ดั่งรักบันดาล 253

ตอนที่ 253

ประโยคนี้ เหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความรัก ดูมีเสน่ห์และน่ารัก หร่วนซือซือดูแล้วยังแอบรู้สึกขนลุกเลย

มิน่าล่ะอวี้อี่มั่วถึงชอบเธอ สิ่งเหล่านี้ก็คือสาเหตุนี่เอง

หร่วนซือซือฝืนยิ้มขึ้น กลืนความรู้สึกแย่ๆลงคอไป

เธอที่กำลังจะบอกลา แต่เย่หว่านเอ๋อกลับซบลงที่แขนของอวี้อี่มั่ว พูดขึ้นอย่างเคอะเขินว่า : "ฉันกับพี่มั่วกำลังจะหมั้นกันค่ะ"

คำพูดที่บางเบา แต่กลับหนักอึ้งสำหรับหร่วนซือซือ จุกอยู่ที่คอ

เธออึ้งไป กวาดสายตาไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกายเย่หว่านเอ๋อ สีหน้าแววตาที่เย็นชาของเขา ไม่มีท่าทีว่าจะกล่าวคำปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น

ดูๆแล้ว เย่หว่านเอ๋อคงพูดเรื่องจริงสินะ

หร่วนซือซือฝืนยิ้ม : "ยินดีด้วยนะคะ"

ได้ยินแบบนี้ เย่หว่านเอ๋อก็หน้าแดงขึ้น ยิ่งน่าหลงใหลไปกันใหญ่ เธอยิ้มแล้วตอบกลับมาว่า : "ฉันแอบบอกเธอก่อน อย่าลืมเก็บเป็นความลับนะคะ"

หร่วนซือซือฝืนยิ้มอีกครั้ง : "ได้ค่ะ"

ระหว่างที่พูดกัน อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองสีหน้าเธอ ผู้หญิงคนนี้สีหน้าเรียบเฉย ยังจะยิ้มอวยพรอีก ในใจกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์

ดูแล้ว เธอคงไม่สนใจสักนิดว่าเขาจะหมั้นกับคนอื่น

เย่หว่านเอ๋อยิ้มพร้อมถามต่อ : "เธอมาคนเดียวเหรอ?"

"มากับเพื่อนค่ะ"

หร่วนซือซือพูดอยู่ ก็กวาดตามองไปรอบๆ มุมนี้มองเห็นซ่งเย้อันเข้าพอดี

เย่หว่านเอ๋อมองตามเธอ พอเห็นแล้ว ตาก็ลุกวาวขึ้นมา แล้วตั้งใจพูดต่อว่า : "ประธานซ่งของอวิ้นเหยี่ยเทคโนโลยีเหรอ? ไม่นานมานี้ก็ได้ยินคุณพ่อพึ่งพูดถึงไป! นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพื่อนกับซือซือ!"

หร่วนซือซือหัวเราะเบาๆ ไม่พูดอะไร

ข้างๆ อวี้อี่มั่วกวาดตาไปมอง ขมวดคิ้วแน่นแววตาดุดัน เงยหน้าขึ้นมองเธอ แค่เห็นซ่งเย้อันที่ริมหน้าต่าง ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา

รอบที่แล้วเขาพึ่งไปดูเธอที่โรงพยาบาล ยังนึกอยู่ว่าเธอจะลำบากแค่ไหน ไม่นึกเลยว่าจะมาเดทกับซ่งเย้อันเร็วขนาดนี้ แล้วยังรอบก่อนที่เจอกัน หร่วนซือซือยังจะมาขีดเส้นแบ่งเขต ที่แท้ก็เพื่อที่จะมาอยู่กับซ่งเย้อันนี่เองเหรอ!

