World’s Best Martial Artist 88.1

ตอนที่ 88.1

ตอนที่ 88 สี่สาขา (1)

ไม่กี่วันถัดมา ฟางผิงวิ่งวุ่นไปทั่ว

เขาเจรจาเช่าอาคารพาณิชย์และสํานักงาน

มันเป็นอาคารพาณิชย์เล็กๆประมาณ 30 ตารางเมตร มันไม่ได้มีทําเลดีติดถนน กระนั้นเจ้าของก็ขอ 9000 ต่อเดือนและจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าทั้งปี ถ้าเขาอยากได้ถูกลงมาหน่อย เขายังต้องจ่าย 1 แสนต่อปี

ฟางผิงวางแผนเตรียมจุดส่งของ 5 จุด ดังนั้นแค่ค่าจุดส่งของอย่างเดียวก็ 500,000 แล้ว

ค่าเช่าสํานักงานก็แพงเช่นกัน ฟางผิงเลือกตึกพาณิชย์เก่าๆไม่ไกลจากมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้

ทําเลสํานักงานก็ไม่ดีเช่นกัน ฟางยิ่งไม่ได้คิดมากเรื่องทําเลนัก

สํานักงานมีพื้นที่ 200 ตารางเมตร มีค่าใช้จ่าย 3 หยวนต่อตารางเมตรต่อวัน ค่าเช่าต่อเดือน 18,000 และถ้าเขาจ่ายล่วงหน้าต่อปี เขาจะได้ส่วนลดเหลือ 200,000 หยวน

สําหรับค่าเช่า เมื่อเขาหยิบเอาใบอนุญาตวิชายุทธชั่วคราวออกมา เจ้าของก็ให้ส่วนลดเขาเล็กน้อย พวกเขายอมให้เขาจ่ายค่าเช่าครึ่งปีแทนหนึ่งปี แต่ค่าเช่าครึ่งปีมีราคา 100,000 หยวน

นอกจากนี้เจ้าของยังไม่เริ่มคิดค่าเช่าตอนรีโนเวท พวกเขาจะเริ่มคิดค่าเช่าหลังวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป

เกี่ยวกับการรีโนเวท ฟางผิงไม่ได้วางแผนละเอียดมากนัก เขาแค่ซื้อชั้นวางของและคอมพิวเตอร์ ทําสายไฟใหม่และซื้อวัสดุบางอย่าง

เขาไปถามบริษัทใหญ่สองสามแห่งทําเป็นว่าจะเข้าร่วมแฟรนไชส์ เขาถึงรู้ว่ามันมีค่าใช้จ่ายกว่า 200,000 หยวน

พอตกเย็น ค่าเช่ากับค่าวัสดุก็กินไปแล้ว 500,000 หยวน

นอกจากนี้ถ้าเขาอยากเปิดธุรกิจให้เร็วที่สุด เขาจะให้ลูกจ้างส่งของเอามอเตอร์ไซค์มาเองก็ไม่ได้เช่นกัน เขาต้องซื้อเอง

แม้จะเป็นขั้นต่ำ มอเตอร์ไซค์ 50 คันก็มีราคาอย่างน้อย 200,000 หยวน

รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊สและเงินเดือนของแต่ละที่จะมากกว่า 300,000 หยวนเสียอีก

ค่าลงทะเบียน ค่าเปิดกิจการ ค่าการคลาดรวมหลายหมื่นหยวน

เขาจําเป็นต้องเตรียมเงินมาหมุนด้วย

ภายในวันที่ 15 สิงหาคม ฟางผิงก็เตรียมการเบื้องต้นเสร็จและสํารองเงินไว้อนาคต รวมเงินเดือนนี้และค่าใช้จ่ายของเดือนหน้า ฟางผิงหมดไปแล้ว 1.1 ล้าน!

นี่เป็นผลมาจากการที่เขาควักใบอนุญาตวิชายุทธออกมาบ่อยๆแล้วเช่นกัน

และนี่ก็เป็นเพราะเขาไม่ต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์

ถ้าฟางผิงต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์ เขาต้องจ่ายหลายแสนหยวนต่อปี

การที่เขาไม่ทําแบบนั้นทําให้ฟางผิงประหยัดเงินได้บ้าง

อย่างไรก็ตามเพื่อแลกกับการประหยัดเงิน ฟางผิงต้องจัดการกับปัญหาเพิ่มเติม

ถ้าเขาเข้าร่วมแฟรนไชส์ เขาจะได้ดูแลเขตพื้นที่บางแห่งและใช้ระบบและแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อเริ่มคําสั่งซื้อได้ทันที

