ดั่งรักบันดาล 117

ตอนที่ 117

พอได้ยินแบบนี้ หร่วนซือซือก็ตกเข้าไปอยู่ในการพิจารณาไตร่ตรอง

เธอเองก็อยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองมากๆ ยิ่งตอนนี้ตั้งแต่ภรรยาของสวี่เฟิงหมิงมาอาละวาดที่บริษัททุกคนต่างก็ตัดสินไปแล้วว่าเธอเป็นมือที่สาม คำซุบซิบนินทาพวกนั้น แม้แต่ตัวเธอเองยังฟังแล้วไม่สบายใจเลย

ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ในเร็วๆนี้ ดังนั้นแทนที่จะมาให้คนอื่นดุด่าตำนิ มาสู้เพื่อชื่อเสียงตัวเองสักตั้งดีกว่า

เธอประสานมือทั้งสองเข้าหากัน และครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วจ้องมองไปที่อวี้อี่มั่ว " ฉันต้องทำยังไง? "

สีหน้าของอวี้อี่มั่วนิ่งเฉย แต่น้ำเสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น " รอฟังคำสั่งฉัน "

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หร่วนซือซือก็เม้มปาก และตัดสินใจได้จากนั้นก็ค่อยๆพูดขึ้น " ตกลง ฉันจะร่วมมือกับคุณ "

หยุดไปชั่วขณะ เธอเงยหน้ามองอวี้อี่มั่วด้วยสายตาที่ชัดเจนและแน่วแน่ " แต่ว่า ฉันมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ "

แสงสลัวสว่างวาบภายใต้ดวงตาของอวี้อี่มั่ว เขาดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย เขานิ่งไปชั่วขณะจากนั้นก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ " เงื่อนไขอะไร? "

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ และแสร้งทำเป็นหนักแน่น " ถ้าฉันเดาไม่ผิด ประโยชน์ที่คุณได้รับจากเรื่องนี้ต้องดีกว่าฉันมากแน่ๆ "

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้แน่ชัดว่าระหว่างอวี้อี่มั่วและสวี่เฟิงหมิงมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ว่าเธอก็ดูออกว่าพวกเขาทั้งสองมันก็เหมือนเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ต้องมีสักวันที่พวกเขาต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

อวี้อี่มั่วถึงกับเอ่ยขึ้นว่าให้เธอช่วยเขา แน่นอนว่าเขามีแผนการในใจอยู่แล้ว เธอช่วยเขาจัดการสวี่เฟิงหมิง แล้วเขาก็ช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้เธอ ถึงแม้ว่าจะเป็นการได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่ แต่ถ้าเทียบกันจริงๆแล้ว เธอต้องเสียเปรียบมากกว่าเขาแน่เลยใช่ไหม?

อวี้อี่มั่วยักคิ้วและกระตุกยิ้มด้วยความประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหร่วนซือซือจะเป็นคนที่ฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้ อีกทั้งจะมีความกล้าในการมาต่อรองกับเขาอีก

หลังจะหยุดนิ่งไปนาน เขายิ้มมุมปากแต่พูดขึ้นอย่างนิ่งๆว่า " เงื่อนไขอะไร? พูดมาเถอะ "

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา " ฉันต้องการลาออก "

มันไม่ง่ายเลยที่จะมรโอกาสต่อรองกับคนอย่างอวี้อี่มั่ว เธอจะพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้ยังไง?

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของอวี้อี่มั่วเย็นชาขึ้นมาก และก็มีความเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นในดวงตาสุดลึกล้ำของเขา

เธอใจร้อนในการอยากไปจากเขามากขนาดนั้นเชียวหรอ?

พอเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรนานมาก หร่วนซือซือเองก็รู้สึกร้อนใจ กลัวว่าเขาจะไม่ตกลงเลยถามเขาซ้ำๆว่า " ได้ไหม? "

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วและตอบกลับไปอย่างเคร่งขรึมว่า " ขึ้นอยู่กับการกระทำของเธอ "

ได้ยินคำพูดของเขา แววตาของหร่วนซือซือแสดงออกถึงความดีใจ

ขอแค่เขาตอบตกลง เรื่องที่เธอจะออกจากบริษัทก็มีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

พอเห็นสีหน้าที่ดีใจของหญิงสาว สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็ไม่พอใจมากขึ้นไปอีก เขามองค้อนเธอไปหนึ่งทีและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า " สิ่งแรกที่เธอต้องทำในตอนนี้คือกลับไปทำงานที่บริษัทและไม่ต้องใส่ใจกับคำนินทาพวกนั้น "

