The Second Coming of Gluttony 196

ตอนที่ 196

บทที่ 196 – พาราไดซ์กับโลก (2)

ซอลจีฮูได้สงสัยในสิ่งที่ได้ยินอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้ยินมันชัดๆเลย แต่ว่าการทำความเข้าใจนี่สิปัญหา

บาร์แห่งนี้เป็นที่ที่ผู้คนจะมาดื่มสังสรรย์ส่งเสียงดังกัน แน่นอนว่าทุกๆบาร์มันไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่กับกิน ดื่ม และเพลิดเพลินเป็นเช่นกัน

ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าฮิวโก้ส่งเสียงดังไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาพูดใส่ว่า ‘หุบปากแล้วนั่งแดกเงียบๆ’ ได้

เว้นก็แต่ว่าคนๆนั้นอยากจะมีเรื่องกัน

นี่คือเหตุผลที่ซอลจีฮูรู้สึกไม่สบายใจกับคำรามพวกนี้ เขาระบุไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่ว่าเขารู้สึกได้อย่างรุนแรงว่ามันแปลกๆ

เหมือนกันกับในตอนที่เขาได้ก้าวขึ้นไปบนชั้นบนสุดของคฤหาสน์จักพรรดิ มันเป็นความรู้สึกว่าหากเขาก้าวไปอีกก้าวเดียว เขาก็จะข้ามไปในเส้นที่ศัตรูร่างไว้

ความสงสัยมันได้อยู่เหนือความโกรธของเขา

ยังไงก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหวังให้ฮิวโก้ที่เมาอยู่คิดแบบเขา

ตึง

“แกพูดบ้าอะไรว่ะ?”

ฮิวโก้ได้กระโดดลงจากโต๊ะไม้ และคำรามขู่ออกไป มันชัดเจนมากว่าเขาสูญเสียเหตุผลไปแล้ว

ในบรรดาชายสี่คน ชายหนุ่มจมูกแดงเหมือนฮิวโก้ได้ล้อเลียนเขาออกมา

“เชี้ยเอ้ย ใครจะไปทนฟังแกคิดเหมือนกับสู้ในสงครามคนเดียวได้ล่ะ อะไรนะ? ยกย่องอะไรกัน? ไร้สาระทั้งเพ… อ่า ทำไมล่ะ? ฉันพูดอะไรผิดไป?”

“เฮ้ เฮ้! หยุดเลย พวกเขาคือคาเพเดี่ยมนะ”

“คาเพเดี่ยมแล้วทำไมล่ะ? พวกเขาจะทำไมกันหา? ที่ฉันพูดมันผิดงั้นหรอ?”

เมื่อชายอีกสามคนได้พยายามหยุดเขาเอาไว้ ชายคนนั้นก็ส่งเสียงดังขึ้นมาอีก

กูถูก พวกเขาก็ได้เข้าร่วมสงครามโดยเอาชีวิตไปเสี่ยงเช่นกัน การได้ยินว่าพวกเขาควรจะยกย่องคนๆหนึ่งมันคงไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกดีแน่ๆ

ซอลจีฮูได้พึมพำเบาๆกับตัวเอง และตัดสินใจอดทนเอาไว้ เขาอดทนก็เพราะความรู้สึกอึดอัดใจภายในอกยังคงไม่หายไป

“เขาพูดถูก ฮิวโก้ คำพูดของนายมันหยาบคายไปหน่อยนะ”

ซอลจีฮูได้ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม

ด้านหลังของเขาได้มีเสียงกระซิบของจางมัลดงออกมาว่า “ซังจิน” ก่อนจะเกิดเสียงวุ่นวายขึ้นจากด้านหลัง

“หากว่านั่นมันทำให้คุณไม่พอใจ ถ้างั้นผมต้องขออภัยด้วย พวกเราจะลดเสียงลง”

ซอลจีฮูได้ขออภัยออกมา และดึงฮิวโก้กลับไปนั่ง

“ทำไมนายต้องไปขอโทษไอ้พวกไร้ค่าแบบนี้ด้วยล่ะ?”

โชฮงได้พึมพำออกมาเบาๆ ชายคนนั้นได้หรี่ตาขึ้น และขยับริมฝีปากยิ้มออกมา

“อ่อ จริงๆหรอ?”

