ดั่งรักบันดาล 127

ตอนที่ 127

อวี้อี่มั่วเดินไปถึงหน้าห้องทำงานของรองประธานและผลักประตูเข้าไป ก็เจอกับสวี่เฟิงหมิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงโซฟาอย่างสบายใจ

พอได้ยินเสียงเปิดประตู สวี่เฟิงหมิงเงยหน้าขึ้นมอง เขากระตุกยิ้มที่ริมฝีปากและพูดติดตลกว่า " อี่มั่ว ฉันกะว่าจะดื่มชาสักแก้วแล้วออกไปหานาย แต่คิดไม่ถึงว่านายจะเข้ามาหาฉันสะก่อน "

สีหน้าของอวี้อี่มั่วไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดนิ่งๆว่า " ลุงสวี่ดูท่าจะสบายมากเลยนะครับ "

ประโยคธรรมดาที่มีความประชดประชันนิดๆ

สวี่เฟิงหมิงได้ยิน ก็หัวเราะ " หึหึ " สองที แต่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกยืนขึ้นเลยแต่กลับตบที่โซฟาตรงที่ว่างข้างๆและพูดกับเขาว่า " อี่มั่ว มานั่งสิ "

" ไม่จำเป็น " อวี้อี่มั่วสีหน้าเคร่งขรึม " ที่ผมมาก็เพื่อมาถามว่า ในบริษัทมีบทลงโทษที่ให้พนักงานถูพื้นด้วยมือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? "

สวี่เฟิงหมิงชะงักไปสักพัก แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่สน " อ้อ นายหมายถึงผู้ช่วยหร่วนหรอ? "

อวี้อี่มั่วเงียบไม่พูดอะไร แต่จ้องเขาด้วยสายตาที่หนักแน่น

สวี่เฟิงหมิงหัวเราะ และพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ " อวี้อี่มั่ว นายอย่าจริงจังไปหน่อยเลย ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันทำงานที่บริษัทย่อย ก็ใช้วิธีนี้ควบคุมลูกน้องทั้งนั้นแหละ วิธีนี้ง่ายและตรงไปตรงมา ที่สำคัญที่สุดคือมันเห็นผล ด่าคำสองคำกลับจำไม่ได้ แต่พอลงโทษโดยการทำความสะอาดเนี่ยจำได้ไปจนวันตายเลย นายคิดว่ามันมหัศจรรย์ไหมล่ะ? "

ยิ่งสวี่เฟิงหมิงพยายามหาข้ออ้างมากเท่าไหร่ อวี้อี่มั่วก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้น แต่เขาพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้ สายตาสุดลึกล้ำคู่นั้นทำให้ผู้คนไม่สามารถทายความรู้สึกเขาในตอนนี้ได้

" แต่ว่าตอนนี้ลุงสวี่ไม่ได้ทำงานที่บริษัทย่อยแล้วนะ ควรจะทำยังไง ลุงสวี่น่าจะทราบดีนะครับ? "

พอเขาพูดแบบนี้ออกไป สีหน้าของสวี่เฟิงหมิงดูเหมือนไม่พอใจ รวมถึงสายตานกอินทรีย์คู่นั้นของเขาก็ส่งสัญญาณไม่พอใจออกมา

คำพูดนั้น มันเหมือนเป็นการเตือนสวี่เฟิงหมิงว่าให้รู้ว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งอะไร บริษัทย่อยก็คือบริษัทย่อย แต่ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ ไม่ว่าเขาจะอวดเก่งขนาดไหน แต่บนหัวเขาก็มีตำแหน่งประธานอยู่ค้ำหัวอยู่

สวี่เฟิงหมิงขมวดคิ้ว และความเยือกเย็นในดวงตาของเขาก็แสดงออกชัดเจน สายตาที่เหมือนนกอินทรีย์จับจ้องไปที่อวี้อี่มั่ว และไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้

อวี้อี่มั่วจ้องกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว และไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อให้

ไปกี่วินาทีต่อมา สวี่เฟิงหมิงยิ้มมุมปากและเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ " อี่มั่ว นายแลดูเป็นห่วงเป็นใยผู้ช่วยสาวน้อยคนนี้มากเลยนะ หรือว่าเธอจะเป็นคนพิเศษ? "

