World’s Best Martial Artist 95 รู้จักกัน

ตอนที่ 95 รู้จักกัน

นิยาย World’s Best Martial Artist

ตอนที่ 95 รู้จักกัน

ณ สนามกีฬาหนึ่ง

นักศึกษามาเป็นกลุ่มกันสามสี่คนส่วนที่มาคนเดียวส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาจากเขตหนึ่ง

หอพักเขตอื่น คนที่มาเป็นกลุ่มสี่คนส่วนใหญ่มาจากเขตสี่และคนที่มาสามคนส่วนใหญ่มาจากเขตสาม

ฟางผิงเดินไปมองรอบๆไปพลางจู่ๆเขาก็นึกปัญหาสําคัญได้เขาเอ่ยถาม “แล้วพวกผู้หญิงล่ะไปอยู่ไหน?”

นักศึกษาใหม่มีหอพักเพียงสี่เขตเท่านั้นแล้วสาวๆไปพักอยู่ไหนล่ะ?

ฟูชางยิ่งตกใจ เขาถาม “นายไม่สังเกตเลยเหรอ?”

“ห้ะ?”

“มีผู้หญิงอยู่เขตหนึ่ง!”

ฟูชางซิ่งช็อค “สายตาของนายเป็นยังไงเนี่ย? หรือสาวๆพวกนั้นดูเหมือนผู้ชายมากไป?”

“สาวๆเขตสองเขตสามเขตสี่อาศัยอยู่ด้วยกันส่วนเขตหนึ่งเป็นห้องคนเดียวพวกเธอมักจะอยู่แค่ห้องตัวเอง”

“ในมหาลัยวิชายุทธ ชายหญิงไม่ได้แยกกันในแง่นึ่งมันเป็นเพราะจํานวนคนน้อยอีกแง่นึงเพราะผู้ฝึกยุทธไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้”

“บางครั้งเมื่อผู้ฝึกยุทธออกไปทําธุรกิจชายหญิงต้องอยู่ด้วยกัน ช่วงเวลาปกติทุกคนมักจะคุยเรื่องภารกิจกันหรือแลกเปลี่ยนแนวคิดเชิงยุทธมันจะสะดวกขึ้นเมื่อทุกคนอยู่ด้วยกัน”

“จริงอะ? ฉันไม่สังเกตเลย!” ฟางผิงกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ถ้าสาวๆจากเขตหนึ่งได้ยินคําพูดนายนะนายหัวแบะแน่”

ฟูชางดิ่งมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเมื่อกี้ตอนลงบันไดเขาก็เห็นสาวๆแล้วแต่ฟางผิงไม่สังเกตเห็นเลยเหรอ?

แม้ว่าสาวๆไม่กี่คนที่พวกเขาเห็นจะหน้าตาธรรมดาแต่พวกเธอก็ยังมีหน้าอกหน้าใจชัดเจนฟางผิงมีสายตาแย่ขนาดไหนเนี่ย?

ฟางผังรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อกี้เขาไม่ได้สังเกตจริงๆ เหตุผลหลักๆเป็นเพราะเขตหนึ่งมีผู้หญิงน้อยเกินไปนอกจากนี้พวกเธอยังรีบลงมาจากชั้นสอง เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่พอเขามาถึงชั้นล่างและเห็นสาวๆเขาเลยไม่ได้คิดว่าพวกเธออยู่เขาหนึ่งด้วยเหมือนกัน

มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ต้องหย่อนยานมากถึงยอมให้ชายหญิงอยู่ด้วยกัน

เด็กวัยรุ่นอายุเท่านี้ล้วนฮอร์โมนพลุ่งพล่านอยู่ด้วยกันจะไม่เป็นไรจริงเหรอ?

ขณะที่ฟางผิงกําลังครุ่นคิด ฟูชางยิ่งเหมือนเข้าใจว่าฟางผิงกําลังคิดอะไรเขาหัวเราะ”มันถือเป็นการทดสอบเช่น
กัน”

“ทดสอบ?”