ชายคนนี้ได้เตะเก้าอี้ของเขา และแกว่งร่างไปมาอย่างน่าอันตราย

“ไอ๊หย๊า! วีรบุรุษสงครามกำลังไกล่เกลี้ยสถานการณ์! เขากระทั่งขออภัยฉันด้วยตัวเองอีกด้วย โอ้ ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ?”

เมื่อซอลจีฮูไม่ได้ตอบกลับ และหันไปมองเงียบๆ

“ว้าว~ เขาไม่ได้สนใจฉันเลย หรือว่าเขากำลังอดกลั้นมันเอาไว้อยู่กันล่ะ? นายคงจะใจกว้างขึ้นหลังจากได้รับทั้งชื่อเสียงแล้วก็ผู้หญิงสินะ”

“อ่า จริงด้วยสิ ฉันได้ยินมาว่านายเพิ่งจะเทียวไปเทียวมาภายในบ้านของบุตรแห่งลูซูเรียนี่นา!”

ซอลจีฮูได้ชะงักไป ทำไมจู่ๆเขาถึงได้เอาเรื่องซอยูฮุยขึ้นมาพูดล่ะ?

“ยัยนี่ก็ตอแหลเหมือนกันนะ เธอเอาแต่ปฏิเสธทุกๆคนทำเหมือนกับเป็นใจแข็งอะไรแบบนั้น แต่ดูตอนนี้สิพอมีผู้ชายดีๆปรากฏตัวขึ้นมา เธอก็รีบเข้ามาคว้าไปทันทีเลย”

แม้กระทั่งซอลจีฮูก็ยังหันกลับมาอย่างช้าๆ ชายคนนั้นกำลังยิ้มยิงฟันเยาะเย้ยเขาอยู่

“ก็จริงไหมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเราก็รู้กันดีหรอกหรอว่าเธอรับใช้ในเทพธิดาองค์ไหน? หากว่าเธอซื่อย์ตรงจะมีใครว่าอะไรเธอได้กันล่ะ? แต่ว่าเพราะเธอทำเหมือนกับบริสุทธิ์ทั้งๆที่คนอื่นรู้ความจริงหมดแล้ว นั่นแหละที่ทำให้เธอดูปลอม”

‘…อะไรนะ?’

“แล้วบุตรแห่งลูซูเรียเยี่ยมดีไหล่ะ? ฉันก็อยากจะลองลิ้มรสดูสักครั้งเหมือนกัน! เฮ้ บอกมาหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง ในฐานะเพื่อชายด้วยกัน ฉันอยากจะรู้ชิปหายเลยว่ะ”

ดวงตาของซอลจีฮูได้ค่อยๆเบิกกว้างขึ้น มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ยังทำให้หมดของเขาไม่ได้พุ่งออกไป

“อย่า”

เพราะว่าจางมัลดงได้มาปรากฏตัวขึ้นข้างๆเขาโดยไม่รู้ตัว และจับแขนเขาเอาไว้แน่น

“เขาตั้งใจทำแบบนั้น เขากำลังพยายามยั่วยุนายให้ลงมือ”

ซอลจีฮููได้พยายามสงบอารมณ์ของเขาลง เขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่าพรรคพวกของชายอีกคนหนึ่งกำลังพยายามข่มใจแอบมองมา

จางมัลดงได้ก้าวออกมา

“หยุดแค่ตรงนี้ แล้วดื่มต่อไปเถอะ เดี๋ยวเราก็จะไปกันแล้ว”

ขณะที่จางมัลดงพูดแบบนี้ ชายคนนั้นก็เหลือบมองจางมัลดงด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“ได้สิ ได้เลย สุดท้ายแล้วผู้อาวุโสมมากชื่อเสียงก็ยังมาพูดกับเรา เราจะต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว โฮ่ ฉันดื่มได้ไม่สนุกเพราะเจ้าตัวน่ารำคาญพวกนี้เลย”

เขาได้เยาะเย้ยออกมาก่อนจะถ่มน้ำลายลงบนพื้น

“หึ พวกเขานี่ไม่มีจิตสำนึกเอาซะเลย เขาเคยคิดไหมนะว่าทำไมฮารามาร์คถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”

นี่มันคือการเยาะเย้ยอย่างชัดเจน ใบหน้าของซอลจีฮูที่ดูเคร่งขรึมลงไปได้มืดมนลงไปจนน่ากลัว