อวี้อี่มั่วยักคิ้ว และไม่มีทีท่าว่าจะยอม เขาตอบกลับทันทีว่า " ถ้าเป็นพนักงานคนอื่นไม่ว่าใครในบริษัท ผมก็จะออกหน้าช่วยทั้งนั้น "

สวี่เฟิงหมิงหัวเราะและพูดประชดประชันว่า " จริงหรอ? "

อวี้อี่มั่วยิ้มมุมปาก " ลุงสวี่กำลังสงสัยอะไรในตัวผมงั้นหรอ? "

" ไม่ใช่แบบนั้น " สวี่เฟิงหมิงหลบสายตา และยื่นมือไปรินชา " ดื่มชาด้วยกันก่อนไหม? "

อวี้อี่มั่วพูดนิ่งๆว่า " ไม่ต้องหรอก ลุงสวี่ค่อยๆดื่มด่ำเองเถอะ "

พอพูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับ

สวี่เฟิงหมิงเงยหน้ามองอวี้อี่มั่วที่กำลังออกไป ความเยือกเย็นในสายตาของเขาเพิ่มมากขึ้น

ไม่คาดคิดเลย เพียงเวลาสั้นๆไม่กี่ปี อวี้อี่มั่วจะโตขึ้นมากขนาดนี้ มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว เขาไม่ใช่เด็กน้อยอมมือเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เมื่อเขาออกไปแล้ว เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาเสียงดัง

ต่อให้อวี้อี่มั่วจะเก่งกาจ ฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะอะไรได้หรอก!

ไม่ว่ายังไงคนที่อยากเล่นงานเขา ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว

……

ในห้องทำงานประธานบริษัท หร่วนซือซือยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเขา และมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย

ตั้งแต่พวกเขาเดินเข้ามาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปห้านาทีแล้ว แต่อวี้อี่มั่วกลับไม่มีทีท่าว่าจะอ้าปากพูดอะไรเลยสักคำ

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดอวี้อี่มั่วก็เงยหน้าขึ้นและมองมาทางเธอ " ฉันได้ยินตู้เยี่ยบอกว่า เมื่อวานเกือบจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ "

เมื่อพูดถึงเรื่องเมื่อวาน หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียว เธอขบกรามตัวเอง และตอบว่า " อือ "

อารมณ์โกรธของอวี้อี่มั่วพลุ่งพล่านออกมา และเขาก็จับโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้น

ก่อนหน้านี้เขากำชับเธอแล้วว่าถ้ามีอะไรอันตรายให้โทรหาเขาในทันทีได้เลย แต่ว่าพอเกิดเรื่องเมื่อวาน เธอกลับไม่ได้โทรหาเขา

ถ้าตู้เยี่ยไม่ได้เอ่ยขึ้น เขาก็คงไม่มีวันรู้เรื่องนี้

" ปั๊ง! "

เขาขว้างโทรศัพท์ลงที่โต๊ะอย่างแรง ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธ " ทำไมไม่โทรหาฉัน? "

หร่วนซือซืออึ้ง

ไม่ได้โทรหาเขา? เธอโทรหาเขาตั้งสามสาย แต่กลับไม่มีคนรับสาย!

หัวใจของเธอเหมือนถูกบางอย่างกดทับไว้ หร่วนซือซือรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก เขาใช้ฟันกัดริมฝีปากตัวเอง สายตาที่สดใสของเธอมองไปที่อวี้อี่มั่ว และถามกลับว่า " ถ้าฉันโทรหาคุณ คุณจะรีบมาช่วยฉันไหม? "

เขาเอาแต่เฝ้าอยู่ข้างกายเย่หว่านเอ๋อ จนไม่มีเวลาที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยซ้ำ

อวี้อี่มั่วจุกที่อก และพูดไม่ออก

ที่เธอพูดมันก็ถูก ถ้าเมื่อคืนเธอโทรหาเขา เขาก็ไม่รับรองว่าจะรีบไปหาเธอรึเปล่า……

ชะงักไปสักพัก เขาลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้ามาหาเธอ มองดวงตาที่แดงของหญิงสาว เขารู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างแทงเข้าที่ใจของเขาทำให้เขารู้สึกเสียใจ

เขายอมรับว่า มีหลายครั้งที่อยู่กับหร่วนซือซือเขายังทำได้ไม่ดีพอ

หร่วนซือซือกัดฟันตัวเอง และพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ และแสร้งยิ้มแบบสบายๆราวกับว่าไม่เป็นไร เธอพูดขึ้นว่า " พวกเราจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่? "

เธอไม่อยากรอแบบนี้ต่อไปแล้ว ถ้ารอแบบนี้ต่อไปมันเป็นการทรมานเธอชัดๆ แล้วเมื่อไหร่จะจบสักที?