อวี้อี่มั่วหรี่ตาลง รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

จังหวะนั้น เย่หว่านเอ๋อก็ยิ้มหวานให้หร่วนซือซือ แล้วพูดขึ้นว่า : "ซือซือ เธอกับประธานซ่งเหมาะกันมาก ฉันก็ขออวยพรเธอนะ"

"ไปกันเถอะ"

ไม่รอให้หร่วนซือซือตอบกลับ อวี้อี่มั่วก็ตัดบท พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เย่หว่านเอ๋อได้ยินแล้ว พอได้สติ ก็รีบโบกมือให้หร่วนซือซือ ทั้งคู่ก็ขึ้นชั้นสอง ส่วนเธอก็เดินลงมา

"พี่มั่ว คุณพ่อกับคุณแม่พึ่งมาถึงไม่นาน ไม่รีบค่ะ……"

ได้ยินเสียงของชั้นสองเบาลงเรื่อยๆ หร่วนซือซือจู่ๆก็ขาอ่อนขึ้นมา

นึกถึงคำพูดที่เย่หว่านเอ๋อพูดขึ้นเมื่อกี้ ในใจเธอสับสนวุ่นวายไปหมด นึกไม่ถึงเลยว่าทั้งคู่จะพัฒนาความสัมพันธ์เร็วขนาดนี้ ถึงขั้นจะหมั้นกันแล้ว……

หร่วนซือซือรู้สึกหน่วงมาก บอกไม่ถูกมันจุกอก เธอดึงสติ ก้าวขาเดินไปยังโต๊ะ

บนโต๊ะมีอาหารมาเสิร์ฟหลายจานแล้ว ซ่งเย้อันที่กำลังจะเรียกเธอรีบทานตอนยังร้อนๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นสีหน้าของเธอแย่มาก รู้สึกไม่ชอบมาพากล : "ซือซือ เป็นอะไรไป?"

หร่วนซือซือเมื้อได้สติ ก็ส่ายหัว ฝืนยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดขึ้นว่า : "ไม่เป็นไร สงสัยคงจะเหนื่อยมากเกินไป"

ได้ยินแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า : "งั้นก็รีบทานก่อน ทานเสร็จเดี๋ยวไปส่งเธอกลับบ้านไปพักผ่อน"

หลายวันมานี้ เขาไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ก็เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอ ตอนนี้เห็นหน้าที่ขาวซีดกับอาการเหนื่อยล้าของเธอ เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง

หร่วนซือซือหยิบตะเกียบขึ้น พยักหน้าเบาๆ ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ

กระเพาะเธอไม่ค่อยจะดี กินไปค่อนข้างน้อย ซ่งเย้อันพลอยกังวลใจไปด้วย ระหว่างทางที่ส่งเธอกลับบ้าน นึกว่าเธอเองง่วงแล้ว เลยไม่ถามเซ้าซี้เธอมาก

รถแล่นจนมาถึงใต้ตึกคอนโด หร่วนซือซือเปิดประตูลงรถ ซ่งเย้อันเองก็ลงรถตามมาด้วย

"ซือซือ เธอโอเครึเปล่า?" ซ่งเย้อันเดินมายืนข้างๆเธอ : "เธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า?"

หร่วนซือซือตั้งแต่ไปถึงร้านอาหารก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เขาค่อนข้างเป็นห่วงเธอมาก

ซือซือยิ้มที่มุมปาก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา : "ฉันโอเคดีเย้อัน คงเพราะเหนื่อยเกินไป กลับไปพักเสียหน่อยก็คงดีขึ้น"

ได้ยินแบบนี้ ซ่งเย้อันก็เบาใจลงหน่อย ไปส่งเธอถึงหน้าห้อง หร่วนซือซือบอกลา เดินเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตู ห้วงเวลาที่ประตูปิดลง สีหน้าที่ปั้นมาตลอดทางก็พังทลายลง

ในใจแน่นจนจุก น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นท่วมหน้า

เธอพยายามสูดลมหายใจเข้า เดินไปถึงโซฟา ขาอ่อนและหมดแรง เธอทิ้งตัวลงบนโซฟา

คำพูดของเย่หว่านเอ๋อและการควงแขนซบไหล่ ความหวานปานน้ำผึ้งและเรื่องหมั้นของทั้งคู่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอเต็มไปหมด

ทำไมเธอถึงใส่ใจอวี้อี่มั่วขนาดนี้? ควบคุมความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจไม่ได้เลย

ไม่รู้ว่าเวลาล่วงผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว พลิกตัวกลับมา หร่วนซือซือก็ผล็อยหลับไป

อีกฝั่งหนึ่ง ณ คฤหาสน์ชานเมือง

อวี้กู้เป่ยนานๆจะอารมณ์ดีขนาดนี้ จึงไปเล่นกับส่านเตี้ยน สอนให้ส่านเตี้ยนพูดคำพูดใหม่ๆ แต่ส่านเตี้ยนไม่สนใจหันไปทางอื่น นอกจากเวลาที่กินอาหารจากมือของเขาแล้ว ก็ไม่เปิดปากพูดเลยสักครั้ง

ลู่เสี่ยวมั่นที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

อวี้กู้เป่ยเลิกคิ้วขึ้นสูง หันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นว่า : "พยาบาลเสี่ยวลู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"

ตั้งแต่ลู่เสี่ยวมั่นมาที่นี่ เขาก็ตามอาการของนกแก้วไม่ทัน บางวันก็คุณหนูเอาแต่ใจ บางวันก็เด็กดีเรียบร้อยเสียไม่มี

ลู่เสี่ยวมั่นหัวเราะพร้อมกับอธิบายว่า : "วันนี้อาจจะอารมณ์ไม่ค่อยดีค่ะ"

อวี้กู้เป่ยหัวเราะ เขาจึงยื่นนิ้วออกมากดลงบนหัวของส่านเตี้ยนเบาๆ : "แกเนี่ยนะ จะอารมณ์ไม่ดี"

พูดจบก็วางอาหารลงบนถ้วยเหมือนเดิม เช็ดมือ ลู่เสี่ยวมั่นเข็นเขาออกมาด้านนอก

อวี้กู้เป่ยพูดขึ้น : "พยาบาลเสี่ยวลู่ ผมมีความรู้สึกว่า นกแก้วสุดที่รักของผม น่าจะโดนคุณซื้อไปแล้วล่ะครับ ถึงเวลาที่คุณไม่ทำงานที่นี่แล้ว เกรงว่าส่านเตี้ยนก็คงจะตามคุณกลับบ้านไปด้วย"

เมื่อได้ยินคำพูดติดตลกของผู้ชายคนนี้ เธอก็หัวเราะขึ้นเบาๆ : "คุณอวี้พูดตลกแล้ว"

ทันใดนั้น เขาก็ยื่นแขนมาวางไว้บนมือเธอที่เข็นรถเข็นอยู่ พูดขึ้นเบาๆว่า : "พยาบาลเสี่ยวลู่ ก่อนที่ผมจะกลับมาแข็งแรง คุณจะอยู่ตรงนี้เสมอ ใช่รึเปล่า?"

ประโยคนี้ ราวกับก้อนหินก้อนหนึ่งที่โยนลงกลางทะเลสาบ ค่อยๆจมดิ่งลงไป

ลู้เสี่ยวมั่นก้มหน้าลง มองมือที่ทับแขนเธอไว้ จิตใจกังวลสับสน เธอสูดลมหายใจเข้า รีบพูดขึ้นว่า : "ค่ะ ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ……"

"งั้นก็ดี"

เขาดึงมือของเขากลับไป กลับสู่ปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อไปถึงหน้าบันได เช่าจัวก็รีบตรงมา พูดขึ้นเสียงเบาว่า : "เตรียมรถเรียบร้อยแล้วครับ"

อวี้กู้เป่ยตอบกลับไป : "ดี ไปกันเถอะ"

เช่าจัวรับช่วงเข็นรถ เขาเข็นไปทางลาดข้างบันได ค่อยๆไหล่ช้าๆจนไปถึงทางเรียบ แล้วเข็นเขาขึ้นรถ

ลู่เสี่ยวมั่นเอาของที่เตรียมมาตามขึ้นรถไปด้วย

เพราะคุณหมอบอกว่าบ่อน้ำร้อนจะช่วยบำบัดขาของเขาได้ดี ฉะนั้นพวกเขาจะไปพักหลายวันที่ โรงแรม หรงชัง ฮอท สปริงในเมืองเจียงโจว

Options

not work with dark mode
Reset