดแผลที่แผ่นหลังของเขาเป็นรอยขนาดใหญ่แน่

สีหน้าของเย่หว่านเอ๋อแปรเปลี่ยนไป หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา เธอสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปข้างหน้า ร่างทั้งร่างสั่นเล็กน้อย "พี่มั่วคะ พี่……โอเคไหมคะ?"

คนบนเตียงได้ยินเสียง ก่อนจะขยับไปมาเล็กน้อย ชะโงกศีรษะขึ้นไปสบมอง คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้นมาว่า "เธอมาได้อย่างไร?"

"ฉัน……" เย่หว่านเอ๋อสาวเท้าเข้าไปหา ดวงตาแดงก่ำ "ฉันคิดว่าคุณลุงกับคุณน้ากลับมาแล้ว ก็เลยมาเยี่ยมค่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณน้าจะบอกว่าพี่ถูกลงโทษ พี่มั่วคะ เจ็บมากใช่ไหมคะ……"

เธอนั่งลงที่บนข้างเตียง สบมองชายหนุ่มที่แทบจะขยับไปไหนไม่ได้ หยาดน้ำตาอดไม่ได้ที่จะไหลออกมา

เธอเองก็นึกไม่ถึงว่าอวี้อี่มั่วจะถูกลงโทษหนักมากขนาดนี้ คนที่สมควรจะถูกลงโทษสมควรที่จะเป็นหร่วนซือซือมากกว่าชัดๆ!

"ดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้ว"

สบมองหญิงสาวที่ยังคงร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด ภายในหัวใจของอวี้อี่มั่วกลับรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย เขาแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ที่คางมีตอหนวนสั้นๆสีเขียวปรากฏให้เห็น สีหน้าอ่อนล้าไปหมด

เมื่อคืนเขาแทบจะไม่นอน ไม่อยากที่จะลืมตามาเห็นว่ามีคนมาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเขา

"พี่มั่วคะ ฉันสงสารพี่จับใจเลยค่ะ……" เย่หว่านเอ๋อยื่นมือเล็กไปกุมมือของเขาเอาไว้ข้างหนึ่ง "ถ้ารู้ว่าพี่จะถูกลงโทษล่ะก็ ฉันจะมาอยู่คียงข้างพี่แน่ๆค่ะ เห็นบาดแผลบนร่างของพี่แล้ว ฉันอยากที่จะรับแทนพี่จังเลยค่ะ……"

เย่หว่านเอ๋อร้องไห้จะไม่สามารถเป็นตัวเอง อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว หัวใจรู้สึกร้อนรนไม่เป็นสุข

"ทำไมคุณลุงถึงลงไม้ลงมืออย่างใจร้ายแบบนี้ล่ะคะ แค่ฉันเห็นก็เจ็บไปหมดแล้ว……"

ในช่วงเวลาที่เธอร้องไห้ไม่หยุดไม่หย่อนนั้นเอง เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเอ่ยเตือนด้วยเสียงเข้มขึ้นว่า "หว่านเอ๋อ พอได้แล้ว!"

น้ำเสียงตักเตือนเข้มสูงทำให้เธอตกใจ เธอประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะสบมองไปยังอวี้อี่มั่ว แล้วเอ่ยเสียงเล็กขึ้นว่า "พี่มั่วคะ……"

อวี้อี่มั่วสูดอากาศเข้าลึกๆแรงๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า "หว่านเอ๋อ ฉันอยากที่จะพักผ่อนเสียหน่อย เธอออกไปก่อน ได้ไหม?"

เย่หว่านเอ๋อถูกทำให้ตกใจแล้ว ก่อนจะรีบพยักหน้าหงึกหงักทันที "ค่ะ ค่ะ พี่พักผ่อนไปนะคะ เอาไว้วันหลังฉันจะมาหาพี่ใหม่"

พูดไป เธอก็ลุกขึ้นยืนอย่างลังเล ก่อนจะก้าวไปก้าวมา แล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไป

ในตอนที่ประตูปิดลงนั้นเอง อวี้อี่มั่วจึงลอบถอนหายใจออกมา

เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร ราวกับว่าเมื่อคืนวานที่ถูกทำโทษไปแล้วนั้น ความอดทนของเขาก็ถูกตีแตกไปด้วย เมื่อได้ยินเย่หว่านเอ๋อมาร้องห่มร้องไห้อยู่ที่ด้านข้าง เขากลับรู้สึกรำคาญไปหมดเลย

อีกทั้ง ในสมองของเขาตอนนี้กลับมีคนอีกคนลอยอยู่ตลอดเวลา

คิดไปคิดมา เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะต่อหาสายหนึ่ง

เมื่อเสียงดังขึ้นหลายครั้ง ในตอนที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่รับสายนั้นเอง คนทางฝั่งนั้นก็รับสายขึ้นมาทันที ก่อนที่น้ำเสียงอ่อนแอจากปลายสายจะดังขึ้นมาว่า "ฮัลโหล?"

หัวใจของอวี้อี่มั่วเต้นแรงขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า "เธอโอเคดีไหม?"

ลังเลไปสองวินาที หร่วนซือซือจังเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า "ดีค่ะ คุณล่ะคะ?"

อวี้อี่มั่วเลิกคิ้ว ก่อนจะแสร้งเอ่ยขึ้นว่า "ฉันไม่ค่อยดีเลย"

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกไม้เรียว ถึงจะบอกว่าเขากระดูกเหล็ก ผู้ชายอกสามศอกยังไง แต่ทว่าเมื่อโดนแส้เข้าไป แม้กระทั้งโดนเข้าที่ผิวเนื้อก็แทบจะพูดไม่ได้อยู่แล้ว

ทางฝั่งนั้นนิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงของหญิงสาวตอบกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วว่า "ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณก็พักผ่อนเถอะค่ะ"

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "แค่นี้น่ะหรือ?"

น้ำเสียงราบเรียบของหร่วนซือซือตอบกลับมาว่า "ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วอย่างไรล่ะคะ? ท่านประธานอวี้คะ ที่ฉันเป็นแบบนี้ ถือว่าบาดเจ็บในเวลาทำงานไหมคะ?"

อวี้อี่มั่วฉีกยิ้ม ก่อนจะจงใจเอ่ยขึ้นว่า "ไม่นับ"

หร่วนซือซือ "……"

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งแล้ว อวี้อี่มั่วจึงเอ่ยปากขึ้น ด้วยเสียงแหบแห้งที่แผ่วเบาว่า "แผลนี้ คิดกับฉันสิ เธอดูแลดีๆ"

หร่วนซือซือพลันชะงักไปนิด ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาเล็กน้อย เมื่อหลุดจากภวังค์อีกครั้งหนึ่งแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยความกังวลเล็กน้อยขึ้นว่า "สภาพของคุณ โอเคดีใช่ไหมคะ?"

เธอโดนแส้ฟาดแค่สองครั้ง ก็เจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงเขาเลย

เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาว่า "เป็นห่วงฉันหรือไง?"

ใบหน้ารู้สึกไม่เป็นธรรมชาติขึ้นเล็กน้อย เธอปฏิเสธโดยอัติโนมัติว่า "ไม่ใช่เสียหน่อย"

ทางชายหนุ่มฝั่งนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่เธอเอ่ยขึ้นก็ไม่ปาน ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจว่า "เป็นห่วงฉันก็รีบๆรักษาให้หายเร็วๆสิ จะได้รีบมาเยี่ยมฉันไง"

รีบมาเยี่ยมเขา บางทีเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนั้นก็ได้

Options

not work with dark mode
Reset