ดั่งรักบันดาล 252

ตอนที่ 252

หร่วนซือซืออยู่ในโรงพยาบาลนานแค่ไหนแล้วเธอเองก็ไม่รู้ หลายวันมานี้ เธอเห็น ศจ.หร่วนอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ดีใจไปด้วย

"นี่คือการตรวจรอบสุดท้าย ร่างกายฟื้นฟูได้ดี นี่คือสัญญาณที่ดีทีเดียว"

เมื่อเห็นผลตรวจ ศจ.หร่วนเองก็ดีใจไม่ใช่น้อย : "ถ้าเป็นแบบนี้ การผ่าตัดรอบหน้าจะผ่าตัดได้เมื่อไหร่ครับ?"

คุณหมอที่ใส่แว่นกรอบสีทองนิ่งเงียบไปชั่วครู่ : "เรื่องผ่าตัดถ้าหากยังต้องการให้หัวหน้าเฝิงเป็นคนผ่าตัดเองล่ะก็ ยังต้องติดต่อท่านอีกทีครับ แต่ผมในฐานะแพทย์คนหนึ่งคิดว่าควรจะรอให้สภาพร่างกายค่อนข้างมั่นคงก่อนค่อยทำการผ่าตัดอีกรอบครับ เกรงว่าน่าจะใช้เวลาพักใหญ่ๆครับ"

ได้ยินแบบนี้ หร่วนซือซือก็เริ่มกังวลใจ เธอพยักหน้าเบาๆ : "ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว"

ออกจากห้องธุรการ หร่วนซือซือกุมผลตรวจไว้ ในใจรู้สึกแย่ขึ้นมา

ถ้าหากว่าครั้งนี้ไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน การผ่าตัดของพ่อก็น่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

เมื่อเป็นแบบนี้ การผ่าตัดถูกเลื่อนออกไป ยังต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกนาน กับเงินเดือนแค่นี้ของเธอ จะใช้หนี้หมดยังไง?

เธอถอนหายใจยาวๆ ใจลอยเดินไปถึงหน้าห้องผู้ป่วย ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านใน เธอรีบจัดการกับสีหน้าอารมณ์ของตัวเอง เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป

เมื่อเข้าไปถึง ก็เห็นซ่งเย้อันอยู่ด้านใน

ซ่งเย้อันนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย หันมาทักทายเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : "ซือซือ"

หร่วนซือซือยิ้มแล้วเดินไปด้านหน้า : "ดื่มน้ำไหม ฉันรินให้"

"โอเค"

ทั้งสองจู่ๆก็ยิ้มให้กันโดยปริยาย

ตั้งแต่รอบก่อนที่ซ่งเย้อันมาโรงพยาบาล หลังจากนั้นเขาก็เทียวมาเรื่อยๆ มาคุยเป็นเพื่อน ศจ.หร่วน คลายความน่าเบื่อให้ห้องนี้ได้เยอะมาก

ซ่งเย้อันยกมือขึ้นมารับแก้วน้ำที่หร่วนซือซือรินให้ ศจ.หร่วนที่นั่งอยู่บนเตียงก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า : "เสี่ยวซ่ง ได้อ่านวิทยานิพนธ์ของนักวิชาการหวังที่เขียนขึ้นมาเมื่อเดือนธันวาคมของปีที่แล้วรึยัง?…."

คุณนายหลิวที่นั่งอยู่ข้างๆก็ขมวดคิ้วขึ้น กว่าจะมีโอกาสให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเดินหน้าขึ้นหน่อย ก็โดนตาลุงคนนี้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ขัดให้จนได้!

ศจ.หร่วนพูดกับซ่งเย้อันไม่หยุด จนถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว คุณนายหลิวเปิดกล่องข้าว ตบไหล่ ศจ.หร่วน พอแรง ยกข้าวมาไว้ตรงหน้า พูดขึ้นอย่างขัดใจว่า : "ถึงเวลากินข้าวแล้ว พูดให้มันน้อยๆหน่อย!"

