ดั่งรักบันดาล 220

ตอนที่ 220

การกระทำที่พลิกเอกสารไปมาของอวี้อี่มั่วพลันหยุดชะงักลง เมื่อช้อนสายตาขึ้น สบมองไปยังตั๋วคอนเสิร์ตที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อดูเวลากับสถานที่ชันเจนแล้ว นัยน์ตาจึงเข้มขึ้น

มันเป็นคืนวันมะรืนนี้ สถานที่ก็คือหอประชุมนานาชาติเจียวโจว

เขากลับคิดเสียอีกว่า สามารถไปชมได้

ตั้งแต่ออกจากห้องทำงานท่านประธานมาจนถึงแผนกบริหาร หร่วนซือซือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วส่งข้อความไปหาซ่งอวิ้นอันว่า "ตั๋วให้ไปเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ เขาบอกว่าจะไป"

ถ้าเธอไม่ส่งข้อความไปบอกเธอเสียหน่อย ตามนิสัยของอันอันแล้ว เกรงว่าจะนั่งไม่ติดตลอดทั้งช่วงบ่ายแน่

ยายคนนี้นี่นะ หัวใจของหญิงสาวที่มีความรักเก็บไว้ไม่อยู่ ชอบกับไม่ชอบก็แสดงออกทางสีหน้าอย่างชันเจนแล้ว

เป็นไปตามคาด ยายคนนั้นตอบกลับมาทันที ด้วยน้ำเสียงกระด้างกระเดื่องว่า "เขาจะไปไม่ไปฉันไม่สนใจหรอกย่ะ!"

ก่อนจะตามมาด้วยเสียง "ต๊อกแต๊ก" สองครั้ง "เธอต้องไป!"

สุดท้ายแล้วก็เป็นสติ๊กเกอร์รูปยิ้มแบบมีเลศนัยรูปหนึ่ง

ริมฝีปากของหร่วนซือซือเผยยิ้มกว้าง ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากตอบกลับไปแล้วจึงเริ่มทำงานต่อ

แต่ทว่าอีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่ซ่งอวิ้นอันได้รับข้อความของหร่วนซือซือแล้ว ก็ส่งข้อความไปให้พี่ชายอย่างซ่งเย้อัน "พี่คะ ซือซือบอกว่าเธอจะไปแน่ๆค่ะ"

หลังจากที่ส่งข้อความเสร็จ ภายในหัวใจของเธอกลับมีความรู้สึกทรยศหักหลังเพื่อนรักของตนเอง แต่ทว่าเมื่อมาคิดดูแล้วที่ทำแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าต้องการให้เพื่อนซี้ของตนเองได้แปรเปลี่ยนไปเป็นพี่สะใภ้ ดังนั้นแล้วความรู้สึดผิดจึงถูกลบออกไปจากสมอง

เวลาผ่านไป ผ่านไปได้สองวันแล้ว ตั้งแต่ตอนรุ่งเช้าจนถึงช่วงบ่าย หร่วนซือซือก็ได้รับข้อความเตือนจากซ่งอวิ้นอันมาหลายข้อความ

เมื่อเลิกงานได้อยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รีบออกมาจากบริษัท รับประทานอาหารเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะกลับคอนโดมิเนียมเปลี่ยนเสื้อผ้า

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วันนี้ก็คือ "วันสำคัญ" ของซ่งอวิ้นอันอยู่ดี เธอต้องแต่งตัวให้เป็นทางการเสียหน่อยจึงจะโอเค

เปลี่ยนเป็นกระโปรงตัวยาวสีขาวนวล เสื้อคอวีทำให้มีความรู้สึกสบายๆ สวมใส่ที่คาดเข็มขัดเพื่อเน้นรูปร่างให้เห็นได้อย่างชัดเจน กระโปรงฟูฟ่อง ทุกย่างก้าวที่ก้าวเดินจะเผยให้เห็นขาเรียวเล็ก องค์ประกอบที่เข้ากัน ดูเรียบง่ายสบายตา

หร่วนซือซือสบมองตนเองในกระจก รู้สึกว่าตนเองไม่เคยรู้สึกเป็นผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อน

เธอสวมใสเสื้อผ้าแบบนี้ เกรงว่าคงจะไม่ทำให้ซ่งอวิ้นอันขายหน้าหรอกนะ

เปลี่ยนไปสวมใส่ร้องเท้าส้นสูงสีชมพู เธอยกยิ้มอย่างพึงพอใจ หยิบกระเป๋าถือแบบไข่มุกขึ้นมา แล้วสาวเท้าออกไปด้านนอก

ออกไปอย่างเป็นทางการขนาดนี้ กลับรู้สึกว่าตนเองจะไปนัดเดตยังไงอย่างงั้น แต่ทว่าเมื่อคิดได้ว่าตนเองก็ไม่ได้มีคู่เดตอะไรเป็นตัวเป็นตน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขันให้กับตนเองอีกครั้ง

