เรื่องแบบนี้? เรื่องแบบไหนหรอ?
หร่วนซือซือหน้าแดงและหัวใจเต้นเร็ว เธอพยักหน้าตอบโดยไม่กล้าสบตาอวี้อี่มั่ว
อวี้อี่มั่วยิ้ม เขาถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวและเดินออกจากห้องน้ำ จากนั้นก็เปิดสวิตช์ไฟหลัก
และแล้ว ไฟห้องน้ำก็สว่างไสวขึ้นทันที หร่วนซือซือเงยหน้ามองตัวเองในกระจก ใบหน้าที่แดงก่ำเหมือนกับลูกแอปเปิล เธอรีบเปิดก๊อกน้ำและใช้น้ำเย็นล้างหน้าตัวเองทันที
ในขณะที่เธอล้างหน้า เธอก็พลางตำนิตัวเองเงียบๆ
หร่วนซือซือนะหร่วนซือซือ เขาก็แค่หุ่นดีไปหน่อย! ต้องเคลิ้มตามขนาดนี้เลยหรอ!
ผ่านไปสักพัก พออารมณ์เริ่มสงบลงบ้างแล้ว เธอถึงจะก้าวออกจากห้องน้ำมายังห้องนั่งเล่น ก็เจอกับอวี้อี่มั่วที่ยืนมองกองเสื้อผ้าอยู่หน้าโซฟา
เสื้อผ้าพวกนั้นเป็นเสื้อผ้าที่เมื่อวานเธอค้นออกมาและยังไม่ทันได้เก็บให้เข้าที่เข้าทาง! ล้วนแต่เป็นเสื้อเชิ้ตตัวบางและกางเกงขาสั้นที่ไว้ใส่ในฤดูร้อนรวมถึงชุดชั้นในด้วย!
หร่วนซือซือตกใจและรีบวิ่งเข้าไปเอาเสื้อผ้าทุกอย่างมากองรวมกันและเธอก็รีบเก็บใส่ในกล่องเก็บของข้างๆ " ฉัน……ฉันยังไม่ทันได้เก็บ……"
มองดูท่าทางที่รีบร้อนและร้อนรนของหญิงสาว อวี้อี่มั่วกลับนิ่งเฉยมากๆ เขายิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ถามเบาๆว่า " เธอจะกลับไปทำงานที่บริษัทเมื่อไหร่? "
" หะ? "
หร่วนซือซือคาดไม่ถึงว่าเขา คำถามแรกของเขาจะเป็นเรื่องนี้เธอเลยไม่รู้จะตอบไปว่าอย่างไร
พอเห็นเธออึ้งไป อวี้อี่มั่วก็พูดต่อโดยไม่เร่งรีบ " หรือว่า เธอเตรียมเงินค่าปรับหนึ่งล้านหยวนไว้แล้ว? "
หร่วนซือซือพูดไม่ออก " ฉัน……"
แน่นอนว่าเธอไม่มีเงินหนึ่งล้านหยวน และการทำงานก็ต้องดำเนินต่อไป
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามทำใจเย็นๆ จากนั้นก็ตอบว่า " พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปทำงานที่บริษัท "
เอาแต่หลบก็คงไม่ใช่ทางออก เห็นทีต้องเผชิญหน้ากับมันสักที
พออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น เหมือนเขากำลังจะพูดบางอย่าง แต่ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย
"กูรูกูรู……"เป็นเสียงที่ดังออกมาจากท้องของหร่วนซือซือ
เธอเงยหน้าสบตากับชายหนุ่ม และเธอก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนถึงตอนนี้เธอไม่ได้กินอะไรเลยสักคำ ถ้าจะหิวมันก็เป็นเรื่องปกติ
เธอขบกราม และกัดฟันถามเขาว่า " คือว่า……วันนี้คุณไม่ทำงานหรอ? "
เธอจะไปเตรียมอาหารเช้าได้ก็ต่อเมื่ออวี้อี่มั่วออกไป
อวี้อี่มั่วตอบกลับนิ่งๆว่า " ช่วงเช้านี้ที่บริษัทไม่ได้มีงานอะไร ไม่จำเป็นต้องไป "
คือ…..ฟังจากคำพูดเขาแล้ว เขาจะไม่ออกไปนั้นหรอ?
