World of Hidden Phoenixes 95

ตอนที่ 95

   จี่เฟิงหลี่พิงหลังกับเบาะนั่งสบาย ๆ ขณะที่นั่งไขว่ขา ไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ บนใบหน้าของเขาแม้แต่

       ฮวาจูอวี้คิดย้อนกลับไปในวันที่เขาป่วย แต่ก็ยังคงยืนหยัดที่จะมองดูแผนที่และการกำหนดกลยุทธ์ ถึงกระนั้นตอนนี้เขาก็ยังคงดูสงบนิ่งราวกับว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องของสงครามครั้งนี้แม้แต่น้อย

       “หยวนเป่า เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับการที่อาณาจักรเหนือบุกรุกเราในคราว​นี้?” จี่เฟิงหลี่ถามขณะที่เขาเฝ้าดูฮวาจูอวี้

       “ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้รู้สึก​ตกใจมาก” ฮวาจูอวี้ตอบ สงครามไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงเรื่องนี้มันจะน่ากลัวแค่ไหน

       “เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร ทำไมจู่ๆ เสี่ยวหยินถึงต้องการบุกรุกเรา?” จี่เฟิงหลี่ถามขึ้นในขณะที่เขาหยิบรายงานทางทหารออกจากโต๊ะ

       แม้ว่าฮวาจูอวี้จะเต็มไปด้วยความคิดมากมายในใจของนาง แต่นางยังคงสงบและตอบขึ้น “ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้มีหัวคิดที่เชื่องช้า​และไม่รู้ว่าทำไม”

       “เมื่อข้าปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระจากคุกหลวง ข้าจำได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าบอกว่าเจ้าจะติดตามข้าและนำความสามารถของเจ้าออกมาใช้ให้เป็น​ประโยชน์​ การแข่งขันการต่อสู้เป็นโอกาสอันดีที่จะทำเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าร่วม? “จี่เฟิงหลี่ถามขึ้นด้วยหัวคิ้วที่หมวด

       “ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ไม่ได้คิดให้รอบคอบ​และสงสัยว่าจะยังมีโอกาสทำเช่นนั้นอยู่หรือไม่?” ฮวาจูอวี้เงยหน้าขึ้นและถาม นางได้เกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจว่าไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามที่เสี่ยวหยินตัดสินใจ​ที่จะทำสงคราม นางก็ต้องไปพบเขา แม้ว่านางจะไม่แน่ใจว่านางจะยังคงใช้ตัวตนของน้องสาวของเขาเพื่อโน้มน้าวให้เขายุติการต่อสู้ได้หรือไม่ แต่นางก็ยังต้องการลองดู อย่างน้อยก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางว่าความสงคราม​จะนำความทุกข์ทรมานมาสู่​ผู้นำแค่ไหน

       นางรู้ว่าวัตถุประสงค์ของการแข่งขันการต่อสู้ในครั้งนี้คือการเลือกแม่ทัพที่จะสามารถ​นำทัพไปสู้รบกับอาณาจักรเหนือ​ ดังนั้นถ้านางเข้าร่วมนางก็จะมีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่สนามรบ นางตัดสินใจว่านางจะยกเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของนางไปให้อันเสี่นวเอ้อร์จัดการก่อนชั่วคราว​ เพื่อที่จะได้พบกับเสี่ยวหยิน  นางจะต้องไปที่แนวหน้า ถ้านางยังคงอยู่เคียงข้างจี่เฟิงหลี่ นางคงจะไม่มีโอกาสนั้น​

       “โอ้?” จี่เฟิงหลี่ขมวดคิ้วของเขาขึ้น “เช่นนั้น เจ้าไปได้และเตรียมพร้อมเพื่อ​เข้าร่วมการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ได้”

       หลังจากทำความ​เคารพ​แล้ว นางก็หันหลังและจากไป

       จี่เฟิงหลี่ยังพิงเก้าอี้ของเขาด้วยรูปลักษณ์ที่สลับซับซ้อนกระพริบขึ้นในดวงตาของเขา ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่อย่างเงียบ ๆ

       หลานปิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ท่านเสนา ท่านคิดว่าหยวนเป่า ยังคิดถึงเสี่ยวหยินอยู่หรือไม่? ถ้าไม่เช่นนั้นทำไมเขาถึงตกลงที่จะเข้าร่วมการแข่งขันทันทีที่ได้ยินว่าเสี่ยวหยินกำลังจะบุกมาที่นี่? นอกจากนี้ท่านคิดว่าเป็นเพราะหยวนเป่าหรือไม่ที่ทำให้เสี่ยวหยินเคลื่อนไหว​?”

