World of Warcraft ราชันต่างภพ 618

ตอนที่ 618

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

ในกลุ่มนักรบยอดฝีมือ มีหลายคนที่เซียวอวี๋รู้จัก มีหลายคนที่เป็นอดีตสมาชิกในภาคีอัศวินซึ่งติดตามคาสโซ่มาเข้าร่วมกับเซียวอวี๋ ทั้งหมดต่างพุ่งตามหลังคาสโซ่เข้าหาซาแกรลาสอย่างไม่ลังเล แม้จะทราบว่าพลังของพวกเขาส่งผลต่อซาแกรลาสไม่มากนัก อันที่จริง คาสโซ่ในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว อีกทั้งเขายังมีโล่เอสซินอสสุดแกร่งด้วยอีก ดังนั้นการโจมตีของซาแกรลาสจึงไม่ได้สังหารเขาในทันที คาสโซ่ยกโล่ปักลงบนพื้นพยายามต้านการโจมตีไว้ก่อนที่ต้านไม่ไหวในการโจมตีครั้งที่สี่ และขณะที่คาสโซ่ล้มลง โล่เอสซินอสของเขาก็มีคนหยิบไปถือแทน เซียวอวี๋เคยเห็นหน้าคนผู้นี้มาก่อน เขาเองก็เป็นอดีตสมาชิกภาคีอัศวินที่คาสโซ่แนะนำเข้ามา หลังจากหยิบโล่ขึ้นมา เขาก็พยายามเข้าต้านทานการโจมตีจากซาแกรลาสก่อนจะล้มลงสิ้นใจ จากนั้นก็จะมีคนอื่นๆเข้ามาหยิบโล่เพื่อต้านทานซาแกรลาสต่อไป “เจ้าพวกมดปลวก พวกเจ้าจะพยายามไปเพื่ออะไร? การใช้ชีวิตของตนแลกกับการปกป้องผู้อื่นั้นคุ้มค่าหรือ? พวกเจ้าช่างโง่เขลานัก” เมื่อได้เห็นฉากนี้ ซาแกรลาสที่ไม่เข้าใจก็คำรามด้วยความหงุดหงิด ในตอนนี้เอง เซียวอวี๋และคนอื่นๆก็วิ่งมาถึง “นั่นก็เพราะว่าเจ้าไม่ได้เข้าใจมนุษย์อย่างพวกเราแม้แต่น้อย มนุษย์ แม้จะเกิดมาไม่ทรงพลังเฉกเช่นเผ่าพันธุ์อื่น แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์อย่างพวกเราก็มีสิ่งที่เจ้าไม่อาจทำลายได้นั่นก็คือ ศรัทธา เพราะมนุษย์อย่างพวกเรามีความศรัทธา ดังนั้น ตราบที่พวกเรายังคงอยู่ พวกเราก็จะสู้! พวกเราไม่กลัวการเสียสละ พวกเราไม่กลัวความตาย พวกเราเชื่อมั่นว่าจะชนะ และพวกเราจะล้มปีศาจเช่นเจ้าลง” เสียงของเซียวอวี๋ถูกถ่ายทอดไปทั่วทั้งสนามรบ และทำให้เหล่านักรบที่ต่อสู้อยู่ต่างก็คำรามตอบรับอย่างฮึกเหิม สิ่งที่เซียวอวี๋กล่าวนั้นถูกต้อง พลังแห่งความศรัทธาของมนุษย์นั้นไร้สิ้นสุด เป็นพลังที่สามารถผลักดันผู้คนให้ลุกขึ้นสู้ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา นี่ก็คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล! “โง่เขลา พวกเจ้าช่างโง่เขลานัก!” ซาแกรลาสตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ความเขลาที่เจ้าเรียกก็คือความกล้าหาญของพวกเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์ได้ครองทวีป และเจ้า ซาแกรลาส เจ้าจะไม่มีวันชนะพวกเรา” เซียวอวี๋ตะโกนตอบก่อนจะยกดาบคาริมดอร์ฟันเข้าใส่ซาแกรลาสจนทำให้ซาแกรลาสไม่อาจเข้าใกล้สามจ้าวมนตราได้อีก คนที่เหลือต่างก็ตามมาถึงในเวลานี้เอง