Rise of The Undead Legion 57

ตอนที่ 57

Chapter 57: Dark Threading Dungeon

เดฟยืนรออยู่ตรงหน้าถ้ำเข้าดันเจี้ยน สุสานนั้นอยู่หลังเขาไปเพียงไม่กี่เมตร มันมีต้นไม้ที่สูงสีดำที่แผ่เงาอันน่ากลัวออกมา เขาได้ยินเสียงใบไม้ที่สั่นไหวด้านหลังเขาและเมื่อเขาหันกลับไป มันก็ได้มีเอลฟ์สาวสมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

” เฮ้ ” – Lone Arrow พูดขึ้นพร้อมกับมองมาที่เดฟกับอันเดตของเขาอ

” โอ้ นายเลเวลเพิ่มขึ้นเร็วดีนิ “- เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเดฟ เลเวล 68 แล้ว

” เธอเองก็เหมือนกัน ” – เดฟพูดขึ้นในตอนที่ตรวจสอบ Lone Arrow

Lone Arrow, เลเวล 55 ฮันเตอร์

” ฉันเก้บเลเวลคนเดียวมาตลอดแต่มันน่าเบื่อสุดๆ ” – เธอพูดพร้อมกับใช้มือม้วนผมตัวเองด้วยท่าทีน่ารัก

” งั้นเราเข้าไปเลยมั้ย ? ” – เธอถามขึ้นมา

” ฉันก็คิดแบบนั้นอยู่แต่เราต้องทำบางอย่างก่อน ” – เดฟพูดขึ้นและมองไปที่ Lone Arrow

” ทำอะไร ? ” – เธอถามกลับ

” เราต้องปรับตัวเข้ากับการหลบหลีกแบบใหม่ เธอเหมือนลืมไปว่าเราไม่สามารถโจมตีมอนสเตอร์โดยไม่เสี่ยงที่จะล้มเหลวได้และในเวลาเดียวกันเราก็สามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาได้ ยังไงซะเราก็ไม่มีพรีสในปาร์ตี้และการรับดาเมจนั้นคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักโดยเฉพาะด้วยเลเวลของดันเจี้ยนนี้ด้วย “

” อ่ะ ก็จริง ฉันพอรู้มาบ้างเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้แต่ฉันบอกว่ารู้ทุกอย่างคงไม่ได้ มันคงเสี่ยงที่จะเขาไปโดยไม่ปรับตัวเข้ากับกลไกใหม่ “

” ไม่ต้องกังวล ฉันจำจุดที่สำคัญได้ เราแค่ต้องหามอนสเตอร์มาทดสอบดู ” – เดฟตอบกลับพร้อมกับมองหาเหยื่อ

” มันมีอันเดตระหว่างทาง เราควรใช้มันลองดูดีมั้ย ? ” – เธอพูดขึ้น

เดฟมองหน้าเธอก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มเขา

” ฉันโจมตีอันเดตไม่ได้ ” – เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าแบบว่า ‘ นี่เธอล้อเล่นหรือเปล่า ?’

” อ่ะ ฉันผิดเอง ” – เธอหัวเราะ – ” งั้นเราจะทำยังไง ? “

” ไปหามอนสเตอร์อื่นรอบๆก่อน มันน่าจะมีตัวอื่นอยู่บ้าง ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปหลังดันเจี้ยนเพื่อหาบางอย่าง

Lone Arrow และทีมอันเดตเดินตามหลังเขาไปจนกระทั่งไปถึงที่โล่งด้านหลังถ้ำ

มันเป็นพื้นที่ผาซึ่งมีเสือดำอยู่หลายสิบตัว เสือดำพวกนี้เลเวล 30 โดยดูจากชื่อพวกมันแล้วพวกมันน่าจะแข็งแกร่งกว่าเสือดำทั่วไป

” มันคงจะดีที่สุดถ้าเราลองดูกับมอนสเตอร์พวกนี้ ฉันจะลงมือก่อน ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับเดินหน้า

ทันใดนั้นเสือดำสามตัวก็ได้เข้าโจมตีเขา เดฟถอยกลับมาค่อยๆปรับตัวกับการเคลื่อนไหวของตัวละคร

เสือดำตัวแรกพุ่งเข้าใส่เดฟและเขาก็สามารถก้าวหลบไปข้างๆได้อย่างง่ายดาย ส่วนมอนสเตอร์ทำได้เพียงแค่โจมตีอากาศ เกือบจะทันทีที่ เดฟได้ทำการโจมตีใส่ที่หลังของมันจนทำให้มันเซ จากนั้นเขาก็ได้ใช้ { Spectral Bomb } จนลดเลือดของมันได้ 2/3

” นายแน่ใจนะว่านายไม่ใช่นักเวทย์ ? ” – Lone Arrow ถามขึ้นมาเมื่อเห็นค่าดาเมจของเขา

” นี่เพราะแพทซ์ใหม่ การทำให้ศัตรูเซได้จะทำให้การโจมตีครั้งต่อไปมีโบนัส 50% ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับหลบการโจมตี

” นี่ดูเหมือนง่ายเลยแหะ ” – เดฟพูดขึ้นแล้วทำการหลบเสือดำที่พุ่งเข้ามาราวกับว่าเขาปรับตัวเข้ากับกลไกใหม่ได้แล้ว

” จริงๆแล้วนี่มันดูน่าสนุกดีแหะ ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าดีใจ ยังไงซะเขาก็อยู่ในสภาพโครงกระดูกที่มีเสียงแหบแห้งซึ่งทำให้คนที่ได้ยินขนหัวลุกได้ – ” เธอก็น่าจะลองดู ” – เขาพูดพร้อมกับเล่นกับพวกเสือดำไปด้วย

” ได้ ” – Lone Arrow พูดขึ้นและกระโดดเข้าหาเหยื่อ เกือบจะทันทีเธอก็เข้าใจมันและไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว

” นี่มันดีกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ ล่อศัตรูน่าจะเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ฉันต้องใช้สกิลเพื่อรักษาระยะเอาไว้แต่ตอนนี้ฉันสามารถสลัดศัตรูได้โดยไม่ต้องใช้สกิลเลยด้วยซ้ำ ” – เธอพูดขึ้นพร้อมกับโดดหลบไปรอบๆ

” เอาล่ะ ได้เวลาจบเรื่องนี้แล้ว ฉันคิดว่ามันคงยากขึ้นกว่าเดิม ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับจัดการมอนสเตอร์ตรงหน้า

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วป่าพร้อมกับอันเดตหนวดที่จัดการเหยื่อของเขา

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเสือดำทั้งสามตัวก็ได้ตายไป

” เอาล่ะ ได้เวลาทดสอบอย่างอื่นแล้ว ! ” – เดฟ พูดขึ้นพร้อมกับสั่งโครงกระดูกของเขาตัวหนึ่งเดินหน้าเข้าไปหาเสือดำอีกตัว

เขาเลือกนักธนูอันเดตให้ไปเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์แต่ไม่ว่าเดฟจะลองยังไงก็ตาม นักธนูนั้นก็ไม่อาจจะหลบเหมือนที่เดฟต้องการได้แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังได้ลองและหลบการโจมตีอยู่ได้บ้าง

” ดูเหมือนว่า AI ของอันเดตมันจะต่ำ ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด

” นายหมายความว่าไง ? “- Lone Arrow ถามขึ้นมาในตอนที่จัดการมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายของเธอ

” ฉันควบคุมอันเดตให้หลบไม่ได้แต่มันจะพอหลบได้ด้วยตัวเองอยู่บ้าง “

” ฉันว่ามันน่าจะเป็นปัญหาต่ออนาคตอีก ” – เธอพูดขึ้นพร้อมกับเริ่มคิดเรื่องนี้จริงจังขึ้น

” บางทีอาจจะไม่ เมื่อฉันยกระดับขึ้นมา ฉันก็จะมีลูกน้องมากขึ้นกว่าเดิม การเสียลูกน้องหนึ่งหรือสองตัวที่หลบการโจมตีไม่ได้คงไม่ใช่เรื่องต้องมาคิดมาก “

” โอ้ นายจะมีลูกน้องเพิ่มอีกเหรอ ? นั่นคงจะน่าสนใจดี ! ฉันอยากเห็นแล้วสิ ” – เธอพูดขึ้นด้วยตาที่เป็นประกาย

” เฮ้อ ฉันไม่เคยเห็นใครมาตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้เลย ….เอาล่ะ ไปได้แล้ว เราน่าจะปรับตัวกับกลไกใหม่ได้เมื่อเราเข้าไปในดันเจี้ยน ” – เขาพูดขึ้นแล้วเดินไปที่ถ้ำ

เมื่อเดฟมาถึงตรงทางเข้า เขาก็ได้ยินเสียงของคนดังขึ้นมา

พวกนั้นเป็นผู้เล่นที่หัวนั้นมีชื่อของกิลด์ย่อย Devastators พวกนั้นเพิ่งเข้าไปในดันเจี้ยนแต่เดฟ ยังไม่ได้มีโอกาสตรวจสอบเลเวลพวกนั้น

” มีคนอื่นมาด้วย ” – เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หันกลับมามองที่ Lone Arrow

” ทำไมนายถึงมองฉันแบบนั้น ? ” – Lone Arrow ถามขึ้นมา – ” ฉันไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ซะหน่อย ” – เธอพูดขึ้น – ” ฉันไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งกับการลงดันเจี้ยนของเรา นายน่าจะเริ่มเชื่อใจฉันบ้างได้แล้วนะ ” – เธอพูดพร้อมกับเม้มปาก

” ฉันไม่ได้พูดอะไรนี่….ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญ เราจะตามพวกนั้นไป ถ้ามันเสี่ยงฉันจะใช้การจบภารกิจและทิ้งเธอไป ” – เขาพูดขึ้น

” พระเจ้า นี่ไม่ดีเลยนะ ! นายนี่ชั่วดีนะ ! นายจะทิ้งสาวสวยไว้เพียงลำพังในถ้ำที่มืดมิด ! ถ้าเกิดเรื่องแย่ๆกับฉันล่ะ ! ” – เธอพูดขึ้นแต่มันฟังดูไม่เหมือนว่าเธอจะโกรธเดฟเลย มันเหมือนกับ….อ้อนมากกว่า

‘ เธอต้องเป็นพวกชอบโดนทรมาน ‘ เดฟนึกถึงตอนที่เธอโดนล่ามโซ่ไว้เมื่อครั้งที่แล้ว

” เอาล่ะ ไปได้แล้ว ” – เขาพูดขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ

แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปในถ้ำก็ได้มีคนแคระโผล่มาตรงหน้า นั่นคือคนแคระที่เป็นของกิลด์ Devastators ที่จะเก็บค่าเข้าดันเจี้ยน เขาได้ทำหน้าหลอกคนแคระแต่ตอนที่คนแคระมองไปที่ เดฟนั้น หน้ามันก็ได้ซีดและมันก็ได้หมดสติล้มลงกับพื้นทันที

” หน้านายนี่น่าเกลียดจนทำให้คนแคระสลบได้เลย…” – Lone Arrow พูดขึ้นพร้อมทั้งพยายามกลั้นหัวเราะ

” เฮ้อ….อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องจ่ายค่าเข้า เธอน่าจะดีใจนะ ! ” – เดฟพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในถ้ำ

ถ้ำนี้มืดสนิทและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเดฟถึงได้บอกให้ Lone Arrow เอาคบไฟมาด้วย Lone Arrow เอาคบไฟแต่ก่อนที่เธอจะได้จุดมัน เดฟก็ส่ายหน้าและพูดขึ้น – ” ไม่ใช่ตอนนี้…มันจะบอกตำแหน่งเรา ดูนั่นสิ ” – เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่บันได

ไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้านั้นมีไฟสองอันโผล่ออกมาให้เห็น

” พวกนั้นคือคนที่เข้ามาก่อนหน้าเรา ” – เดฟพูดขึ้นและมองลงไปตามบันได – ” ถ้าเราจุดไฟที่นี่ พวกนั้นก็จะเห็นเรา “

” ได้ แล้วเราจะลงไปด้านล่างยังไง ? มันมืดเกินไป ” – เธอพูดขึ้น

” มันก็ควรจะมืดแหละ ชื่อดันเจี้ยนก็บอกอยู่แล้วแต่ฉันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแม้แต่ในที่มืดก็ตาม ” – เขาพูดขึ้น

” ก็นายเป็นอันเดตนิ สิ่งมีชีวิตกลางคืน ฉันก็แค่เอลฟ์น้อยน่ารัก ฉันต้องการแสง ” – เธอพูดแหย่เดฟ

” รออยู่ที่นี่ก่อน อีกแปปหนึ่งฉันจะกลับมา ” – เขาพูดขึ้นแล้วเอาคบไฟไปจาก Lone Arrow ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างเพียงลำพัง

บันไดนี้ทำขึ้นจากหินและด้านข้างนั้นก็เป็นเหวลึกที่ซึ่งคงเป็นภัยถ้าใครตกลงไป

เมื่อเดฟเข้าไปใกล้ผู้เล่นสองคนนั้น เขาก็ได้เห็นนักผจญภัยสองคนกำลังฆ่ามอนสเตอร์อยู่

” พวก ฉันต้องบอกเลยว่าโคตรแย่เลยที่ที่นี่บังคับให้ใช้คบไฟ ฉันใช้โล่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ….” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับพยายามสลัดมอนสเตอร์

” พวก หยุดบ่นได้แล้ว มันไม่ได้ยากอะไรสักหน่อย ” – ชายอีกคนที่ถือดาบพูดขึ้นพร้อมกับโจมตีมนุษย์หมาป่าที่สูงสามเมตร

หน้าตาของมนุษย์หมาป่านั้นทำให้เดฟต้องขนหัวลุก

‘ ฉัน ! ฉัน ! เกลียดมนุษย์หมาป่าจริงๆ ! ‘ เขาคิดกับตัวเองแล้วกำหมัดแน่นเข้าไปตรวจสอบผู้เล่นทั้งสองคน

Pain Killer, เลเวล 115 แทงค์

Monsoun11, เลเวล 120 นักดาบ

หน้าของเดฟหม่นลงตอนที่เช็คเลเวลของทั้งคู่ ดันเจี้ยนนี้น่าจะเป็นดันเจี้ยนเลเวล 80 สองคนนี้ไม่น่าจะมาที่นี่ได้

แต่บางอย่างก็ทำให้เดฟสนใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นอยู่ห่างกันเล็กน้อย

” เอาล่ะ Night Boar จะเข้ามาแล้ว พยายามอย่ายืนตรงกลางไม่งั้นแล้วมันจะชนนายให้กระเด็นไปด้านข้าง ” – Monsoun11 พูดกับเพื่อนตัวเอง

” ฉันรู้น่า ไม่จำเป็นต้องมาบอกหรอก ” *- Pain Killer พูดขึ้นพร้อมกับเดินห่างออกไปอีก

เดฟจำ Night Boar ได้เพราะเขาจำทุกอย่างเกี่ยวกับดันเจี้ยนตอนที่ค้นหาข้อมูลตอนเซิฟเวอร์ปิด มันเป็นมอนสเตอร์ซึ่งเกิดในดันเจี้ยนนี้และมันจะพุ่งเข้าชนใส่ผู้เล่นที่ยืนอยู่ตรงกลางบันไดให้ตกลงไปที่เหวด้านข้าง

เดฟยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มลูบหนวดตัวเอง สักพักเขาก็ได้สร้างหัวกะโหลกสีแดงขึ้นมาแล้วสั่งให้มันลอยไปหาหนึ่งในผู้เล่นสองคนนั้น

Rise of The Undead Legion

Rise of The Undead Legion

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 100

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


สามปีก่อน เกมจำลองแบบใหม่ Conquest ได้ถูกปล่อยออกมา

‘ ทั้งโลกอยู่บนเซิฟเวอร์ เกม RPG เข้ามาใช้ชีวิตพร้อมกับคนอื่นๆ สำรวจ, สร้างและพิชิตมัน ! ’

มันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

เดฟรัสเตอร์ โตขึ้นมาโดยไม่มีครอบครัวให้พูดถึง เขามีเพื่อนไม่กี่คนและไม่ค่อยได้รับโอกาสในชีวิตนัก เขาอยู่ในเมืองเล็กๆที่เขาเรียนจบจากมัธยมมาและทำงานกินค่าแรงต่ำๆที่ยากจะพอจ่ายค่าเช้าและค่ากินค่าอยู่ได้ เขาไม่มีเงินไปเรียนมหาลัยแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องไปนอนข้างถนน

ชีวิตเของเขาย่ำอยู่กับที่

อยู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลง มันคือกรรมรึไม่ว่าเราจะเรียกมันกว่าอะไรก็ตาม มันก็เกิดการพลิกผัน

อยู่ๆชีวิตของเดฟก็เปลี่ยนไป

เขาบาดเจ็บและไม่อาจจะทำงานได้อีก เขาเสียสิ่งที่เขามีอยู่น้อยนิดไป โชคชะตาของเขาเจอกับวิกฤตและโอกาสก็ได้โผล่มาตรงหน้า

เขาเสียงทุกอย่าง และพยายามเพื่อคว้าโอกาสที่มันส่งผลดีต่อตัวเขา เพื่อให้เขาได้กว้าหน้าขึ้นเหมือนที่เขาฝันไม่งั้นก็นั่งมองดูตัวเองจมดิ่งไปกับความล้มเหลว

มาดูเดฟผู้ซึ่งใช้แรงบันดาลใจและความหวังทั้งหมดที่มีเข้าไปในเกมที่เขาต้องการเล่นมาโดยตลอด Conquest !

มันเป็นการเดินทางของการผจญภัยและการสำรวจ, ชัยชนะและพ่ายแพ้ เขามุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตให้กับตัวเขาเองทั้งในเกมและชีวิตจริง

Options

not work with dark mode
Reset