ข้อห้าม 21 เมล็ดสลอด!

ตอนที่ 21 เมล็ดสลอด!

“พี่ชอบพี่ชุยเสี่ยวซินใช่มั้ย?”

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น ทำเอาหลี่มู่หยางที่กำลังครุ่นคิดอยู่ตกใจ

หลี่มู่หยางมองน้องสาวที่ทำหน้าหลอกผีที่สวมชุดนอนลายลิงพอลแฟรงค์สีชมพู และพูดว่า ” หลี่ซือเหนียน เธอปัญหาอ่อนใช่ั้ย?”

หลี่ซือเหนียนแบะปาก พูดด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไม?ตอนนี้รังเกียจที่ฉันทำตัวปัญญาอ่อนหรอ? หลังจากเห็นความงดงามความสงบนิ่งของพี่เสี่ยวซินแล้วก็เริ่มรังเกียจผู้หญิงแก่นแก้วอย่างฉันแล้วหรอ? ก่อนหน้านี้อนที่พี่ชุยเสี่ยวซินยังไม่สนใจพี่ ทำไมพี่ไม่เห็นจะว่าฉันปัญญาอ่อนเลย?”

“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…………”

“พี่หมายความอย่างนั้น แบบนั้นเลย พวกพี่ชายก็ชอบของใหม่ทิ้งของเก่า พี่คิดว่าฉันไม่รู้หรอ……..มีแต่คนบอกว่าผู้ชายหล่อๆมักจะหลายใจ หลี่มู่หยาง คิดไม่ถึงเลยนะ รูปร่างหน้าตาแบบพี่ก็หลายใจเหมือนกัน พี่ออกไปจีบสาวข้างนอกสาวๆสนใจพี่มั้ย?”

“……………..”

หลี่มู่หยางรู้ดีว่า คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของเขาไปทำลายศักดิ์ศรีที่เปราะบางของหลี่ซือเหนียน

ไม่งั้นล่ะก็ เธอไม่มีทางเปลี่ยนเป็นงูที่ง้างปากโชว์ฟันเพียงแค่ชั่ววินาที

“ว๊าว ชุดนอนของซือเหนียนสวยมากเลย นี่ซื้อใหม่หรอ?” หลี่มู่หยางเริ่มพูดชมเธอ แต่ก่อนทุกครั้งที่เขาใช้วิธีนี้ หลี่ซือเหนียนก็จะรู้สึกดีขึ้น หลังจากนั้นเขาก็จะเปลี่ยนหัวข้อการสนมนาจากที่เขาโดนต่อว่าเปลี่ยนเป็นการพูดชมหลี่ซือเหนียนแทน

“หลี่มู่หยาง ชุดนอนชุดนนี้ฉันใส่นอนมาหลายวันแล้ว เมื่อคืนฉันก็สวมชุดนอนนี้ไปนั่งเล่นในห้องพี่ตั้งนาน ในสายตาพี่ตกลงมีฉันอยู่บ้างมั้ย?” หลี่ซือเหนียนกระโดดขึ้นบนเตียง เธอหยิบหมอนแล้วเอามาฟาดหัวหลี่มู่หยาง

“พี่ยอมแพ้ พี่ยอมแพ้” หลี่มู่หยางรีบเอามือขึ้นมาปิดหัวและยอมแพ้ “พี่นึกออกแล้ว เมื่อคืนที่จริงก็เห็นเธอสวมชุดนอนตัวนี้แล้ว ในความคิดพี่ไม่ว่าเธอจะสวมชุดอะไรก็สวยทั้งนั้น แต่เธอสวมชุดนี้มันยิ่งทำให้เธอดูคาวาอิมากขึ้น………..”

หลี่ซือเหนียนฟาดหมอนแรงขึ้น เธอกัดฟันและพูดว่า “พี่มันโง่ พี่พูดว่าฉันคาวาอิมันหมายความว่าอย่างไร? พี่รังเกียจที่ฉันไม่มีนมไม่มีตูดใช่มั้ย? พี่รู้สึกวันฉันดูไม่เป็นผู้ใหญ่ดูปัญญาอ่อนใช่มั้ย? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินพี่ชอมพี่เสี่ยวซินว่าคาวาอิบ้าง?”

