Supreme Magus 17 เผชิญหน้า (2)

ตอนที่ 17 เผชิญหน้า (2)

นิยาย Supreme Magus ตอนที่ 17 เผชิญหน้า (2)

ตอนที่ 17 เผชิญหน้า (2)

เมื่อลิธใกล้จะถึงบ้านของเซเลียก็พบว่าความรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้งกําลังกัดกินใจของเขา

“ช่างน่าเสียดายจริงๆที่ต้องทิ้งของกับเนื้อผ้าดีๆไปมากมายแต่ฉันเองก็ไม่มีข้ออ้างจะเก็บมันไว้อีกด้วยถึงฟาร์มจะมีม้าอยู่สักตัวสองตัวก็คงไม่เป็นไรแต่ถ้ามีใครจํามันได้ล่ะ? รางวัลเล็กๆน้อยๆนี้ ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงด้วยเลยการทําลายหลักฐานทุกอย่างถือว่าเป็นการกระทําที่ถูกต้องแล้ว”

เมื่อลธทําการทดลองจนเสร็จสิ้นเขาก็ใช้เวทย์มีดทําลายหลักฐานและร่องรอยต่างๆ เปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นฝุ่นผง

เซเลียตื่นเต้นมากที่เห็นกระต่ายสองตัวจนถึงกับเลียริมฝีปากมันแผล่บแต่ลิธจดจําคําสอนของอาจารย์ได้เป็นอย่างดีเขาจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้

“นักล่าไม่ทําตามคําขอ แต่นักล่าจะทําตามข้อตกลง”

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหนัง กระต่ายหิมะลิธได้รับชุดเสื้อผ้าอุ่นๆ คุณภาพต่ํา และเซเลียยังฟอกหนังที่เหลือให้ฟรีๆอีกด้วย นอกจากนี้เขายังได้เนื้อกระต่ายสามตัวกลับไปให้ที่บ้านทั้ง ครอบครัวต่างก็เอ่ยปากชมเชยเขาเสียยกใหญ่ยกเว้นออร์พัลที่เริ่มคิดใคร่ครวญเรื่องอาหารทั้งหมดที่ลิธนํากลับมาทําให้ความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก

“เจ้าปลิงที่น่ารังเกียจนั่น! มันล่าสัตว์ด้วยเวทมนตร์ก็ง่ายน่ะสิคนโง่ ที่ไหนก็ทําได้ทุกอย่างที่มันทําไม่ต่างอะไรกับตบหน้าฉันมันไม่เคยให้ความเคารพอย่างที่ฉันควรได้ในฐานะลูกคนโตทุกอย่างเป็นความผิดของมัน!อวดเบ่งเรื่องการล่าที่แสนจะโชคดีจากนั้นก็ทําเป็นเสียสละร้องขอพ่อแม่ให้มอบเสื้อขนสัตว์กับเศษขยะอย่างทิสต้ามันทําประโยชน์อะไรได้บ้างนอกจากป่วยตลอดเวลาเหอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าปลิงดูดเลือดทําล้วนหวังผลทั้งนั้น!มันรู้ว่าพ่อแม่ที่โง่เขลาจะต้องไม่พอใจฉันที่พูดเรื่องไอ้เด็กพิการนั่นทุกอย่างที่มันทําก็เพื่อให้ฉันเสียหน้าเท่านั้นแหละ”

แต่ความเป็นจริงนั้นแตกต่างจากความคิดของออร์พัลที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลลิธรักเอลิน่า(แม่),เรนา(พี่สาวคนโต), และทิสต้า(พี่สาวคนรอง)จากใจจริงในขณะที่ออร์พัลไม่เคยอยู่ในความคิดความสนใจของเขาเลยลิธทําการรักษาทุกคนในครอบครัว โดยไม่ต้องเอ่ยปากขอยกเว้นออร์พูลเท่านั้นไม่ใช่เพราะความโกรธแค้นอะไรหรอกแต่เพราะเขาไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของลิธเลยต่างหาก

