Super God Gene 2946 น้ำหนักของวิญญาณ

ตอนที่ 2946 น้ำหนักของวิญญาณ

หานเซิ่นตามไนน์เทาซันด์คิงไปที่ด้านหลังศิลาจารึกแห่งโชคชะตา ที่นั่นเขาเห็นเงาหลายเงาอยู่บนศิลาจารึก มันเหมือนกับว่าเงาบนศิลาจารึกนั้นมาจากแสงของเทียนไขที่ริบหรี่ หานเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นพวกมัน นั่นเป็นเพราะว่าเงาบนศิลาจารึกนั้นเป็นรูปปลาทองตัวใหญ่และปลาทองตัวน้อย นอกจากนั้นมันยังมีเงาของคนตัวใหญ่และคนตัวเล็กที่ไม่ว่าดูยังไงก็เป็นเงาของหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อ เงาของคนอื่นๆอย่างราชครูกู่เยวียน ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาเองก็อยู่บนศิลาจารึกเช่นกัน มันไม่ได้ขาดไปแม้แต่คนเดียว

 

หานเซิ่นกลับไปหาราชครูกู่เยวียนและถาม “ราชครู ด้วยพลังของราชครู ราชครูทำลายพลังของศิลาจารึกนี่ไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”

 

“ศิลาจารึกแห่งโชคชะตานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะใช้กำลังทำลายได้”

ราชครูกู่เยวียนยิ้มแห้งๆ “ตอนนี้เมื่อโชคชะตาของพวกเราไปอยู่บนศิลาจารึกเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเราใช้กำลังโจมตีใส่ศิลาจารึก โชคชะตาของพวกเราก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย ถึงพวกเราจะทำลายศิลาจารึกแห่งโชคชะตาได้สำเร็จ แต่ชีวิตของพวกเราก็จะถูกทำลายไปพร้อมๆกัน พวกเราทุกคนจะต้องตาย”

 

“สิ่งนี้มหัศจรรย์ขนาดนั้นเชียว?” หานเซิ่นมองไปที่ศิลาจารึกด้วยความแปลกใจ

 

“คุณหาน ที่เขาพูดนั้นถูกต้อง” ไนน์เทาซันด์คิงพูดเสริมขึ้นมา

“ศิลาจารึกแห่งโชคชะตานั้นไม่ไช่สิ่งที่จะใช้กำลังทำลายได้ ถ้ากิเลนศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ ศิลาจารึกนี้ก็จะถูกควบคุมได้ แต่ตอนนี้เมื่อกิเลนศักดิ์สิทธิ์ตายไปแล้ว ศิลาจารึกแห่งโชคชะตาจึงทำตามสัญชาตญาณของมัน แต่บางทีมันอาจจะยังมีวิธีอยู่”

 

ในตอนที่ได้ยินไนน์เทาซันด์คิงพูดกับหานเซิ่นเหมือนกับเป็นคนรับใช้คนหนึ่ง ราชครูกู่เยวียนและผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาก็มีสีหน้าแปลกๆ

 

“วิธีแบบไหนกัน?” หานเซิ่นถาม

 

ไนน์เทาซันด์คิงไม่ตอบ เขามองไปที่ราชครูกู่เยวียน ผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างลังเล เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูด

 

ผู้อาวุโสหนึ่งมองด้วยความดูถูกและพูด “เจ้ามันก็แค่คนรับใช้ของเซเคร็ด เจ้าจะรู้วิธีอะไรได้? เจ้าคงคิดจะใช้ฟังก์ชั่นคอลล์ออฟเฟทของศิลาจารึกอย่างนั้นสินะ?”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ไนน์เทาซันด์คิงก็ไม่คิดจะปิดบังอีก เขาตอบกลับอย่างแดกดันว่า

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าศิลาจารึกมีฟังก์ชั่นคอลล์ออฟเฟทอยู่ ชีวิตของเจ้าคงจะถูกเกินไปอย่างนั้นสินะ?”

 

ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาไม่ได้รู้สึกโกรธ เขาแค่มองไปที่ไนน์เทาซันด์คิงและพูด

“ชีวิตของข้านั้นหนักมากๆ มันมีน้ำหนัก 9818 กิโลกรัม ข้าอยากรู้จริงๆว่าชีวิตของเจ้าจะหนักสักเท่าไหร่กันเชียว พวกเรามาตัดสินกันว่าชีวิตของใครกันแน่ที่ถูกกว่า”

 

“นี่เจ้ากล้าดียังไง!” ไนน์เทาซันด์คิงโกรธ ดวงตาบนชุดเกราะของเขาเปิดออก ดูเหมือนว่าเขาเตรียมจะทำการต่อสู้แล้ว

 

ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาจ้องไปที่ไนน์เทาซันด์คิงขณะที่ปล่อยพลังออกมา เขาเองก็เตรียมตัวจะต่อสู้เช่นเดียวกัน

 

หานเซิ่นมองไปที่ไนน์เทาซันด์คิงและถาม “หมายเลขเก้า คอลล์ออฟเฟทที่ว่าคืออะไร?”

