World of Hidden Phoenixes 100.1

ตอนที่ 100.1

       ฮวาจูอวี้รู้สึกหมดหนทาง นางนั่งอยู่ในคุกใต้ดิน​ที่มืดสนิทตามลำพัง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่จะไปที่แนวหน้าหรือตามเสี่ยวหยินกลับไปยังอาณาจักร​เหนือ ในตอนสุดท้ายนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

       ฮุยเสวียบอกว่าเสี่ยวหยิน ไม่ได้ถูถพิษ​หรือถูกบังคับ ในเมื่อมันเป็นแบบนั้นนางก็ต้องจากไป ยิ่งนางอยู่​ที่นี่นานเท่าไหร่ ​นางก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น​ เพียงแค่ว่านางไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน

       ในขณะนี้เสี่ยวหยินได้ดึงกองกำลังของเขากลับมาที่เมืองหยางกั่ว จากที่นางรู้หยางกั่วอาจจะถูกล้อมไปด้วยกองทัพของอาณาจักร​ใต้แล้วก็ได้ ถ้านางไปตอนนี้ก็ไม่มีที่อื่นนอกจากค่ายทหารของอาณาจักรใต้​เท่านั้น นางไม่แน่ใจว่าการลงโทษแบบไหนจะรอนางอยู่ที่นั่น

       เมื่อนางออกจากเมืองหลวง นางบอกจี่เฟิงหลี่ ว่านางไม่ใช่สายลับของอาณาจักร​เหนือ นางยังได้สาบานว่าจะไม่ตามเสี่ยวหยินกลับไป ในที่สุดนางก็ต้องล้มเหลวที่จะรักษา​คำพูดของนาง

       นางมั่นใจว่าในความคิดของ จี่เฟิงหลี่ อย่างไม่ต้องสงสัย นางต้องเป็นสายลับของอาณาจักร​เหนืออย่างแน่นอน​ ถ้านางกลับไป จี่เฟิงหลี่ ก็คงจะไม่ยอมปล่อยนางไป แต่ถ้านางไม่กลับไปก็จะเทียบเท่ากับการยอมรับว่านางเป็นสายลับ เรื่อง​นี้นางจะไม่ยอมปล่อย​ให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

       ฮวาจูอวี้ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูห้องขัง ด้วยดาบขนาด​เล็กของนางประตูก็เปิดออก ฮุยเสวียได้เปิดประตูทิ้งไว้โดยเจตนาและไม่มีทหารที่มาคอยลาดตระเวนในห้องโถง พวกเขาถูกส่งไปประจำที่ข้างนอก นางเดินออกจากห้องขังไปเงียบๆและเดินขึ้นบันไดช้า ๆ ตรงออกไปข้างหน้า

       ด้านนอกคุกใต้​ดินมีทหาร​ไม่กี่คนนั่งอยู่ ฮวาจูอวี้ใช้กำลังภายในของนางขยับไปข้างหลังของพวกเขาอย่างรวดเร็วและสกัดจุดของพวกเขาเอาไว้ จากนั้นนางก็รีบถอดเครื่องแบบของชายคนหนึ่งและถอยกลับเข้าไปในมุมมืดของคุกใต้​ดินเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่นางทำเสร็จแล้วนางก็เอาดาบของชายคนนั้นและจากไปอย่างรวดเร็ว​

       ที่อยู่ของเจ้าเมืองไม่ได้มีขนาดเล็กๆ คุกใต้ดิน​ตั้งอยู่ที่สวนด้านหลัง ฮวาจูอวี้ต้องแอบอยู่ในเงามืดของต้นไม้และเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ เมื่อนางพบกลุ่มทหารลาดตระเวนที่ใกล้เข้ามานางก็รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคา

       สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านนำพาความเย็นมาด้วยเล็กน้อย มันเป็นช่วงดึกและท้องฟ้าด้านบนก็มืดสนิท​ แม้ว่าจะไม่มีดวงจันทร์แต่ก็ยังสามารถ​มองเห็นดวงดาวได้บ้าง ถ้าใครจะมองดีๆ ถ้าไม่มีสงครามใด ๆ เกิดขึ้นในคืนนี้ก็คงจะเป็นภาพที่สวยงามมาก

       นางยังคงซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้ามาเป็นเวลานานและไม่กล้าเดินหน้าจนกว่าทหารลาดตระเวนทั้งหมดจะหายไป ในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับความคิดที่ว่าเสี่ยวหยิน ช่างระมัดระวัง​จริงๆ อาณาจักรเหนือได้เข้ายึดเมืองหยางกั่วและไม่มีใครอยู่ในเรือนของพวกเขา นอกจากกองกำลังของเขา แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงมีการรักษาความสงบเอาไว้อย่างหนาแน่น