ไม่ว่าออร์พัลจะอยู่หรือตายลิธไม่สนใจและจะไม่ทําอะไรที่เป็นการทําร้ายหรือช่วยเหลือเขาด้วยเช่นกันพวกเขาต่างอยู่กันเหมือนคนแปลกหน้าที่อาศัยในบ้านหลังเดียวกันเหตุผลที่ลิธอยากให้ทิสต้าเป็นคนแรกที่ได้รับประโยชน์จากความโชคดีของเขาก่อนก็เพราะ หวังว่าเสื้อผ้าชุดนี้จะอุ่นพอจนทําให้เธอสามารถเล่นหิมะด้วยกันกับเขาและเรนาในฤดูหนาวนี้ได้

ในสายตาของลิธเมื่อเขามองไปยังทิสต้าจะเห็นภาพของคาร์ลทับซ้อนกันขึ้นมานั่นยิ่งทําให้เขารู้สึกรักเธอจนสุดหัวใจเพราะทั้งสองต่างก็เป็นเหยื่อของชะตากรรมอันโหดร้ายเขาจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรก็ตามแม้แต่สภาวะร่างกายจากกําเนิดก็ไม่อาจพรากคนรักไป จากเขาได้

เขายอมเหนื่อยเพื่อให้เธอได้มีความสุขมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ตามและเพื่อให้ทิสต้ามีโอกาสได้สัมผัสกับความเร็วรู้สึกได้ถึงสายลมที่ปะทะใบหน้าลิธจึงสร้างชิงช้าให้โดยมีราซผู้เป็นพ่อคอย ช่วยเหลือ

มันไม่ใช่สิ่งของที่พิเศษอะไรมากนักก็แค่แผ่นไม้ที่มีเชือกร้อยตามมุมสี่เส้นห้อยลงมาจากโครงไม้รูปตัว U คว่าและมีฐานตั้งทรงสามเหลี่ยมทั้งสองด้านถึงอย่างนั้นก็เป็นผลลัพธ์อันน่าทึ่งสําหรับ ครอบครัวเขาดูเหมือนว่าชิงช้าจะไม่เป็นที่รู้จักในโลกใหม่นี้หรืออย่างน้อยก็ในประเทศลัสเทรียนี่แหละ

ราซมองดูผลงานของพวกเขาด้วยความชื่นชม

“น่าทึ่งมาก ทําไมต้องใช้คานไม่ถึงสามท่อนแทนที่จะเป็นแค่ท่อนเดียวล่ะ?”

“เพื่อความปลอดภัยครับ” ลิธอธิบายขณะที่ใช้เวทย์ดินดูดท่อนไม่ให้จมลงไปในดินถึง 10 เซนติเมตรทําให้ชิงช้าแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ไม่มีทางล้มลงแม้จะเล่นแรงๆหรือเจอกับสภาพอากาศแย่ๆก็ตาม

“ที่จริงแล้ว วิธีการนี้ก็เหมือนกับเก้าอี้นั่นแหละครับ ยิ่งมีหลายๆขา ก็ยิ่งมีการกระจายน้ําหนักออกไปที่คานหลายๆท่อนเป็นการลดภาระให้คานแต่ละท่อนไปด้วย”

“จริงด้วย! พอลูกอธิบาย มันก็ฟังดูง่ายขึ้นเยอะเลยว่าแต่เราจะเรียกของอย่างนี้ว่าอะไร?”

ลิธแทบจะหมดคําพูดไปเลยทีเดียวเขาไม่รู้คําศัพท์สําหรับการไกวชิงช้าและก็ถามตอนนี้ไม่ได้ด้วย

“เอ่อ…มันคือเก้าอี้โยกครับ”

“บ้าจริง ทําไมฉันต้องพลาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอยู่ตลอดเลย ถึงมันจะไม่ใช่เก้าอี้โยก แต่มันก็เป็นอะไรที่ใกล้เคียงที่สุดสําหรับคําศัพท์ใหม่ที่ฉันคิดออก”

ทิสต้าตกหลุมรักของขวัญชิ้นนี้มากไม่นานนักเก้าอี้โยกก็กลายเป็นกิจกรรมอดิเรกที่ครอบครัวต่างก็อยากเล่นจนราซต้องสร้างขึ้นมาอีกสองตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะยื้อแย่งกัน

หลังจากที่ลิธทําการทดลองเวทย์มีดเขาก็ใช้เวลาหลายเดือนไปกับการใช้ทั้งLife Vision และ Invigorationขณะรักษาอาการป่วยของทิสต้า

“ถ้าฉันสามารถจัดการกับร่างกายของทิสต้าได้เหมือนกันกับร่างกายฉันซึ่งจะทําให้เข้าใจสภาวะร่างกายของเธอได้ดีขึ้นและนั่นก็หมายถึงมีโอกาสในการรักษาที่มากขึ้นไปอีกด้วย!”

เพียงพริบตาเดียวฤดูหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ววันเกิดปีที่ห้าของลิธก็ใกล้มาถึงแล้วเช่นกันเขาตั้งใจจะเก็บเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่ความหนาวจะมาเยือนลิธตั้งใจจะล่าสัตว์ให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะกักตุนไว้ในห้องเก็บของเขาไม่รู้เลยว่าฤดูหนาวที่จะมาถึงมันจะหนาวมากน้อยแค่ไหนจะแข็งแกร่งพอที่จะมีชีวิตรอดจากพายุได้หรือเปล่าและเขาเองก็แอบสงสัยว่าพ่อกับแม่จะยอมให้ทําการ ทดลองความคิดใหม่ๆไหม

ช่วงปีที่แล้วลิธได้สํารวจป่าทรอนยิ่งสํารวจมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเรียนรู้การเคลื่อนไหวที่จะไม่ทําให้สัตว์ตื่นตกใจได้อีกทั้งยังค้นพบวิธีการใช้เวทย์ มีดแบบใหม่อีกด้วยเวทย์ใหม่ล่าสุดของเขาคือ Shroudที่สามารถกลบกลิ่นตัวและออร่าโดยการห่อหุ้มร่างกายด้วยพลังงานมืดทําให้สัตว์ป่าส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเขา ไม่ว่าจะด้วยการมองเห็นดมกลิ่นหรือรับรู้ด้วยสัญชาตญาณก็ตาม

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากใช้งานผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยเวทย์ Shroud จะเปลี่ยนให้เป็นจิตสังหารอันรุนแรงทําให้ทั้งป่ารู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาได้วันนั้นลิธกําลังบุกเข้าไปในพื้นที่ใหม่ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่าทรอนเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆที่กัดกินใจเขามาหลายวันในบางพื้นที่ของป่าลิธจะได้ยินเสียงนิ่งๆที่น่ารําคาญและตลอดทั้งวันนั้นเขาทําได้เพียงเมินเฉยต่อมันเพราะคิดว่าเป็นเพียงเสียงร้องแปลกๆของสัตว์ที่เขาไม่รู้จักแต่ในวันสุดท้ายเสียงนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆจนแทบปวดหูหัวจะระเบิด

“บ้าเอ้ย ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไรก็ตามมันทําให้ฉันนึกถึงเครื่องสํารองไฟคอมพิวเตอร์กําลังร้องเตือนตอนที่ไฟดับ มันร้องเตือนจนแสบแก้วหูเหลือเกิน”

ลิธอดคิดไม่ได้ว่านั่นอาจจะเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือและเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดความคิดนี้ขึ้นมาได้อย่างไรแต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่านี่เป็นเรื่องสําคัญ

นับตั้งแต่ที่ลิธได้เรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวในโลกเก่าเขาก็มักจะทําตามความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอเมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสีย และในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน

ยิ่งเขาเข้าใกล้มันมากเท่าไหร่เสียงก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้นทําให้รู้ว่ามาถูกทางแล้วเขาวิ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดเมื่อได้ยินเสียงหอนที่น่าสะพรึงกลัวลิธรีบใช้เวทย์ช่วยชีวิตสองเวทย์ทันทีเขาใช้เวทย์ Shroud เพื่อปกปิดร่องรอยตนเองและเวทย์อากาศ Lightsfeet ลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เกิดเสียงขณะเคลื่อนไหวเวทย์ทั้งสองนี้ต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากแต่ก็ยังดีกว่าการใช้มานา ออกไปเพื่อทําให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายอย่างโง่เขลา