 

ไนน์เทาซันด์คิงยังคงมองไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาด้วยความโกรธ หลังจากนั้นเขาก็หันมาโค้งคำนับและพูด

“เรียนคุณหาน คอลล์ออฟเฟทคือพลังที่เป็นรากฐานของศิลาจารึกแห่งโชคชะตา มันเหมือนกับการใช้ทองหรือหินกดศัตรูคนหนึ่งเอาไว้ ยิ่งศัตรูคนนั้นแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ทองหรือหินที่จำเป็นต้องนำมาใช้ถ่วงก็ต้องหนักขึ้นเท่านั้น”

 

“พลังของศิลาจารึกแห่งโชคชะตาก็เหมือนกัน แต่มันเป็นการกดดวงวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย เราจึงใช้พลังธรรมดาๆหนีไปจากการกดของศิลาจารึกแห่งโชคชะตาไม่ได้ ดวงวิญญาณของแต่ละคนนั้นมีน้ำหนักอยู่ โดยปกติแล้วพวกเราจะสัมผัสมันไม่ได้ แต่ศิลาจารึกแห่งโชคชะตานั้นวัดน้ำหนักดวงวิญญาณของแต่ละคนได้ มันจะวัดออกมาเป็นหน่วยกิโลกรัม เมื่อไม่มีกิเลนศักดิ์สิทธิ์คอยควบคุม ศิลาจารึกแห่งโชคชะตานั้นก็จะกดวิญญาณของทุกสิ่งมีชีวิตที่มีน้ำหนักน้อยกว่าหนึ่งหมื่นกิโลกรัมเอาไว้ ถ้าวิญญาณของคุณหานมีหนักมากกว่าหนึ่งหมื่นกิโลกรัม คุณหานก็จะหนีออกไปจากพลังของศิลาจารึกแห่งโชคชะตาได้ นอกจากนั้นคุณหานอาจจะควบคุมศิลาจารึกแห่งโชคชะตาและกลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของมันได้อีกด้วย”

 

หานเซิ่นคิดว่านี่มันน่าสนุก เขายิ้มและถาม “จริงอย่างนั้นหรอ? แต่น้ำหนักของวิญญาณนั้นวัดมาจากอะไร? ความสำเร็จ? พรสวรรค์? หรือบางทีระดับของคนๆนั้น?”

 

ไนน์เทาซันด์คิงส่ายหัว “มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสำเร็จ พรสวรรค์หรือระดับพลัง น้ำหนักวิญญาณของทุกสิ่งมีชีวิตนั้นถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่กำเนิดขึ้นมา มันจะไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับต่ำก็มีวิญญาณที่หนักถึงหนึ่งหมื่นกิโลกรัมได้ และวิญญาณของยอดฝีมือขั้นทรูก็อตเองก็เบาราวกับขนนกได้เช่นกัน”

 

“โอ้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผลกระทบจากน้ำหนักของวิญญาณคืออะไรกัน?” หานเซิ่นถาม

 

“ข้าเองก็ไม่รู้” ไนน์เทาซันด์คิงรีบพูด

“น้ำหนักของวิญญาณนั้นไม่ได้ส่งผลต่อพรสวรรค์ และมันก็ไม่ได้ส่งผลต่ออายุขัยเช่นกัน นอกจากส่งผลต่อศิลาจารึกแห่งโชคชะตาแล้ว ข้าก็ไม่เคยได้ยินว่าน้ำหนักของวิญญาณจะส่งผลต่ออะไรอย่างอื่นอีก”

 

“นั่นก็เพราะว่าเจ้ามันโง่เขลา” ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาทำเหมือนกับว่าเขามีความบาดหมางกับไนน์เทาซันด์คิง เขามองไนน์เทาซันด์คิงด้วยความดูถูก

 

ใบหน้าของไนน์เทาซันด์คิงดูโกรธ ดวงตาบนชุดเกราะของเขาจ้องไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภา ขณะที่เขาพูดขึ้นว่า

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้โง่เขลา ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าน้ำหนักของวิญญาณส่งผลต่ออะไร?”

