จอมใจจอมทัพ 55 ชั่วฟ้าดินสลาย

ตอนที่ 55 ชั่วฟ้าดินสลาย

เขากล่าวเสียงกระเส่า มือใหญ่เริ่มเปะป่ายซุกซนไปทั่วผิวกายนุ่มนิ่มแห่งนาง ซูเม่ยรู้สึกได้ถึงความแข็งขึ้นยิ่งใหญ่ดุนดันอยู่ที่กลีบก้น

“ ท่านพี่ ไหนว่าจะให้ข้าพักเล่า ”

“ เจ้าก็นอนเฉย ๆ ไปสิ พี่มิได้ให้เจ้าทำอะไรเสียหน่อย ”

ว่าก่อนจะยกเรียวขาข้างหนึ่งของนางขึ้น จรดจ่อลำเอ็นยาวใหญ่นั้นเข้ากับปากทางรักจากทางด้านหลัง แล้วดันเข้าไป ช้า ๆ

“ อื๊อ ” นางครวญคร่ำ ขณะที่โดนรุกรานจากลำเอ็นแข็งขึง เมื่อเข้าไปสุดแล้วเข้าก็ขยับเบียดชักเข้าออกในรูร่องช้า ๆ มือหนึ่งล้วงไปด้านหน้าที่กลางกลีบพูแล้วขยี้พลิ้ววนติ่งเนื้อน้อยเบา ๆ ไปพร้อมกับจังหวะกระทั้น

“ ท่านพี่ สะ… เสียว ”

“ พี่ก็เสียวใจจะขาด ของเจ้าตอดพี่ดีเหลือเกิน ” เขาว่าก่อนที่จะจับนางให้พลิกลงนอนคว่ำ แล้วดึงสะโพกนางเข้าหาในขณะที่ตนเองคุกเข่าอยู่

ซูเม่ยกำผ้าผ้าห่มแพรเสียแน่น ท่านี้ทำเอาลำเอ็นใหญ่เข้าลึกเสียจนเสียดเสียวไปหมด

“ ท่านพี่เจ้าขา ”

“ ดีหรือไม่ เจ้าชอบท่านี้หรือไม่ ” เขาว่าพลางอัดกระทั้นลำเอ็นเข้าใส่ ขณะเดียวกันสองมือก็กระชากสะโพกงามเข้าหายิ่งทำให้เข้าได้ลึกและแรงมากขึ้น

“ ชอบที่สุดเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ไหวแล้ว เสียวเหลือเกิน ”

“ พี่จะส่งเราทั้งคู่ไปสู่สวรรค์ ” เขาว่าพลางเร่งจังหวะให้เร็วแรงเสียงหน้าขาและบั้นเด้ากระแทกเข้ากับกลีบก้นดังสนั่น ลั่นห้อง ผสานกับเสียงครางครวญร่ำรักของทั้งคู่จวบจนทะยานเข้าสู่ปลายทางแห่งรักพร้อมกัน

“ พี่รักเจ้าเหลือเกิน ” เขากระซิบข้างหูแล้วกอดรัดนางเข้าไปแนบแน่น

“ ข้าก็รักท่านพี่ที่สุด แต่ยามนี้นัยน์ตาของข้าจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ตรงนั้นของข้าก็รู้สึกระบม ขอให้ข้าได้พักก่อน ”

“ ได้ พี่จะให้เจ้าได้พัก ” ทว่าเป็นการลั่นวาจาที่หาเชื่อได้ไม่ ท่านแม่ทัพเหิงยังคงตักตวงกลืนกินองค์หญิงซูเม่ยคราแล้วคราเล่า ซึ่งแม้นางจะกล่าวว่าเหน็ดเหนื่อยเพียงใด หากเพียงถูกเขาสัมผัส เนื้อตัวก็เต้นตุบพรักพร้อมยินยอมหลอมละลายทุกคราว

เพราะรักเหลือเกิน…

เขาเคี่ยวกรำร่ำรักจนนางหลับใหลไปในอ้อมกอดทั้งที่ยังสอดประสานในท่าที่นางนอนอยู่บนเรือนกายกำยำ แม่ทัพหนุ่มโอบกอดนางอย่างแนบแน่นแล้วจูบไปบนเรือนผมสลวยอย่างแสนรักใคร่ก่อนเอื้อนเอ่ยคำรักอันแสนหวานแม้นางไม่ได้ยินก็ตามที

“ ขอบใจเจ้าเหลือเกินที่ให้เกียรติรักพี่และให้พี่ได้รักเจ้า บุรุษผู้นี้สาบานจะรักเจ้าตราบสิ้นฟ้าดินสลาย ”

***

หนึ่งปีผันผ่าน

เมืองหงโจวยังคงเป็นเมืองในหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์เพิ่มพูนคือความสุขและความมั่นคงปลอดภัยที่ชาวเมืองได้รับจากท่านเจ้าเมืองคนใหม่ที่ชื่อ เหิงซื่อหลุน

ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพผู้ไร้อารยะป่าเถื่อนดิบถ่อยในวันนั้น ได้กลายมาเป็นท่านเจ้าเมืองที่บริหารบ้านเมืองได้อย่างดีเยี่ยม ไพร่ฟ้าประชาชนล้วนแล้วแต่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เหิงซื่อหลุนเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์หญิงเหรินซูเม่ยและท่านเจ้าเมืองคนเดิมผู้เป็นบิดาก็ประกาศสละตำแหน่งทันที

“ ข้าแก่เกินจะสู้รบปรบมือกับใครแล้ว และลูกเขยของข้าก็เก่งกาจกล้าหาญทั้งบู๊บุ๋น ตำแหน่งเจ้าเมืองไม่มีใครเหมาะสมเกินเขาอีกแล้ว ”

คำพูดของอดีตท่านเจ้าเมืองมิได้ผิดไปแต่อย่างใดเลยเหิงซื่อหลุนชาญฉลาดรอบคอบทันคน เก่งทั้งการบริหารและ การทัพ เขาปรับเปลี่ยนคณะบริหารที่เป็นเหล่าขุนนางเก่าแก่หากไร้สติปัญญา อีกทั้งยิ่งอยู่นานยิ่งมีอำนาจ ผู้ใดก็มิกล้าแตะต้อง แต่ซื่อหลุนใช้วิธีที่ชาญฉลาดแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นปูนบำเหน็จผู้ที่ถูกเกษียณราชการทั้งยังจัดพิธีแซ่ซ้องให้เหล่าประชาชนเถลิงเกียรติ ทำให้พวกเขาไม่ได้รู้สึกย่ำแย่อย่างที่ควรเป็น ส่วนเหล่าขุนนางใหม่ ซื่อหลุนนั้นได้เล็งไว้แล้วว่าผู้ใดเหมาะสม โดยการสืบประวัติอีกทั้งอุปนิสัยเป็นอย่างดี ก่อนจะทำทีไปปรึกษาเหล่าขุนนางเก่าเพื่อเป็นการให้เกียรติ แล้วก็เสนอชื่อคนเหล่านั้นพร้อมชักจูงให้คล้อยตามแล้วเลือกคนที่เขานำเสนอ ก่อนแสดงความยินดีและชื่นชมอีกว่าพวกเขานั้นช่างฉลาดปราดเปรื่องในการเลือกคน ทำให้เหล่าขุนนางเก่าเหล่านั้นยังรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า

Options

not work with dark mode
Reset