ดั่งรักบันดาล 112

ตอนที่ 112

ซ่งอวิ้นอันเห็นคนจากไปแล้ว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ผละออกจากมือของตู้เยี่ย ยักคิ้วลิ่วตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณผู้ช่วยตู้ เซอร์ไพรส์นี้เป็นอย่างไรบ้างคะ?"

ตู้เยี่ยยังคงรู้สึกผิดไม่หาย ถ้ารู้ก่อนว่าเธอจะเป็นแบบนี้ล่ะก็ เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธอตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน!

อีกด้านหนึ่งก็คำสั่งจากท่านประธาน อีกด้านหนึ่งก็หญิงสาวที่ไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาตกที่นั่งลำบากแล้ว!

เมื่อเห็นตู้เยี่ยไม่พูดอะไรเลยอยู่นาน ซ่งอวิ้นอันเลิกคิ้ว ยิ้มขำให้กับคนที่หมดหนทางสู้ "คุณผู้ช่วยตู้ อีกประเดี๋ยวก็คงถึงโถงใหญ่ คงจะต้องพบเจอกับเพื่อนร่วมงานอีกไม่น้อยเลยสินะคะ?"

ตู้เยี่ยหน้าเปลี่ยนสี "คุณ…คุณคิดที่จะทำอะไรอีกครับ?"

เธอคงไม่คิดที่จะทำลายชื่อเสียงของเขาให้ป่นปี้จริงๆใช่ไหม? เขายังมีคนที่ตามจีบอยู่ในบริษัทไม่น้อยเลยนะ! ถ้าหากว่าซ่งอวิ้นอันป่าวประกาศแบบนี้ออกไปล่ะก็ คาดว่าทุกคนคงจะต้องเข้าใจว่าเขาเป็นพวกที่มีรสนิยมร้อนแรงแบบ sm แน่ๆ!

ซ่งอวิ้นอันแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย ก่อนจะจ้องเขม็งไปทางเขา"คุณก็ลองทายดูสิคะ?"

เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานฉ่ำบนใบหน้าของหญิงสาว ตู้เยี่ยกลับรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกุลีกุจอเอ่ยขึ้นว่า "คุณซ่งครับ ผมช่วยคุณแกะเชือกดีกว่า"

ใครจะไปรู้ล่ะว่าซ่งอวิ้นอันจะหมุนตัวกลับ จงใจหลบหลีกมือของเขา ก่อนจะอมยิ้มแล้วยักคิ้ว "ไม่ต้องหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันคิดว่าเชือกนี่ก็ไม่เลวดีเหมือนกัน"

ตู้เยี่ยในตอนนี้ถือว่าไม่มีทางออกอะไรแล้ว จะปลดเชือกแทนให้เธอเธอกลับไม่ยินยอม ถ้าอย่างนั้นควรที่จะทำอย่างไรดีนะ

ลังเลไปอยู่ครู่หนึ่ง เขากัดฟันแน่น ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษออกมาเสียงเบา "คุณซ่ง เมื่อครู่นี้เป็นความผิดของผมเองครับ ผมไม่ควรใช้เชือกมัดคุณ"

ซ่งอวิ้นอันยิ้ม "งั้นหรือคะ?"

ตู้เยี่ยหลุบตามองต่ำ"ครับ เป็นความผิดของผมเองครับ"

ซ่งอวิ้นอันพยักหน้า สายตาถูกทิ้งไว้อยู่บนขนตายาวเรียงตัวสวยของเขา

เธออดไม่ได้ที่จะวิจารณ์อยู่ในใจ ชายหนุ่มโตเต็มวัยขนาดนี้ ขนตายังยาวกว่าเธออีก

เมื่อได้สติกลับคืนมา อยู่ๆเธอกลับรู้สึกว่าสนใจตู้เยี่ยขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดอย่างอารมณ์ดีว่า "ถ้าอยากให้ฉันให้อภัยคุณ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีนะคะ"

ตู้เยี่ยได้ยินดังนั้น ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นแล้วสบมองไปยังเธอทันที นัยน์ตาเป็นประกายแวววาว "วิธีอะไรครับ?"

ซ่งอวิ้นอันยักคิ้วลิ่วตา "ตอบรับข้อเรียกร้องสามอย่างของฉันสิคะ แล้วจะถือว่าชดใช้คืนก็แล้วกัน"

ตู้เยี่ยคือคนที่อยู่ข้างกายของอวี้อี่มั่ว เธอต้องเสนอข้อเรียกร้องนี้ไปก่อน หลังจากนี้ไม่แน่ว่าอาจจะต้องใช้งานเขาให้ทำเรื่องบางอย่างให้

สรุปแล้ว โดนคนมัดมือมัดเท้าเพื่อแลกกับข้อเรียกร้องสามอย่าง ถือว่าเธอก็ไม่เสียเปรียบอะไรเลย

ตู้เยี่ยลำบากใจเล็กน้อย "นี่……"

"ถ้าหากคุณคิดว่ามันยากลำบากนักก็ถือว่าช่างมันไปเถอะค่ะ ฉันไม่บังคับคุณหรอกนะคะ" ซ่งอวิ้นอันพูดพลางเหล่สายตาไปสบมองตัวเลขบนลิฟต์ไป สายตามองเห็นว่ากำลังจะลงมาถึงที่ชั้นหนึ่งแล้ว "แต่ว่าอีกประเดี๋ยวก็จะถึงโถงใหญ่แล้ว ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรคุณก็คงจะรับผิดชอบอะไรไม่ได้แล้วล่ะ…"

เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้นแล้ว ตู้เยี่ยสมองแทบจะระเบิด ก่อนจะรีบเอ่ยปากขึ้นว่า "ผม รับปากคุณครับ!"

