ดั่งรักบันดาล 219

ตอนที่ 219

เธออดที่จะยิ้มขำไม่ได้ ก่อนจะแสร้งทำเป็นหยอกล้อว่า "วันสำคัญอะไรหรือจ๊ะ? เธอจะแต่งงานแล้วหรือ?"

น้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นโกรธของซ่งอวิ้นอันจากปลายสายดังขึ้นว่า "ไปไปไป จริงจังหน่อยสิ! ก็คอนเสิร์ตครั้งที่แล้วที่ฉันบอกเธอไปอย่างไรล่ะ! เธอลืมแล้วหรือ!"

เมื่อหร่วนซือซือได้ยินดังนั้นแล้ว ก็นึกออกขึ้นมาทันที ครั้งที่แล้วที่กลับมาจากประเทศไทย ซ่งอวิ้นอันเคยพูดกับเธอเอาไว้แล้ว เธอเองก็ตอบตกลงไปแล้วว่าจะไปแน่

เธอยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ลืมอยู่แล้วจ้ะ!"

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอก็มุ่งแต่จะหาค่าผ่าตัด เธอทำงานยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ครั้งนี้กว่าจะมีเวลาก็ไม่ใช่ง่ายๆเลย ถือโอกาสนี้พักผ่อนเสียหน่อยก็ไม่เลวทีเดียว อีกอย่างคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในรายการแรกหลังจากที่อันอันกลับจีนมา เธอต้องไปอยู่แล้ว

"วันพรุ่งนี้แล้วนะ! บัตรคอนเสิร์ตฉันส่งไปให้เธอแล้ว ที่อยู่เป็นที่บริษัทของเธอ อีกประเดี๋ยวก็คงจะถึงแล้วล่ะ!"

"ได้จ้ะ ฉันรู้แล้วจ้ะ"

ซ่งอวิ้นอันจากปลายสายฝั่งนั้นเอ่ยขึ้นอีกว่า "ทั้งหมดสองใบ……ตู้เยี่ยจะมาไม่มาก็ได้ ขอเพียงแค่เธอมา ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ"

เมื่อหร่วนซือซือได้ยินดังนั้น ก็อดที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้

ผู้หญิงนี่น้า ปากไม่ตรงกับใจเสียจริง ทำไมเธอจะเดาไม่ถูกล่ะว่าใจของอันอันคิดอะไรอยู่

"เธอวางใจเถอะจ้ะ ฉันไปแน่ๆ"

"เอาล่ะ……ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้นแหละ ฉันวางก่อนนะ"

กว่าจะได้คุยโทรศัพท์แต่ละครั้งซ่งอวิ้นอันก็ชิงวางสายเธอไปก่อนเสียแล้ว หร่วนซือซือยิ้มขำอย่างหมดคำจะพูด สบมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างแวบขึ้น ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะไปมา

เป็นยายผู้หญิงที่สมควรที่จะออกเรือนได้แล้วจริงๆ!

ผ่านไปไม่นานนัก เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากขนส่ง หลังจากที่ลงไปรับบัตรมาแล้ว สบมองเวลาอยู่ครู่หนึ่ง อีกสิบกว่านาทีนู้นแหนะกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน ในเวลานี้ ตู้เยี่ยคงจะอยู่ที่บริษัท

ถ้าอย่างนั้นแล้วไม่ส่งให้เขาไปเลยจะดีกว่าหรือ ส่วนจะไปหรือไม่ไปนั้น ก็ให้เขาตันสินใจเอาเองแล้วกัน

ขึ้นลิฟต์จากโถงชั้นหนึ่ง หร่วนซือซือมุ่งตรงไปที่ชั้นนั้นของห้องทำงานท่านประธานทันที หลังจากที่ออกมาแล้ว เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็มองเห็นตู้เยี่ย

เธอกำลังจะเรียกให้เขาหยุด ใครจะรู้ล่ะว่าเขาที่ไม่ทันเห็นเธอ ก็เดินตรงไปที่ประตูห้องทำงานแล้ว

ฝีเท้าของหร่วนซือซือช้าลงเล็กน้อย มีความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะดีนัก เป็นไปตามคาดเมื่อเดินไปได้สองก้าว ก็เห็นอวี้อี่มั่วออกมาจากห้องทำงาน กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับตู้เยี่ย

เธอชะงักไป กำลังคิดที่จะหมุนตัวจากไป ไปรอที่ด้านข้างสักพัก ใครจะรู้ล่ะว่าอวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นมาแล้ว คล้ายกับว่ามีความรู้สึกอะไรบางอย่างจึงสบมองไปยังเธอที่อยู่ทางด้านนั้น

ในช่วงเวลาที่สายตาของทั้งสองคนสบมองกัน ต่างฝ่ายต่างชะงักนิ่งไป

หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากล่าง กำลังจะก้มศีรษะแล้วหมุนตัว ใครจะรู้ล่ะว่าจู่ๆอวี้อี่มั่วก็จ้องเขม็งไปทางเธอพลางพยักหน้าขึ้นลงบอกเป็นนัย คล้ายกับว่าจะให้เธอเข้าไปหา

ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอที่คิดว่าจะหลบก็หลบไม่พ้นเสียแล้ว

เธอสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปหา

อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ก่อนจะสบมองเธอครั้งหนึ่ง "มาหาฉันหรือ?"