หร่วนซือซือพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะโน้มน้าวให้อวี้อี่มั่วออกไป แต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็น
หร่วนซือซือรีบตามเขาไป และถามขึ้นว่า " คุณ……หาอะไร? "
อวี้อี่มั่วหยิบแครอท ผักกาด ไข่ และเส้นหมี่ออกจากตู้เย็น และพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยว่า " เมื่อกี้ฉันรีบมาไปหน่อยเลยไม่ได้กินข้าวฉัน เธอจะไม่หาอะไรให้ฉันกินหน่อยหรอ? "
หาอะไรให้กิน?
เธอทำอาหารไม่ค่อยเป็นแนะ มื้อเช้าอย่างมากก็แค่ทอดไข่ ขนมปัง แค่นั้น จะให้เธอทำอาหาร นี่มันเป็นสร้างความลำบากให้เธอ
เมื่อเห็นอวี้อี่มั่วลงมือล้างผักด้วยตัวเอง หร่วนซือซือตะลึง หลังจากนั้นเธอถึงค่อยๆดึงสติตัวเองกลับมาได้ " คุณจะลงมือเข้าครัวเอง? "
อวี้อี่มั่วยกยิ้มมุมปากและพูดนิ่งๆว่า " ถ้าไม่ใช่? เธอทำเป็นหรอ? "
ประโยคเดียวสั้นๆทำให้หร่วนซือวือรู้สึกอาย ก็เธอทำไม่เป็นจริงๆ
ตอนที่อยู่บ้านก็เป็นคุณนายหลิวที่เป็นคนทำอาหารทุกที พอไปอยู่ตระกูลอวี้ก็มีป้าหร่งเป็นคนทำอาหาร เธอทำเป็นแค่ซุปง่ายๆ
รอให้เธอดึงสติกลับมาได้ อวี้อี่มั่วก็เตรียมผักที่จะทำใกล้จะเสร็จแล้ว เขาเปิดแก๊สและเตรียมจารชามอย่างคล่องแคล้ว ราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของบ้านนี้
หร่วนซือซืออดไม่ได้ที่จะถาม " คุณ……คุณรู้ได้ยังไงว่าจานชามอยู่ที่ไหน? "
พออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น แววตาเขาลุกลนเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าเขาก็กลับมาปกติ เขาไม่ได้พูดอะไรและทำอาหารต่อไป
ในไม่ช้า บะหมี่ทั้งสองชามก็สุกและพร้อมเสิร์ฟ ตักใส่ถ้อย กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล หร่วนซือซือชิมไปหนึ่งคำ แม่แต่ความอ่อนนุ่มของเส้นก็ทำออกมาได้พอดี
แต่ก่อนตอนอยู่บ้านตระกูลอวี้ เธอไม่เคยเห็นเขาเข้าครัวทำอาหารเลยพึ่งจะมารู้ตอนนี้เองนะว่าเขาทำอาหารรสชาติไม่เลวเลยทีเดียว
เมื่อมองไปที่บะหมี่ร้อนตรงหน้า ก็มีควันและไอความร้อนลอยขึ้นเต็มอากาศไปหมด ทำให้หัวใจของหร่วนซือซือเองก็รู้สึกอบอุ่นตามไปด้วย
เธอเงยหน้ามองชายผู้หล่อเหลาที่กำลังกินบะหมี่อยู่ตรงหน้า เธออดไม่ได้เลยเอ่ยถามขึ้นว่า " อวี้อี่มั่ว ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉันเปลี่ยนหลอดไฟ และขอบคุณสำหรับบะหมี่ชามนี้ "
อวี้อี่มั่วชะงักไปเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า " เวลากินไม่ควรพูด แต่ถ้าถึงเวลานอนก็ควรนอน "
หร่วนซือซือพอได้ยินแบบนั้นก็มองบนอย่างอดไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ตอบกลับเพียงแค่ " อ้อ " กำเดียว และก้มหน้ากอนบะหมี่ต่อ
ในไม่ช้า ก็กินบะหมี่หมด ทั้งสองนั่งตรงกันข้ามของกันและกัน ในห้องเงียบมากจนรู้สึกอึดอัด
อวี้อี่มั่ววางตะเกียบลง และพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า " พรุ่งนี้ถ้าเธอกลับบริษัทไปอาจจะได้ยินเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่บ้าง เธออย่าใส่ใจนะ "
หร่วนซือซืออึ้งอยู่ชั่วครู่ ภายหลังก็เข้าใจความหมายของคำพูดเขา
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ภรรยาของสวี่เฟิงหมิงมาอาละวาดที่บริษัท ทุกคนก็ต่างตัดสินอย่างแน่ใจว่าเธอและสวี่เฟิงหมิงมีความสัมพันธ์กันในเชิงชู้สาว เธอกลับไปทำงานคราวนี้ เธอต้องได้ยินข่าวลือนั้นอย่างหลีกเลียงไม่ได้แน่นอน