หร่วนซือซือกัดริมฝีปากตัวเอง และนึกถึงสวี่เฟิงหมิงเธอจึงรีบถามขึ้นว่า " แล้วทางด้านสวี่เฟิงหมิงละ "

อวี้อี่มั่วออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย " ตอนนี้รอดูสถานการณ์ไปก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะเกิดความสงสัยได้ ถ้าเจอเรื่องอะไรที่เธอไม่สามารถรับมือได้ ก็รีบมาบอกฉัน "

พอคิดถึงครั้งที่แล้วที่สวี่เฟิงหมิงขอให้หร่วนซือซือดื่นไวน์เป็นเพื่อนเขา เธอก็รู้สึกกลัว แต่ว่าเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองและเพื่ออิสระของตัวเอง ครั้งนี้เธอต้องอดทน

เธอพยักหน้าและตอบกลับว่า " ได้ "

" กริ๊ง ——"

โทรศัพท์ของอวี้อี่มั่วที่วางไว้บนโต๊ะดังขึ้น ตู้เยี่ยโทรมาและเขาก็กดรับสายทันที

ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาตอบกลับไปว่า " อือ นายรอฉันอยู่ข้างล่าง ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้ "

พอเขาวางสายเขาก็ลุกขึ้น " มีเรื่องต้องไปจัดการสักหน่อย "

ในขณะที่พูดเขาก็เดินก้าวขาออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

หร่วนซือซือรู้สึกสงสัย เธอก็ลุกขึ้นด้วนเช่นกัน " ไหนบอกว่า……ช่วงเช้าไม่มีงานไม่ใช่หรอ? "

อวี้อี่มั่วที่เดินไปถึงหน้าประตูพอดี พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฝีเท้าก็หยุดชะงัก และรีบหันกลับมามองเธอทันที จากนั้นก็พูดว่า " ทำไม? ไม่อยากให้ฉันไปหรอ? "

หร่วนซือซืออึ้งไปสองวินาทีถึงดึงสติกลับมาได้ แก้มเธอแดงก่ำและรีบพูดว่า " ไม่……ไม่ใช่สักหน่อย! "

เธอแค่พูดออกไปแบบไม่ทันได้คิด หมายความแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ยิ่งไปกว่านั้น เธออยากจะให้เขาไปตั้งนานแล้ว เขาต่างหากที่ไม่ยอมไปสักที

พอเห็นแก้มที่แดงระเรื่อของหญิงสาว อวี้อี่มั่วก็ยิ้มมุมปากและจงใจพูดแกล้งเธอว่า " ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันไป อย่างนั้นฉันก็จะไม่ไป "

หร่วนซือซือทั้งตกใจและตื่นตระหนก และรีบปฏิเสธไปว่า " ฉัน……ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น! "

ในขณะที่เธอพูดอยู่ เธอก็ใช้มือผลักที่หลังอวี้อี่มั่ว ผลักเขาให้ออกไป

เธอปิดประตูลง หัวใจของเธอเต้นรัวมากๆ เธอยืนพิงที่หลังประตูอยู่สักพักกว่าจะกลับมาเป็นปกติ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นชามที่ว่างเปล่าสองใบวางอยู่บนโต๊ะ เธอก็ถูกดึงให้กลับสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง

ท้ายที่สุดแล้วเธอและอวี้อี่มั่วก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ เพราะเขามีเย่หว่านเอ๋อ ความอบอุ่นที่มีให้เธอมันก็แค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้น และเมื่อกี้ที่เขาช่วยเธอเปลี่ยนหลอดไฟและทำบะหมี่ให้เธอกินมันก็เหมือนกับช่วงเวลาสั้นๆที่ดอกไม้เบ่งบานก็เท่านั้น

พอคนไปแล้วชาก็เย็น ใจของหร่วนซือซือก็เย็นตามไปด้วย และเธอก็มีสติมากขึ้น

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และเอามือประสานกัน เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ครั้งนี้เพียงแค่ช่วยอวี้อี่มั่วจัดการสวี่เฟิงหมิงให้สำเร็จ เธอก็จะได้รับอิสรภาพและออกจากอวี้กรุ๊ป ออกจากชีวิตอวี้อี่มั่ว

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นข่าวดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ได้ดีใจเหมือนที่คิดเอาไว้