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ร่วมแฟรนไชส์ แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่มีใครมาสร้างปัญหา แต่นั่นก็หมายความว่าเขาต้องขยายตลาดด้วยตนเอง

ไม่ว่าเขาจะได้รับคําสั่งซื้อไหม สร้างชื่อให้ตัวเองได้ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา

ถ้าเขาหาทุนคืนไม่ได้ในสองเดือน เงินของฟางผิงก็จะหมด และเขาจะล้มละลาย

หลังเขาสํารองเงินเก็บไว้ใช้อนาคตบางส่วน ฟางผิงก็เหลือเงินอยู่ 500,000 หยวน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เอง แต่มันก็คงอยู่ได้สองสามเดือนเท่านั้น

อันที่จริงมันอาจอยู่ได้ไม่นานขนาดนั้น เพราะเขาตั้งใจจะสร้างเว็บไซต์ เขาอาจล้มละลายเดือนตุลาได้เลย

วันนั้น ฟางผิงกลับโรงแรมมาอย่างเหนื่อยอ่อนอีกครั้ง

หลี่เฉิงเจ๋อกําลังคุยกับคนอื่นอยู่ในล็อบบี้ เมื่อเขาเห็นฟางผิง เขาก็รีบเดินมาหาอย่างรวดเร็ว เขาทักทายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “คุณฟาง คุณกลับมาแล้ว”

“คุณต้องการให้ผมเตรียมอาหารเย็นให้เลยไหมครับ?”

ฟางผิงอยู่โรงแรมมาครึ่งเดือนแล้ว และหลี่เฉิงเจ๋อก็คอยประจบฟางผิงมาครึ่งเดือนแล้วเช่นกัน เขากระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา

มันไม่สําคัญแม้ว่าเขาจะไม่ได้เงินจากฟางผิงเลยก็ตาม

ท้ายที่สุดแล้วโรงแรมโม่ตูก็ไม่ได้เน้นการหาเงิน ตราบใดที่พวกเขารักษาต้นทุนการดําเนินงานได้ แค่นี้ก็พอแล้ว

ฟางผิงชําเลืองมอง หลี่เฉิงเจ๋อเป็นคนที่มีทักษะการบริหารคนแรกที่เขาพบตั้งแต่มาเซี่ยงไฮ้

นอกจากนี้หลี่เฉิงเจ๋อยังฉลาดทํางาน เขาเป็นแค่ผู้จัดการทั่วไป แต่เขาทํางานได้ดี โดดเด่นยิ่งกว่าผู้จัดการโรงแรม นั่นหมายความว่าอย่างน้อยเขาก็มีความสามารถอยู่บ้าง

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ฟางผิงกําลังปวดหัวกับการบริหารบริษัท

เขายังไม่ได้จ้างใครเลย แต่เมื่อเขาจ้าง แค่การฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมก็ทําให้เขาทรุดได้แล้ว

เมื่อเห็นหลี่เฉิงเจ๋อ ฟางผิงก็มีความคิดผุดขึ้นมา หลังครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็กล่าว “ผู้จัดการหลี่ ถ้าคุณว่าง เดี๋ยวเรามาทานอาหารมาคุยกันสักหน่อยไหม?”

เมื่อได้ยินคําเชิญร่วมทานอาหารจากฟางผิง หลี่เฉิงเจ๋อก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เขาประจบฟางผิงมาครึ่งเดือนแล้ว แต่ฟางผิงออกไปข้างนอกเกือบทั้งวัน เขาจึงไม่ได้พบฟางผิงบ่อยนัก

กระนั้นฟางผิงเชิญเขามาทานอาหาร มันพิสูจน์แล้วว่าความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ห้องอาหารชั้นสาม

หลี่เฉิงเจ๋อมารอนานแล้ว เมื่อฟางผิงมาถึง หลี่เฉิงเจ๋อก็รีบดึงเก้าอี้ออกมาให้ฟางผิง เขาพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “เชิญนั่งครับคุณฟาง ผมพึ่งไปดูฝายอาหารและเครื่องดื่มมาเมื่อกี้ พวกเขาพึ่งส่งอาหารทะเลสดใหม่มา คุณจะลองหน่อยไหม? เมื่อมันอาจถูกปากคุณ…”

” ขอบคุณ”

ฟางผิงพูดขอบคุณ ไม่ปฏิเสธน้ำใจ เขานั่งลงภายใต้การบริการอย่างพิถีพิถันของหลี่เฉิงเจ๋อ

“ผู้จัดการหลี่ คุณก็นั่งเถอะ ผมรบกวนคุณมาสองสัปดาห์แล้ว”