“เพื่อผลประโยชน์ชายแก่เกษียณได้คลานกลับเข้ามา-“

ตึง! ชายคนนี้ยังไม่ได้ทันพูดจบเลย นั่นมันเพราะได้มีเสียงระเบิดดังลั่นออกมา

“โซฟา”

จางมัลดงได้ตะโกนขึ้นพร้อมทั้งกดซอลจีฮูกับฮิวโก้เอาไว้

ฟีโซราได้รีบลุกขึ้นหยุดโชฮงเอาไว้

โชฮงที่ถูกหยุดเอาไว้ได้จ้องมองศัตรูอย่างอาฆาต หากว่าเธอมีไม้กระบองอยู่ในมือ เธอคงจะโยนมันออกไปแล้ว

ทั้งบาร์ได้กลายเป็นเงียบสงัดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ

ภายในสถานการณ์อึดอัดนี้ ยี่ซอลอาได้ทำอะไรไม่ถูก และได้แต่มองอย่างอยู่ไม่นิ่ง จางนั้นเมื่อเธอหันไปมองซอลจีฮู เธอก็ได้กลืนน้ำลายลงไป

ซอลจีฮูกำลังมองชายคนนั้นอย่างใจเย็น ไม่สิ เขาไม่ได้แค่กำลังจ้องอยู่

แต่แค่มองดูชายหนุ่มจากด้านข่าง จู่ๆความอบอุ่นในร่างกายเธอก็หายไปหมดแล้ว เธอกลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาราวกับเห็นผี

นี่มันเป็นเรื่องธรรมดา

ยี่ซอลอาเคยเห็นเพียงแค่ด้านเดียวของซอลจีฮูเท่านั้น นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้เห็นเขาเผชิญหน้ากับศัตรู

ในตอนนั้นเอง

“ฟุฟุฟุ”

ทันใดนั้นเองเสียงหัวเขาต่ำๆของจางมัลดงก็ได้ดังออกมาทำลายความเงียบ ชายคนนี้ได้หรี่ตาลง

“หัวเราะอะไรกัน? ตาแก่นี่คงเลอะเลือนไปแล้วสินะ”

จากนั้นฟีโซราก็ยิ้มขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

“งี่เง่า”

หลังจากกดโชฮงลงไปที่ที่นั่งแล้ว เธอก็เยาะเย้ยเขาออกมา

“อย่างน้อยนายก็ควรจะเล็งจังหวะที่เขาอยู่คนเดียวสิ ฝ่ายเรามีระดับ 5 อยู่ตั้งห้าคนเชียวนะ”

“อะไรนะ?”

“เฮ้! นายคิดว่าฉันกลายเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูงจากการสู้โง่ๆงั้นหรอ? แค่ฉันคนเดียวก็เห็นคนโง่ๆแบบนายมาเป็นสิบครั้งแล้ว”

หลังจากเยาะเย้ยพวกเขาแล้ว เธอก็สะกิดยี่ซังจิน เด็กหนุ่มได้ผงะไป และกระพริบตามองจางมัลดง หลังจากที่จางมัลดงหยักหน้าให้ เขาก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ

ภายในมือของเขามีลูกแก้วคริสตัลกำลังส่องแสงจางๆออกมาอยู่

มันก็คือคริสตัลสื่อสาร

-ขยับไปข้างๆหน่อยนึงสิ

น้ำเสียงเซื่องซึมได้ดังออกมา

-ฉันมองไม่เห็นหน้าหมอนั่น

ยี่ซังจินได้รีบขยับแขนทันที

แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ซอลจีฮูหันกลับมามองด้านหลัง ชายคนนั้นก็ได้แสดงสีหน้ามึนงงออกมา

ภายในคริสตัล…

-หืมมม

เป็นหญิงสาวที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ จากท่ากอดอกและไขว้ห้างของเธอแล้ว เธอดูเหมือนจะเป็นไปด้วยออร่าแห่งความกดดัน

องค์กรที่เป็นตัวแทนของฮารามาร์ค และเป็นหัวหน้าของเหยี่ยวสงครามแห่งทิศใต้

นั่นก็คือทาเซียน่า ซินเซีย

เมื่อจินตนาการได้ว่าเธอได้เฝ้ามองดูสถานการณ์นี้เป็นการส่วนตัวมาตลอด เสียงกลืนน้ำลายก็ได้ดังออกมาทั่วทั้งบาร์

“พอจะรู้จักไหม?”