       มองไปข้างหน้า นางก็เริ่มมองเห็นว่ามีหลังคาเพิ่ม​มากขึ้น ก่อนที่จะกำลังหลบหนีไป ทันใดนั้นก็มีเสียงต่ำดังขึ้น “เจ้าควรจะได้รับอากาศบริสุทธิ์เพียงพอแล้ว หลังจากอยู่ที่นั่นมานาน”

       ร่างกายของฮวาจูอวี้ แข็งขึ้นและนางก็มองลงไป แล้วนางก็ได้ตระหนักว่านางได้หลบซ่อนตัวอยู่บนหลังคาของเรือนที่อยู่ภายในลานเล็ก ๆ และยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในลานคือฮ่องเต้​ของอาณาจักร​เหนือ เสี่ยวหยิน เขายืนอยู่ที่นั่นในขณะที่​มือไขว่หลัง แสงของโคมไฟกรองผ่านใบไม้​และทำให้เห็นบางส่วนของใบหน้าของเขา ทำให้เขามีกลิ่นอายที่เย็นชา​และมีท่าทางที่จริงจังมาก

       เห็นเขา ฮวาจูอวี้ก็ต้องการที่จะแกล้งยิ้ม แต่นางก็ไม่มีพลังที่จะทำเช่นนั้น

       ดูเหมือนว่าแผนการของนางที่จะหลบหนีไปในคืนนี้คงจะล้มเหลวแล้ว “ลงมา เจ้าไม่สามารถหลบหนีไปได้ “อาภรณ์ของเสี่ยวหยินสะบัด​อยู่ในสายลมในขณะที่เขาก้าวออกมาจากเงามืด

       นางรู้ว่าตอนที่เสี่ยวหยินพบนางแล้ว นางจะไม่สามารถออกไปได้ ที่อยู่นอกจวนเป็นกองกำลังของเขา แม้ว่านางจะออกจากจวนไปได้สำเร็จ นางก็จะไม่สามารถออกจากเมืองหยางกั่วไปได้

       หัวคิ้วของฮวาจูอวี้ ขมวดขึ้นและตัดสินใจที่จะกระโดดลงไป

       “ฝ่าบาทช่างอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์​จริงๆ!” ฮวาจูอวี้แสดงความคิดเห็นขณะที่นางยกมือขึ้นทำความเคารพ​ มันดึก​ขนาดนี้แต่เขาไม่อยู่​บนเตียง แต่กลับยืนอยู่ใต้ต้นไม้โดยที่ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ นางไม่เชื่อว่าเขาจะยืนอยู่ที่นั่นเพื่อ​ที่จะรอจับนางเท่านั้น​

       ริมฝีปากของเสี่ยวหยินยกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่จาง ๆ “ฮ่องเต้​ผู้นี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์​ที่ดีเท่ากับเจ้า มันดึก​มากแล้วแต่เจ้าก็โฉบเฉี่ยว​อยู่เหนือหลังคา ทิวทัศน์บทนั่นเป็นอย่างไรบาง? ”

       ” ดวงจันทร์ถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์อยู่หลังเมฆมืด ฝ่าบาทไม่คิดว่ามันงดงามหรือ? “ฮวาจูอวี้ถามขึ้นอย่างเย็นชา ไม่ว่าทิวทัศน์และบรรยากาศจะงดงามแค่ไหน สงครามก็จะทำลายทุกอย่างลง

       เสี่ยวหยินไม่ได้โกรธในข้อเท็จจริงที่ว่าฮวาจูอวี้ หนีออกจากคุกใต้ดิน เขาชี้ไปที่โต๊ะหินและม้านั่ง ก่อนจะพูดขึ้น “นั่ง ฮ่องเต้​ผู้แห่งนี้มีบางสิ่งที่จะถามเจ้า”เสียงของเขาหนาวจัดโดยไม่มีร่องรอย​ของความอบอุ่นอยู่แม้แต่น้อย​

       ฮวาจูอวี้มองเขาและค่อยๆเดินไปนั่งที่ม้านั่งหิน

       “คนที่ให้สร้อยคอ​เส้นนี้กับเจ้าคือน้องสาวของฮ่องเต้ผู้นี้​” เสี่ยวหยินค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเมื่อมองไปที่นาง