มาถึงหอประชุมนานาชาติเจียงโจวตอนประมาณทุ่มครึ่ง คอนเสิร์ตเริ่มอย่างเป็นทางการตอนสองทุ่มตรง หลังจากที่หร่วนซือวซือเข้าไปในหอประชุมเพื่อหาที่นั่งแล้ว ส่งข้อความไปหาซ่งอวิ้นอันแล้วแต่ก็ไม่เห็นตอบกลับมา ภายในใจคิดว่าเธอคงกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัว จึงเลยไม่ได้ส่งข้อความต่อ

ผ่านไปไม่นานนัก มีคนเข้ามาด้านในหอประชุมไม่น้อยเลย ทั้งหมดคือมากันก็เป็นกลุ่มสองสามคน นั่งด้วยกัน และพูดคุยกันด้วยเสียงเบา

ในช่วงเวลานั้นเอง หร่วนซือซือกลับรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย

ใครจะรู้ล่ะว่า ความคิดนี้พึ่งจะคิดออกมาได้ไม่กี่วิเท่านั้น ทางเดินทางด้านข้างก็มีเสียงรองเท้าหนังดังขึ้นให้ได้ยิน หลังจากนั้นจึงตามมาด้วย มีคนกำลังเดินตรงมาทางเธอ

หร่วนซือซือหันศีรษะโดยอัตโนมัติ เมื่อหันไปสบมองทางด้านนั้นแล้ว จังหวะที่เงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นเงาสูงโปร่งของชายหนุ่ม ก่อนจะชะงักนิ่งไป

"……เย้อันหรือคะ?"

ซ่งเย้อันสวมใส่ขุดสูทสีเทาอ่อน รูปร่างสูงโปรงมีสไตล์ ทรงผมราวกับว่าถูกจัดแต่งมาอย่างดี มันปัดขึ้นด้านบนจนเผยให้เห็นหน้าผาก

ซ่งเย้อันเผยรอยยิ้ม ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนดั่งเก่าจะเอ่ยขึ้นว่า "ซือซือ มาเร็วจังเลยครับ"

เดิมทีหร่วนซือซือประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อคิดได้ว่าเขาในฐานะพี่ชายของซ่งอวิ้นอันแล้ว ยังไงๆก็ต้องมาชมการแสดงอยู่แล้ว ดังนั้นแล้วคำถามที่ก่อเกิดขึ้นมาในใจจึงมลายหายไปทันที

เธอยิ้มให้เขาอย่างมีมารยาท เก็บขาทั้งสองข้างเพื่อจะให้เขาเข้าไปด้านใน แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "คอนเสิร์ตของอันอันฉันก็จะต้องมาเร็วหน่อยอยู่แล้วสิคะ"

ซ่งเย้อันนั่งลงที่ด้านข้างของเธอ เขายิ้มขำมากขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "เขามีคุณเป็นเพื่อนแบบนี้ ดีมากเลยนะครับ"

จู่ๆก็โดนชมเชยแบบไม่ทันตั้งตัว หร่วนซือซือรู้สึกขัดเขินขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางแล้วเอ่ยขึ้นว่า "เธอก็ดีมากค่ะ"

เธอกับซ่งอวิ้นอันคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาโดยตลอด สามารถพูดได้เลยว่า หากไม่มีฝ่ายตรงข้ามแล้ว พวกเขาก็คงไม่สามารถเป็นตนเองได้อย่างในทุกวันนี้

ซ่งเย้อันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า "ทำไมครับ ช่วงนี้งานยุ่งมากเลยหรือครับ?"

"ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะค่ะ"หร่วนซือซือเก็บสีหน้า ก่อนจะตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่ยุ่งเหมือนกับช่วงก่อนแล้วล่ะค่ะ"

หลังจากที่เธอได้เซ็นสัญญาฉบับนั้นไปแล้ว ภาระบนบ่าของเธอก็เบาลงไปอยู่มากโข จะให้พูดก็คือ ก็คงต้องขอบคุณอวี้อี่มั่วด้วย

ซ่งเย้อันกำชับอย่างอ่อนโยนว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแต่ ต้องดูสุขภาพเอาไว้ก่อน"

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปมา เวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าสิบนาทีโดยไม่รู้ตัว สายตาสบมองแขกเหรื่อที่เข้ามากันจนเต็มแล้ว หร่วนซือซือสบมองไปยังที่นั่งว่างด้านข้างที่อยู่ทางขวามือ ก่อนจะกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ทว่ายังไม่เห็นแม้แต่เงาของตู้เยี่ยเลย เขาไม่ได้เอ่ยไว้แล้วหรอกหรือไงว่าจะมาน่ะ?

เธอหันศีรษะไปสบมองที่ทางเข้าอยู่หลายครั้ง ซ่งเย้อันที่นั่งอยู่ทางด้านข้างของเธอจึงจับสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้ทันที ขยับกายเข้าหาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบาขึ้นว่า "มองอะไรอยู่ครับ?"