“ไม่ๆ ไม่รบกวนเลย มันเป็นหน้าที่ของผม โรงแรมโม่ตูมีไว้เพื่อบริการคนอย่างคุณอยู่แล้วครับ คุณฟาง…”

หลี่เฉิงเจ๋อรีบยืนยันว่าทุกอย่างอยู่ในขอบเขตงานของเขาก่อนจะนั่งลงอย่างระมัดระวัง

ฟางผิงไม่รีบเข้าประเด็นเช่นกัน ปล่อยให้หลี่เฉิงเจ๋อเปิดหัวข้อ พวกเขาคุยกันเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

“มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้มักจะคึกคักที่สุดในช่วงเริ่มภาคเรียน ตอนที่นักศึกษาปีหนึ่งมาลงทะเบียน

“คุณพึ่งมาถึงเซี่ยงไฮ้ คุณอาจไม่ทราบเรื่องนี้”

“แต่พวกผมเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง เมื่อนักศึกษามหาลัยวิชายุทธมาลงทะเบียน คุณจะเห็นเลยว่ามันค่อนข้างต่างจากมหาลัยธรรมดา”

“คุณอาจทราบเรื่องนี้เช่นกัน แต่นักศึกษาวิชายุทธสมัครมหาลัยได้เลยโดยไม่ต้องกําหนดสาขา ห้องหรืออาจารย์ที่ปรึกษา…”

ฟางผิงพยักหน้า “ผมพึ่งรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ผมไม่รู้ว่ามหาลัยวิชายุทธก็มีแบ่งสาขาด้วย”

ฉันเพิ่งชิงเคยบอกว่าเขามาจากสาขาศัสตราวุธ และจากชื่อของมันอย่างเดียว ฟางผิงก็บอกได้แล้วว่ามันหมายถึงอะไร

“นั่นคือปัญหา” หลี่เฉิงเจอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทําไมพวกเขาไม่กําหนดสาขาให้คุณล่วงหน้า?”

“มันเป็นเพราะนักศึกษามหาลัยวิชายุทธยังเด็กมาก แค่ปิดเทอมหน้าร้อนครั้งเดียวก็อาจทําให้พวกเขาเปลี่ยนไปจนจําไม่ได้”

“นักศึกษาบางคนก็แค่ผ่านเกณฑ์มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เท่านั้น พวกเขาไม่รู้จักจวงกง ไม่รู้จักเคล็ดเสริมสร้าง ไม่ต้องพูดถึงเคล็ดวิชาต่อสู้เลย”

“ในทางกลับกัน นักศึกษาบางคนก็เป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว”

“นักศึกษาเหล่านั้นย่อมจัดให้อยู่ห้องเดียวกันไม่ได้ มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้มักจะสอนนักศึกษาตามความถนัด”

“เวลาไม่กี่เดือนเพียงพอให้นักศึกษาผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าพวกเขาเรียนล่วงหน้ามาก่อนเปิดภาคเรียน นักศึกษาที่ปราณและเลือด 130แคลก็อาจกลายเป็นผู้ฝึกยุทธไปแล้ว”

“ดังนั้นพวกเขาจึงทดสอบความสามารถของทุกคนพร้อมกันเมื่อเปิดภาคเรียน”

“นั่นจะเป็นเวลาที่ทางมหาลัยจะกําหนดให้คุณเรียนอยู่สาขาไหน ห้องไหนและอาจารย์ที่คุณจะได้ฝึกฝนด้วย”

ฟางผิงได้ยินที่เขาพูดถึงก็หัวเราะออกมาเสียงเบา “สรุปคุณกําลังบอกว่า หลังเลือกสาขา มันจะเกิดช่องว่างกันใช่ไหม?”

“แต่มันก็แน่นอนอยู่แล้วนี่ นักศึกษาวิชายุทธจะเทียบกับนักศึกษาธรรมดาได้ไง?”

หลี่เฉิงเจอพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ “แน่นอน เตรียมผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสองครั้งอย่างคุณจะเป็นที่นิยมกว่านักศึกษามหาลัยวิชายุทธทั่วๆไป”

“คุณฟาง คุณจะมองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้”

“สาขา ห้อง อาจารย์ที่ปรึกษาที่คุณถูกกําหนดให้ทั้งหมดนี้สร้างช่องว่างอย่างใหญ่หลวง”

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Score 10
Status: Completed

เรื่องย่อ

 

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

 

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

 

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

 

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

 

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

 

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Options

not work with dark mode
Reset