Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก 657

TQF:บทที่ 657  แผนการที่วางไว้ (2)

สีหน้าของฟางเต๋อหยวนหนักใจและพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่ได้ดูแลอะไรมานานหลายสิบปีแล้ว ข่าวไของแต่ละอิทธิพลก็มีไม่เท่าไหร่ และไม่มีแหล่งข้อมูลอีกด้วย ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเหล่าพระโอรสเหมือนกัน ข้าจำได้แค่ 10 กว่าปีก่อนเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงงานหนึ่ง และพบว่าพระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 8 และองค์ชาย 10 ดูเหมือนจะมีความโดดเด่นกว่าผู้อื่น แต่ในช่วงสิบปีมานี้ก็ไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวของพระโอรสทั้ง 2 องค์นี้เลย”

“พระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 8 และองค์ชาย 10….”

พูดถึงพระโอรสทั้ง 2 องค์นี้ ในหัวของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกไปถึงรูปลักษณ์และกิริยาของพระโอรสทั้ง 2 องค์

พวกเขาล้วนหน้าตาดี ดูเป็นคนที่ชอบทำตัวเงียบๆ ต้องยอมรับว่าพวกเขาซ่อนตัวได้ดีจริงๆ ในงานเลี้ยงน้ำชา 2 คนนี้ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไงแล้ว ราวกับไม่แตกต่างอะไรจากลูกหลานตระกูลใหญ่อื่นๆเลย

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงได้พบว่าตัวเองเมิน 2 คนนี้ไปจริงๆ การปิดบังตัวเองได้อย่างแนบเนียนเดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว แต่พวกเขาทำได้และทำได้ดีมาก ไม่ว่าใครก็สามารถละสายตาจากพวกเขาได้

การเอาตัวรอดในสถานที่ที่กินคนไม่คายกระดูกอย่างราชวงค์แต่ละคนต้องมีความสามารถพอตัวอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ และก็คงถูกทำร้ายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก

ตอนนี้มาคิดๆดูแล้วพระโอรสทั้ง 2 องค์นี้มีความนิ่งและความลึกล้ำที่คนหนุ่มทั่วไปไม่มีจริงๆ แต่พระโอรสทั้ง 2 องค์นี้จะมองตัวเองอย่างไรกันนะ

ตอนนี้ในความคิดของเหล่าพระโอรส ตัวเองน่าจะอยู่ใกล้ชิดและสนิทกับพระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 3 และตำหนักองค์ชาย 5 สินะ

“เสี่ยวเสี่ยว ส่งคนไปสืบดูหน่อยมั้ย” ฟางหมิงเห้อแนะนำ

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัวนิดหน่อยแล้วพูดว่า “ท่านปู่เล็ก เรื่องของราชวงค์เราไม่ยุ่ง ส่วนเรื่องจะไปสืบนั้นเรายิ่งทำไม่ได้ ถ้าถูกจับได้ละก็จะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน”

“ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราจะเข้าไปยุ่งหรือไม่ แต่เรื่องที่เจ้าและหยูเฮงน้อยไปปรากฏตัวที่ตำหนักองค์ชาย 3 เป็นเรื่องที่เขารู้กันทั่วแล้ว ต่อให้เจ้าไม่อยากเข้าไปยุ่งเขาก็จะนับรวมเจ้าเข้าไปด้วยอยู่ดี ดั่งคำที่ว่าสถานการณ์บังคับ”

ในแววตาของฟางเต๋อหยวนมีความกังวลอยู่แว้บหนึ่ง เขาที่ถูกตระกูลกดขี่มาหลายสิบปีไม่มีพลังอะไรที่จะพัฒนาไปมากกว่านี้

นอกจากคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ซึ่งติดตามเขาในตอนนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็มีไม่มาก ที่สำคัญคือเงินที่เขาเก็บออมมาก็เสียไปแล้วทั้งหมดในตอนนั้นเพื่อช่วยลูกชายของเขา แต่นอกจากจะไม่สมหวังแล้ว ชีวิตประจำวันก็อยู่ได้ด้วยการสนับสนุนจากมิตรสหายและเด็กๆในบ้าน ส่วนกำลังในมือที่สามารถนำมาใช้ได้ยังไม่ดีเท่าเหล่าสัตว์อมตะในมือของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลย”

“เพียงแต่กำลังของพวกเรามีน้อยเกินไปไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก กลับทำให้พวกเจ้าต้องมีปัญหาอีก เห้อ….”