“ทดสอบความมุ่งมั่นผู้ฝึกยุทธต้องรับมือกับความเหงาได้ นายก็ฝึกยุทธ นาย น่าจะเข้าใจนะ”

“เวลาของเราสําคัญมาก ทั้งเคล็ดเสริ มสร้าง จวงกง เคล็ดวิชายุทธและวัฒนธรรมศึกษาล้วนใช้เวลาทั้งนั้น”

“วัฒนธรรมศึกษาในโม่อู่จะต่างออกไป เมื่อเทียบกับมหาลัยทั่วๆไปโม่อู่ไม่ได้มีแต่คลาสวัฒนธรรมศึกษาเท่านั้นแต่ยังมีคลาสเรียนอีกมากมายแถมยังมีคลาสวิชายุทธเฉพาะทางหลายคลาสเลยที เดียว”

“เรายุ่งขนาดนี้ นายคงนึกออกว่าเวลาสําคัญแค่ไหน ตอนนี้นายยังมีใจคุยเรื่องความรักอีกเหรอ?”

“ถ้านายเสียเวลากับเรื่องนี้ไปมาก ไม่กี่ปีข้างหน้านายจะถูกกําหนดให้ล้าหลังกว่าคนอื่น”

“แล้วนายคิดว่าการมีแฟนจะทําให้นายมีแรงจูงใจจริงๆเหรอ?”
“แม้ว่านายจะแข็งแกร่ง ก็ใช่ว่าคนอื่นจะอ่อนแอกว่านายขณะที่นายพักผ่อน คนอื่นก็ยังพยายามอย่างหนักเมื่อเวลาผ่านไปนายย่อมอยู่ท้ายแถว”

ฟางผิงยิ้ม “ต่อให้มหาลัยอยากทดสอบเราจริงๆอย่างน้อยพวกเขาก็ควรจัดหาสาวๆสวยๆใช่มั้ย?”

“ตอนนี้ ฉันไม่มีความคิดแบบนั้นเลยโอเคมั้ย?”

“คุยกับนายแล้วฉันปวดหัวจริงๆ!”

สาวๆเขตหนึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกยุทธผู้หญิงที่ฝึกฝนจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธได้เห็นได้ชัดว่าพวกเธอพยายาม มากกว่าผู้ชายเสียอีก

ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอหรือต้องการคนโอ๋ถ้าฟางผิงกล้าหยอกล้อพวกเธอแบบนั้นต่อหน้ามันคงไม่น่าแปลกใจถ้าเขาจะโดนแพ่งกระบาลเข้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาบังเอิญเจอสาวแกร่ง

ฟูชางยิ่งคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะเห็นด้วย “นั่นก็จริงไม่แปลกใจที่มหาลัยจะไม่กังวลว่าเราจะหมกมุ่นกับผู้หญิงมากไป”

“แต่มันก็แปลกๆนะ ฉันจําได้ว่าฉันเคยรู้จักสาวๆอัจฉริยะ แถมพวกเธอก็หน้าตาดีทําไมฉันถึงไม่เจอพวกเธอเลยล่ะ?”

ผู้ฝึกยุทธหญิงมักจะมีครอบครัวฐานะร่ํารวยพวกเธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีและได้รับการดูแลอย่างดีตั้งแต่เด็ก

มันเป็นความจริงที่สาวสวยมักจะมาจากครอบครัวร่ํารวย ความสวยเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทาง สภาพแวดล้อมอีกด้วย

ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเกิดมามียนดีแค่ไหนถ้าไม่มีอาหารเพียงพอ ไม่มีเสื้อผ้าอุ่นๆใส่ผิวก็จะหยาบกร้านคล้ําแดดถ้าจัดการสิวเสี้ยนไม่ดีพอเวลาผ่านไปจากสวยก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดได้เช่นกัน

ในทางกลับกัน ครอบครัวร่ํารวยนั้นต่างกันเรื่องอย่างนิสัยใจคอ วิสัยทัศน์แฟชั่นอาหาร…ทุกอย่างล้วนมีอิทธิพล

ตราบใดที่พื้นฐานผ่าน พวกเธอมักจะไม่น่าเกลียดจนเกินไปเว้นแต่พื้นฐานจะย่ําแย่เหลือประมาณ

นอกจากนี้ครอบครัวที่ร่ํารวยมักจะแต่งงานกับสาวสวยยีนของคนรุ่นต่อไปก็จะดีขึ้น

ฟางผิงไม่สนใจคําพูดของฟูชางยิ่ง

เมื่อกี้สหายคนนี้ยังดูสิ้นหวังอยู่เลยเขาดูเหมือนคนที่เคยเห็นสาวสวยเหรอ?