ซ่งเย้อันและหร่วนซือซือที่นั่งอยู่ข้างๆพอเห็นเข้า ก็อดขำไม่ได้

ตั้งแต่ ศจ.หร่วนอาการดีขึ้น การโต้เถียงกันระหว่างคุณนายหลิวและ ศจ.หร่วนก็มีมากขึ้น ห้องผู้ป่วยก็เริ่มมีเสียงหัวเราะและเสียงถกเถียงกัน เวลาที่เห็นแบบนี้ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

ศจ.หร่วนมองข้าวกล่องตรงหน้า หน้านิ่วคิ้วขมวด : "ทำไมถึงเปิดข้าวแค่กล่องเดียวล่ะ ซือซือกับเสี่ยวซ่งก็อยู่ คุณนี่……"

คุณนายหลิวเลิกคิ้วสูง หันไปทางหร่วนซือซือกับซ่งเย้อัน เปลี่ยนสีหน้าทันที : "วันนี้พวกเธอสองคนออกไปกินข้าว ซือซือเลี้ยงด้วย ขอบคุณน้ำใจของเสี่ยวซ่งที่หลายวันมานี้ช่วยดูแลตลอด"

คุณนายหลิวพูดพลางหยิบเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของหร่วนซือซือส่งไปที่มือหร่วนซือซือ : "แล้ววันนี้ก็กลับบ้านเสียหน่อย ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนด้วย"

หลายวันมานี้หร่วนซือซือเฝ้าไข้อยู่ที่โรงพยาบาลตลอด ผมเผ้ารุงรัง ทั้งเหนื่อยทั้งลำบาก คนเป็นแม่ก็อดสงสารไม่ได้

หร่วนซือซือเองก็เหนื่อยมาก อีกอย่างเสื้อผ้าที่เตรียมมาก็หมดแล้ว จึงตอบตกลงไป : "ค่ะ งั้นวันนี้หนูกลับบ้านก่อน"

เมื่อได้ยินเธอรับปาก คุณนายหลิวก็ยิ้มขึ้น หันไปส่งสัญญาณให้ซ่งเย้อัน : "เสี่ยวซ่ง งั้นก็ฝากซือซือของเราด้วยนะ อย่าลืมส่งเธอกลับบ้านล่ะ!"

ซ่งเย้อันยิ้มตอบ : "วางใจได้ครับคุณป้า ผมรับประกันว่าจะส่งเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน!"

ศจ.หร่วนได้ยินดังนั้น มองทั้งคู่แล้วหัวเราะชอบใจใหญ่

ออกจากโรงพยาบาล ขึ้นรถ หร่วนซือซือก็หันไปบอกซ่งเย่อันว่า : "นายเลือกร้านสิ ไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตั้งนานแล้ว"

ซ่งเย้อันยิ้มขึ้น ขับรถออกไป : "โอเค ฉันรู้จักร้านร้านหนึ่ง รับรองถูกปากเธอแน่นอน"

ทั้งคู่พูดคุยหัวเราะกันตลอดทางจนไปถึงที่หมาย

ลงรถแล้ว หร่วนซือซือเห็นประตูที่ตกแต่งสวยหรู รู้สึกหวั่นใจ

ร้านนี้ดูแล้วหรูมาก คงแพงน่าดูเลย

ขณะที่เธอกำลังลังเล ซ่งเย้อันก็เดินมาถึงข้างๆเธอ : "ไปกันเถอะ ฉันจองโต๊ะแล้ว ริมหน้าต่าง เงียบสงบดี"

หร่วนซือซือพอได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลกใจ : "นายจองล่วงหน้ามาก่อนแล้วเหรอ?"

ซ่งเย้อันกะพริบตาให้เธอ หัวเราะเบาๆ : "ลองเดาสิ"

จริงๆแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ คุณนายหลิวพูดกับเขาเรียบร้อย ให้ทั้งคู่ออกไปกินข้าวด้วยกัน เขาจึงจองเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

หร่วนซือเมื่อได้ยินแล้ว ก็พอจะเดาออก ทั้งขำทั้งโมโห : "ตกลงกันแล้วนี่ว่าฉันจะเลี้ยงเอง"

"ไม่เป็นไรเสียหน่อย รอบหน้าเธอเลี้ยง เหมือนกันแหละ"

หร่วนซือซือลังเล : "แบบนี้ไม่ได้……"

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" ซ่งเย้อันเอียงตัวเข้าใกล้เธอ พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก : "ได้กินข้าวกับเธอเพิ่มขึ้นอีกมื้อ ถือเป็นกำไร"