ลิธค้นหาที่มาของเสียงนั้นอย่างสงบและเยือกเย็น

“บัดซบ! นั่นมันไร!” เมื่อลิธเห็นว่าเป็นสัตว์ชนิดใดก็รีบหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่พร้อมกับลอบด่าอยู่ในใจ

ไรเป็นหมาป่าที่กลายเป็นสัตว์เวทย์แล้วนับเป็นนักล่าสูงสุดของป่าทรอนแม้ว่าสัตว์เวทย์จะมีอยู่ทั่วไปและอ่อนแอกว่าสัตว์อสูร (monster)แต่พวกมันก็สามารถฉีกกระชากร่างของทหารที่มีอาวุธชุดเกราะเต็มตัวได้อย่างง่ายดาย

มีสัตว์น้อยตัวนักที่จะกลายเป็นสัตว์เวทย์ได้พวกมันต้องมีพรสวรรค์ในด้านเวทย์และต้องใช้เวลาในการดูดซับพลังงานโลกอีกด้วย เมื่อมันกลายเป็นสัตว์เวทย์แล้วจะสามารถใช้มานาเพื่อเพิ่มความสามารถทางร่างกายหรือพัฒนาเวทย์ธาตุให้เข้ากับตัวมันได้เช่นกัน

ไรมีขนาดตัวใหญ่เกือบจะเท่าม้าและมีขนหนาสีแดงเพลิงลิธไม่เข้าใจว่าทําไมไรถึงได้มาอยู่ใกล้ๆแหล่งที่อยู่อาศัยของ มนุษย์มันเป็นสัตว์ฉลาดมักจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จําเป็น หากมนุษย์ไม่ไปรบกวนมันจะตอบแทนด้วยความกรุณา

ลิธแอบรู้สึกสงสารเหยื่อของมันแต่หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าตนเองยืนอยู่เหนือลมเขาก็ยกเลิกเวทย์ทั้งสองเพื่อประหยัดมานาอันล้ําค่าไว้ และทําความเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ไรยังคงหอนและคํารามราวกับมันเจ็บปวดอยู่ลิธสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่ปากของไรเข้า ใกล้พื้นจะเกิดเสียงดังขึ้นมาจากนั้นหมาป่าก็จะครางด้วยความเจ็บปวด

ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่าความกลัวลิธจึงใช้ Life Visionเพื่อประเมินพลังของไรแต่สิ่งที่เห็นกลับทําให้เขาอึ้งจนอ้าปากค้างเลยทีเดียวไม่น่าเชื่อว่าสัตว์เวทย์ตัวนี้จะแข็งแกร่งมากมานาที่ไหลเวียนอยู่นั้นแทบจะเทียบเท่ากับของลิธแต่เหตุผลที่เขาอึ้งก็คือมานาสายที่สองซึ่งกําลังไหลเวียนอยู่กลับเป็นที่มาของเสียงรบกวนอันดังลั่นนั่นเอง

มันกลับเป็นก้อนหินเล็กๆก้อนหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าหนึ่งข้อนิ้วมือเสียอีก

“บ้าน่า หินก้อนนี้มีชีวิตหรอเนี่ย? นั่นคือคําอธิบายของทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะ!เสียงที่มันปล่อยออกมาจะต้องล่อให้ไรมาที่นี่เหมือนกับที่มันทํากับฉันแต่เมื่อพิจารณาจากการตอบสนองแล้วเสียง ของมันคงจะสร้างความรําคาญกับไรมากกว่าฉันแน่ๆไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องหินที่มีพลังมานาเลยนั่นต้องเป็นไอเทมเวทย์แน่ๆ ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้หมาบ้าทําลายมันหรอก”

ลิธไม่สนใจอะไรแล้ว เขาตัดสินใจจะลงมือเก็บหินเวทย์นั้นไว้

“พลังชีวิตของไรมีมากจนฉันไม่อาจเทียบได้เลยแต่ถ้าพยายามไม่เข้าใกล้มันก็น่าจะเอาชนะได้พลังมานาของมันต่ํากว่าของฉัน และจากที่เซเลียบอกไว้สัตว์เวทย์ไม่มีเวทย์โจมตี

อันดับแรกลิธใช้ Shroud อีกครั้ง จา กนั้นก็ร่ายเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป

“Plague Arrow” ลูกศรพลังงานมืดพุ่งออกมาจากมือของเขา โจมตีไปที่จุดบอดของไรในขณะที่มันกําลังพยายามกัดทําลายก้อนหินให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นและเวทย์ที่โจมตีเข้ามาในเวลาเดียวกันทําให้สัตว์เวทย์แทบจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ Plague Arrow คือเวทย์ที่อัดเวทย์มีดปริมาณมหาศาลเข้าใส่ร่างเหยื่อขัดขวางกระแสการไหลเวียนมานาและพลังชีวิตซึ่งลิธได้ใส่พลังเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทํา ได้ เพื่อให้เขาได้เปรียบมากที่สุด
แต่ก่อนที่ไรจะหันกลับมาหาศัตรูก็มีสายฟ้าอีกหนึ่งสายพุ่งออกมาจากฝ่ามือของลิธโจมตีเข้าใส่สัตว์เวทย์ด้วยแรงที่มากพอจะทําให้มันล้มลงได้ ในขณะที่ระยะห่างระหว่างทั้งสองเพิ่มมากขึ้นลิธก็ เลิกใช้ Shroud เพื่อใช้ Life Vision แม้ว่าจะลอบโจมตีอย่างรุนแรงแล้วแต่ไร ก็ยังมีชีวิตอยู่ทั้งยังแข็งแรงดีอีกด้วย
ลิธจดจ่อกับการใช้เวทย์วิญญาณโดยใช้ทั้งสองมือพยายามหักคอของมันอย่างที่เคยทํามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไรไม่ได้โง่ขนาดนั้น ทันทีที่รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งมาที่คอมันก็เกร็งกล้ามเนื้อ เสริมความแข็งแกร่งด้วยมานาทําให้มันตัวแข็งราวกับเหล็กกล้า

“บ้าเอ้ย! ทั้งที่อุตส่าห์ได้เปรียบแล้วแท้ๆ ถ้าฉันใช้เวทย์ไฟได้แกคงจะโดนเผาตายไปแล้วแกช่วยไปๆสักทีได้

ไหม? หินนั้นเป็นของฉัน ต้องเป็นของฉันเท่านั้น!”

ลิธเสกหอกน้ําแข็งออกมาหลายแห่งแล้วขว้างใส่สัตว์เวทย์จากหลายๆมุมพร้อมกันไรก็หลบพวกมันได้ทั้งหมดและตอบโต้ด้วยเวทย์คํารามอันทรงพลังโชคดีที่ระยะห่างนั้นช่วยลิธเอาไว้ทําให้รู้สึกได้ถึงสายลมกรรโชกที่กําลังมุ่งหน้ามาทางเขา

ลิธถอยหลังและใช้เวทย์ลมสลายการโจมตีนั้นแขนเสื้อขาดเป็นริ้วๆและนอกเหนือจากบาดแผลเล็กๆน้อยๆแล้วเขาก็ยังสบายดี

“บัดซบ! ขอบคุณมากนะเซเลียสัตว์เวทย์ไม่มีเวทย์โจมตีอะไรกัน สงสัยคงไม่มีบันทึกเกี่ยวกับไรตัวนี้แน่นอน”ไรพุ่งเข้าใส่ลิธโดยใช้สายลมอันรุนแรงขัดจังหวะและเขาเองก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะป้องกันสัตว์เวทย์ตัวนี้ให้ได้แต่พลังกายภาพที่ห่างชั้นกันทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะไร้ความหมาย

“เอาล่ะ ในเมื่อเอาชนะไม่ได้ ก็แค่หนีแผนสํารอง Fight Dirty!”

ลิธหยุดวิ่งหนีเพื่อเตรียมแผนการโจมตีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโยนผ้าขาวเขาเสกหอกน้ําแข็งออกมาหลายแห่งแต่ครั้งนี้กลับไม่ขว้างใส่อีกฝ่าย เพียงแต่ปล่อยให้มันลอยอยู่รอบๆตัวเขา

หลังจากที่ไรลังเลอยู่ชั่วครู่ก็พุ่งเข้าใส่ลิธที่ยืนอย่างอวดดี

“นั่นแหละ เด็กดี เอานี่ไปกินซะ! เวทย์คู่! Flash&Bang!”