ขณะที่พวกเขาคุยกัน เวลาก็เดินไปถึงบ่ายสามแล้ว

บนเวที่หลัก ชายกลางคนหน้าเหลี่ยมตะโกนขึ้นมาฉับพลัน “เข้าแถว!”

บนสนามกีฬามีแค่นักศึกษาเท่านั้นไม่มีอาจารย์หรือนักศึกษารุ่นพี่มาคอยสั่งการ

ตอนแรกตอนที่ชายกลางคนตะโกนสั่งให้พวกเขาเข้าแถว สติทุกคนยังไม่เข้าที่พวกเขาค่อยๆเริ่มต่อแถวกันแต่แถวขาดๆเกินๆ นักศึกษาบางคนก็ยังยืนอยู่นอกแถวคุยกันอยู่เลย

ไม่มีใครต่อว่าพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครลงมาช่วยออกคําสั่งเช่นกัน

สามนาทีต่อมา

ชายคนนี้ตะโกนอีกครั้ง “เราถึงเวลารวมตัวแล้ว คนที่มาสายและไม่ได้อยู่ในแถวจะถูกหัก 20 คะแนน!”

“ปิดประตู!”

เมื่อสิ้นคําว่า”ปิดประตู นักศึกษาชุดฝึกซ้อมหลายคนที่อยู่ตรงทางเข้าสนามกีฬาก็รีบปิดประตูเหล็กส่วนนักศึกษาที่ยังอยู่นอกแถวก็รีบวิ่งเข้าแถว

เวลานั้นเอง สีหน้าของชายกลางคนก็ เปลี่ยนเป็นเย็นชา “อยู่ตรงนั้น!”

เสียงตะโกนตําหนิมาพร้อมกับแรงกด ดันปราณและเลือดที่ทําเอาหายใจแทบไม่ออก

สนามกีฬาหนึ่งใหญ่พอจุคนทั้งพัน แต่ พวกเขาใช้แค่พื้นที่เล็กๆตรงกลางเท่า
นั้น

ในทางกลับกันชายกลางคนกําลังยืน อยู่บนเวทีที่ห่างจากฝูงชนเป็นสิบเมตรและห่างจากคนที่อยู่แถวหลังๆนับร้อยเมตรกระนั้นเมื่อปราณและเลือดระเบิดออกทั้งสนามกีฬารู้สึกเหมือนหนักอึ้งไปด้วยปราณและเลือด

ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าขยับราวกับว่าการเคลื่อนไหวเพียงก้าวเดียวจะทําให้พวกเขากลายเป็นผุยผง

“แข็งแกร่งมาก!”

กลางฝูงชน ฟางผังรู้สึกอึ้งๆ แข็งแกร่ง ขนาดไหนกันเนี่ย?

เขาเคยเห็นผู้ฝึกยุทธขึ้นสาม หา กระเบิดปราณและเลือดส่งผลกระทบโดยรอบได้สิบเมตรก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ผู้ฝึกยุทธขั้นกลาง เขาไม่เคยเห็นมา ก่อน แต่จากฟางผิงวิเคราะห์ พวกเขาส่งผลกระทบโดยรอบได้ห้าสิบเมตรก็ ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว

ผลกระทบที่ว่า มันจะทําให้เรารู้สึกว่า ปราณและเลือดของเรากําลังเดือดพล่าน

และพลังที่ก่อให้เกิดแรงกดดันต่อ นักศึกษานับพันๆ มันแข็งแกร่งเหนือจิน ตนาการ!