       “ใช่” ฮวาจูอวี้พยักหน้าและพูดขึ้น “กระหม่อมเดาว่า สร้อยคอ​เส้นนี้เป็นของที่พี่ที่ชายของนางทิ้งไว้ให้นาง “

       “ทำไมนางถึงตาย?” เสี่ยวหยิน ยกเสื้อคลุมของเขาขึ้นและนั่งลงที่ม้านั่งหินในขณะที่​หันหน้าไปทางนาง

       หัวใจของฮวาจูอวี้เจ็บปวด​เกิดขึ้นทันที นางรู้ว่าเขามีคำถามมากมายเกี่ยวกับจินเซ่อ พวกเขาแยกจากกันตั้งแต่​วัยเด็ก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้นางมีหน้าตาแบบไหน

       “นางงดงามมาก นางมีคิ้วเรียวยาว เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ​ นางมีดวงตาที่สดใสและชาญฉลาด นางไม่ค่อยยิ้มเพราะอาจเป็นเพราะอดีตอันไม่พึงประสงค์ของนาง นางมีวัยเด็กที่ยากลำบากและต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก แม้แต่จะเป็นเช่นนั้น​นางก็มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ สำหรับข้าแล้วนางถึงกับ … “เสียงของฮวาจูอวี้ค่อยๆลดลง นางไม่กล้าพูดให้จบประโยค ถ้าเสี่ยวหยินรู้ว่าจินเซ่อถูกทำให้อัปยศอดสู​จนถึงแก่ความตายและถ้าหากคืนนั้นเขามาถึงเร็วอีกหน่อย เขาก็อาจจะช่วยจินเซ่อได้และถ้าเขาฟังคำร้องของนางเขาก็จะได้พบซากศพของจินเซ่อ ถ้าเขารู้สิ่งเหล่านี้เขาจะรู้สึกผิดแค่ไหน

       “เจ้าบอกว่านางเสียชีวิตเพราะนางพยายามที่จะช่วยเจ้า แล้วใครฆ่านาง? “เสี่ยวหยินถามขึ้นในขณะที่​สายตาที่เฉียด​คมจ้องมองที่ใบหน้าของนางอย่างแผดเผา​

       ฮวาจูอวี้ตกอยู่ในความเงียบ

       “เรื่อง​นั้นกระหม่อมยังคงสืบสวนอยู่” ตอนแรก​นางคิดว่าจิ่เฟิงหลี่ ได้ว่าจ้าง​คนตามทำคำสั่งจากฮ่องเต้​พระองค์​ก่อน แต่ถึงกระนั้นนางยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด

       ดวงตาสีม่วงของเขาแวบวาบขึ้นในขณะที่เขาหรี่ตาลง “เอาล่ะในอนาคตข้าจะสืบสวนมันกับเจ้า ให้ข้าถามเจ้าแบบนี้ ถ้าโจวย่าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตของเจ้า เจ้าคงเป็นคนรักของนาง? เจ้าทั้งสองแต่งงานกันหรือยัง? ”

       ฮวาจูอวี้รู้​สึก​อายเล็กน้อย

       “จริงๆแล้วกระหม่อม… .. ” จริงๆแล้วข้าเป็นผู้หญิง ฮวาจูอวี้ลังเลที่จะบอกเขาเรื่องนี้ ถ้าเขาลืมนางไปแล้ว ก็ควรปล่อยให้เป็นเช่นนั้น มิฉะนั้นก็จะนำแต่​ปัญหา​มาเท่านั้นถ้าพูดถึง​มัน นางไม่รู้จะตอบคำถามของเขาได้อย่างไร

       เสี่ยวหยินมองไปที่คนที่อยู่ข้างหน้าเขาและรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะสวมเครื่องแบบธรรมดา แต่ก็แทบจะไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ที่ดีของเขาเอาไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาที่ชัดเจนและสว่างของเขาซึ่งดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถ​หันสายตาไปที่อื่นได้

       ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้?

       สายตาของเขาค่อยๆจดจ่อ​อยู่ที่ฮวาจูอวี้ จู่ๆเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในส่วน​ลึกของหัวใจของเขา เขารีบจับหน้าอกของเขา ในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดลง

       เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว

       “เจ้าเป็นใครกันแน่?” เขาถามขึ้นด้วยหัวคิ้วที่ขมวด​

       ในขณะนี้คนรับใช้ก็วิ่งออกจากห้องและตรงเข้ามา ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าของเสี่ยวหยิน “ฝ่าบาท แม่นางเหวินว่านกำลังมีอาการไอขึ้นมาอีกครั้งและไม่สามารถ​ดื่มยาได้ หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพคะ “

       เมื่อได้ยินแบบนี้เสี่ยวหยินก็ขมวดคิ้วและถามขึ้น “ไม่ใช่เมื่อครู่ที่ผ่านมานางยังดีๆอยู่หรือ?”