 

ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาพูด “น้ำหนักของวิญญาณคือรากฐานของชีวิต ถ้ามันเบา ชีวิตของคนๆนั้นก็จะถูก ถ้ามันหนัก ชีวิตของคนๆนั้นก็จะแพง มันวัดโชคชะตาของแต่ละคน แบบนั้นมันจะไร้ประโยชน์ได้ยังไง?”

 

ไนน์เทาซันด์คิงพูดอย่างดูถูก “ไร้สาระสิ้นดี เจ้าจะบอกว่าบารอนและไวเคานต์ที่มีวิญญาณหนักหนึ่งหมื่นกิโลกรัมนั้นมีความสำคัญมากกว่าสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตอย่างนั้นหรอ”

 

ผู้อาวุโสหนึ่งหลี่ตา “น้ำหนักหรือคุณค่าของชีวิตนั้นไม่ได้วัดกันที่ระดับพลังของคนๆนั้น คนอย่างเจ้าคงจะไม่มีวันเข้าใจในเรื่องนั้น”

 

ไนน์เทาซันด์คิงกำลังจะโต้เถียงกับผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภา แต่หานเซิ่นพูดขัดขึ้นมา “ข้าจะใช้ฟังก์ชั่นคอลล์ออฟเฟทนี้ได้ยังไง? มันมีอันตรายไหม?”

 

“คุณหานแค่จำเป็นต้องหยดเลือดลงไปบนศิลาจารึก และมันก็จะวัดน้ำหนักวิญญาณของคุณหานเอง” ไนน์เทาซันด์คิงรีบพูด

 

หานเซิ่นมองไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภา แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ราชครูกู่เยวียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน หานเซิ่นจึงสันนิษฐานว่าที่ไนน์เทาซันด์คิงพูดนั้นถูกต้อง

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้ลองดูด้วยตัวเอง เขาเอาเลือดมาจากบาดแผลของปลาทองตัวใหญ่และโยนมันไปใส่ศิลาจารึกแห่งโชคชะตา

 

หยดเลือดเป็นเหมือนกับลาวาในตอนที่มันสัมผัสกับศิลาจารึกแห่งโชคชะตา มันแพร่กระจายออกไปเหมือนกับสีที่ตกลงในน้ำ มันย้อมทั้งศิลาจารึกเป็นสีแดง

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นตัวเลขศูนย์สี่ตัวปรากฏขึ้นที่ด้านบนของศิลาจารึก พวกมันเริ่มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเริ่มจาก 0001

 

หานเซิ่นรู้ว่าตัวเลขพวกนั้นหมายถึงน้ำหนักของวิญญาณ การที่มีเลขศูนย์สี่ตัวนั้นหมายความว่าตัวเลขสูงสุดของมันก็คือ 9999 ถ้าน้ำหนักถึงหนึ่งหมื่น ซึ่งสูงกว่าเลขสี่หลัก นั่นก็หมายความว่าวิญญาณของคนๆนั้นหนักเกินขีดจำกัดของศิลาจารึกแห่งโชคชะตา

 

หานเซิ่นมองไปตัวเลขบนศิลาจารึกแห่งโชคชะตาและคิด ‘การทำงานของศิลาจารึกแห่งโชคชะตานี้เหมือนกันกับดวงตาแห่งกฎ’

 

หานเซิ่นคิดว่าตัวเลขบนศิลาจารึกแห่งโชคชะตาจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะยังไงซะชีวิตของซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตไม่สามารถจะเบาจนเกินไป

 

แต่ตัวเลขบนศิลาจารึกแห่งโชคชะตาเพิ่มขึ้นไปถึงเลข 26 ก่อนที่จะหยุดลง มันไม่เพิ่มขึ้นไปมากกว่านั้น

 

“วิญญาณของปลาทองตัวใหญ่หนักแค่ 26 กิโลกรัม?” หานเซิ่นแปลกใจ นั่นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง

 

วิญญาณของผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภานั้นหนักมากกว่า 9000 กิโลกรัม ปลาทองตัวใหญ่นี้ก็เป็นขั้นทรูก็อตเหมือนกัน แต่วิญญาณของมันหนักแค่ 26 กิโลกรัม ความแตกต่างมันมากจนเกินไป

 

Super God Gene

Super God Gene

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 2000 อ่านนิยาย 

อ่านต่อข้างล่าง


ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก
แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่
“ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม”

Options

not work with dark mode
Reset