       ตอนนี้หลานปิงต้องระมัดระวังทุกครั้งที่เขากล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮวาจูอวี้ เพราะเขาเชื่อในใจว่า จี่เฟิงหลี่และฮวาจูอวี้ กำลังมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์บางอย่าง​ในเรื่องนี้

       ได้ยินคำถามของหลานปิง ใบหน้าที่หล่อเหลาของจี่เฟิงหลี่ ก็ดำมืดลงและเขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงอันเคร่งขรึมขึ้น “หลานปิงเจ้าช่วยคิดอะไรให้เหมือนคนที่มีเหตุผลคิดหน่อยได้หรือไม่?”

       “ท่านเสนาบดี เสี่ยวหยินเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของสัตว์ร้าย นั่นเป็นหลักฐานที่เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธรรมดา “หลานปิงพูดขึ้นด้วยความระมัดระวังและด้วยเสียงที่เบา

จี่เฟิงหลี่ลุกขึ้นจากที่นั่งและเอามือไขว่หลังในขณะที่เดินออกไปอีกด้านของห้องและพูดขึ้น “มันไม่ชัดเจนว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ แต่จะเป็นแบบไหน เมื่อไหร่ที่พวกเราไปที่สนามรบ พวกเราก็จะได้เห็นมัน”

       เนื่องจาก​คำแนะนำของจี่เฟิงหลี่ ฮวาจูอวี่ก็สามารถเข้าร่วมในรอบที่สองของการแข่งขันได้ เป็นธรรมชาติที่นางไม่ได้เปิดเผยความแรงแข็งแกร่ง​ที่แท้จริงของนาง แต่ก็ยังสามารถที่จะผ่านไปรอบที่สามได้อย่างสบายๆ

       รอบที่สามเกิดขึ้นที่สนามแข่งขัน​หลักและนับเป็นรอบสุดท้าย และฮ่องเต้หวงฝู่ อู๋ จาง ก็มาดูพร้อมกับกองกำลังทหารองครักษ์​หลวงหลายสิบคน มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้าร่วมด้วยเช่นกันรวมถึงฮวาจูอวี้ด้วย

       เมื่อถึงเวลา (7-9 นาฬิกา) ฮ่องเต้คังก็มาถึงและขันทีนำขบวนก็ประกาศว่า “ฮ่องเต้​เสด็จ”

       เจ้าหน้าที่ทุกคนคุกเข่าลงไปอย่างพร้อมเพรียงรวมถึงฮวาจูอวี้และผู้เข้าร่วมแข่งขัน​คนอื่น ๆ แล้ว ทุกคนต่างก็พูดขึ้น “ถวายบังคม​ฝ่าบาท ขอให้พระองค์​อายุยื่นหมื่น​ปีหมื่น​ๆปีพ่ะย่ะค่ะ”

       เมื่อทุกคนลุกขึ้นยืนอีกครั้งฮวาจูอวี้ก็เหลือบมองไปทางหวงฝู่ อู๋ จาง และเห็นเขานั่งลงไปที่บัลลังก์ เขาไม่ได้แตกต่างจากองค์ชายที่ซีดและอ่อนแอ​เหมือนที่เขาเคยเป็นมากนัก เมื่อ​อยู่ในชุดมังกรทองคำ เขายิ่งดูอ่อนโยนและอ่อนแอมากขึ้น เด็กคนนี้ไม่เหมาะที่จะเกิดมาในราชวงศ์ เขามีดวงตาขลาดเขลา แม้ว่าเขาจะจะกลายเป็นฮ่องเต้​แล้วก็ตาม

       มองไปที่หวงฝู่ อู๋ จาง ฮวาจูอวี้ก็นึกถึง​หวงฝู่ อู๋ ซวง ที่ยังคงถูกคุมขังอยู่ เมื่อเร็ว ๆ นี้นางได้ติดต่อกับอันเสี่ยวเอ้อร์ และได้รับแจ้งว่าสภาพความเป็นอยู่ของหวงฝู่ อู๋ ซวง ในเรือนจำไม่ได้เลวร้าย​นัก พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรกับเขา ทำให้นางเชื่อว่าพวกเขาจะดำเนินการไปอย่างช้าๆ เนื่องจากฮ่องเต้​พระองค์ก่อนที่กำลังป่วยอยู่​