เธอรู้สึกจุกในใจ และเธอก็พยายามระงับสติอารมณ์ตัวเอง จากนั้นก็ตอบกลับนิ่งๆว่า " อือ "
พอเห็นแววตาของหญิงสาวดูเศร้าลง อวี้อี่มั่วเลยเปิดปากถามขึ้นว่า " เธอเคยคิดไหมว่ารูปภาพพวกนั้นในมือของคุณนายสวี่มาจากไหน? "
พอได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของหร่วนซือซือจริงจังขึ้นมาก เธอเคยคิดเรื่องนี้ก่อนหน้านั้นจริงๆ แต่ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว จะไปตามสืบว่ารูปภาพพวกนั้นมันมากจากไหนมันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร "
พอเห็นว่าเธอนิ่งไปและไม่ยอมพูดอะไร อวี้อี่มั่วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเลื่อนไปที่คลิปวิดีโอหนึ่งแล้วยื่นให้เธอดู
หร่วนซือซือรับมา คลิปที่เห็นคือเป็นคลิปบันทึกจากกล้องวงจรปิด มีผู้หญิงคนหนึ่งแอบไว้ตรงเสาและทำท่าถ่ายรูปอย่างลับลับล่อล่อ
เธอดูอย่างตั้งใจ และเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างชัดเจน
เป็นเฉิงลู่!
ที่แท้ก็เป็นเธอที่แอบถ่ายรูปตอนที่เธอพยุงสวี่เฟิงหมิง!แสดงว่า รูปที่คุณนายสวี่ได้รัยมาพวกนั้นก็เป็นเธอที่เป็นคนส่งให้สินะ!
หร่วนซือซือกำหมัดแน่น และรู้สึกโกรธอย่างร้อนเป็นไฟ โดยปกติเฉิงลู่ก็เอาแต่เยาะเย้ยเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้มาทำร้ายเธอลับหลัง!
เดิมทีเธอคิดว่าแค่เรื่องมะม่วงคราวก่อนเธอก็คงจะได้รับบทเรียนแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ยอมแพ้แบบนี้!
หร่วนซือซือกัดฟันแน่นและรู้สึกโกรธมาก " เธอ……เธอทำไมถึงไม่ยมอปล่อยฉันสักที! "
อวี้อี่มั่วเงียบไปสักพัก และถามเธออย่างนิ่งๆ " แล้วเธอจะจัดการยังไงต่อไป? "
จัดการยังไง? ถึงจะไล่เฉิงลู่ออกจากอวี้กรุ๊ปไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะชื่อเสียงของเธอได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ทุกคนก็ต่างตัดสินไปแล้วว่าเธอเป็นมือที่สามที่เข้าไปทำลายครอบครัวคนอื่น เธอยังมีวิธีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองกลับมาได้อยู่อีกหรอ?
หร่วนซือซือรู้สึกเศร้า เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า " ฉัน……ฉันในตอนนี้ยังมีทางเลือกอื่นอีกหรอ? "
เขาไม่ยอมให้เธอออกจากบริษัท และเธอก็ต้องไปทำงานที่อวี้กรุ๊ป ก็ต้องอดทนกับคำด่าและสายตาเหล่านั้นให้ได้
" เธอมี "แสงเงาบางอย่างผ่านแวบในสายตาของอวี้อี่มั่ว และเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า " เธอสามารถเลือกร่วมมือกับฉัน "
หร่วนซือซือรู้สึกงุนงง " ร่วมมือกับ……คุณ? "
อวี้อี่มั่วพยักหน้าและพูดเสียงทุ้ม " เรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด เป้าหมายของฉันคือสวี่เฟิงหมิง และในตอนนี้มีแค่เธอแล้วที่ช่วยฉันได้ "
หร่วนซือซือยกยิ้มมุมปาก และยิ้มอย่างขมขื่น " แล้ว……ทำไมฉันต้องช่วยคุณด้วย? "
เธอแทบจะหลบเขาไปไกลๆด้วยซ้ำ ทำไมต้องช่วยเขาด้วย?
แววตาของอวี้อี่มั่วลึกล้ำมากจนไม่สามารถมองลึกเข้าไปในตาเขาได้สุด เขาหยุดไปชั่วขณะและพูดขึ้นว่า " เพราะมีแค่ฉันที่จะคืนความบริสุทธิ์ให้เธอได้ "