เสียงถอนหายใจของฟางเต๋อหยวนทำให้เด็กๆในบ้านหัวตกกันหมด ด้วยอายุของพวกเขาวิทยายุทธที่มีอยู่ไม่ถือว่าแย่นัก แต่ถ้าเทียบกับบรรดายอดฝีมือของแต่ละอิทธิพลแล้ว พลังแค่นี้ไม่ได้น่าดูเลยแม้แต่น้อย”

ขณะนี้ฟางซูหยุนเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ นางหันกลับมาบอกกับหลานสาว “เสี่ยวเสี่ยวถ้าเจ้าพอมีวิธีอะไร ก็ช่วยทุกคนและพี่น้องซีเฉิงด้วย”

“อ๋อ…”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวดูแล้วมีแค่ท่านปู่ทวด ท่านย่า และท่านปู่เล็กที่วิทยายุทธสูง ส่วนคนที่เหลือ…

นางพยักหน้า “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้ากับหยูเฮงน้อยจะสกัดน้ำยามาให้”

“สกัดน้ำยา?”

เมื่อฟางเต๋อหยวนได้ยินคำนี้ก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ โพล่งถามออกมา “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว พวกเจ้ายังเป็นผู้สกัดยาด้วยหรือ”

เหตุผลที่ว่าทำไมต้องใช้คำว่า ‘ยังเป็น‘ ก็เป็นเพราะว่าในสายตาของทุกคน ด้วยอายุของเฉิงเสี่ยวเสี่ยววิทยายุทธที่มีถือว่าสูงมาก บวกกับนางยังเป็นปรมาจารย์การฝึกสัตว์ก็พอที่จะทำให้โลกต้องตะลึงแล้ว ถ้าเพิ่มฐานะนักสกัดยาเข้าไปอีกละก็…

ไม่ใช่แค่โลกต้องตะลึงแล้ว แต่โลกต้องสะพรึงแล้วล่ะ

เกรงว่าถ้าข่าวนี้กระจายออกไปก็คงไม่มีคนอยากจะเชื่อ วิทยายุทธระดับก้าวสู่เทพเทวาในอายุไม่ถึง 20 ปี (ทุกคนยังคิดว่านางอยู่ระดับก้าวสู่เทพเทวาอยู่) ปรมาจารย์การฝึกสัตว์ นักสกัดยา ฐานะเหล่านี้ในคนๆเดียว เป็นไปได้เหรอ กับคนที่ไม่รู้เรื่องเรื่องแบบนี้ช่างน่าตลกเสียจริง

“ท่านปู่ทวด เป็นนักสกัดยานี่มันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ” หยูเฮงน้อยเห็นท่าทีนิ่งอึ้งไปของเขาจึงถามด้วยความสงสัย

ถ้าเมื่อกี้ทุกคนยังแค่สงสัย การถามกลับของหยูเฮงน้อยในตอนนี้ก็ทำให้พวกเขารู้แล้วว่านี่เป็นเรื่องจริงแน่นอน

นอกจากฟางซูหยุนที่รู้ความจริงอยู่แล้ว คนอื่นๆต่างมองไปที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยด้วยท่าทีอึ้งๆ

พวกเขาคิดไม่ตกเลยจริงๆว่าพวกนางฝึกฝนด้วยวิธีไหนกันถึงได้มีอิทธฤทธิ์ต่างๆมากมายขนาดนี้ หรือว่าพวกนางเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ยังไม่เกิดเลยรึไง

เนิ่นนานกว่าฟางเต๋อหยวนและลูกชายฟางหมิงเห้อจะหันมาสบตากัน ยังดีที่ความสามารถในการแบกรับของพวกเขานั้นสูงพอ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะตกใจหงายหลังตึงแน่นอน

“จริงสิ เสี่ยวเสี่ยว ถ้าพวกเจ้าเป็นนักสกัดยา งั้นพวกเจ้าก็สามารถเข้าร่วมงานประลองของปรมาจารย์ตันซือในอีกครึ่งปีให้หลังน่ะสิ” ฟางเต๋อหยวนที่นึกออกกะทันหันเอ่ยอย่างดีใจ

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับงานประลองของปรมาจารย์ตันซือเป็นครั้งแรก จึงถามด้วยความสงสัย “ท่านปู่ทวด งานประลองของปรมาจารย์ตันซือนี่คืออะไรเหรอ”

“ท่านปู่ทวด ไองานประลองของปราจารย์ตันซือนี่สนุกมั้ย มีรางวัลอะไรบ้าง ใครเป็นเจ้าภาพเหรอ” หยูเฮงน้อยถามด้วยความสนใจ

“พวกเจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อของสำนักตันซือและสำนักวั่นตันใช่มั้ย” ฟางเต๋อหยวนถามยิ้มๆ

หยูเฮงน้อยรีบพยักหน้า “รู้สิๆ ได้ข่าวว่าพวกเขาเป็นสำนักที่สกัดยา ท่านปู่ทวด พวกเขาสกัดยาเก่งมากเลยเหรอ”

“เฮ่ะๆ เรียกได้ว่านักสกัดยาในผินดินฉางไห่ส่วนใหญ่ก็มาจาก 2 สำนักนี้แหละ ยาเม็ดที่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทุกคนในผืนดินฉางไห่กินก็สกัดโดยพวกเขาทั้งนั้น เจ้าว่าพวกเขาเก่งมั้ยล่ะ”

—————————————