ไม่รอให้เธอได้เปิดปาก เขาก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "เข้ามาสิ"

ในเวลานั้นเอง หร่วนซือซือแทบจะกัดฟันจนจะแตกอยู่แล้ว เธออ้ำๆอึ้งๆก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ไม่……ไม่ใช่ค่ะ"

อวี้อี่มั่วชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันศีรษะกลับไปสบมองเธอ

เธอไม่ได้มาหาเขางั้นหรอกหรือ?

หร่วนซือซือบับมือเข้าหากันแน่น ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วสบมองไปยังตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง ก่อนจะหลุบตามองต่ำด้วยความรวดเร็ว แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "ฉันมาหาคุณผู้ช่วยตู้ค่ะ"

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไปแล้ว บรรยากาศราวกับว่าหยุดนิ่งไปทันที

นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเข้มขึ้น ก่อนจะปรายตามองตู้เยี่ยไปหนึ่งที กล้ามเนื้อบนใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นลงไปมากโข

ขมับของเขากระตุกแรงขึ้น สองวินาทีกลังจากนั้น หมุนตัวหันหลังกลับไป ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้องทำงาน แล้วปิดประตูห้องทำงานทันที

เมื่อเกิดเสียงดัง "ปัง" ขึ้น ด้วยแรงที่ไม่มากและไม่น้อย

ตู้เยี่ยที่ยืนเหงื่อตกอยู่ทางด้านข้าง รู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย ท่านประธานของเขาดูเหมือนจะโกรธขึ้นมาเสียแล้ว อีกทั้งยังโกรธเขาอีก แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ!

เขาสบมองหร่วนซือซือ ก่อนจะรีบร้อนเอ่ยถามขึ้นว่า "คุณผู้ช่วยหร่วนมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?"

หร่วนซือซือถอนหายใจ ก่อนจะกุลีกุจอหยิบบัตรคอนเสิร์ตออกมาจากกระเป๋าหนึ่งใบ แล้วยื่นส่งไปให้เขา "นี่คือบัตรคอนเสิร์ตที่อันอันจะขึ้นแสดงค่ะ เธอฝากให้ฉันนำมาให้คุณ"

เมื่อได้ยิน "อันอัน" สองคำนั่นแล้ว นัยน์ตาของตู้เยี่ยเป็นประกาย ก่อนจะรีบยื่นมือไปรับมาทันที "ครับผม"

"คือว่า……" มุมปากของหร่วนซือซือมีรอยยิ้มประดับอยู่ สบมองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "คุณจะไปใช่ไหมคะ?"

ตู้เยี่ยพยักหน้าขึ้นลงอย่างไม่ลังเลทันที ที่มุมปากประดับรอยยิ้มบางเบา "ไปครับผม"

"ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ"

เมื่อสบมองสีหน้าของตู้เยี่ยแล้ว หร่วนซือซืออดที่จะยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นไม่ได้ ก่อนจะจ้องมองไปที่เขาเขม็ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัยว่า "ผู้ชายต้องรุกหน่อยนะคะ สู้ๆ!"

เมื่อพูดจบ เธอก็หมุนตัวจากไป ทิ้งตู้เยี่ยให้ยื่นอยู่ที่นั่นคนเดียว หลังจากที่ชะงักนิ่งไป หลังจากนั้นริมฝีปากเขาจึงเผยยิ้มออกมา

เขาเก็บบัตรคอนเสิร์ตนั่นไว้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรื่องที่อวี้อี่มั่วมีคำสั่งมาถึงเขายังไม่ทันจะได้พูดจบเลย หลังจากนั้นจึงหมุนตัวแล้วเคาะประตูห้องทำงานสองสามที

ภายในห้องทำงาน อวี้อี่มั่วตอบรับครั้งหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ตู้เยี่ยก็เปิดประตูเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

มุมปากของเขายังคงยิ้มแย้มอยู่ ท่าทางดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

อวี้อี่มั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเอง ความสงสัยที่ติดอยู่ในใจเขาก็เพิ่มมามากยิ่งขึ้น

เมื่อครู่นี้หร่วนซือซือมาหาเขา สรุปแล้วคุยเรื่องอะไรกันแน่นะ

"ท่านประธานอวี้ครับ เมื่อครู่นี้ที่คุณสั่ง……"

คำพูดของตู้เยี่ยยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบ ก็ถูกคนแทรกขึ้นอย่างไม่สนใจทันทีว่า "เมื่อครู่นี้เธอพูดอะไรบ้าง?"

"ผู้ช่วยหร่วนหรือครับ? เธอมาส่งของให้อย่างหนึ่งก็ไปแล้วล่ะครับ……"

อวี้อี่มั่วมีสีหน้าเข้มขึ้นก่อนจะเอ่ยถามไถ่ขึ้นอีกว่า "ของอะไร?"