“………………” หลี่มู่หยางไม่กล้าพูดอะไรอีก

เขาพบว่า ตอนที่ผู้หญิงงอน แม้แต่ลมหายใจของคุณเธอก็มองว่ามันเป็นมลพิษในอากาศ

หลังจากที่เขามุดหัวเข้าไปใต้ผ้าห่มยอมให้เธอปลดปล่อยแล้ว หลี่มู่หยางก็เงยหน้าขึ้นมา หัวเราะและพูดว่า ” ไม่ตีแล้วหรอ?”

“ไม่ตีแล้ว ตีจนปวดมือหมดแล้ว” หลี่ซือเหนียนทิ้งหมอนลงอีกด้านหนึ่ง และไปนั่งพิงหัวเตียงกับหลี่มู่หยาง เธอหยิบถุงขนมมันฝรั่งอบกรอบขึ้นมากิน

“ค่ำแล้วกินของทอดให้มันน้อยๆหน่อย เดี๋ยวจะอ้วนนะ” หลี่มู่หยางพูด

หลี่ซือเหนียนเบิกตาโพรงและพูดว่า ” หลี่มู่หยาง พี่หมายความว่ายังไง? ตอนนี้กล้ารังเกียจที่ฉันอ้วน?”

“………………….”

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเซ็งๆของหลี่มู่หยาง หลี่ซือเหนียนก็อดไม่ไดหัวเราะเสียงดังออกมา เธอหยิบขนมยัดเข้าไปในปากของหลี่มู่หยางและพูดว่า ” พี่ บางทีก็รู้สึกว่าพี่น่าเกลียดแบบน่ารักดี”

“แต่พี่กับมองว่าธอน่ารักตลอดเลย” ในปากของหลี่มู่หยางเต็มไปด้วยขนม เขาจึงพูดออกมาไม่ค่อยชัดเจน

“แน่นอนอยู่แล้ว ” หลี่ซือเหนียนสะบัดผมที่เพิ่งสระมา และพูดด้วยความภาคภูมิใจ กลิ่นมะนาวของน้ำยาสระผมส่งกลิ่นหอมออกมา อากาศมีกลิ่นหอมเปรี้ยวๆหวานๆ เหมือนกับนิสัยของหลี่ซือเหนียน ” พี่ พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ”

“คำถามอะไร?” หลี่มู่หยางแกล้งโง่

” หลี่มู่หยาง ฉันจะบอกพี่ให้นะ อย่ามาทำเป็นมึน ฉันเห็นพี่มาตั้งแต่เด็กจนโต ก้นของพียังไม่ทันยื่นออกไปฉันก็รู้แล้วว่าพี่จะอึ……………”

“ฉันเป็นพี่เธอนะ………….” หลี่มู่หยางพูดเตือนด้วยความกลัดกลุ้มใจ

“หรือว่าที่ฉันพูดมันไม่เป็นความจริง?” หลี่ซือเหนียนมองค้อนใส่และถามย้อนกลับมา

“……………….”

หลี่ซือเหนียนพูดถูก เธอเห็นหลี่มู่หยางเติบโตมาจริงๆ

เพราะว่าสุขภาพร่างกายของหลี่มู่หยางไม่ค่อยดี การทำงานของร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ เพิ่งลืมตาได้ตอนอายุสามขวบ เพิ่งเริ่มเดินได้ตอนอายุเจ็ดขวบ

เขาก็จะส่งเสียงร้อง ทำให้หลี่ซือเหนียนจึงเป็นคนแรกที่รู้ว่าเขาต้องการอะไร

ดังนั้น ที่เธอพูดว่าก้นของหลี่มู่หยางยังไม่ทันยื่นออกไปเธอก็รู้แล้วว่าเขาจะอึ..เป็นความจริงที่หลี่มู่หยางไม่สามารถปฏิเสธได้

ตั้งแต่เล็กจนโต หลายๆครั้งเขาต้องพึ่งพาการดูแลจากน้องสาวที่อายุน้อยกว่าเขาสองปี

“รีบพูด รีบพูดเร็วๆ” หลี่ซือเหนียนป้อนขนมเข้าปากหลี่มู่หยางอีกครั้

เธอมักจะชอยยัดชิ้นใหญ่ๆเข้าไป โดยที่ไม่ได้สนใจว่าปากของคนอื่นจะรับได้มั้ย

“พี่รู้สึกว่าชุยเสี่ยวซินเป็นผู้หญิงที่ดีมาก”

“แล้ว?”