ฟางผิงจินตนาการได้เลยว่าถ้าคนแข็ง แกร่งแบบนี้เผชิญกับกองทัพมนุษย์ธร รมดา แรงกดดันปราณและเลือดก็ทําให้ กองทัพสูญเสียพลังในการต่อสู้ ไม่กล้า ลงมือแม้แต่น้อย

“สวัสดีนักศึกษาทุกคน อาจารย์ขอ แนะนําตัวก่อน อาจารย์ชื่อหวงจึง คณบดีสาขาศัสตราวุธ”

ชายหน้าเหลี่ยมไม่ได้ใช้ไมโครโฟน หรือโทรโข่ง แต่เสียงเขาดังฟังชัดราว กับพูดอยู่ข้างหู

“อาจารย์ใหญ่ไม่อยู่ในมหาลัย และ รองอาจารย์ใหญ่ทั้งสองก็มีธุระต้องจัด การ อาจารย์จะเป็นเจ้าภาพพิธีต้อนรับ นักศึกษาใหม่!”
ฟางผิงเข้าใจความหมายแฝงในคําพูด นอกจากอาจารย์ใหญ่ทั้งสาม คณบดีสา ขาศัสตราวุธน่าจะมีสถานะสูงสุดในโม่อู่ ซึ่งอาจเป็นการรับรองความแข็งแกร่ง เขาเช่นกัน

จากที่หวังจินหยางบอก โม่อู่มีปรมาจา รย์สี่คน

เป็นไปได้ไหมว่าคณบดีสาขาศัสตราวุ ธคนนี้เป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์?

ตามความเข้าใจของฟางผิง สาขา ศัสตราวุธถือเป็นสาขาที่สําคัญที่สุด

“เมื่อเข้ามาโม่อู่ สิ่งแรกที่อาจารย์ อยากสอนทุกคนคือเชื่อฟังกฏ!”

“รวมตัวบ่ายสามก็คือบ่ายสามตรง ไม่ มีต่อรอง!”

“คนที่ไม่มา คนที่มาสาย คนที่ไม่ทํา ตามกฏ จะถูกหัก 20 คะแนน!”
“20 คะแนน…ไม่ต่างจากขอชีวิต!”

มีคนในฝูงชนพูดขึ้นมาเบาๆ เห็นได้ ชัดว่าคนๆนี้มีความเข้าใจในสถานการณ์ ของโม่อ่อยู่บ้าง

หวงจึงได้ยิน แต่พูดอย่างเฉยเมย “บางที่บางคนอาจไม่เข้าใจว่าคะแนนขอ งมหาลัยสําคัญแค่ไหน”

“พูดง่ายๆ ในโม่อู่ 3 คะแนนพอแลกเม็ ดยาปราณและเลือดและ 10 คะแนน แลกยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งได้”

“นักศึกษาสามารถใช้ 1 คะแนนแทน เงิน 10,000 หยวน หรือเข้าใจว่ามันเป็น 30,000 หยวนของโลกภายนอก เพ ราะอัตราแลกเปลี่ยนของมหาลัยวิชา ยุทธเซี่ยงไฮ้เกือบเท่าหนึ่งในสามของรา คาตลาด”

เวลานี้ ฟางผิงช็อคมาก!

นั่นหมายความว่า 20 คะแนนแลกยา ปราณและเลือดขั้นหนึ่งได้สองเม็ดซึ่งมี ราคาตลาดสูงถึง 60,000 หยวน!

“โม่คู่สัญญาว่าจะฝึกฝนต่ํากว่าขั้นหนึ่ง ได้ฟรี!”

บนเวที หวงจึงพูดต่อ “แต่มันไม่ได้ฟรี แบบไม่จํากัด นักศึกษาใหม่จะได้ 50 คะ แนน ซึ่งเป็นทรัพยากรฝึกฝนทั้งหมดก่อ นถึงขั้นหนึ่ง!”

50 คะแนนแลกเปลี่ยนยาปราณและ เลือดขั้นหนึ่งได้ห้าเม็ด มันมีมูลค่าทั้ง หมด 1.5 ล้านหยวน!