พูดจบ หร่วนซือซือก็อดหัวเราะเสียไม่ได้

ก่อนหน้านี้เธอเพียงรู้สึกว่าเขาอบอุ่นและดูแลเอาใจใส่ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเขาก็มีมุมตลกขบขันเหมือนกัน

หร่วนซือซือหัวเราะเบาๆ พากันเดินเข้าในร้านอาหาร เจอโต๊ะที่จองไว้แล้วนั่งลง หลังสั่งอาหารเสร็จทั้งคู่ก็พูดคุยกันต่อ

เวลาคุยกับซ่งเย้อัน เธอรู้สึกว่าสบายใจ ไม่กดดันไม่อึดอัด คิดอะไรก็พูดแบบนั้น รู้สึกอิสระและผ่อนคลาย

หร่วนซือซือมองผู้ชายที่สมบูรณ์แบบตรงหน้าเธอ ในใจเหมือนเริ่มสั่นไหว ถ้าหากเป็นไปได้ เธอก็อาจจะยินดีที่จะอยู่ด้วยกันกับเขา

มีผู้ชายแบบนี้เป็นแฟน ก็คงจะไร้ที่ติจริงๆ

ระหว่างรออาหาร หร่วนซือซือขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ติดกับบันไดบนชั้นสอง ตกแต่งได้สะดุดตาและพิเศษมาก รูปข้างฝาผนังก็สวยงามน่าชื่นชม

หร่วนซือซือล้างมือ กำลังจะออกจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น : "วันนี้พี่ชายมีงานค่ะ เพราะฉะนั้นมาไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร……"

พอเธอออกจากห้องน้ำ ก็เจอกับคนสามคนที่กำลังเดินขึ้นมาชั้นสอง

มือของเธอแนบกับตัวแน่น เริ่มใจสั่น เมืองเจียงโจวแคบขนานนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอแค่ออกมากินข้าว ก็ยังมาเจอเข้ากับเย่หว่านเอ๋อและอวี้อี่มั่วจนได้

เธอไม่เจอหน้าเขามาหลายวันแล้ว เจอหน้าครั้งที่แล้วก็จบไม่สวยสักเท่าไหร่ ถ้ามาเจอกันวันนี้อีก คงกระอักกระอ่วนใจแย่แน่

เย่หว่านเอ๋อได้สติก่อน จึงทักทายเธอก่อนด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน : "บังเอิญจังเลยซือซือ!"

ได้ยินเธอเรียกชื่อตัวเองแบบนี้ หร่วนซือซือออกจะไม่ชินเท่าไหร่ ยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆพร้อมตอบกลับไปว่า : "ค่ะ บังเอิญจัง"

ผิวเผินอาจพูดคุยกันแบบนี้ แต่หร่วนซือซือกลับพูดขึ้นในใจว่า—โลกมันแคบจริงๆ

ยิ่งไม่อยากเจออวี้อี่มั่วมากเท่าไหร่ แค่ออกมากินข้าวก็เจอเข้าจนได้

แต่อย่าว่าไป วันนี้เย่หว่านเอ๋อแต่งชุดเดรสสีเหลืองห่าน ที่คอยาวระหงประดับด้วยสร้อยคอพลอยเปล่งประกายระยิบระยับ ส่วนอวี้อี่มั่วเปลี่ยนจากชุดสูทสั่งตัดพิเศษสีดำสนิท เป็นสูทสีน้ำเงินเข้ม

สองคนเดินคู่กันมา กิ่งทองใบหยกจริงๆ เหมาะสมกันสุดๆ

แต่ทำไมล่ะ ข้างในกลับรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ

เพื่อกลบเกลื่อนอาการเก้อเขิน หร่วนซือซือจึงหันไปยิ้มกับเย่หว่านเอ๋อ จ้องไปที่สร้อยของเธอแล้วพูดขึ้นว่า : "คุณเย่ สร้อยของคุณสวยจังเลยค่ะ"

"เหรอคะ?" จู่ๆก็โดนชม เย่หว่านเอ๋อก็ยิ้มหวานขึ้น รอยยิ้มพิมพ์ใจจริงๆ เธอยกมือลูบที่สร้อยคอเบาๆ ท่าทีเอียงอายแล้วหันหน้าไปมองอวี้อี่มั่ว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล : "สร้อยเส้นนี้ พี่มั่วเป็นคนซื้อให้ค่ะ"

Options

not work with dark mode
Reset