หากเขาไม่ตอบรับคำ เกรงว่าเมื่อถึงที่โถงใหญ่ พบเจอเพื่อนร่วมงานคนอื่นแล้วเธอยังจะทำแบบเมื่อครู่นี้ล่ะก็ ภาพลักษณ์ของเขาที่บริษัทคงจะต้องย่อยยับแน่!

เมื่อเห็นเขาตอบตกลงแล้ว ซ่งอวิ้นอันฉีกยิ้ม หมุนตัวแล้วหันหลังไปทางเขา สองมือของตนเองเขย่าไปมาเพื่อโชว์ข้อมือที่ถูกมันอยู่ "แก้มัดสิ"

ตู้เยี่ยย่อตัวลง ยื่นมือออกไปช่วยแก้มัดให้เธอ ข้อมือของหญิงสาวที่ทั้งเล็กทั้งขาว โดนเชือกมัดจนปรากฏรอยแดงขึ้นมา มองเห็นสายตาทิ่มแทงที่กำลังมองมา

ในหูยังคงได้ยินคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดไปเมื่อสักครู่นี้อยู่ บทบาทสมมติ sm ในช่วงเวลานั้นเอง สมองของตู้เยี่ยกลับประมวลผลภาพลามกอนาจารขึ้นมาทันที

สองวินาทีต่อมา เขาที่พึ่งรู้สึกตัวจากความมึนงง สบถด่าขึ้นมาในใจทันที

เขาคิดอะไรอยู่กันแน่!

เชือกถูกแก้เป็นอิสระแล้ว ซ่งอวิ้นอันขยับข้อมือไปมาเล็กน้อย ก่อนจะยักคิ้วสบมองไปทางตู้เยี่ย "เอาช่องทางการติดต่อของคุณมาให้ฉัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เรียกหา คุณก็ต้องมาทันที สามข้อเรียกร้อง เข้าใจไหม?"

ตู้เยี่ยพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบนามบัตรยื่นส่งไปให้ซ่งอวิ้นอัน

"ติ๊ง–"

ลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว ซ่งอวิ้นอันเก็บนามบัตรยัดใส่เข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะจากไปก็ไม่ลืมที่จะยื่นหน้าเข้าไปจ้องสบตากับตู้เยี่ย ก่อนจะจงใจเอ่ยขึ้นมาว่า "บ๊ายบายค่ะ เยี่ยเยี่ย!"

พูดจบ เธอก็สาวเท้าก้าวออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

ตู้เยี่ยมองตามแผ่นหลังของหญิงสาว ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงอกถึงรู้สึกว้าวุ่นมากขนาดนี้ มันเพิ่มความเร็วมากขึ้นและมาพร้อมกับเสียงตึกตัก

ประจวบเหมาะกับมีเพื่อนร่วมงานสาวคนหนึ่งเข้ามาในตัวลิฟต์พอดี สบมองไปทางตู้เยี่ย ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า "คุณผู้ช่วยตู้ ทำไมหน้าคุณแดงขนาดนั้นล่ะคะ?"

ตู้เยี่ยกุลีกุจอปรับเปลี่ยนสีหน้า ปรับสีหน้าบนใบหน้าให้กลับมาเป็นเคร่งขรึมดุดันเป็นปกติเหมือนในทุกวันทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ไม่มีอะไรครับ"

หร่วนซือซือออกจากบริษัท เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ มองเห็นซ่งอวิ้นอันกำลังยืนอยู่ที่ประตู พิงประตูใหญ่ด้วยท่าทางอ่อนล้า

ที่แท้เธอมาก็มายืนรออยู่ตรงนี้นี่เอง เธอนึกว่าเธอจะกลับไปก่อนเสียแล้ว!

"อันอันจ๊ะ"

ซ่งอวิ้นอันได้ยินเสียงเรียก หันศีรษะกลับไปมอง เมื่อเห็นหร่วนซือซือก็รีบกุลีกุจอเข้าไปถามทันทีว่า "เป็นไงบ้าง? ตัดสินแล้วหรือยัง?"

หร่วนซือซือลังเลไปพักหนึ่ง เมื่อนึกถึงเอกสารสัญญาที่อวี้อี่มั่วถืออยู่ในมือเมื่อครู่ กลับรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที เธอส่ายหน้าไปมา "ยังเลยจ้ะ…"

"เกิดอะไรขึ้น? เป็นเพราะว่าไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นไม่ยอมลามือใช่ไหม?"ซ่งอวิ้นอันนัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะ ถกกระบอกแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินตรงกลับเข้าไปทางบริษัท "ฉันจะไปถามเขาให้กระจ่างเอง!"