       “อาจเป็นไปได้ว่าสุขภาพของนางได้แย่ลงจากการติดตามฝ่าบาทมาในครั้งนี้ และเนื่องจากร่างกายแม่นางเหวินว่านก็ยังไม่คุ้นเคยกับภูมิอากาศของอาณาจักรเหนือ หม่อมฉันไม่รู้ว่านางจะทนต่อความหนาวที่กำลังจะมาถึงได้หรือไม่” นางกำนัลบอกขึ้นด้วยความกังวลใจ

       เหวินว่านป่วย​หรือ? ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเสี่ยวหยินถึงยังไม่นอน เขาคงกังวลเกี่ยวกับอาการของเหวินว่าน ดูเหมือน​ว่าลานเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นของเหวิ่นวาน ฮวาจูอวี้ โชคร้ายอย่างแท้จริง ที่นี่มีหลังคาจำนวนมากแต่นางกลับมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่!

       ร่องรอยของความกังวลกระพริบขึ้นในดวงตาของเสี่ยวหยิน ในขณะที่เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากม้านั่งหินและพูดขึ้นเบา ๆ”ไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อฤดูหนาวมาถึงเราอาจจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักร​เหนืออีกต่อไปแล้ว”

       แสงที่จาง ๆ ส่องลงมาบนหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา จู่ ๆ เขาก็หันหลังกลับและจ้องมองไปที่ฮวาจูอวี้ “เจ้าอยู่ที่นี่ เนื่องจาก​ที่น้องสาวของฮ่องเต้​ผู้นี้โปรดปราน​เจ้า ฮ่องเต้​ผู้ก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก แต่ก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระด้วยเช่นกัน เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ฮ่องเต้​ผู้นี้จะพาเจ้ากลับไปยังอาณาจักรเหนือ​ด้วย แล้วเจ้าค่อยบอกข้าเกี่ยวกับน้องสาวของข้าได้อย่างช้าๆ พักอยู่ในคุกใต้ดิน​ไปชั่วคราวก่อนและอย่าคิดถึงการหลบหนีอีกต่อไป “น้ำเสียงที่โดดเด่นของเขาทำให้ยากที่คนจะปฏิเสธ เขาสั่งให้ ฉิงอวี้น และปี้เอวี้ย พานางกลับไปที่คุกใต้ดิน​ ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้อง

       นั่งอยู่ที่นั่น เฝ้าดูรูปร่างที่หายไปของเขาจากทางด้านหลัง เป็นเวลาสองเพียงไม่นานที่นางรู้สึกว่าลมตอนกลางคืนเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อและม้านั่งหินก็เย็นเข้ากับถึงกระดูก

       ไม่ต้องกังวล เมื่อฤดูหนาวมาถึงเราอาจจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักร​เหนืออีกต่อไปแล้ว

       ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะครองโลก

       ฮวาจูอวี้รู้สึกว่าหัวใจของนางจมดิ่ง​ลงและความหนาวเย็นก็ทำให้นางสั่นขึ้น นางค่อยๆยืนขึ้นและถูกพาตัวกลับไปที่คุกใต้ดิน​โดย ฉิงอวี้น และปี้เอวี้ย  

       ภายใต้คำสั่งที่เคร่งครัดของเสี่ยวหยิน ฉิงอวี้น และปี้เอวี้ย ได้ล็อคประตูห้องขังอย่างแน่นหนาและสั่งให้มีทหารอีกหลายคนเฝ้าระวัง​อยู่ด้านนอก

       นั่งอยู่บนกองหญ้าแห้งบนพื้นห้อง ฮวาจูอวี้ กอดเข่าของนางเอาไว้ โคมไฟที่ฮุยเสวียทิ้งไว้ให้ได้ดับไปนานแล้วและนางถูกล้อมรอบไปด้วยความมืดสนิทที่สมบูรณ์แบบ จู่ๆก็มีอาการฉีกขาดอย่างฉับพลันบนบาดแผลที่หัวไหล่ของนาง มันเตือนให้นางรู้ว่านางลืมที่จะใส่ยา นางหยิบขวดยาของฮวาจูอวี้ ออกมาก่อนจะเปิดมันออกและกวาดไปในความมืด พยายามที่จะใส่ยา นางต้องทนทุกข์ทรมานกับความรู้สึกแสบร้อน​ ก่อนจะฉีกเสื้อผ้าของนางเพื่อพันแผล การที่ต้องใช้เวลาหลายปีในสนามรบและได้รับบาดเจ็บเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆดังนั้นนางจึงมีทักษะในการพันแผลให้ตัวเอง