โดยเฉพาะมังกรน้อยที่ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งดุดัน ฉัวะ…… ในตอนนั้นเอง ดาบน้ำแข็งเล่มใหญ่ก็เสียบใส่ร่างของซาแกรลาส ก่อนที่แขนของซาแกรลาสจะถูกตัดในดาบถัดมา เมื่อทุกคนหันไปยังทิศทางที่ดาบพุ่งมา พวกเขาก็พบเห็นหลินมู่เสวี่ยที่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนอยู่ตรงนั้น ดาบน้ำแข็งเมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของนางเอง ในตอนนี้ จ้าวมนตราที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปไม่ใช่สามจ้าวมนตราอีกต่อไป หากแต่เป็นหลินมู่เสวี่ยที่เป็นผู้สืบทอดพลังจากเอกวินน์ หลังจากบรรลุขั้นที่เจ็ด ความแข็งแกร่งของนางก็เหนือล้ำผู้อาวุโสทั้งสามไปมาก ดังนั้นการโจมตีของนางจึงมีพลังทำลายล้างมหาศาล อ๊ากกกกก……… ซาแกรลาสกรีดร้องโหยหวน “รีบมาจบเรื่องนี้กันเถอะ” เซียวอวี๋หันไปมองหลินมู่เสวี่ยที่กำลังร่ายเวทต้องห้ามด้วยใบหน้าซีดเผือดอย่างเป็นกังวล ในใจของเขาตัดสินใจว่าต้องรีบจัดการซาแกรลาสให้ได้โดยเร็วที่สุด จ้าวมนตราทั้งสามต่างหันไปสบตากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มอันปลอดโปร่งออกมา ในที่สุดภาระหน้าที่ที่พวกเขาแบกรับเอาไว้ก็สิ้นสุดลง ต่อให้โลกในภายหน้าจะไม่มีพวกเขาทั้งสามอยู่ แต่ก็จะมีผู้คนคอยปกป้องทวีปแห่งนี้ต่อไป หลินมู่เสวี่ยได้ก้าวเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ทวีปอย่างเต็มตัวแล้ว เมื่อตัดสินใจได้ จ้าวมนตราทั้งสามก็นำน้ำยาฟื้นฟูมานาออกมาดื่มจนหมด จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มต้นร่ายเวทต้องห้ามเป็นครั้งสุดท้าย อันที่จริง พวกเขาทั้งสามไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงใดๆพอจะสู้ต่ออีกแล้ว ซึ่งการปลดปล่อยเวทต้องห้ามอีกครั้งก็ไม่ต่างจากการเดินเข้าอ้อมกอดของความตาย แต่พวกเขาจะสนใจไปใย ภาระใดๆล้วนถูกปล่อยวางไปแล้ว “อารักขาผู้อาวุโสทั้งสาม!” เซียวอวี๋ที่เห็นดังนั้นก็พลันตะโกนออกมา “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีผู้ใดแตะต้องพวกเขาได้!” ถึงจุดนี้ ซาแกรลาสก้พบว่าการต้องต่อสู้เพียงลำพังนั้นเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ดังนั้นมันจึงส่งฝูงปีศาจอ้อมไปโจมตีกลุ่มจ้าวมนตราทั้งสาม หลินมู่เสวี่ยและเหล่านักรบที่แข็งแกร่งพอจะคุกคามมัน อาร์ทัสที่เห็นฝูงปีศาจถาโถมเข้าใส่ดุจน้ำหลากก็พลันยกดาบสั่งการกองทัพอันเดดให้เข้าปะทะ ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน เปลวเพลิงที่ลุกโชน แสงจากการใช้เวทมนตร์ที่ใส่อีกฝ่าย ทั้งหมดล้วนแต่ก่อเกิดเป็นธารโลหิตไหลนองทั่วท้องธาร ครืน…….. จู่ๆพื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งหมดก็พลันสั่นสะเทือน และสนามรบก็เต็มไปด้วยรอยแตกแยกของพื้นดิน จากนั้นเสาที่มีความสูงหลายร้อยเมตรก็ค่อยๆผุดขึ้นมาจากรอยแยกทั่วสนามรบ นักรบฝ่ายมนุษย์นั้นตกตะลึงในคราแรก หากแต่ชั่ววินาทีถัดมาในใจของพวกเขาก็พลันรู้สึกเชื่อมั่นอย่างแปลกประหลาด พวกเขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงกันข้าม ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยศรัทธา ศรัทธานี้ได้บอกต่อพวกเขาว่าในท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์จะเป็นฝ่ายชนะ และศรัทธานั้นยังบอกต่อพวกเขาว่า พวกเขาจะต่อทุ่มเทสุดกำลังเพื่อปกป้องจ้าวมนตราทั้งสาม เหล่าปีศาจที่สัมผัสได้ถึงลางร้ายต่างก็พุ่งเข้าหาต้นตอแห่งลางร้ายโดยไม่สนใจใดอีกต่อไป ซึ่งตำแหน่งที่พวกมันสัมผัสได้ก็คือตำแหน่งที่จ้าวมนตราทั้งสามอยู่ นิโคลัสรีบนำกลุ่มองค์รักษ์ของเขาเข้าขัดขวางพวกปีศาจอยู่เบื้องหน้าของสามจ้าวมนตราโดยไม่สนใจค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย เหล่าองค์รักษ์ที่เข้าฟาดฟันกับพวกปีศาจเริ่มล้มตายลงอย่างรวดเร็ว กระนั้นนิโคลัสก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นั่นอย่างแน่วแน่ ถึงตอนนี้ นิโคลัสทราบว่าตนนั้นมีส่วนช่วยในการจัดการกับซาแกรลาสได้ไม่มาก หากแต่ยังมีผู้ที่กระทำได้ นั่นก็คือ เซียวอวี๋ ในที่สุดเขาก็เข้าใจและยอมรับได้ ผู้ที่เป็นราชาแห่งราชันย์นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นเซียวอวี๋ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า? ตัวเขาก็ยังคงมีส่วนในการปกป้องทวีปแห่งนี้ และเขาจะไม่ยอมให้มีปีศาจตนใดเข้าถึงตัวจ้าวมนตราทั้งสามได้เป็นอันขาด นี่ก็คือความมุ่งมั่นของเขา นิโคลัส ต่อให้เขาต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ มันก็เป็นการเสียสละเพื่อทวีป ความแข็งแกร่งของนิโคลัสเองก็ไม่ใช่ธรรมดา เขามีพลังอยู่ในขั้นที่หก ดาบที่อยู่ในมือของเขาถูกกวัดแกว่งออกไปนับครั้งไม่ถ้วนจนประสาทมือของเขาด้านชาไร้ความรู้สึก ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ต่างฝ่ายต่างไม่จำเป็นต้องเก็บออมสิ่งใดไว้อีกต่อไป และนิโคลัสเองก็นำไพ่ตายออกมาใช้แล้วเช่นกัน ฝูงปีศาจถูกหยุดเอาไว้ ไพ่ตายที่ตระกูลของนิโคลัสเก็บซ่อนเอาไว้มานานหลายปีล้วนถูกใช้ออกมาในเวลานี้เอง ทั้งม้วนคัมภีร์เวทและอาวุธเวทต่างก็ถูกใช้ออกอย่างไม่มีสิ้นสุด หากไม่มีไพ่ตายเหล่านี้ของนิโคลัส ฝูงปีศาจก็คงเข้าถึงตัวและฉีกร่างของจ้าวมนตราทั้งสามไปแล้ว นักรบทุกนายต่างก็ต่อสู้จนตาแดงฉาน หลงเหลือไว้เพียงความคิดที่จะสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุด พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าในศึกครั้งนี้ มนุษย์จะต้องชนะ…..

ในกลุ่มนักรบยอดฝีมือ มีหลายคนที่เซียวอวี๋รู้จัก มีหลายคนที่เป็นอดีตสมาชิกในภาคีอัศวินซึ่งติดตามคาสโซ่มาเข้าร่วมกับเซียวอวี๋ ทั้งหมดต่างพุ่งตามหลังคาสโซ่เข้าหาซาแกรลาสอย่างไม่ลังเล แม้จะทราบว่าพลังของพวกเขาส่งผลต่อซาแกรลาสไม่มากนัก อันที่จริง คาสโซ่ในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว อีกทั้งเขายังมีโล่เอสซินอสสุดแกร่งด้วยอีก ดังนั้นการโจมตีของซาแกรลาสจึงไม่ได้สังหารเขาในทันที คาสโซ่ยกโล่ปักลงบนพื้นพยายามต้านการโจมตีไว้ก่อนที่ต้านไม่ไหวในการโจมตีครั้งที่สี่ และขณะที่คาสโซ่ล้มลง โล่เอสซินอสของเขาก็มีคนหยิบไปถือแทน เซียวอวี๋เคยเห็นหน้าคนผู้นี้มาก่อน เขาเองก็เป็นอดีตสมาชิกภาคีอัศวินที่คาสโซ่แนะนำเข้ามา หลังจากหยิบโล่ขึ้นมา เขาก็พยายามเข้าต้านทานการโจมตีจากซาแกรลาสก่อนจะล้มลงสิ้นใจ จากนั้นก็จะมีคนอื่นๆเข้ามาหยิบโล่เพื่อต้านทานซาแกรลาสต่อไป “เจ้าพวกมดปลวก พวกเจ้าจะพยายามไปเพื่ออะไร? การใช้ชีวิตของตนแลกกับการปกป้องผู้อื่นั้นคุ้มค่าหรือ? พวกเจ้าช่างโง่เขลานัก” เมื่อได้เห็นฉากนี้ ซาแกรลาสที่ไม่เข้าใจก็คำรามด้วยความหงุดหงิด ในตอนนี้เอง เซียวอวี๋และคนอื่นๆก็วิ่งมาถึง “นั่นก็เพราะว่าเจ้าไม่ได้เข้าใจมนุษย์อย่างพวกเราแม้แต่น้อย มนุษย์ แม้จะเกิดมาไม่ทรงพลังเฉกเช่นเผ่าพันธุ์อื่น แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์อย่างพวกเราก็มีสิ่งที่เจ้าไม่อาจทำลายได้นั่นก็คือ ศรัทธา เพราะมนุษย์อย่างพวกเรามีความศรัทธา ดังนั้น ตราบที่พวกเรายังคงอยู่ พวกเราก็จะสู้! พวกเราไม่กลัวการเสียสละ พวกเราไม่กลัวความตาย พวกเราเชื่อมั่นว่าจะชนะ และพวกเราจะล้มปีศาจเช่นเจ้าลง” เสียงของเซียวอวี๋ถูกถ่ายทอดไปทั่วทั้งสนามรบ และทำให้เหล่านักรบที่ต่อสู้อยู่ต่างก็คำรามตอบรับอย่างฮึกเหิม สิ่งที่เซียวอวี๋กล่าวนั้นถูกต้อง พลังแห่งความศรัทธาของมนุษย์นั้นไร้สิ้นสุด เป็นพลังที่สามารถผลักดันผู้คนให้ลุกขึ้นสู้ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา นี่ก็คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล! “โง่เขลา พวกเจ้าช่างโง่เขลานัก!” ซาแกรลาสตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ความเขลาที่เจ้าเรียกก็คือความกล้าหาญของพวกเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์ได้ครองทวีป และเจ้า ซาแกรลาส เจ้าจะไม่มีวันชนะพวกเรา” เซียวอวี๋ตะโกนตอบก่อนจะยกดาบคาริมดอร์ฟันเข้าใส่ซาแกรลาสจนทำให้ซาแกรลาสไม่อาจเข้าใกล้สามจ้าวมนตราได้อีก คนที่เหลือต่างก็ตามมาถึงในเวลานี้เอง โดยเฉพาะมังกรน้อยที่ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งดุดัน ฉัวะ…… ในตอนนั้นเอง ดาบน้ำแข็งเล่มใหญ่ก็เสียบใส่ร่างของซาแกรลาส ก่อนที่แขนของซาแกรลาสจะถูกตัดในดาบถัดมา เมื่อทุกคนหันไปยังทิศทางที่ดาบพุ่งมา พวกเขาก็พบเห็นหลินมู่เสวี่ยที่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนอยู่ตรงนั้น ดาบน้ำแข็งเมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของนางเอง ในตอนนี้ จ้าวมนตราที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปไม่ใช่สามจ้าวมนตราอีกต่อไป หากแต่เป็นหลินมู่เสวี่ยที่เป็นผู้สืบทอดพลังจากเอกวินน์ หลังจากบรรลุขั้นที่เจ็ด ความแข็งแกร่งของนางก็เหนือล้ำผู้อาวุโสทั้งสามไปมาก ดังนั้นการโจมตีของนางจึงมีพลังทำลายล้างมหาศาล อ๊ากกกกก……… ซาแกรลาสกรีดร้องโหยหวน “รีบมาจบเรื่องนี้กันเถอะ” เซียวอวี๋หันไปมองหลินมู่เสวี่ยที่กำลังร่ายเวทต้องห้ามด้วยใบหน้าซีดเผือดอย่างเป็นกังวล ในใจของเขาตัดสินใจว่าต้องรีบจัดการซาแกรลาสให้ได้โดยเร็วที่สุด จ้าวมนตราทั้งสามต่างหันไปสบตากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มอันปลอดโปร่งออกมา ในที่สุดภาระหน้าที่ที่พวกเขาแบกรับเอาไว้ก็สิ้นสุดลง ต่อให้โลกในภายหน้าจะไม่มีพวกเขาทั้งสามอยู่ แต่ก็จะมีผู้คนคอยปกป้องทวีปแห่งนี้ต่อไป หลินมู่เสวี่ยได้ก้าวเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ทวีปอย่างเต็มตัวแล้ว เมื่อตัดสินใจได้ จ้าวมนตราทั้งสามก็นำน้ำยาฟื้นฟูมานาออกมาดื่มจนหมด จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มต้นร่ายเวทต้องห้ามเป็นครั้งสุดท้าย อันที่จริง พวกเขาทั้งสามไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงใดๆพอจะสู้ต่ออีกแล้ว ซึ่งการปลดปล่อยเวทต้องห้ามอีกครั้งก็ไม่ต่างจากการเดินเข้าอ้อมกอดของความตาย แต่พวกเขาจะสนใจไปใย ภาระใดๆล้วนถูกปล่อยวางไปแล้ว “อารักขาผู้อาวุโสทั้งสาม!” เซียวอวี๋ที่เห็นดังนั้นก็พลันตะโกนออกมา “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีผู้ใดแตะต้องพวกเขาได้!” ถึงจุดนี้ ซาแกรลาสก้พบว่าการต้องต่อสู้เพียงลำพังนั้นเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ดังนั้นมันจึงส่งฝูงปีศาจอ้อมไปโจมตีกลุ่มจ้าวมนตราทั้งสาม หลินมู่เสวี่ยและเหล่านักรบที่แข็งแกร่งพอจะคุกคามมัน อาร์ทัสที่เห็นฝูงปีศาจถาโถมเข้าใส่ดุจน้ำหลากก็พลันยกดาบสั่งการกองทัพอันเดดให้เข้าปะทะ ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน เปลวเพลิงที่ลุกโชน แสงจากการใช้เวทมนตร์ที่ใส่อีกฝ่าย ทั้งหมดล้วนแต่ก่อเกิดเป็นธารโลหิตไหลนองทั่วท้องธาร ครืน…….. จู่ๆพื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งหมดก็พลันสั่นสะเทือน และสนามรบก็เต็มไปด้วยรอยแตกแยกของพื้นดิน จากนั้นเสาที่มีความสูงหลายร้อยเมตรก็ค่อยๆผุดขึ้นมาจากรอยแยกทั่วสนามรบ นักรบฝ่ายมนุษย์นั้นตกตะลึงในคราแรก หากแต่ชั่ววินาทีถัดมาในใจของพวกเขาก็พลันรู้สึกเชื่อมั่นอย่างแปลกประหลาด พวกเขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงกันข้าม ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยศรัทธา ศรัทธานี้ได้บอกต่อพวกเขาว่าในท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์จะเป็นฝ่ายชนะ และศรัทธานั้นยังบอกต่อพวกเขาว่า พวกเขาจะต่อทุ่มเทสุดกำลังเพื่อปกป้องจ้าวมนตราทั้งสาม เหล่าปีศาจที่สัมผัสได้ถึงลางร้ายต่างก็พุ่งเข้าหาต้นตอแห่งลางร้ายโดยไม่สนใจใดอีกต่อไป ซึ่งตำแหน่งที่พวกมันสัมผัสได้ก็คือตำแหน่งที่จ้าวมนตราทั้งสามอยู่ นิโคลัสรีบนำกลุ่มองค์รักษ์ของเขาเข้าขัดขวางพวกปีศาจอยู่เบื้องหน้าของสามจ้าวมนตราโดยไม่สนใจค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย เหล่าองค์รักษ์ที่เข้าฟาดฟันกับพวกปีศาจเริ่มล้มตายลงอย่างรวดเร็ว กระนั้นนิโคลัสก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นั่นอย่างแน่วแน่ ถึงตอนนี้ นิโคลัสทราบว่าตนนั้นมีส่วนช่วยในการจัดการกับซาแกรลาสได้ไม่มาก หากแต่ยังมีผู้ที่กระทำได้ นั่นก็คือ เซียวอวี๋ ในที่สุดเขาก็เข้าใจและยอมรับได้ ผู้ที่เป็นราชาแห่งราชันย์นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นเซียวอวี๋ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า? ตัวเขาก็ยังคงมีส่วนในการปกป้องทวีปแห่งนี้ และเขาจะไม่ยอมให้มีปีศาจตนใดเข้าถึงตัวจ้าวมนตราทั้งสามได้เป็นอันขาด นี่ก็คือความมุ่งมั่นของเขา นิโคลัส ต่อให้เขาต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ มันก็เป็นการเสียสละเพื่อทวีป ความแข็งแกร่งของนิโคลัสเองก็ไม่ใช่ธรรมดา เขามีพลังอยู่ในขั้นที่หก ดาบที่อยู่ในมือของเขาถูกกวัดแกว่งออกไปนับครั้งไม่ถ้วนจนประสาทมือของเขาด้านชาไร้ความรู้สึก ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ต่างฝ่ายต่างไม่จำเป็นต้องเก็บออมสิ่งใดไว้อีกต่อไป และนิโคลัสเองก็นำไพ่ตายออกมาใช้แล้วเช่นกัน ฝูงปีศาจถูกหยุดเอาไว้ ไพ่ตายที่ตระกูลของนิโคลัสเก็บซ่อนเอาไว้มานานหลายปีล้วนถูกใช้ออกมาในเวลานี้เอง ทั้งม้วนคัมภีร์เวทและอาวุธเวทต่างก็ถูกใช้ออกอย่างไม่มีสิ้นสุด หากไม่มีไพ่ตายเหล่านี้ของนิโคลัส ฝูงปีศาจก็คงเข้าถึงตัวและฉีกร่างของจ้าวมนตราทั้งสามไปแล้ว นักรบทุกนายต่างก็ต่อสู้จนตาแดงฉาน หลงเหลือไว้เพียงความคิดที่จะสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุด พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าในศึกครั้งนี้ มนุษย์จะต้องชนะ…..

World of Warcraft ราชันต่างภพ

World of Warcraft ราชันต่างภพ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 - 300 อ่านนิยาย ตอนที่ 301 - 400 อ่านนิยาย ตอนที่ 401 - 450 อ่านนิยาย ตอนที่ 451 - 460 อ่านนิยาย ตอนที่ 461 - 465 อ่านนิยาย ตอนที่ 466 - 469 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


เซียวอวี๋ นักศึกษาจากโลกยุคปัจจุบัน เกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เขาได้หลุดเข้าไปที่อีกโลกหนึ่งในฐานะลอร์ดแห่งดินแดน เขาได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากมาย เขาสาบานว่าสักวันเขาจะต้องเอาธุรกิจของตระกูลกลับคืนมาให้จงได้ สร้างดินแดนของตัวเอง สังหารผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางผลประโยชน์ของเขา โลกนี้เขาจะปกครองมันเอง!


Options

not work with dark mode
Reset