หร่วนซือซือกุลีกุจอขว้างหน้าเธอทันที "อันอัน เธออย่าไปเลย ตอนนี้เขาออกไปแล้วล่ะ"

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนที่เซ็นสัญญานั่นก็คือเธอเอง เป็นเธอเองที่ไม่อ่านรายละเอียดให้ชัดเจนเอง ถ้าจะให้ขึ้นโรงขึ้นศาล เธอนั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิดเอง

ซ่งอวิ้นอันโกรธจนหยุดไม่อยู่ "แล้วจะเอาอย่างไงต่อ สรุปแล้วเธอไม่ต้องทำงานให้เขาที่นี่ตลอดไปเหรอ?"

หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า "ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วน่ะ ฉันเซ็นสัญญาไปก่อนเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าอยากที่จะลาออก ก็จำเป็นต้องจ่ายค่าละเมิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้าน"

"หนึ่งล้าน!"ซ่งอวิ้นอันเบิกตากว้าง "เขาปล้นทรัพย์เหรอ!"

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ขัดสนเรื่องกินเรื่องใช้มาตั้งแต่เด็ก มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่ทว่าเธอก็รับรู้ได้ว่าเงินจำนวนหนึ่งล้านนั่นกว่าจะเก็บสะสมได้มันไม่ง่ายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหร่วนซือซือ

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ ดึงซ่งอวิ้นอันให้เดินลงจากบันได "พวกเราไปกันก่อนเถอะนะ"

เรื่องราวดำเนินมาถึงขณะนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางหลบหนีพ้นแล้ว ทำได้เพียงแค่ต้องเผชิญหน้ากับมันเท่านั้น งานนี้ให้ทำไปก่อนก็ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีรายได้เข้ามาในแต่ละเดือน

บวกกับที่เธอพึ่งจะเช่าห้องไปอีก เงินเก็บเล็กๆของตัวเองตอนนี้ก็หายไปเกือบครึ่งแล้ว ถ้าหากว่าเธอตกงานอีกล่ะก็ เกรงว่าชีวิตหลังจากนี้คงจะต้องลำบากแน่ๆ

ถึงแม้ว่าหร่วนซือซือจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ซ่งอวิ้นอันก็คิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าเลือกที่จะไม่พูดอะไรให้มากความ "ถ้าอย่างนั้น…ตอนนี้ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วล่ะก็ รอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วค่อยว่ากันใหม่ดีไหม"

ในเรื่องของชีวิต ใครๆก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับไปทั้งนั้น

หร่วนซือซือพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันไปยิ้มให้เธอ "เธออยากทานจิ้นจุ่มนี่จ้ะ ไปกันเถอะ ฉันรู้จักร้านหนึ่งที่อร่อยมากเลยล่ะ"

เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งอวิ้นอันจากเดิมที่มีสีหน้ามืดมนกลับสว่างสดใสขึ้นมาทันที "จริงหรือ! รีบไปกันเถอะ รีบไปกัน ฉันหิวมาตั้งนานแล้ว!"

เมื่อมื้ออาหารจบลง ทั้งสองคนกินอิ่มจนพุงกาง สภาพจิตใจก็ดีขึ้นมาตามลำดับ

"อันอัน วันนี้ตอนบ่ายเธอพอจะมีเวลาไหม?"

ซ่งอวิ้นอันพิงเข้ากับพนักพิงโซฟา ส่งเสียงเรอออกมาเล็กน้อย "มีสิจ้ะ มีเรื่องอะไรเธอพูดมาได้เลย!"

"ฉันพึ่งจะเช่าห้องอยู่น่ะ ยังไม่ทันที่จะโยกย้ายของเลย อีกอย่างทางฝั่งแม่ของฉันก็ไม่ค่อยจะสะดวกนัก……"

เรื่องที่เธอเช่าห้องอยู่ยังไม่ได้คุยกับคุณนายหลิวเลย หากว่าให้เธอรับรู้ล่ะก็ คงจะต้องทะเลาะกันแน่ๆ ประจวบเหมาะกับที่ซ่งอวิ้นอันอยู่พอดี เธอลากเธอให้ไปด้วยกัน ก็คงจะช่วยเธอพูดอะไรได้บ้างแหละ

ซ่งอวิ้นอันเพียงแค่เห็นสีหน้าของหร่วนซือซือ ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ทันที เบิกตากว้างก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า "เข้าใจแล้ว ประเดี๋ยวฉันจะกลับไปพร้อมกับเธอเอง!"

หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "มีคุณธรรมมาก!"

ซ่งอวิ้นอันโดนเธอยกย่อปอปั้นขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือที่แอบส่งข้อความอยู่ใต้โต๊ะกลับสั่นขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหยุดชะงักในทันที

หากว่าหร่วนซือซือรู้ว่าเขาส่งข้อความไปหาพี่ชายเธอล่ะก็ เธอไม่มีทางที่จะยกย่อปอปั้นว่าเธอมีคุณธรรมแน่ๆ!

Options

not work with dark mode
Reset