“แล้ว…….ไม่มีแล้วไง? เธอช่วยพี่ติวหนังสือตลอดเลย พี่ซึ่งใจมาก”

“ไมีมีความรู้สึกอืนๆแล้วหรอ?”

“หลี่ซือเหนียน………ตอนนี้พวกเรายังเป็นนักเรียน หน้าที่ของนักเรียนก็คือการตั้งใจเรียน เธอคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ยะ? คิดไม่บริสุทธิ์เลยนะ”

หลี่ซือเหนียนทำหน้าตาดูถูก เธอจ้องหลี่มู่หยางและพูดว่า ” หลี่มู่หยาง พี่ปัญหาอ่อนใช่มั้ย? พี่ไปส่องกระจกดู ไม่ต้องพูดถึงคนที่อายุมากกว่าพี่สิบกว่าปี ขนาดเด็กอนุบาลยังรู้จักหาแฟนเลย พี่กลับบอกฉันว่าหน้าที่ของนักเรียนก็คือการตั้งใจเรียน? ถ้าพี่ยังทำแบบนี้ฉันจะบอกพ่อกับแม่ว่าพี่เป็นเกย์”

“…………………”

“จะพูดไม่พูด?”

“พี่รู้สึกดีกับชุยเสี่ยวซินจริงๆ ” หน้าของหลี่มู่หยางแดง เขาพูดด้วยความเขินอาย หลี่ซือเหนียนเป็นคนที่เขาสนิทที่สุด และก็เป็นน้องสาวของเขา แต่ก่อนเวลาเขามีเรื่องอะไรในใจ เขาก็จะบอกกับเธอ แต่ครั้งนี้กลับมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน และก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับอามณ์

“งั้นก็แสดงว่าชอบ?”

“เธอว่าใช่ก็คงใช่แหละมั้ง”

“ไม่ใช่ฉันว่าใช่ก็คือใช่สิ พี่ต้องบอกกับฉันว่าใช่ไม่ใช่ ถ้าพี่ไม่ชอบ แล้วฉันจะช่วยพี่จีบพี่ชุยเสี่ยวซินมาเป็นแฟนได้อย่างไรกัน?” หลี่ซือเหนียนพูดด้วยความเซ็ง

แววตาของหลี่มู่หยางเปล่งประกายและพูดว่า ” จริงหรอ? เธอสามารถช่วยพี่จีบชุยเสี่ยวซินได้?”

“ไม่ได้” หลีซือเหนียนตอบอย่างรวดเร็ว

“………………….”

“พี่………” หลี่ซือเหนียนหยิบขนมจะยัดเข้าปากของหลี่มู่หยางอีก หลี่มู่หยางส่ายหน้าปฏิเสธ

“กินเข้าไป” ไม่ฟังเหตุผลใดใด เธอยัดขนมเข้าปากของหลี่มู่หยาง

“ทำไม……กร็อป กร็อป กร็อป……….ต้องบังคับให้ฉันกินขนมนี่ด้วย?” หลี่มู่หยางเคี้ยวขนมที่อยู่ในปาก และพูดด้วยความยากลำบาก “เธอเคยบอกพี่ว่ากินของทอดตอนค่ำจะทำให้อ้วน”

“ใช่” หลี่มู่หยางพยักหน้า ” ในทีวีก็บอกแบบนี้”