จางมัลดงได้ถามออกมา

-ไม่เลย นี่ไม่ใช่ใบหน้าที่ฉันเคยเห็นในฮารามาร์ค

ซินเซียได้ส่ายหัวออกมาอย่างช้าๆด้วยสีหน้าไม่แยแส

“ซึ่งนั่นหมายความว่า… มันเป็นอย่างที่ฉันคิดสินะ”

-เอาอีกแล้วสินะ พอเห็นติดต่อมา ฉันก็พอจะเดาได้แล้วล่ะ

“แต่ว่าพวกเขาบอกว่าพวกเขาได้เข้าร่วมสงคราม”

-ไร้สาระ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาไปสู้ที่อื่นหรือเปล่า แต่ว่าไม่ใช่ที่ฮารามาร์คแน่ๆ

เธอได้ปฏิเสธออกมาเหมือนกับมันเป็นมุกตลก

-แอ็กเนส เธอเคยเห็นพวกเขามาก่อนไหม?

-ไม่ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นพวกเขา

แม้ว่าเธอจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นจากในคริสตัล แต่ว่าน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมา

สายตาจำนวนมากได้ตกลงไปบนโต๊ะที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ พูดตรงๆแล้วถึงการเกณฑ์คนจะมีอยู่ในทุกๆเมือง แต่ว่าสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ขึ้นจริงก็มีแค่ฮารามาร์คเท่านั้น

ชายคนนี้ได้มองไปรอบๆด้วยสีหน้าหงุดหงิด และรีบตะโกนออกมา

“ธะ เธอกำลังขมขู่เราหรอ?”

-ข่มขู่?

“ทำไมซิซิเลียจะต้องเอาตัวเองไปเอี่ยวกับเรื่องเล็กๆแบบนี้ด้วย-“

=นั่นก็เพราะว่ามันดูไม่เหมือนกับการทะเลาะกันเล็กๆนี่สิ นายอาจจะโน้มนามให้ฉันเชื่อเป็นอื่นได้นะ หากว่านายยอมรับว่านายแค่พูดเล่นเท่านั้น

ซินเซียได้ตอบกลับมาอย่างสงบ

-นอกไปจากนี้แล้วซิซิเลียกับคาเพเดี่ยมก็เป็นพันธมิตรกันซะด้วยสิ เพราะงั้นฉันคิดว่านี่มันก็มากพอให้ฉันเข้าแทรกแซงแล้ว

“หลอกลวง!”

ชายคนนี้ได้ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ว่าน้ำเสียงของเขากำลังสั่นเครือ มีบางอย่างผิดปกติอย่างมาก เมื่อสิ่งต่างๆได้กลายมาเป็นแบบนี้ เสียงตะโกนของเขาแทบจะเหมือนกับเป็นการวิงวอน

“ฉันก็แค่-!”

-พอได้แล้ว!

ซินเซียได้ตะโกนขัดขึ้นมาด้วยความรำคาญใจ

-นายดูจะยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้นะ นายคิดว่าฉันเป็นคนที่นายจะมาเล่นด้วยได้งั้นหรอ?

“ถ้างั้น!”

-แล้วก็มันจะเป็นการตบตาหรือไม่ก็ตาม ทุกๆอย่างมันก็จะกระจ่างชัดออกมมาเองเมื่อเราทำการสอบสวน ฉันเป็นคนประเภทที่ชอบลงมือทำมากกว่าพูดซะด้วยสิ

“ไม่ ฉัน-!”

-ถ้างั้นเราควรจะเล่นเกมกันไหมล่ะ? ไม่ว่านายจะตอบรับหรือไม่ตอบรับก็ตามที

ซินเซียได้ประสานนิ้วเท้าคางขึ้นมา และยิ้มขึ้น เธอได้เผยเขี้ยวออกมาเล็กน้อยแต่ว่ามันกลับดูอันตรายมากๆ

-จะเป็นขาของนายหรือว่าพวกเขาที่เร็วกว่ากัน? ฉันขอพนันด้วยแขนขาของฉันแล้วกันว่ากิลด์ข่าวสารอยู่เบื้องหลังนาย

ใบหน้าของชายคนนี้ได้หมองลงไป

-อ่า นายรู้อะไรไหม?

