จอมใจจอมทัพ 20 จุดประสงค์หลัก

ตอนที่ 20 จุดประสงค์หลัก

“ ต่ำช้า ไร้มารยาท มิรู้กาลเทศะ มิรู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อย ” เสียงพึมพำเบา ๆ ดังขึ้น ทว่าแม่ทัพหนุ่มยังคงมีสีหน้าราบเรียบราวกับมิได้ยินเสียงเหล่านั้นทั้งที่ปกติเป็นคนหูไวตาไวเป็นยิ่งนัก เขานั่งลงประจำที่ ยกจอกสุราดื่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ปัง !

ในความเงียบงันเกิดเสียงดังลั่นขึ้น นั่นมาจากท่านจอมทัพวางจอกสุราลงบนโต๊ะโดยแรง ขุนนางเหล่านั้นสะดุ้งโหยงหน้าซีดเผือด หุบปากลงได้ทันควัน

“ ขออภัยท่านเจ้าเมืองที่ข้าบังอาจทำเสียงดัง บังเอิญข้าเป็นคนต่ำช้า ไร้มารยาท ก็เลยมิรู้กาลเทศะ ”

ในคำขออภัยของแม่ทัพเหิงนั้นแฝงด้วยข้อความที่คนพวกนั้นพูดจาดูหมิ่น นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาได้ยินทุกถ้อยกระบวนความและเป็นที่แน่ชัดเหลือเกินว่าหากคนผู้นี้กล้าทุบโต๊ะต่อหน้าท่านเจ้าเมืองแล้วล่ะก็ การที่เขาจะสังหารผู้ใดสักคนที่บังอาจปากยื่นปากยาวแส่หาเรื่องนั้นก็คงไม่ยากไปกว่าการกระดกสุราขึ้นดื่มอย่างแน่นอน

ขณะนี้ในท้องพระโรงเงียบกริบทั้งที่มีทั้งขุนนางผู้ใหญ่และทหารองครักษ์อยู่ไม่น้อย ยิ่งพวกขุนนางเหล่านั้นที่หมิ่นท่านแม่ทัพต่างก็พากันก้มหน้างุดจนแทบจะจรดพื้นอยู่แล้ว ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งเห็นเหตุการณ์แล้วอดขำไม่ได้จนเพื่อนทหารอีกนายต้องสะกิดห้าม

ท่านเจ้าเมืองเหรินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดบทเพื่อมิให้เรื่องบานปลาย

“ ข้าขอขอบใจทุกท่านที่มาในวันนี้ ข้านั้นแม้เป็นเจ้าเมือง ก็มิอาจบริหารบ้านเมืองแต่เพียงผู้เดียวได้ ขุนนาง แม่ทัพ ทหารหาญทุกท่านล้วนมีความสำคัญต่อหงโจวไม่น้อยไปกว่ากัน สิ่งใดเล็กน้อยอย่าได้ถือสาหาความกันเลย

ที่ข้าเชิญทุกท่านมาในวันนี้ ขอบอกตามตรงว่ายามนี้คณะทูตเจี้ยนจิงรอเข้าเฝ้าอยู่ และข้าเกรงว่าการเดินทางมาด่วนครั้งนี้คาดว่าคงมีเรื่องสำคัญ อยากให้ทุกท่านร่วมเป็นประจักษ์พยาน หากมีเรื่องใดข้าก็จะใคร่ขอความเห็นของพวกท่านทั้งหลายในการตัดสินใจ ” เมื่อทุกอย่างเข้าที่ ท่านเจ้าเมืองจึงให้คนเรียนเชิญคณะทูตจากเจี้ยนจิงเข้าเฝ้า

“ กระหม่อมทูตตัวแทนจากเจี้ยนจิง ขอคาราวะท่านเจ้าเมือง ” ทูตเจี้ยนจิงกล่าวคำนับอย่างน้อมน้อม

“ ข้าและชาวเมืองหงโจวรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับท่านทูตและคณะเจี้ยนจิงในครั้งนี้ เดินทางมาเหนื่อย ๆ เชิญทุกท่านนั่งพักดื่มกินให้หายเหนื่อยก่อนเถิด ”

ทุกคนทั้งคณะทูตเจี้ยนจิงและเหล่าขุนนางหงโจวดื่มกินกันอย่างเพลิดเพลิน มีทั้งสุราอาหาร การแสดงฟ้อนรำ มีเพียงแม่ทัพเหิงเท่านั้นที่นั่งดื่มอยู่เงียบ ๆ หาได้สนทนาปราศรัยกับผู้ใดไม่

เขาปลีกตนเองออกมามุมหนึ่งซึ่งไม่คึกคักนัก ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้นชายหนุ่มรู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก ให้เขาอยู่ในสนามศึกต่อสู้เสี่ยงตายกับอริราชศัตรู ยังสบายใจเสียกว่ามานั่งเห็นเหล่าขุนนางวางท่าฉาบหน้ายิ้มแย้มไมตรี สนทนาปราศรัยด้วยมธุรสวาจา หากเบื้องหลังล้วนหวังประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น

เมื่อดื่มกินกันได้ระยะหนึ่ง ท่านเจ้าเมืองจึงกล่าวถามหัวหน้าคณะทูต

“ อาหารเครื่องดื่มถูกปากหรือไม่ มีสิ่งใดขาดเหลือพวกท่านบอกคนของข้าได้ ”

“เรียนท่านเจ้าเมือง ทั้งและอาหารและสุราหงโจวล้วนรสเลิศ กระหม่อมขอขอบพระทัยในการต้อนรับอย่างดีถึงเพียงนี้พะย่ะค่ะ ”

“ ไม่ต้องมากพิธีหรอก ตามสบายเถิด ” ท่านเจ้าเมืองหัวเราะอย่างพอใจ เขาปล่อยให้งานเลี้ยงต้อนรับดำเนินไปอีกครู่ใหญ่ เมื่อเห็นเหล่าคณะทูตอิ่มหนำสำราญจนพอใจแล้วจึงยุติสิ่งรื่นเริงบันเทิงใจเหล่านั้นเพื่อเข้าสู่การเจรจา

“ หากทุกท่านพร้อมแล้ว เรามาพูดเรื่องสำคัญกันดีกว่า ” ท่านเจ้าเมืองกล่าว

“ ข้าและคณะทูตเจี้ยนจิงเดินทางมาในวันนี้ เพื่อนำเครื่องบรรณาการจากองค์ชายมามอบให้ท่านเจ้าเมืองหงโจวเพื่อแสดงไมตรีพะย่ะค่ะ ทหารขนเข้ามา ” ทูตเจี้ยนจิงสั่งทหารขนเครื่องบรรณาการเข้ามา มีทั้งทองคำ หยกเนื้อดี อัญมณี แพรพรรณและของมีค่าอีกมากมาย หีบสิ่งของเรียงรายจนมองไม่ทั่ว

เหล่าขุนนางหงโจวแอบส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นของมีค่ามากมายถึงเพียงนี้

“ นี่ยังไม่หมดนะพะยะค่ะ ด้านนอกยังมีอาชาศึกชั้นดีกับอาวุธอีกจำนวนมาก ” ทูตเจี้ยนจิงกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ นอกเสียจากสิ่งของมากมายที่เจี้ยนจิงนำมาบรรณาการหงโจวจนนับไม่ถ้วน ข้าอยากจะรู้ถึงจุดประสงค์หลักในการมาครั้งนี้ ” เสียงห้าวกังวานดังขึ้น ทุกคนหันขวับไปหาต้นเสียงทันที

Options

not work with dark mode
Reset