ดั่งรักบันดาล 245

ตอนที่ 245

หร่วนซือซือคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น เมื่อสบเข้ากับดวงตาดำสนิทสุดลึกล้ำคู่นั้นของชายหนุ่ม เธอก็รู้สึกใจหวั่น

อวี้อี่มั่วเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าเธอไม่ยอมไป ก็เกรงว่าเขาจะอุ้มเธอไปจริงๆ

เธอหลบสายตามองไปทางอื่นและพูดขึ้นนิ่งๆว่า " ฉันจะไป "

พยาบาลที่อยู่ข้างๆไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงใดๆ เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบเดินนำทางไป หร่วนซือซือเองก็ก้าวขาเดินตามเธอไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองเลยสักนิด

เมื่อเห็นว่าเธอออกไปไกลแล้ว คุณรายหลิวก็รีบหันมองอวี้อี่มั่วและพูดขึ้นว่า " เสี่ยวอวี้ ลำบากลูกด้วยนะ ตอนนี้อารมณ์เธอค่อนข้างแปรปรวน……"

" ไม่เป็นไรครับ อาจารย์แม่ ผมไปดูเธอก่อนนะครับ "

เขาพูดพร้อมกับเดินตามไปดูเธอ

คุณนายหลิวมองดูพวกเขาที่เดิมไปตามๆกัน ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้

ในห้องทำแผล พยาบาลจัดการล้างแผลและทำแผลให้หร่วนซือซือทั้งแผลเล็กแผลใหญ่ทั่วร่างกายเสร็จเรียบร้อย ไม่มีอะไรรุนแรง เป็นการทำแผลปกติธรรมดาเท่านั้น

" ช่วงนี้อย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ อย่าลืมกลับมาล้างแผลด้วยนะคะ " พยาบาลกำชับเธอ จากนั้นก็มองไปทางอวี้อี่มั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูและพูดขึ้นว่า " เชิญพวกคุณพักผ่อนกันก่อนค่ะ มีอะไรเรียกฉันได้ตลอดเวลานะคะ ฉันอยู่ห้องข้างๆ "

หร่วนซือซือพยักหน้า เธอไม่มีอะไรจะพูด

พอพยาบาลออกไป ภายในห้องก็เหลือบเพียงเขาสองคน

หร่วนซือซือนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีมีบางอย่างกดทับอยู่ที่หน้าอกของเธอตลอดเวลา ทั้งอึดอัดและหายใจไม่ออก

อวี้อี่มั่วที่อยู่ข้างๆเห็นเข้า ทำให้เขานิ่งไปสักพักใหญ่ๆ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น " เธออย่าเอาแต่โทษตัวเองนะ เรื่องนี้เธอไม่ได้ผิด "

เมื่อสิ้นสุดเสียงของเขา หร่วนซือซือก็เงยหน้าขึ้นทันที แววตาเธอเปล่งประกาย และไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อ " ใช่สิ เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะคุณ "

ตอนนี้พ่อเธอเองก็ยังไม่ฟื้น และเธอเองก็รู้สึกผิดมาก แล้วจะไม่ให้เธอโทษเขาได้อย่างไรกัน?

เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นและเดินกระเผลกออกไป

ในวินาทีที่กำลังจะเดินผ่านหน้าชายหนุ่มนั้น จู่ๆก็มีมือคู่ใหญ่และทรงพลังคู่หนึ่งยื่นออกมาคว้าแขนเธอไว้ " เธอจะไปไหน? "

" คุณไม่ต้องยุ่ง! "

หร่วนซือซือออกแรงสะบัด และถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว เธอรู้สึกจุกที่อกเล็กน้อย เธอขบกรามตัวเอง และรวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า " อวี้อี่มั่ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราอย่าได้มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย เงินที่ฉันติดคุณ ฉันจะพยายามหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด ตราบใดที่ยังใช้หนี้คุณไม่หมด ถ้าคุณต้องการจะให้ฉันเล่นละครตบตาต่อหน้าคุณย่าฉันก็ยินดี ส่วนเรื่องอื่นๆ ฉันจะไม่มีวันให้ความร่วมมือเด็ดขาด! "

เงื่อนไขในเอกสารข้อตกลงบ้าๆพวกนั้นเธอจะไม่ยอมทำตามเด็ดขาด! ส่วนเงินที่ติดเขา เธอต้องคืนเขาให้หมดในไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่ง!