เงยหน้าขึ้นมองห้องที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดและยังไม่ได้จัดเก็บให้เข้าที่เข้าทาง หร่วนซือซือก็ถอนหายใจจากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บกวาดห้อง และไม่คิดฟุ้งซ่านต่อ

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หร่วนซือซือมารายงานตัวที่บริษัทแต่เช้า

ผ่านมาหลายวันแล้วถ้านักจากวันนั้นวันที่คุณนายสวี่มาอาละวาดที่ห้องประชุมคราวนั้นและเรื่องทุกอย่างมันก็ค่อยๆเงียบไปบ้างแล้ว แต่พอหร่วนซือซือกลับมาก็ทำให้ทุกคนหวนนึกกลับไปถึงเรื่องราวในวันนั้น ทุกที่ที่หร่วนซือซือเดินผ่าน ผู้คนก็ต่างซุบซิบกันอย่างหนาหู

หลังจากเสร็จการประชุมในช่วงเช้าของแผนก หร่วนซือซือก็รีบออกจากห้องประชุมทันที เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงซุบซิบกันดังมาจากข้างหลัง

" คิดไม่ถึงเลยว่าหร่วนซือซือจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ฉันก็คิดว่าเธอลาออกไปแล้วสะอีก!

" จริง ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ดูแล้วใครบางคนคงจะหน้าหนาจนไม่รู้สึกอะไรสะแล้วละมั้ง! "

"……."

เสียงซุบซุบนินทาและเสียงหัวเราะ ถึงจะเสียงไม่ดังมากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรอบข้างจะไม่ได้ยิน

หร่วนซือซือรู้สึกมันกวนใจเธอมากๆแต่เธอก็ไม่กล้าหันกลับไปและไม่กล้าที่จะหยุดเดิน ทำได้เพียงฝืนเดินไปข้างหน้าต่อไป

" ใช่เรื่องที่พวกเธอจะเอามาพูดไหม? "

ในที่สุดเสี่ยวหานที่อยู่ข้างๆก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เลยทวงความยุติธรรมคืนแทนซือซือ

" พูดไปพูดมาแล้วยังไงก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา! หรือว่าที่พวกเธอมาทำงานก็เพื่อมาซุบซิบนินทาหรอ? "

พอเสี่ยวหานตะโกนขึ้นมาแบบนี้ เพื่อนร่วมงานข้างๆก็ต่างหุบปากกันหมด และทุกคนก็แสดงสีหน้าออกมาแตกต่างกัน

หร่วนซือซือรีบยื่นมือไปดึงเสี่ยวหานไว้ " ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ "

ในเวลานี้ ถึงเธอจะพูดอธิบายอะไร พวกเขาก็ไม่เชื่อหรอก

" ซือซือ เธอจะยอมให้พวกนั้นรังแกเธอแบบนี้หรอ? " เสี่ยวหานขมวดคิ้ว และไม่เข้าใจว่าหร่วนซือซือทำไมต้องอ่อนแอขนาดนี้ด้วย

ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นพนักงานเก่าที่ทำงานที่บริษัทมานานถึงสองสามปี และตอนนี้เธอยังมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าด้วย ทำไมถึงยอมให้พนักงานธรรมดาทั่วไปพวกนั้นมาพูดร้ายตัวเองแบบนี้?

หร่วนซือซือขมวดคิ้ว เธอดึงเสี่ยวหานออกมาและไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งออกมาจากฝูงผู้คน เธอถึงได้ปล่อยมือ

เสี่ยวหานพูดตรงๆอย่างไม่พอใจว่า " ซือซือ ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ พวกเขาก็จะยิ่งรังแกเธอ "

หร่วนซือซือเม้มปากและพูดนิ่งๆว่า " เสี่ยวหาน เธอสบายใจได้ ฉันจะหาโอกาสพิสูจน์ความบริษัทของตัวเองให้ได้ แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม "

พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เสี่ยวหานอึ้งไปเลย และเธอก็รีบพูดต่อว่า " มีอะไรให้ฉันช่วงไหม?"

พอหร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น เธอก็ยิ้มให้เธอ " ถ้าเธออยากจะช่วยฉันจริงๆ เที่ยงนี้ก็อย่ามากินข้าวกับฉันแล้วนะ "

เสี่ยวหานอึ้งไป และอดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า " ทำไมล่ะ? "

ไม่กินข้าวกับเธอ ก็ช่วยเธอได้แล้วหรอ?

Options

not work with dark mode
Reset