ดูเหมือนมันจะใจกว้างเกินไปที่มอบ 50 คะแนนให้นักศึกษาฟรี แต่กลับกัน บางคนเสียไป 20 คะแนนตั้งแต่วันแรก ฟางผิงมองไปรอบๆด้วยความเห็นใจ อย่างอดไม่ได้

มีคนไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่ในแถว อย่าง น้อยก็ร้อยคน ส่วนคนที่ไม่มาหรือมาสาย ตอนนี้ยืนออกันนอกประตูเหล็กมากกว่า สิบคน

นอกจากว่าเงินไม่ใช่ปัญหาของครอบ ครัวของคนเหล่านี้ ไม่งั้นแค่เริ่มต้น พวก เขาก็สูญเสียไปมากแล้ว

ณ ที่นั่งผู้ชม

เฉินเพิ่งชิงเบ้ปาก “คณบดียังพูดเก่ง เหมือนเคย จะอธิบายทําไม? ปล่อยให้ นักเรียนใหม่จบเห่เองก็จบ”

“หุบปาก!” อาจารย์หมิ่นตําหนิ

“เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ? คิ ดว่าคณบดีไม่ได้ยินรีไง?”

ถ้าเขาสบประมาทตัวเองมันคงไม่ สําคัญ ประธานชมรมวิถียุทธคงไม่พูดถึง เขา ตอนนี้เขายังกล้าดูหมิ่นคณบดีสาขา ศัสตราวุธที่อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว ต่อ ให้เขาอยากฆ่าตัวตาย เขาก็ไม่ควรทํา
แบบนี้!

คนอื่นๆค่อยๆถอยห่างจากฉันเพิ่งชิง “เจ้าหมอนี่ถูกทุบตีจนเสียสติไปแล้ว เหรอ?”

เขากล้าพูดจาเหลวไหลใส่ปรมาจารย์ ที่อยู่ห่างไม่ถึง 30 เมตร เขาคงไม่มี ปัญหาที่หลังใช่ไหม?

จากความเข้าใจที่มีต่อคณบดีหวง มัน มีโอกาสเป็นไปได้สูง!

ความจริงเป็นไปตามคาด บนเวที หวง จึงชําเลืองมองฉันเพิ่งชิง สายตาเขามี ความหมายแฝงอย่างล้ําลึก

เยี่ยม เขาคงรู้สึกว่าชีวิตในโม่อู่ช่วงนี้ มันน่าเบื่อเกินไปสินะ

แม้แต่เด็กหนุ่มจากมหาลัยวิชายุทธ หนานเจียงก็กล้าท้าทายฝั่งเหนือ ปล่อย ให้ฉันเพิ่งชิงไปลองดูบ้างก็คงไม่เสีย
หายนาว

ในที่นั่งผู้ชม ฉันเพิ่งชิงพลันรู้สึกหนาว สั่น จิตสังหารรุนแรงยิ่ง!

หวงจึงเมินนักศึกษาที่ถูกหักคะแนน เขาพูดต่อ “โม่อู่ถูกสร้างขึ้นมาไม่นาน นัก เพียง 59 ปีเท่านั้น ในช่วง 59 ปีมานี้ มีนักศึกษาจบการศึกษาจากโม่อู่ไปนับ ไม่ถ้วน พวกเขาต่างก็เสียสละกันมหา ศาลจนทําให้โม่อู่มีอย่างทุกวันนี้ มีทุก อย่างให้พวกคุณในวันนี้”

“จุดประสงค์ของการเข้าโม่อู่ไม่ใช่เพื่อ ให้พวกคุณใช้ชีวิตกันสนุกสนาน หรือให้ พวกคุณได้มีสถานะสูงส่งกว่าคนอื่น!”

“ในโม่อู่ พวกคุณควรเข้าใจประเด็นนึ่ง ก่อน เธอจ่ายแค่ไหนเธอก็จะได้รับมาก เท่านั้น!”