แววตาอวี้อี่มั่วเต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงง เขาพูดนิ่งๆว่า " หร่วนซือซือ นี่เธอจะเอาจริงแบบนี้ใช่ไหม?"

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเธอจะเด็ดเดี่ยวกับเขามากขนาดนี้

หร่วนซือซือขบกรามตัวเอง เธอพูดช้าๆชัดๆทีละคำ " ใช่ คุณเองก็มีแฟนแล้ว ฉันเองก็มีชีวิตของตัวเอง เราอย่าคารังคาซังกันแบบนี้ต่อไปเลย! นอกจากเรื่องคุณย่าแล้ว เรื่องอื่นที่เกี่ยวกับคุณฉันไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมอีกแล้ว! "

พอพูดจบเธอก็เดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

อวี้อี่มั่วหันมองตามหญิงสาวที่กำลังเดินออกไป เขารู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างฉับพลัน และรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

คำพูดที่หญิงสาวพูดเมื่อสักครู่ มันเป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงลงมาที่หัวใจของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เขาเจ็บและทรมานใจมากๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้

เขายิ่งอยู่ยิ่งอารมณ์เสีย อวี้อี่มั่วละสายตาไปทางอื่น จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่ทางลงลิฟต์

ในเมื่อเธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องยืนหยัด! เรื่องบ้าๆพวกนี้ของเธอเขาเองก็ไม่อยากมีส่วนร่วมแล้วเหมือนกัน!

หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป อวี้อี่มั่วนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าเขาทั้งเย็นชาและเคร่งขรึม นอกจากจะหยิบแก้วขึ้นมาจิบไวน์แล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรเลย

ซูอวี้เฉิงที่อยู่ข้างๆเห็นเข้า เขารู้สึกอึดอัดขั้นสุด " เจ้าอวี้ นี่แกหมายความว่ายังไงเนี่ย เรียกฉันออกมาเจอ แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ? "

แววตาอวี้อี่มั่วเศร้ามาก เขายกแก้วไวน์ขึ้นมากระดกหมดแก้วและเงยหน้ามองซูอวี้เฉิงอย่างเย็นชา จากนั้นพูดนิ่งๆว่า " ถ้าไม่เต็มใจ ก็ไปเลย "

ซูอวี้เฉิงยิ้มมุมปาก และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ผ่านไปสักพัก เขาก็เอามือเท้าคางและพูดลองใจเขาว่า " ที่โกรธขนาดนี้คงเป็นเพราะผู้หญิงสินะ? "

หลายปีมานี้ อวี้อี่มั่วนิ่งและเย็นชามาก น้อยมากที่เขาจะเห็นเขาอารมณ์เสียมากขนาดนี้ เขาในเวลานี้ อารมณ์เขาเหมือนกับใกล้ระเบิดเต็มทีแล้ว

" เพราะเย่หว่านเอ๋องั้นหรอ? " ซูอวี้เฉิงถามต่ออย่างไม่กลัวตาย " หรือว่าหร่วนซือซือ? "

เมื่อได้ยินชื่อนั้น อวี้อี่มั่วก็ขมวดคิ้วทันที แววตาของเขาแฝงไปด้วยความเยือกเย็นและเจ็บปวดพร้อมกับจ้องไปที่ซูอวี้เฉิง

ซูอวี้เฉิงหัวเราะ และเข้าใจทันที จากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในตอนนี้เอง จู่ๆตู้เยี่ยก็เดินมา และรายงานบางอย่างข้างหูอวี้อี่มั่ว " คุณหมอฉินโทรมาครับ เขาบอกว่าโทรศัพท์คุณปิดเครื่องเลยโทรหาผม "

เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น ก็เหลือบมองโทรศัพท์ที่ตู้เยี่ยยื่นให้แวบหนึ่ง ลังเลอยู่ชั่วครู่แต่สุดท้ายเขาก็เลือกรับสาย " ฮัลโหล? "

เสียงแหบแห้งของคุณหมอฉินดังขึ้นจากปลายสาย " คุณอวี้ครับ อาการของคุณเย่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่……"

มือของอวี้อี่มั่วที่จับแก้วไวน์ค่อยๆปล่อยออก เขายึดตัวตรง " เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? "

"เมื่อสักครู่คุณเย่สลบไป ผมจึงรีบไปที่บ้านตระกูลเย่และทำการตรวจเช็คร่างกายเธอ อาการของเธอในตอนนี้ที่หนักเลยคือเธอใช้ร่างการหักโหมเกินไป และสภาพจิตใจเธอก็แย่มากเลย "

อวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น แววตาเขาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง เขารีบวางแก้วไวน์ลงและพูดขึ้นว่า " คุณหมอฉิน ท่านช่วยรอผมสักครู่ ผมกำลังรีบไป "

" ครับ "

หลังจากวางสาย เขาก็พูดกับตู้เยี่ยอย่างไม่รอช้า " ไปบ้านตระกูลเย่ "

ซูอวี้เฉิงที่ถูกมองข้าม เขารีบลุกขึ้น " เฮ้ย! เจ้าอวี้ นี่แก……"

อวี้อี่มั่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง และพูดขึ้นนิ่งๆว่า " ฉันไปก่อน มีอะไรไว้คุยกันคราวหน้า "

พอพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันที

ซูอวี้เฉิงทั้งโมโหและตลก " ไอ้นี่……"

ทั้งๆที่เขาเป็นคนชวนตัวเองออกมาดื่ม ไม่คาดคิดว่าพึ่งจะคุยกันไปแค่สองสามประโยค เขาบอกจะไปก็ไปสะอย่างนั้น……

ช่างเถอะๆ ไหนๆเขาก็ไปแล้ว งั้นเขาก็ดื่มไวน์ชั้นดีอีกสองขวดสองขวดแล้วกัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ไปตามเก็บกับอวี้อี่มั่ว

เมื่อไปถึงบ้านตระกูลเย่ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณหมอฉินที่นั่งรออยู่ตรงโซฟา

เขาเดินเข้าไปและรีบถามขึ้นว่า " หว่านเอ๋อเป็นยังไงบ้าง? "

" ตอนนี้คุณเย่หลับไปแล้วครับ แต่ว่าผมตรวจอาการดูแล้วช่วงนี้เธออารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน แต่ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยคือ เธอมีอาการวิตกกังวลและอาการหวาดกลัว นี่คงส่งผลไม่ดีต่อร่างกายของเธออย่างมาก"

คุณหมอฉินชะงักไป เขายกมือขึ้นขยับแว่นของตัวเอง และพูดต่ออย่างกังวลใจ " อาการก่อนหน้านี่ของเธอคุณเองก็ทราบดี ก่อนที่จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนไต คุณเย่ก็มีอาการซึมเศร้าค่อนข้างหนักอยู่แล้ว หลังจากผ่าตัดเสร็จใหม่ๆอาการเธอทุเราลงมากก็จริง แต่ตอนนี้กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้งแล้ว……"

อวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกยากที่จะอธิบาย เดิมทีเขาพูดเอาไว้แล้วว่าจะมากินข้าวที่บ้านตระกูลเย่กับเธอ แต่เขากลับผิดนัดกะทันหัย เธอคงเสียใจอยู่แล้ว

" คุณอวี้ครับ ตอนนี้ต้องไขปมในใจของคุณเย่ให้ได้ก่อน อารมณ์ของเธอถึงจะค่อยๆมั่งคงและดีขึ้น แบบนี้การรักษาด้วยยาถึงจะได้ผลดี แต่ปมในใจของเธอก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้ว

เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น ก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย " ผมเข้าใจแล้วครับ"

จริงๆแล้วเขารู้ดีว่าปมในใจของเย่หว่านเอ๋อคืออะไร

Options

not work with dark mode
Reset