       รอบที่สามของการแข่งขันการต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการและเนื่องจากเป็นการแข่งขันต่อหน้าฮ่องเต้​ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงได้รับการดูแลอย่างเป็นพิเศษ​และด้วยความระมัดระวัง ผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้เลือกอาวุธที่ตนเลือกและขึ้นไปแสดงฝีมือ​บนเวที

       ฮวาจูอวี้และผู้เข้าร่วมคนอื่นๆที่ยังไม่ถึงคราวของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดจะยืนอยู่ด้านล่างเพื่อดูการแข่งขัน ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่สามารถเข้าถึงรอบที่สามคือผู้มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ด้วยเทคนิคที่แตกต่างกันไป ในหมู่พวกเขาไม่มีปัญหาการขาดแคลนแม่ทัพแม้แต่น้อย ​โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เข้าร่วมที่คนที่ 10 ถังยวี และ คนที่ 51 หนานกง เจี๋ย

       ถังยวี มาจากครอบครัวที่เป็นที่รู้จักกันดีในเจียงหู ในเรื่องอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในตัวของพวกเขาที่เรียกว่าถังเมิน ดังนั้นมันจึงทำให้ ฮวาจูอวี้ประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อได้พบว่าฝีมือดาบของเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน จากการปรากฏตัวของเขา เขาควรจะมีอายุประมาณ 20 ปี แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างคลายนักวิชาการที่บอบบาง แต่ฝีมือ​ดาบของเขาก็คมและประณีต ไม่มีใครสามารถ​นึกภาพออกได้จากรูปร่าง​ของเขาที่มันถูกบดบังอยู่เบื้องหลังความสามารถในการเคลื่อนไหวของดาบของเขาที่รวดเร็ว​ราวกับกระพริบตา​

       หนานกง เจี๋ย มีอายุประมาณเดียวกัน ด้วยร่างกาย​ที่สูงใหญ่และหล่อเหลา การเคลื่อนไหวทุกครั้งของเขามีพลังมากและแสดงถึงความกล้าหาญของเขา เขาทำการต่อสู้​ด้วยหอกของเขาบนหลังม้า ราวกับว่าเขาและหอกเป็นหนึ่งเดีนวกัน การเคลื่อนไหวทุกอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก

       ดูไปพร้อมกับฝูงชนฮวาจูอวี้ ช่วยไม่ได้ที่จะชื่นชมทักษะของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะมีมังกรและเสือโคร่งซ่อนอยู่ในหมู่ประชาชน การจัดการแข่งขันการต่อสู้เพื่อค้นหาคนที่มีพรสวรรค์ในหมู่ประชาชนทั่วไปและคนจากเจียงหู เป็นความคิดที่ดีมาก และเนื่องจาก​การแข่งขัน​ครั้งนี้จัดขึ้นโดยจี่เฟิงหลี่ ดูเหมือนว่าเขาต้องอยากใช้โอกาสนี้เพื่อส่งคนของเขาเข้าสู่กองทัพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขัน​บางคนเป็นคนของจี่เฟิงหลี่อย่างแน่นอน​

       เนื่องจากนางไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเอง นางจึงเลือกที่จะเข้าร่วมการแข่งขันยิงธนูซึ่งมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมด้วยเช่นกัน กฎของการแข่งขัน​นี้คือการยิงไปที่เป้าหมายจากช่วงระยะห่างหนึ่ง ๆ โดยเริ่มจากที่ 60 ฟุต, 80 ฟุต, 100 ฟุตและสุดท้าย 120 ฟุต

       เมื่อมาถึงช่วง 100 จำนวนของผู้เข้าร่วมแข่งขันก็​ลดลงไม่เหลือถึงสิบคนรวมฮวาจูอวี้ด้วยแล้ว เมื่อนางยิงออกไปในครั้งนี้ นางตั้งใจยิงให้มันพลาดเป้าหมายของนางและยิงได้เพียง 3 ใน 5 เท่านั้นและกำจัดตัวเองออกจากรอบต่อไป

       ในช่วงท้ายของการแข่งขันฮ่องเต้​คัง ได้ประกาศชัยชนะสามอันดับสุดท้าย ได้แก่ถังยวี หนานกง เจี๋ย และหลู หยาง เป็นผู้ชนะในการแข่งขันยิงธนู

       ขณะที่เขาคุกเข่าลงไปต่อหน้ฮ่องเต้และกล่าวถวายบังคม​ ก็มีเสียงดังขึ้นก่อน “การรายงานต่อฝ่าบาท มีข่าวเร่งด่วนมาจากระยะทาง 800 ลี้เพื่อมารายงานพ่ะย่ะค่ะ​!”