มือขวาของลิธสร้างแสงวูบวาบเป็นจํานวนมากชั่วขณะหนึ่งราวกับมีพระอาทิตย์ดวงที่สองปรากฏขึ้นมาในขณะที่มืออีกข้างก็ใช้เวทย์ลมสร้างเสียงดังราวกับระเบิดออกมา

ไรร่วงลงมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาและหูทั้งสองข้างล้วนมีเลือดไหลออกมาในขณะที่ลิธกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้นเขาได้เรียนรู้มานาน แล้วว่าตราบใดที่ใช้มานาของตัวเองออกไปเวทย์ที่ใช้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ เขาสามารถอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ, น้ําแข็ง หรือสายฟ้าโดยไร้รอยขีดข่วน

เมื่อไรพุ่งไปชนต้นไม้ ลิธก็ใช้หอกที่เตรียมไว้ขว้างใส่มันด้วยแรงทั้งหมดที่มีพวกมันทั้งหมดล้วนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายแต่ขนหนาของสัตว์เวทย์กลับทําให้มันแทงทะลุเข้าไปได้ไม่กี่เซนติเมตรเมื่อเขาตรวจสอบด้วย Life Visionก็ได้รู้ผลลัพธ์ที่น่าตกใจนี้
ไรได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอลงแล้วก็จริงแต่ยังห่างไกลจากความตายมากนัก

“บ้าเอ้ย! ลงทุนลงแรงไปตั้งมากมายขนาดนี้กลับสร้างความเสียหายได้แค่นิดเดียวเท่านั้นถ้ายังเป็นแบบนี้ละก็โชคของฉันคง
หมดแล้วล่ะไรแค่โจมตีทีเดียวก็ฆ่าฉันได้แล้วไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเอา เสียเลย”

ลิธใช้เวทย์วิญญาณเพื่อเก็บหินเวทย์นมาก่อนจะวิ่งหนีเอาตัวรอด หินก้อนนั้นยังคงมีรอยฟันอยู่มากมายส่วนที่แหลมคมก็บาดผิวของลิธอีกด้วย

“ไปละนะ ไอ้หมาบ้า!”ลิธตะโกนใส่สัตว์เวทย์ที่ยังคงตะลึงงันอยู่

“อีกไม่กี่ปีค่อยเจอกันใหม่ มาดูกันว่าแกจะกล้าโจมตีฉันอีกครั้งไหม”ทันใดนั้นเลือดหยดเล็กๆก็ไหลซึมเข้าไปในก้อ นหิน และเสียงรบกวนก็เงียบไป

ไรที่ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นมันเพียงแค่ต้องการให้เสียงบ้าๆนี่เงียบลงแต่กลับมีมนุษย์ลูกหมาปรากฏตัวขึ้นและมันเองก็พยายามจะทําให้เขากลัวและหนีไปพร้อมกับสั่งสอนไปด้วยแต่ มันกลับจบลงด้วยการที่ตัวมันเองถูกสั่งสอนเสียอย่างนั้น

“เหอะ ใครสนกันล่ะ” ไรคิด “ข้าแค่อยากจะทําลายหินนั่นให้แตกเป็นเสี่ยงแต่ถึงยังไงก็เถอะตอนนี้ก็ถือว่าการกระทํานั้นเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ดันมีเจ้าลูก หมาโผล่มาซ่าเสียอย่างนั้นข้าหวังว่ามันจะยั้งมือกับครอบครัวมากกว่าที่ทํากับข้านะไม่เช่นนั้นละก็เมื่อมันเติบโต ขึ้นมาจะกลายเป็นตัวหายนะมนุษย์นั้น ช่างโง่เขลาและความโลภก็นําพาแต่ปัญหามาให้พวกมันไม่อาจดูแลตนเองได้เลย”

ไร ผู้เป็นจ่าฝูงของเหล่าสัตว์ป่าในป่าทรอนสะบัดหอกตามตัวทิ้งไปก่อนจะเดินกลับไปหาฝูงของมัน

Options

not work with dark mode
Reset