ซินเซียได้หัวเราะออกมาราวกับจู่ๆเธอก็จำเรื่องบางอย่างได้

-มันไม่มีอะไรจะอันตรายไปกว่าแม่ของสัตว์ร้ายที่ลูกน้อยถูกแตะต้องหรอกนะ

“อะ อะไรนะ?”

ชายคนนี้ได้เงยหน้าขึ้นมา

ซินเซียได้ยกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วก็ยักไหล่ออกมา

-ลองวิ่งหนีให้เต็มทีเลยสิ แอ็กเนส?

แอ็กเนสไม่ได้ตอบกลับมา นี่ยิ่งทำให้มันน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก ทันใดนั้นความเงียบก็ได้เข้าปกคลุมทันที

ครู่ต่อมาหนึ่งในชายสี่คนก็สะดุดล้มเก้าอี้ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไป อีกสามคนที่เหลือก็ได้รีบวิ่งไล่ตามไปอย่างสุดชีวิต

“แอ็กเนส! แอ็กเนสกำลังมา!”

“อ๊าาาา!”

แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็ยังกรีดร้องออกมา และเริ่มวิ่งหนี

“อ่า… อ่า…”

ชายคนนี้ได้เริ่มก้าวถอยหลังไปก่อนที่จู่ๆจะหันกลับหลังออกวิ่ง

“จับไอ้สารเลวนั่นไว้!”

โชฮงได้ตะโกนออกมา และรีบยืนขึ้น แต่ว่า-

“ปล่อยเขาไป”

จางมัลดงได้หยุดเธอเอาไว้

“อยู่เฉยๆ เมื่อไหร่ที่เราไปแตะต้องพวกเขา พวกเราก็จะมอบข้ออ้างให้พวกเขาได้”

“แต่ว่า!”

-แค่รออยู่เฉยๆ ทำไมล่ะ? เธอคิดว่าแอ็กเนสจะแพ้จะพวกนั้นหรอ?

ซินเซียได้หัวเราะออกมา

โชฮงได้นิ่งไปเพราะคำพูดนี้ ทันใดนั้นซอลจีฮูก็เห็นกลุ่มควันสีดำแอบออกมาไล่ตามชายที่หลบหนีไป แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรหรอหยุดเอาไว้เลย

จางมัลดงได้พูดขึ้นมา

“ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะ”

-มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก

ซินเซียได้หยิบเอาบุหรี่ออกมา และยิ้มอย่างผ่อนคลาย

-พวกเราจะจัดการส่วนที่เหลือเอง หากว่ากลับกันไปตอนนี้ก็คงจะดีที่สุดแล้วล่ะ

“พวกเราก็คิดไว้แล้ว แต่ทำไมล่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น

-มีเรื่องเกิดขึ้นน่ะ ฉันเพิ่งจะได้รับการติดต่อมา พอกลับไปแล้วเดี๋ยวก็คงจะรู้กันเองนั่นแหละ

และหลังจากพูดแบบนี้ ซินเซียก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง

-สำหรับรายละเอียด พรุ่งนี้ฉันจะไปหานะ… หรือไม่ก็วันถัดไป

สายได้ตัดไปหลังจากเธอพูดคำนี้จบ

“อะไรล่ะเนี้ย…”

จางมัลดงได้เม้มปากขึ้นพร้อมกับมองดูหายนะรอบๆบาร์ จากนั้นเขาก็วางมือลงบนบ่าของซอลจีฮูที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกับหิน

“อดทนได้ดีมาก”

ซอลจีฮูไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

“ไว้เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง ตอนนี้กลับกันเถอะ”

เขาเพียงแค่หยักหน้ารับเบาๆเท่านั้นเอง

***

ระหว่างทางกลับซอลจีฮูไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คิดเดียว พรรคพวกของเขาก็ตามเขามาเงียบๆเช่นกัน จะมีก็แต่โชฮงกับฮิวโก้ที่ส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ

ซอลจีฮูก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน ถึงภายนอกเขาจะดูไม่เป็นอะไร แต่ว่าภายในของเขากำลังเดือดระอุ

วันนี้มันเป็นวันที่ดี แต่แล้วมันกลับพังลงไป เจ้าพวกนั้นเก่งในเรื่องกวนประสาทคนอื่นมากจริงๆ

ซอลจีฮูได้กำหมัดของเขาแน่น หากว่าเขาได้ชกออกไปสักหมัด หรืออย่างน้อยได้ถอนฟันเจ้าพวกนั้น…