“ผู้ฝึกยุทธคืออะไร? มันไม่ใช่การข่ม เหงคนอ่อนแอและหวั่นเกรงคนแข็งแกร่ ง ไม่ใช่ไปเป็นนักเลงข้างถนน ไม่ใช่ไป เป็นนายหน้าทางการเมือง…”

“ผู้ฝึกยุทธเป็นผู้พิทักษ์ของเมืองนี้ ประเทศนี้ และของโลกใบนี้”

“เรายิ่งใหญ่และตัวเล็กจ้อย เรายังอา จกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่น่าเศร้า…”

“สําหรับตอนนี้ ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ และไม่จําเป็นต้องทราบด้วย! สักวันหนึ่ง พวกคุณจะเข้าใจว่าการเข้าโม่อู่ไม่ใช่ จุดเริ่มต้นของการประสบความสําเร็จใน ชีวิต มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏ กรรม!”

“อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกคุณไม่ พอใจกับการเป็นคนธรรมดาและไร้ชื่อเสี ยง ดังนั้นก็จงเตรียมตัว!”

“เนื่องจากพวกคุณเข้าโม่อู่มาแล้ว พวกคุณควรเรียนรู้ที่จะต่อสู้ มุ่งมั่นที่จะ ทําให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น!”

“โอกาสมีไว้ให้คนที่เตรียมตัวเท่านั้น!”

เสียงของหวงจึงดังก้องทั่วทั้งสนาม กีฬา

“กฎของโม่อู่มีไม่มากนัก แต่มันไม่ได้ หมายความว่าจะไม่มีกฏเลย กฏที่มีไว้ ให้ทําตาม ก็ต้องทําตาม!”

“ในทํานองเดียวกัน โม่อู่จะให้โอกาส ทุกคนได้แสดงความสามารถเช่นกัน จง เรียนรู้ที่จะแสดงความสามารถตนเอง เมื่อถึงเวลาที่พวกคุณต้องแสดงความสา มารถให้เราเห็น!”

“พิธีรับเข้าไม่มีอะไรซับซ้อน มันเรียบ ง่ายมาก”

“ทุกคนจะทําความรู้จักกัน อาจารย์ทํา ความรู้จักกับนักศึกษา นักศึกษาทํา ความรู้จักกับอาจารย์ ในโม่อู่ วิธีทํา ความรู้จักกันก็เรียบง่ายเช่นกัน…”

หวงจึงหันไปข้างๆแล้วพูด “ตอนนี้ มี อาจารย์ 12 ท่านจาก 4 สาขาใหญ่อยู่ บนเวที!”

“ทุกท่าน เชิญทําความรู้จักกับศิษย์ที่ จะถ่ายทอดวิชาให้ในอนาคต!”

เมื่อหวงจึงพูดจบ ชายกลางคนคิ้วหนา ตาโตก็เดินมาข้างหลังหวงจึง

“สาขาศัสตราวุธ อาจารย์นักศึกษา ใหม่ ถังเฟิง!”

ทันใดนั้น ก็มีอีกคนเดินมาอย่าง เฉยเมย “สาขาศัสตราวุธ อาจารย์ นักศึกษาใหม่ หลัวอี้ชวน!”

“สาขากลยุทธและยุทธวิธี อาจารย์ นักศึกษาใหม่ โจวนือผิง”

“สาขาวัฒนธรรมศึกษา อาจารย์ นักศึกษาใหม่ ฉ่ซิน!”

ปราณและเลือดของนักศึกษาไม่ได้อ อนแอ แต่ภายใต้การระเบิดปราณและ เลือดของอาจารย์ทั้งสิบสองคน นัก ศึกษาใหม่ล่างเวทีต่างมีสีหน้าแดงก่ํา บางคนก็ถึงกับมีอาการยืนไม่อยู่

อาจารย์ทั้งสิบสองคนระเบิดปราณและ เลือดออกมาไม่หยุด กดดันเหล่า นักศึกษา

นักศึกษาใหม่ที่ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ ต่างก็รู้สึกหายใจลําบากและรีบถอยห่าง ออกไปทันที

ฟูชางยิ่งที่กําลังยืนอยู่ข้างฟางผิงเอ่ย เสียงเบา “อาจารย์แนะนําตัวแล้ว ต่อไป เป็นตาเราแนะนําตัว!”