สีหน้าอวี้อี่มั่วจริงจังขึ้น และพูดเบาๆว่า " สบายใจได้ ฉันไม่ให้เธอรอนานหรอก "

เขารู้ว่าเธอโดนกดดันรอบด้าน แต่เรื่องสวี่เฟิงหมิงต้องรอโอกาสที่เหมาะสมก่อนถึงจะเริ่มลงมือ

ในขณะที่พูด เขาก็เอื้อมมือไปอยากจะช่วยเอาผมเธอที่ปอยลงมาทัดไว้ที่หลังหูให้ แต่ใครจะไปรู้พอแตะตัวเธอปุ๊บ เธอก็ถอยไปข้างหลังทันทีและหลบการสัมผัสจากเขา

อวี้อี่มั่วยืนนิ่งท่านั้นอยู่ชั่วครู่

ความรู้สึกอึดอัดปรากฏขึ้น อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วและเก็บมือตัวเองกลับที่เดิม

หร่วนซือซือหลบสายตาเขาและพูดขึ้นนิ่งๆว่า " ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ "

พอพูดจบเธอไม่รอให้อวี้อี่มั่วตอบ เธอก็รีบเดินออกจากห้องไป

อวี้อี่มั่วไม่รู้จะทำตัวยังไง เขากำมือและคลายอยู่หลายครั้ง มองดูหญิงสาวที่จากไปอย่างเด็ดขาด ในที่สุดเขาก็เม้มริมฝีปาก และหันหลังเดินกลับไป

หลังออกจากห้องทำงานท่าประธาน หร่วนซือซือก็เดินใจลอยจนไปถึงที่แผนกของตัวเอง เพื่อนร่วมงานในแผนกต่างจ้องเธอเป็นตาเดียวราวกับกำลังดูการแสดงละครลิง

เมิ่งจื่อหันยืนพิงประตู มองเธอที่เดินมาและยิ้มแปลกๆ

เธอกระแฮ่มในลำคอและพูดขึ้นว่า " ผู้ช่วยหร่วน ทำความสะอาดโซนพักผ่อนเสร็จแล้วหรอ? "

เมื่อได้ยินคำพูดที่ประชดประชันของเธอเช่นนี้ หร่วนซือซือก็กำหมัดไว้แน่น

แต่ก่อนที่เมิงจื่อหันทำกับเธอแบบนี้เธอก็จะอดทนทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ เธอจะไม่ทน และจะไม่ยอมทนอีกต่อไป

มองเพื่อนร่วมงานแต่ละคนที่เหมือนกำลังรอดูความขายหน้าของเธอ เธอกำหมัดไว้แน่น จ้องตาเมิ่งจื่อหัน และพูดช้าๆว่า " หุบ ปาก "

เธอทิ้งไว้เพียงคำสั้นๆสองคำและเธอก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองอย่างไม่หันกลับมามองด้านหลังอีก เหลือไว้เพียงเมิ่งจื่อหันที่ยืนหน้าชาอยู่คนเดียว

เมิ่งจื่อหันมองเธอด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตอบกลับเธอแบบนี้ พอเห็นเพื่อนร่วมงานที่หัวเราะกันคิกคิก มันเหมือนกับว่าเธอโดนตบเข้าที่หน้า และเธอก็ขายหน้าเอามากมาก!

คิดไม่ถึงเลย เดี๋ยวนี้หร่วนซือซือนิสัยเหิมเกริมขึ้นเยอะเลย กล้าทำกับเธอแบบนี้เชียวหรอ!

เมิ่งจื่อหันยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สุดท้ายก็สุดจะทน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเฉิงลู่

เธอจะคอยดูว่าหร่วนซือซือจะอวดเก่งแบบนี้ได้ไปถึงเมื่อไหร่!

Options

not work with dark mode
Reset