       อยู่คนเดียวในคุกใต้ดินอย่างเงียบๆ ฮวาจูอวี้รู้สึกเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บตอนกลางดึกซ่อนตัวอยู่ในความมืดที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อ​เลียแผลของนางในความเงียบ ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งแค่ไหนนางก็ไม่สามารถช่วยได้ที่จะรู้สึกเศร้า นางอยากจะร้องไห้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาหรือสถานที่ที่เหมาะ

       คืนที่เงียบสงบและนางก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก่อนที่นางจะเริ่มรู้สึกเหนื่อย โชคร้ายที่คุกใต้ดิน​เย็นเกินไปและการนอนหลับจึงไม่เกิดขึ้น นางกอดเข่าของนางและกำลังจะนั่งสมาธิ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านไปเหนือศีรษะของนาง เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนางก็เริ่มตื่นตัวขึ้น นางลุกขึ้นยืนและเดินที่ประตูห้องขังและถามทหาร​ด้านนอกขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”

       เสี่ยวหยินกลายเป็นคนระมัดระวังมากขึ้นและไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนของทหาร​ด้านนอก แต่ยังให้คนมาเฝ้าหน้าห้องขังของนางอีกด้วย

       เมื่อได้ยินการสอบถามของนางทหารก็ตอบขึ้นอย่างเย็นชา “จะมีอะไรเสียอื่น นอกจากกองทัพของอาณาจักร​ใต้ได้โจมตีกำแพงเมือง ฮ่องเต้ของเรากำลังออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่! “

       ฮวาจูอวี้รู้​สึก​ประหลาดใจเล็กน้อย กองทัพของอาณาจักร​ใต้โจมตีกำแพงเมืองแล้วหรือ?

       พวกเขาเดินขบวนมาอย่างหนักเพื่อมายังทางเหนือ หลังจากที่ได้รับชัยชนะในการรบแล้ว พวกเขาก็ควรจะพักและเก็บกำลังเอาไว้ ไม่ควรเดินกำลังต่อเช่นนี้ หากเกิดความล้มเหลวจะทำให้เสี่ยวหยินได้รับโอกาสทองในการเปิดการตีโต้ บางทีอาจทำให้เขามีโอกาสที่จะจับซูโจวด้วยก็ได้ ทำไมจี่เฟิงหลี่ถึงได้เลือดร้อน​เช่นนี้? เขาไม่ใช่คนสายตาสั้นและใจร้อนที่จะเอาแต่ชัยชนะอย่างรวดเร็วเท่านั้น สงครามกับอาณาจักร​เหนือไม่ใช่อะไรที่จะเสร็จสิ้นภายในคืนเดียว

World of Hidden Phoenixes

World of Hidden Phoenixes

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 40 อ่านนิยาย ตอนที่ 41 – 80 อ่านนิยาย


สำหรับเหล้ามงคลในคืนแต่งงานของนางกลับกลายเป็นถ้วยยาพิษ ส่วนคนที่จะวางยาพิษนางกลับเป็นสามีของนางเอง พูดไปใครจะเชื่อ?

แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้! และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความโชคร้ายของนางเท่านั้น

ในคืนแต่งงานของนาง จากที่นางได้เป็นเจ้าสาวหมาดๆ กลับกลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง และในพริบตานางได้กลายเป็นองค์หญิงที่ต้องแต่งงานออกไปในถิ่นทุรกันดารของเขตแดนทางตอนเหนือที่หนาวเหน็บ

แม้ว่านางจะยังคงเป็นเจ้าสาวอยู่ แต่ก่อนหน้านี้นางต่างก็เป็นที่อิจฉาของทุกคน ในตอนนี้นางกลับกลายเป็นที่น่าสังเวชของทุกคนแทน

เพื่อรักษาชีวิตของหญิงงามอีกหลายๆ ชีวิตเอาไว้ นางถูกใช้เป็นเบี้ยที่ไม่มีค่า

แต่นางไม่ใช่คนที่อ่อนแอที่จะอยู่รอรับความเมตตาของใคร นางจะควบคุมโชคชะตาของนางเอง!

Options

not work with dark mode
Reset