หวงจึงได้พูดถึงก่อนหน้านี้แล้วว่านี่ เป็นเวลาที่นักศึกษาทําความรู้จักกับอา จารย์ และมันยังเป็นเวลาที่อาจารย์ ทําความรู้จักกับนักศึกษาด้วย

เมื่อฟูชางยิ่งพูดจบ ฟางผิงก็ระเบิดป ราณและเลือด ต่อต้านแรงกดดันและ ก้าวไปข้างหน้า!

เวลานั้นเอง มีนักศึกษาไม่น้อยที่ตัด สินใจทําสิ่งเดียวกัน

“นักศึกษาใหม่โม่อู่ จ้าวเหล่ย!”

“นักศึกษาใหม่โม่อู่ หยางเสี่ยวม่าน!”

“นักศึกษาใหม่โม่อู่ ฟางผิง!”

“นักศึกษาใหม่โม่อู่ ฟูชางยิ่ง!”

เสียงแนะนําตัวดังกึกก้องอย่างต่อ เนื่อง ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธทุกคนที่ก้าวข้าม กดดันของอาจารย์ทั้งสิบสองคนและ เปิดปากพูดได้

มีผู้ฝึกยุทธไม่กี่คนที่ก้าวออกมา อย่าง ไรก็ตามเมื่อพวกเขาอ้าปาก พวกเขาก็รู้ สึกหมดกําลังใจ ปราณและเลือดเริ่มสั่น

พวกเขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อป้องกันไม่ให้ขายหน้า

สุดท้ายก็เหลือนักศึกษาไม่ถึงยี่สิบคน ที่ยืนอยู่ตรงหน้าและพูดแนะนําตัวเองได้

เวลานี้ ทุกคนรู้สึกได้ถึงความเหลื่อม

ณ ที่นั่งผู้ชม

ฉันเพิ่งชิงเลิกคิ้วเล็กน้อยและพึมพํา กับตัวเอง “ฟางผิง…ฟังดูคุ้นๆ!”

บนเวที

ที่ยืนอยู่ข้างหลังหวงจึงคือหญิงกลาง คน เธอหัวเราะเบาๆแล้วพูด “ผู้ฝึกยุทธ สิบหกคนที่ขัดเกลากระดูกหนึ่งครั้ง และ ผู้ฝึกยุทธสองคนที่ขัดเกลากระดูกสอง ครั้ง”

“ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ…มีผู้ฝึกยุทธ ขัดเกลาสามครั้ง เด็กใหม่นี่เป็นใคร?”

“ฟางผิง…ตระกูลฟางจากตงหู? ตระ กูลฟางจากหลู่เยว่?”

หวงจึงพูดอย่างไม่แยแส “โม่อู่เชื่อม นในการศึกษาโดยไม่สนใจภูมิหลัง ดัง นั้นต่อให้เขามาจากตระกูลไหนก็ไม่ สําคัญ ขัดเกลาสามครั้งได้ก่อนเข้ามหา ลัย นั่นเป็นความสามารถของเขาเอง”

“แต่เรื่องนี้ต่างออกไป ฉันไม่พอใจ สหายจากตงหู ฉันจะไม่สอนลูกหลาน ของเขา”

หญิงสาวหัวเราะเสียงต่ําและพูดต่อ เบาๆ “ฉันจะตรวจสอบรายละเอียด ทีหลัง มันไม่เป็นไรตราบใดที่เขาไม่ได้ มาจากบ้านตาแก่จากตงหู พรุ่งนี้ฉันจะ เฝ้าดูเด็กคนนี้”

อาจารย์คนอื่นไม่ได้พูดอะไร เพราะมัน ไม่มีประโยชน์ พวกเขาจะรู้กันในวันพรุ่งนี้

ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าขัดเกลาสามครั้งจะน่า ประทับใจจริงๆ แต่ถ้าเขาเป็นเพียงเด็ก ใหม่ที่ไร้ประโยชน์ที่มาถึงวันนี้ได้เพราะ เม็ดยา มันก็ไม่ได้ผลนัก

อย่างมากเขาก็แค่ไปถึงขั้นกลางได้เร็ วกว่า แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางไม่ได้หายาก ในมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Score 10
Status: Completed

เรื่องย่อ

 

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

 

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

 

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

 

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

 

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

 

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Options

not work with dark mode
Reset