“ดังนั้นเวลาพี่กิน ฉันจะได้กินเป็นเพื่อนพี่ได้ไง ” หลี่ซ์อเหนียนทำท่าทางเหมือนสิ่งที่ทำอยู่ก็เพื่อพี่ชาย “ถึงแม้กินแล้วจะอ้วนจริงๆ เมื่อคิดว่าต้องมีคนอ้วนเหมือนฉันด้วย ความรู้สึกผิดในใจก็จะลดน้อยลงมาก”

“………………”

“พี่ ฉันอยากจะพูดเรื่องพี่เสี่ยวซินกับพี่ ” หลี่ซือเหนียววางถุงขนมไว้บนโต๊ะหัวเตียง เธอเอาหัวมาพิงไหล่ของหลี่มู่หยางและพูดว่า ” พี่บอกมาซิว่าพี่เสี่ยวซินเป็นคนอย่างไร?”

“ไม่ใช่ว่าพี่พูดไปแล้วหรอ?เป็นคนดีไง”

“ใช่ เธอเป็นคนดีมากจริงๆ เสียดายที่ดีเกินไป” หลี่ซือเหนียนพูดและถอนหายใจ

“…………..” หลี่มู่หยางเข้าใจความหมายของหลี่ซือเหนียน ชุยเสี่ยวซินเป็นคนดี แต่น่าเสียดายที่เธอดีเกินไป

” ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาของเธอก่อนนะ พูดเรื่องกริยาท่าทางของเธอ และบางครั้งเธอก็แสดงออกถึงมารยาทของชนชั้นสูง พวกเราก็พอจะเดาออกว่าเธอเป็นคนอย่างไร……..เธอและพวกเราอยู่กันคนละโลก ตอนที่พี่ได้พูดคุยกับเธอทำให้รู้ว่า เธอไม่ได้เป็นคนเจียงหนาน เป็นคนเทียนตู เดี่ยวสอบเอ็นทรานซ์เสร็จ เธอก็จะกลับไปที่เทียนตูแล้ว กลับไปอยู่มราสถานที่ที่เป็นของเธอจริงๆ”

“พี่ ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ชุยเสี่ยวซิน เพราะฉันดูออก สิบกว่าปีมานี้ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่ยิ้มอย่างมีความสุขมากที่สุด แต่ก่อนฉันพยายามจะช่วยพี่ติวหนังสือ แต่ทุกครั้งพี่ก็จะนอนหลับ แต่พี่ชุยเสี่ยวซินกลับทำให้คะแนนของพี่เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว…………”

“ซือเหนียน ที่จริงเรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด………”

“พี่ ฉันรู้” หลี่ซือเหนียนพูดขัดหลี่มู่หยาง เธอพูดว่า ” ฉันรู้ว่าพี่ไม่อยากจะทำให้ฉันเสียใจ ไม่อยากพูดว่าฉันสู้พี่เสี่ยวซินไม่ได้ ที่จริงฉันไ่ได้สนใจเรื่องนี้ พี่เสี่ยวซินสามารถช่วยพี่ได้ ฉันได้เห็นคะแนนของพี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกดีใจมากไม่ได้รู้สึกอิจฉาพี่เสี่ยวซินเลย……..อีกอย่าง เหตุผลที่พี่ไม่ไปโรงเรียนฉันก็พอได้ยินข่าวมาบ้างแล้ว คำพูดของพี่กลายเป็นคำพูดติดปากของนักเรียนทั้งโรงเรียน………….”

“อะไร?” หลี่มู่หยางตกใจ ” พี่พูดคำว่าอะไร?”

“ผมไม่ยอมรับ” หลี่ซือเหนียนจ้องหลี่มู่หยางด้วยสายตาแวววาว เธอคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่มักจะโดนคนอื่นแกล้งบ่อยๆก็มีด้านที่แข็งแกร่งและดื้อรั้นด้วย หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดและวิธีการที่พี่ชายของตัวเองจัดการแล้ว หลี่ซือเหนียนตื่นเต้นมากจนน้ำตาคลอเบ้า หลังจากนั้นเธอก็ฉวยโอกาสช่วงพักกลางวันเดินเข้าไปในห้องทำงานของคุณครูและใส่เมล็ดสลอดลงไปในแก้วชาของจ้าวหมิงจู

Options

not work with dark mode
Reset