ความคิดรุนแรงทุกประเภทได้เข้ามาในหัวของเขา มันถึงขั้นที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจจางมัลดงที่มาหยุดเขาเอาไว้

ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังสงสัยถึงเหตุผลของคำยั่วยุพวกนั้นเช่นกัน พวกเราไม่ได้แค่พูดว่า ‘ต่อยเราเถอะ’ แน่ๆ มันจะต้องมีแผนการบางอย่าง มันจะต้องมีการสมรู้ร่วมคิด พวกเขาอาจจะไม่ได้เมาด้วยซ้ำไป

แล้วก็ยัง-

ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสับสนมากเท่านั้น

“?”

ซอลจีฮูได้หยุดเดินต่อไป

“นั่นมันอะไร?”

มาแชล จิโอเนียที่เดินอยู่เงียบๆได้แสดงสีหน้าสับสนขึ้นมา มีฉากที่คาดไม่ถึงปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา

มีแสงไฟอยู่นับไม่ถ้วนบนท้องถนน พูดให้ชัดกว่านี้คือมีคนนับร้อยกำลังเดินกันอยู่รอบถนนตรงหน้าสำนักงานคาเพเดี่ยม

มีทั้งทหารในชุดเกราะ และนักบวชในชุดคลุมสีขาวปะปนกันไป ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ นักบวชชุดคลุมขาวได้แอบเหลือบมองซอลจีฮูก่อนจะเดินผ่านเขาไป

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

ซอลจีฮูได้รีบมองสำรวจดูภาพตรงหน้าของเขา และเขาก็รู้ถึงสิ่งหนึ่ง ผู้คนไม่ได้อยู่รอบๆสำนักงานคาเพเดี่ยม แต่ว่าเป็นอาคารที่อยู่ตรงกันข้ามต่างหาก

หรือก็คือบ้านของซอยูฮุย

และในทันทีที่เขารู้ถึงเรื่องนี้ ประตูบ้านซอยูฮุยก็ถูกเปิดขึ้น และมีคนๆหนึ่งเดินออกมาทำให้ซอลจีฮูหันไปมองชายคนนั้นตามสัญชาตญาณ

ครู่ต่อมา

หลังจากยืนยันว่าคนๆนั้นเป็นใครแล้ว ดวงตาของซอลจีฮูก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมา

The Second Coming of Gluttony

The Second Coming of Gluttony

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 เข้าอ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


เขาเป็นผีพนัน ขี้แพ้ มนุษย์ที่น่าขยะแขยง แต่ว่าความฝันก็ได้ปลุกตัวเขาที่ไร้สติอยู่จนตื่นขึ้น

เขาจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขามี และใช้ความฝันเพื่อบุกเบิกเส้นทางของตนในโลกที่มีเป็นที่รู้จักกันในชื่อลอส พาราไดท์

“บุตรแห่งเทพกู่ลาได้หวนคืนมาแล้ว”

ฉันได้ติดอยู่ในโลกแห่งการพนัน ฉันได้หันหลังให้กับครอบครัวและกระทั่งทรยศต่อคนรัก

ฉันได้ใช้ชีวิตไปอย่างไร้ค่า ฉันมันเป็นเศษสวะ ความเป็นจริงได้บอกกับฉันเช่นนี้

ไม่ว่าฉันจะมีเงินแค่ไหนฉันก็สูญเสียมันไปจนหมด

เพื่อที่จะเปลื่ยนชีวิตที่น่าสมเพชนี้ ฉันได้เลือกที่จะไปสู่จินตนาการแทน แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นเช่นเดิม

ฉันสงสัยว่าฉันจะรอดไปถึงปลายทางของถนนที่ยาวไหลนี้ได้ไหม

แต่แล้วฉันก็ต้องถูกบังคับให้ต้องคุกเข่าต่อหน้าองค์กรที่ทรงพลัง

สิ่งที่ฉันได้บากบั่นสร้างขึ้นมาด้วยมือตัวเองได้พังทลายลงอย่างไร้ค่า

อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ฉันอยากที่จะบอกให้ตัวฉันเองรู้ถึงความจริงเรื่องนี้

มานี่สิ บุตรข้า…

ในคราวนี้ฉันจะไม่ลีลาอีกต่อไปแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset