Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง 430

ตอนที่ 430

บทที่ 430 : มันเกี่ยวกับลวี่หลิน

*แก้ไขจาก ลู่หลิน เป็น ลวี่หลิน

 

เมื่อเย่โม่เห็นกัวฉีและฟางเหว่ย พวกเขาสูญเสียอย่างชัดเจนและดูโง่เง่า พวกเขาทั้งสองนั่งอยู่ในห้องไม่ขยับ พวกเขามีบาดแผลจากปืน แต่ดูเหมือนว่ายวีเมี่ยวตั๋นจะให้มีคนคอยดูแลพวกเขา

 

“พี่เย่ พวกเราขอโทษนะ เราทำให้นายเดือดร้อน เราไปไหนไม่ได้จริงๆ” กัวฉีเห็นว่าเย่โม่แสดงออกอย่างไร้อารมณ์

 

“อาจารย์…” ถึงแม้ว่าเย่โม่จะไม่ได้รับฟางเหว่ยเป็นศิษย์ แต่เขาก็ยังเคยเรียกเย่โม่ว่าอาจารย์ เย่โม่ยิ้มและให้ทั้งสองนั่งลง ก่อนถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

 

กัวฉีถอนหายใจและไม่ได้บอกว่าคืออะไร “พี่เย่ ฉันซาบซึ้งกับเพื่อนของนาย พี่ยวี ถ้าไม่ใช่เพราะเธอพาพวกเราเข้ามา เราคงตายไปแล้ว เราหวังว่านายจะรู้จักประธานของบริษัทลั่วเยวียนะ…”

 

หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กัวฉีก็กล่าวต่อไปว่า “ถ้าหากไม่ใช่เพราะลวี่หลิน ฉันก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อรบกวนนาย แต่ฉันรู้ว่าไม่มีใครอื่นนอกจากนายที่สามารถช่วยชีวิตเธอได้ แม้ว่าคำขอนี้จะเกินเลยไปหน่อย แต่ฉันต้องการช่วยเธอจริงๆ”

 

กัวฉีอธิบายไม่จบ

 

เมื่อเห็นอย่างนี้ ฟางเหว่ยก็พูดอย่างรวดเร็ว “พี่ลวี่กับพี่กัวรักกัน และครั้งสุดท้ายที่เรากลับมา พี่ลวี่ได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน ก็มีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น”

 

“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจารย์ที่เคยสอนให้เรา ซวี่ซรือ พาชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ชิวจื่อเฟย มาฝึกในทีมของเรา ต้นกำเนิดของเขานั้นทรงพลังมากและเขาสามารถเลือกทีมที่จะอยู่ต่อได้ ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะอยู่ใน Eagle Squad นำโดยพี่ลวี่ นี่เป็นเรื่องปกติ แต่วันที่สองหลังจากที่เขาเข้าร่วม เขาเมาแล้วเขาก็เข้าไปในห้องของพี่ลวี่ เขาต้องการโจมตีเธอ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเอาชนะพี่ลวี่ได้ และถูกน็อค”

 

“ชิวจื่อเฟย?” จู่ๆเย่โม่ก็จำได้ถึงตระกูลชิวปักกิ่ง เป็นพวกมันอีกแล้วหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาก็อวดดีเกินไป เขาเพิ่งสอนบทเรียนให้ชิวจือเจร่อและชิวตงเชรินในปักกิ่ง แต่ตอนนี้พวกเขาสร้างปัญหาอีกครั้ง

 

ฟางเหว่ยเล่าต่อ “ทันทีที่ชิวจื่อเฟยถูกน็อค ประตูของพี่ลวี่ก็ถูกเปิด เป็นร้อยโทฮั่นและจ่าสิบเอกก็เข้ามาด้วย สิ่งที่พี่ลวี่ไม่คาดคิดก็คือพวกเขาไม่เพียงไม่หยุดชิวจื่อเฟยเท่านั้น แต่จับกุมพี่ลวี่แทน จากนั้นพวกเขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมพี่ลวี่ให้ทำตามที่ชิวจื่อเฟยพอใจ โดยบอกว่าถ้าเธอทำ เธอก็สามารถขึ้นเป็นพันเอกได้ทันที”

 

กัวฉีกำมือหมัดแน่น

 

ฟางเหว่ยมองที่กัวฉี และพูดต่อว่า “แน่นอนพี่ลวี่ไม่เห็นด้วย ในขณะนั้น ชิวจื่อเฟยก็ยืนขึ้นแล้วบอกร้อยโทฮั่นและจ่าสิบเอกให้ถอดเสื้อผ้าของพี่ลวี่ ทั้งสองต้องการทำเช่นนั้นและกำลังจะฉีกเสื้อผ้าของเธอ ในขณะนั้นพี่กัวและฉันก็เห็นฉากที่น่าขยะแขยงนี้ พี่กัวดึงกริชของเขาออกมาแล้วแทงร้อยโทฮั่นโดยไม่ลังเล ฉันช่วยเขาหยุดจ่า แต่เพราะพี่กัวเห็นเสื้อผ้าของพี่ลวี่ขาด หลังจากที่เขาฆ่าร้อยโท เขาก็ฆ่าจ่าสิบเอกด้วย”

 

กัวฉีต่อไปว่า “ไอ้สัตว์นรกพวกนั้นพยายามข่มขืนลวี่หลิน ฉันไม่สามารถควบคุมมือฉันได้เลย และฉันก็ต้องฆ่าพวกมัน หลังจากที่ฉันคิดเกี่ยวกับมันแล้วฉันรู้สึกว่าชิวจื่อเฟยได้ทำไปแล้วในวันนั้น เมื่อตอนที่มันเมา และเข้าไปในห้องของลวี่หลิน มันยังมีผู้ชายสองคนติดตามมันไปด้วย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะมีการวางแผน ถ้าฉันไม่ได้ตามหาลวี่หลินในวันนั้น ฉันก็ไม่กล้าที่จะจินตนาการว่าอะไรจะเกิดขึ้นเลย”

 

ฟางเหว่ยพยักหน้า “เมื่อพี่ลวี่บอกเราเรื่องนี้ พี่กัวโกรธมากและทุบไข่ของชิวจื่อเฟย แต่แค่เมื่อพี่กัวกำลังจะฆ่าชิวจื่อเฟย คนอื่นๆก็เข้ามา พี่กัวไม่มีปืนและไม่ได้ฆ่าเขาในตอนนั้น เขาผลักมันและพากันหนี แต่เราไม่ได้ไปไกลนัก ตั้งแต่ขาของพี่ลวี่ถูกยิง พี่ลวี่ก็หยุดและบอกให้เราสองคนทิ้งเธอไว้ข้างหลัง เธอบอกว่าถ้าเราทุกคนถูกจับได้ เราจะไม่มีโอกาสในอนาคต แม้ว่าเราจะถูกยิง แต่เราก็ยังวิ่งหนีมา”

 

“ยังไงซะ เราไม่ได้มีสถานที่ที่จะไป ดังนั้นเราจึงมาที่ที่ของอาจารย์ได้เท่านั้น พี่กัวต้องการขอให้อาจารย์ช่วยพี่ลวี่ พี่ลวี่ถูกขังในค่ายทหาร นอกจากอาจารย์แล้วก็ไม่มีใครช่วยเธอได้”

 

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เย่โมก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เขารู้ว่ากัวฉีเดาถูกต้องว่าชิวจื่อเฟยวางแผนไว้ เขาต้องการใช้การเมาเป็นข้ออ้างในการข่มขืนลวี่หลิน แต่ก็กลัวว่าเขาจะสู้เธอไม่ได้ เขาจึงเรียกชายสองคนมาช่วย หากเกิดขึ้นกับเขา เขาจะต้องฆ่าทุกคนโดยไม่ลังเลอย่างกัวฉีเหมือนกัน

 

แม้ว่าลวี่หลินจะมีสัดส่วนที่ดีมาก แต่หน้าตาของเธอก็อยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ทำไมตระกูลชิวจึงเลือกลวี่หลินละ? แต่เย่โม่ไม่ได้ถามว่าทำไม โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลพวกเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบ

 

เมื่อเห็นว่าเย่โม่จมลงอย่างเงียบงัน กัวฉีก็คุกเข่าลง “พี่เย่ ฉันรู้ว่าคำขอของฉันมันเกินไป แต่ฉันรู้ว่าถ้ามีใครในโลกนี้ที่สามารถช่วยเธอจากที่นั่นได้ นั่นก็คือนาย ด้วยพลังของซวี่ซรือ แม้ว่าเราทั้งกลุ่มเล็กๆ จะจู่โจมเขา เราจะต้านได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น ลวี่หลินน่าสงสารมาก เธอเลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพเพราะเธอถูกทอดทิ้งอย่างไร้ความปราณี ฉันอยากจะให้ตัวเองทรมานมากกว่าที่ลวี่หลินจะต้องถูกสัตว์นรกพวกนั้นข่มขืน”

 

เย่โม่ดึงกัวฉีให้ลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า “เราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าทำแบบนี่สิ ฉันรู้จักกัปตันลวี่ ฉันจะช่วยนายแน่นอน แล้วเรื่องนี้ฉันจะเอาไปประชุมก่อนเพราะบริษัทลั่วเยวียเป็นบริษัทของฉัน และฉันไม่ได้กลับมาเป็นนาน ฉันจะจัดการบางสิ่งให้เสร็จ แล้วหลังจากนั้นฉันจะไปกับนายที่ค่ายทหาร”

 

“อาจารย์ บริษัทลั่วเยวียเป็นบริษัทของคุณหรอ?” ปากของฟางเหว่ยเปิดกว้าง ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างไม่เชื่อ

 

เย่โม่ยิ้มและพยักหน้า “ใช่ ถ้านายไม่อยากอยู่ในกองทัพ นายสามารถเลือกที่จะช่วยฉันที่นี่ได้นะ”

 

“แน่นอนสิ ฉันจะยังอยู่ในกองทัพต่อไปได้ยังไงหลังที่ทำแบบนั้น? เราจะตายทันทีที่เราเข้าไป กัวฉี นายว่าไง?” ฟางเหว่ยถามด้วยความดีใจ เขาไม่ได้ดูซีดเซียวและด้านชาอีกต่อไป เมื่อเทียบกับกัวฉี เขาใส่ใจน้อยลงเกี่ยวกับความต้องการ

 

กัวฉีพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลวี่หลิน ชีวิตของฉันจะเป็นของนาย พี่เย่”

 

 

เมื่อเย่โม่เข้ามาในห้องประชุม ยวีเมี่ยวตั๋นและอีกคนรอก็อยู่นานแล้ว เย่โม่ยิ้มขอโทษและพูดว่า “ฉันมีธุระนิดหน่อยเลยมาช้านะ เรามาเข้าตรงประเด็นกันเลยดีกว่า เราจะมีการประชุมครั้งใหญ่ครั้งแรกหลังจากเปิดบริษัท พี่ยวี บอกเราเกี่ยวกับบริษัททีครับ”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ยวีเมี่ยวตั๋นก็เอ่ยทันทีว่า “ถ้าหากไม่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์ของเรานั้นมีเวทย์มนตร์เหลวไหล เราคงปิดตัวลงก่อนที่เราจะเริ่มแล้วคะ เราไม่มีกระบวนการจัดการที่เหมาะสม เราไม่มีแม้แต่มีเจ้าหน้าที่เภสัชกรที่เหมาะสมด้วยซ้ำ”

 

เย่โม่พยักหน้า เธอตรงไปที่ประเด็น เขาไม่จำเป็นต้องมองหาข้อมูลเฉพาะที่จะต้องรู้

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนรู้ว่าการจัดการของบริษัทไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกสุดที่เย่โม่ นำเข้าร่วมกับบริษัท แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการบริษัทได้อย่างเหมาะสม หากไม่ใช่เพราะยวีเมี่ยวตั๋นสถานการณ์อาจเลวร้ายลงกว่านี่

 

“ดูเหมือนว่าฉันต้องการคนที่เหมาะสมในการจัดการบริษัทแหะ” เย่โม่ขมวดคิ้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าใครจะเหมาะกับงานนี่เช่นกัน

 

“มีอะไรที่ฉันช่วยได้บ้างไหมคะ?” หนิงชิงเซวียกระซิบที่หูของเย่โม่ แม้ว่าเธอจะไม่แก่ แต่เธอก็มีประสบการณ์หลายปีในการจัดการบริษัท

 

เย่หลิงพูดอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้วพี่ชาย พี่ควรปล่อยให้พี่สะใภ้จัดการบริษัทนะ ฉันเองก็จะช่วยด้วย”

 

เย่โม่ประทับใจในความคิดนี่ ในเมื่อหนิงชิงเซวียได้พูดออกนี้ มันหมายความว่าเธอยินดีที่จะอยู่ในระยะยาวกับเมืองอสรพิษ เพื่อช่วยเหลือเขา

 

“ตกลง เราจะทำอย่างนั้นนะ ต่อจากนี้ ชิงเซวียจะเป็นประธานของบริษัทลั่วเยวีย พี่ยวี ประธานผู้รับผิดชอบด้านการขาย การจัดการและการขยายตัว ประธานจรังยังคงรับผิดชอบด้านการผลิตและการซื้อวัสดุด้วยเช่นกัน เหมือนกับสิ่งอื่นๆ”

 

จากนั้น เย่โม่ก็มองไปที่ซวี่พิง และพูดว่า “พี่สอง ฉันจะให้เรื่องความปลอดภัยของบริษัทและเมืองอสรพิษให้พี่ดูแล ในฐานะผู้บริหาร ฉันจะหาคนมาให้”

 

“ยินดีเลย” ซวี่พิงพูดอย่างตื่นเต้น เขาเพิ่งอยู่กับน้องสามของเขาในระยะเวลาสั้นๆ และอยู่ในขั้นสีดำระดับกลางแล้ว เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าในอดีตว่าเขากำลังก้าวหน้าเร็วแค่ไหน

 

“ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ฉันจะมอบให้กับซวี่เยวียฮวาจัดการด้วยนะ”

 

จังเจียหยันพูดอย่างลังเลใจ “เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้คนจำนวนมากที่มีตัวตนน่าสงสัยมาที่เมืองอสรพิษ แต่ยังไงซะ ในช่วงเวลานี้เรายังไม่มีผู้ชายพอที่จะสืบได้ หลังจากที่ฉันบอกซวี่พิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราก็กำลังจะตรวจสอบ แต่คนพวกนั้นก็หายไปอย่างสมบูรณ์แบบเลย มันน่าขนลุกมาก ราวกับว่าพวกเขามาและออกจากไปภายใต้ข้อตกลงบางอย่าง”

Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง

Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง

Score 10
Status: Completed

Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง


ตอนที่ 1 – 402 อ่านนิยาย

อ่านต่อข้างล่าง


เมื่อจู่ๆเย่โม่ได้ตื่นขึ้นมาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งต่างๆรอบข้างเปลี่ยนไป เขาถูกส่งมาอยู่โลกสมัยใหม่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณเบาบาง เขาไม่มีทางได้พบกับอาจารย์คนสวยจากโลกเดิมได้อีก ที่สำคัญที่สุดคือเขาพบว่าตัวเองได้อยู่ในร่างกายของนายน้อยที่ถูกขับไล่ออกากตระกูลเพราะเหตุผลที่แสนน่าอับอาย...


Options

not work with dark mode
Reset