หร่วนซือซือหันศีรษะกลับมา ก่อนจะกังวลเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งค่ะ พูดแล้วว่าจะมา……"

เธอหลุบตามองต่ำ ดูๆแล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

นัยนตาของซ่งเย้อันชะงักนิ่งไปเล็กน้อย สบมองไปยังที่นั่งทางด้านขวาของเธอ จู่ๆสมองกลับนึกถึงใบหน้าของอวี้อี่มั่วขึ้นมาในทันที

คงจะไม่ใช่เขาหรอกใช่ไหม?

เขายกมือขึ้นมาสบมองนาฬิกาบนข้อมือ เหลือเวลาอีกสี่นาทีคอนเสิร์ตถึงจะเริ่มขึ้น ไฟบนเวทีเริ่มสว่างขึ้นแล้ว มีเพียงแค่ม่านสีแดงเท่านั้นที่ยังไม่ถูกเปิดออก

"วางใจเถอะครับ คงจะมาแน่"

เมื่ออดทนต่อความอยากรู้ในใจเอาไว้แล้ว ซ่งเย้อันไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ทว่ากลับยื่นมือไปตบเข้าที่ไหล่ของเธอเบาๆ

หร่วนซือซือพยักหน้าหงึกหงัก สบมองไปทางด้านหน้า ภายในใจกลับยังคงรู้สึกเศร้าหมองเล็กน้อย

หากรู้แบบนี้ก่อนแล้วคงจะโทรศัพท์หาตู้เยี่ยเพื่อยืนยันก่อนที่จะมา มิฉะนั้นแล้วหากว่าเขาเอ่ยปากว่าจะมาแต่กลับไม่มา เกรงว่าอันอันจะต้องรู้สึกผิดหวังแน่ๆ

ในช่วงเวลานั้นเอง มีเงาสูงชะลูดเดินเข้ามาตรงทางเข้า เมื่อสบมองไปยังหมายเลขที่นั่งแล้ว จึงสาวเท้าเดินเข้ามา

ชายหนุ่มที่ดูท่าทางไม่ธรรมดา สาวเท้าก้าวไปด้านหน้า ดึงดูดสายตาคนดูที่อยู่รอบข้างให้สบมองไปที่เขาโดยอัตโนมัติ

นัยน์ตาของเขาล็อกแถวที่นั่งนั่นเองไว้อย่างแน่วแน่ เมื่อสบมองผ่านไป สายตามองตกไปที่เสื้อผ้าสีขาวนวลและผมยาวสลวยที่สยายอยู่ทางด้านหลัง มุมปากยกยิ้มไปมา แต่ทว่าเมื่อเขาสบมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่อีกทางของเธอแล้ว นัยน์ตากลับเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิม

ทำไมถึงเป็นเขา?

หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย อวี้อี่มั่วเดินเข้าไป เมื่อสบมองหร่วนซือซือที่หันศีรษะยื่นตัวไปพูดคุยกับซ่งเย้อันเล็กน้อยนั่นแล้ว สีหน้าของเขาก็ดูไม่ได้ขึ้นเล็กน้อย

"ขอทางหน่อยครับ"เขาเริ่มขยับริมฝีปากขึ้นเบาๆ เอ่ยขึ้นกับคนที่นั่งแถวด้านนอกสุด หลังจากนั้นจึงสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปด้านใน

ทางด้านนั้น จู่ๆหร่วนซือซือก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ผ่านหลังหดเกร็งเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เมื่อหันศีรษะไป ก็พบว่าชายหนุ่มกำลังสาวเท้าก้าวเข้ามาหา

อวี้อี่มั่ว……เขามาได้อย่างไรกัน?

กระแสไฟฟ้าพัดผ่านเข้าที่ร่างของเธอหนึ่งครั้ง เธอหดกายเกร็งแน่น ริมฝีปากจิ้มลิ้มอ้าออกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะสบมองเขาด้วยความงุนงงเล็กน้อย

เธอนำตั๋วคอนเสิร์ตไปให้ตู้เยี่ยนี่น่า ทำไมคนที่มาถึงเป็นเขาได้กันนะ?

ไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบกลับมา อวี้อี่มั่วก็นั่งลงที่ด้านข้างของเธอแล้ว ด้วยใบหน้าหล่อเหลาบาดใจผู้คน

เธอกัดริมฝีปากไปมา ก่อนจะกดถามเสียงเบาว่า "ทำไมถึงเป็นคุณล่ะคะ?"

อวี้อี่มั่วยื่นศีรษะเข้าไปหาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนขึ้นว่า "ทำไมถึงจะเป็นฉันไม่ได้?"

หร่วนซือซือขมวดคิ้ว มองไปทางด้านหลังไปมา "ตู้เยี่ยล่ะคะ?"

เธอบอกกับอันอันไปแล้วว่าตั๋วคอนเสิร์ตได้ส่งมองให้กับตู้เยี่ยไปเรียบร้อยแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าคนที่มาจะกลายเป็นอวี้อี่มั่ว ถ้าอย่างนั้นแล้วถ้าถึงเวลานั้นหากอันอันถามขึ้นมาล่ะก็ เธอควรจะอธิบายอย่างไรดีล่ะ?

Options

not work with dark mode
Reset