เขายังไม่เคยได้รับของจากเธอเลยนะ ตู้เยี่ยจะนำหน้าเขาไปก้าวหนึ่งเนี่ยนะ?

ตู้เยี่ยมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อสบมองกับสีหน้าที่ไม่ปกติของอวี้อี่มั่วแล้ว เพราะว่าความอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้าเขาจึงนำบัตรคอนเสิร์ตออกมาวาง

เขาเริ่มอธิบายขึ้นว่า "บัตรคอนเสิร์ตครับ เพื่อนของเธอมีการแสดง เลยให้ผมไปดู……"

เมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนของหร่วนซือซือ สีหน้าของอวี้อี่มั่วจึงผ่อนคลายลงไปอยู่มากโข "เป็นซ่งอวิ้นอันคนนั้นหรือเปล่า?"

"ครับผม เป็นเธอครับ"

อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสบมองไปยังบัตรคอนเสิร์ตที่อยู่ในมือเขา "หร่วนซือซือก็จะไปหรือ?"

"อื้ม"

เมื่อได้ฟังคำตอบแล้ว ขมับของอวี้อี่มั่วก็เต้นแรงขึ้น

ปกติแล้วบัตรคอนเสิร์ตที่ให้มาจะเป็นที่นั่งข้างกัน นี่ก็หมายความว่าตอนที่ซ่งอวิ้นอันขึ้นไปแสดงแล้ว หร่วนซือซือกับตู้เยี่ยจะนั่งดูคอนเสิร์ตด้วยกัน

ผู้ช่วยของเขากับอดีตภรรยาของเขาไปชมคอนเสิร์ตด้วยกัน ทำไมฟังดูแล้วแปลกๆไปนะ?

หลังจากที่นิ่งเงียบไปไม่กี่วินาทีแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ สีหน้าไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "จู่ๆผมก็อยากจะไปดูขึ้นมาเสียหน่อย วางตั๋วสิครับ คุณก็ไปซื้อใหม่อีกสักใบ เบิกในนามบริษัท"

ตู้เยี่ยชะงักนิ่งไป "นี่……"

อยากจะรู้ เขาติดตามอวี้อี่มั่วมากี่ปีแล้ว ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนว่าเขาจะไปชมคอนเสิร์ต

เป็นอะไรไปน่ะ? ท่านประธานของเขาจู่ๆก็สนอกสนใจดนตรีขึ้นมาแล้วหรือไงกันนะ?

"ทำไมครับ?" อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นสบมองไปที่เขา นัยน์ตาติดประกายเย็นยะเยือกขึ้น "ไม่สะดวกงั้นหรือครับ?"

ตู้เยี่ยกุลีกุจอตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า "สะดวกครับ สะดวก ผมจะไปซื้อเดี๋ยวนี้แหละครับ!"

เถ้าแก่บอกให้ไปทางตะวันออก เขาจะกล้าไปทางตะวันตกได้อย่างไร?

ตู้เยี่ยก้มศีรษะสบมองบัตรคอนเสิร์ตในมือหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อยๆวางมันลงที่มุมโต๊ะอย่างช้าๆ

อย่างอื่นเขาไม่กังวลหรอก เพียงแต่กลัวว่าหากซ่งอวิ้นอันกลับมาถามขึ้นมาแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่าจะบอกว่าอะไร

หลังจากที่วางบัตรคอนเสิร์ตลงไปแล้ว ตู้เยี่ยก็หมุนตัวจากไป พึ่งจะเดินถึงที่ประตู จู่ๆก็ถูกคนเรียกให้หยุดเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง

อวี้อี่มั่วเอนกายพิงเข้ากับพนักพิงเก้าอี้เล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นสบมองเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "ตู้เยี่ย คุณสนใจเพื่อนของหร่วนซือซืองั้นหรือครับ?"

ตู้เยี่ยตกตะลึง

เขาแสดงออกไปชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ?

ก็เพียงแค่รู้สึกชอบพอเท่านั้นเอง

เขาพยักหน้าหงึกหงัก "ก็ถือว่าชอบนะครับ"

เมื่อฟังเขาเอ่ยขึ้นมาขนาดนี้แล้ว อวี้อี่มั่วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาโดยอัตโนมัติ "อืม ดีมากครับ"

สมองของตู้เยี่ยขาวโพลน สบมองอวี้อี่มั่วที่ก้มหน้าก้มตาขยับเอกสารไปมา ที่ไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือเขาหมายความว่าอย่างไรมากกว่า

เมื่อรอให้ประตูปิดสนิทลง มุมปากของอวี้อี่มั่วยกยิ้มขึ้นมาทันที

จะชอบใครก็ได้ แต่จะชอบหร่วนซือซือไม่ได้

ไม่อย่างนั้นแล้วเขาในฐานะที่เป็นอดีตสามีของเธอ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

Options

not work with dark mode
Reset