       การแสดงออก​ของฮ่องเต้​คังกลายเป็นขี้เถ้าและเขาก็ยืนขึ้นทันที​และเดินไปข้างหน้าทหาร​รายงาน​ “เร็ว​เข้ารีบรายงานมา! สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง​? ”

       เต็มไปด้วยผู้คนกว่าพันคนในเวทีการแข่งขัน​แห่งนี้ ทุกคนต่างก็จมลงไปสู่ความเงียบอย่างแท้จริง เสียงเพียงเสียงเดียวที่ได้ยินก็คือเสียงของการรายงานข่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “กองทัพของอาณาจักร​เหนือตีฝ่าหย่างกวนมาแล้ว และแม่ทัพเสินไป๋ ก็ถูกสังหารในสงคราม กองทัพของอาณาจักร​เหนือยังได้ยึดซูโจวเอาไว้แล้ว รองแม่ทัพของเรากำลังนำกองทัพของเราจำนวน 3,000 คนเพื่อ​ไปสู้กับกองทัพของอาณาจักร​เหนือ อย่างไรก็ตามกองทัพของอาณาจักรเหนือมีกำลังมากและกล้าหาญ อีกทั้งกองกำลังของเราได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรต้านไว้ได้นาน ดังนั้นจึงได้มีการส่งรายงานจาก 800 ลี้มาเพื่อขอให้ฝ่าบาทส่งกองกำลังไปช่วยเหลือด้วยพ่ะย่ะค่ะ​! “

       เมื่อได้ยินเรื่องนี้ฮ่องเต้​คังก็ถึงกับนวดหน้าผากของเขา เขาแทบจะไม่สามารถ​ยืนอยู่ได้และใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที

       ฮวาจูอวี้เคยได้ยินว่าแม่ทัพ เสินไป๋ ที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องชายแดนทางเหนือ แม้ว่าเขาจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันดีเหมือนบิดาของนาง ฮวามู่ แต่เขาก็ดุร้ายและเป็นแม่ทัพที่กล้าหาญ คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินว่าเขาเสียชีวิตในสนามรบหลังจากปกป้องชายแดนมาเป็นเวลานาน

       อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่รู้สึกระทึกและให้ความรู้สึกหนักใจอึ้งอยู่ในหัวใจของทุกคน

       คืนนั้นจี่เฟิงหลี่ ไม่ได้กลับไปที่จวนของเขาและอยู่ในวัง​ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้กับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ

       สองวันต่อมา

       ในวันที่อากาศแจ่มใสไม่มีเมฆฝน ก็ได้มีทหารสองหมื่นคนประจำการอยู่ที่ประตูทางด้านเหนือของเมืองหลวง ภายใต้การบัญชาการของแม่ทัพถังยวี ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งและกองทัพจะออกเดินทัพไปทางเหนือโดยเร็วที่สุด

       ฮวาจูอวี้ก็เป็นหนึ่งในทหารที่ประจำการอยู่ที่ประตู ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่น ๆ ที่ผ่านรอบที่สามของการแข่งขันก็อยู่ที่นี่ด้วยและเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ มีเพียงถังยวี และหนานกง เจี๋ย เท่านั้นที่ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งทางทหารอยู่ในระดับ 4 เนื่องจากฝีมือที่ยอดเยี่ยมในการแข่งขัน

       หลังจากมีเสียงแตรดังขึ้น ทหารสองหมื่นคนก็เดินทางออกไปทางเหนือ ฮวาจูอวี้เหลือบมองกลับไปที่เมืองหลวงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันกลับมาดึงบังเหียนและตามกองทัพไป

       ออกจากเมืองหลวงไปในครั้งนี้ นางสงสัยว่าอนาคตจะเกิดอะไร​ขึ้นบ้าง

       เมื่อได้ยินข่าวในวันนั้นในที่สุดนางก็ตระหนักว่าสงครามระหว่างอาณาจักร​ใต้และอาณาจักร​เหนือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางทีความพยายามของนางอาจจะไร้ผล แต่อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด​นางก็ต้องพยายาม

       ทิ้งเมืองหลวงไว้ด้านหลัง กองทัพก็มุ่งหน้าไปทางตอนเหนือ

       ฮวาจูอวี้ได้ยินเสียงกีบม้าดังจากข้างหลัง เมื่อหันไปมองนางก็เห็นกลุ่มของม้ากำลังวิ่งออกมาจากเมืองหยูด้วยความรวดเร็ว​

       “มีกลุ่มอื่นด้วยหรือ? ข้าคิดว่าเราเป็นกลุ่มเดียวที่ไปเสียอีก? “ทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ฮวาจูอวี้แสดงความคิดเห็น

       เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง ในที่สุดนางก็จำได้ว่าคนที่กำลังอยู่บนหลังม้าสีดำนั้นเป็นคนของจี่เฟิงหลี่

       นางไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะนำทัพเข้าสู่สนามรบ ถ้านางรู้ นางคงจะไม่สนใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันและเพียงแค่ขอตามเขาไปเท่านั้น

       นางไม่คิดว่าจี่เฟิงหลี่ จะออกจากเมืองหยูจริงๆ เขาไม่กลัวว่ากระแสน้ำจะพลิกกลับถ้าเขาจากไปและกลับมาหรือ? เขาไม่กลัวการสูญเสียอำนาจและการควบคุมของเขาที่มีต่อราชสำนักหรือ? ฮวาจูอวี้รู้สึกว่านางเข้าใจเขาน้อยลงทุกวัน

       นอกจากนี้เขายังไม่ได้เอารถม้ามาด้วยและเพียงแค่ขี่ม้าเหมือนทหารคนอื่นๆ เท่านั้น แต่ด้วยความเร็วที่จำกัดของรถม้าถ้าเขาจะใช้มัน นางก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะไปทางทิศเหนือเมื่อไหร่​

       ฮวาจูอวี้รู้ว่าจี่เฟิงหลี่ ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกประหลาดใจกับความเร็วของเขา แต่ทหารอื่น ๆ ต่างก็ไม่รู้ความจริงข้อนี้ ดังนั้น​พวกเขาจะต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดที่สุด เมื่อพวกเขาเห็นขุนนาง​ที่ดูงดงามเช่นนั้นนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยความเร็วดังกล่าว

       กองทัพเดินทางต่อไปในระหว่างวัน พักผ่อนเพียงครึ่งชั่วยามในตอนเที่ยงก่อนจะออกเดินทางต่ออีกครั้ง และในตอนเที่ยงคืนพวกเขาก็จะหยุดเพื่อ​ที่จะตั้งค่ายพักและออกเดินทางในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น

       แม้ว่าฮวาจูอวี้จะเคยเป็นแม่ทัพและได้เห็นความโหดร้ายและความทุกข์ทรมานจากสงคราม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทัพที่อย่างรวดเร็วและเร่งด่วนเช่นนี้ นอกจากนี้นางยังต้องอยู่รวมกับผู้ชายในระยะประชิด อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่พอจะอดทนได้ เพราะเมื่อ 3 ปีที่แล้วเมื่อนางได้เริ่มอาชีพทหารของนางในฐานะนายทหารชั้นต่ำ นางก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

World of Hidden Phoenixes

World of Hidden Phoenixes

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 40 อ่านนิยาย ตอนที่ 41 – 80 อ่านนิยาย


สำหรับเหล้ามงคลในคืนแต่งงานของนางกลับกลายเป็นถ้วยยาพิษ ส่วนคนที่จะวางยาพิษนางกลับเป็นสามีของนางเอง พูดไปใครจะเชื่อ?

แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้! และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความโชคร้ายของนางเท่านั้น

ในคืนแต่งงานของนาง จากที่นางได้เป็นเจ้าสาวหมาดๆ กลับกลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง และในพริบตานางได้กลายเป็นองค์หญิงที่ต้องแต่งงานออกไปในถิ่นทุรกันดารของเขตแดนทางตอนเหนือที่หนาวเหน็บ

แม้ว่านางจะยังคงเป็นเจ้าสาวอยู่ แต่ก่อนหน้านี้นางต่างก็เป็นที่อิจฉาของทุกคน ในตอนนี้นางกลับกลายเป็นที่น่าสังเวชของทุกคนแทน

เพื่อรักษาชีวิตของหญิงงามอีกหลายๆ ชีวิตเอาไว้ นางถูกใช้เป็นเบี้ยที่ไม่มีค่า

แต่นางไม่ใช่คนที่อ่อนแอที่จะอยู่รอรับความเมตตาของใคร นางจะควบคุมโชคชะตาของนางเอง!

Options

not work with dark mode
Reset