Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1077

ตอนที่ 1077
ตอนที่ 1077 แนวหน้าของที่ราบลุ่ม

“รางเหล็กพวกนี้คือส่วนสุดท้ายของวันนี้แล้ว” ลีฟโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ครึ่งตัว “รบกวนเจ้าด้วยนะ”

“ข้าจัดการเอง!” มอลลี่ตบหน้าอกตัวเอง จากนั้นจึงผิวปากออกมา “ออกมาได้แล้ว ผู้ช่วยวิเศษของข้า มอมอตา!”

ลูกบอลสีน้ำเงินลูกหนึ่งลอยออกมาจากกลางอากาศ แถมยังขยายใหญ่จนสูงขึ้นไปถึงยอดไม้อย่างรวดเร็ว มันยื่นแขนที่เหมือนจะโปร่งใสออกมาแล้วโกยเอารางเหล็กที่วางกองอยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนจะกลืนมันลงไปในท้อง แต่ว่ารางเหล็กนั้นใหญ่เกินไป การจะกลืนมันเอาไว้ในตัวทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ปลายทั้งสองด้านของรางเหล็กจึงโผล่ออกมานอกตัวผู้ช่วยวิเศษ ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับลูกบอลถูกแทงอย่างไรอย่างนั้น

“มอมอ…ตา? ข้าจำได้ว่าครั้งที่แล้วเข้ายังเรียกมันว่ามอมอคาอะไรอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“จริงเหรอ?” มอลลี่เอียงหัวตอบ “แต่ว่านั่นมันไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องตะโกนมันออกมา ถึงจะทำให้ดูมีพลังใช่ไหมล่ะ?”

“เอ่อ” ลีฟคิดเล็กน้อย “ลูน่าเป็นคนบอกเจ้าเหรอ?”

“เอ๋ ท่านรู้ได้ยังไง?” มอลลี่ถามอย่างสงสัย “แถมนางยังชวนข้าเข้าทีมนักสืบของนางด้วยนะ”

หลังจากที่หนังเวทมนตร์ฉายออกมาไป ภาพโลก้าส่งเสียงคำราม ก่อนจะแปลงกายเป็นหมาป่ายักษ์แล้วกระโจนออกไปสู้กับศัตรูเผื่อช่วยน้องสาวทำให้ทุกคนต่างรู้สึกประทับใจอย่างมาก หลังจากนั้นการตะโกนออกมาเสียงดังในขณะที่ใช้พลังจึงกลายเป็นที่นิยมในหมู่แม่มดเด็กๆ โดยมีทีมนักสืบของลูน่าเป็นแกนนำ ความจริงนี่มไม่ใช่ความลับอะไรในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แต่พี่ลีฟอยู่แต่ในป่าเร้นลับ ครั้งล่าสุดที่ปรากฏตัวก็คือในงานราชาภิเษกของฝ่าบาท การที่เธอรู้เรื่องดีขนาดนี้จึงทำให้มอลลี่รู้สึกเหนือความคาดหมายไปบ้าง

“เพราะว่า…ไม่ ไม่มีอะไร” ลีฟกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามองไปทางเมืองเนเวอร์วินเทอร์ “มีของส่งเข้ามาในป่าอีกแล้ว เดี๋ยวข้าไปดูก่อนนะ”

ถึงแม้มอลลี่อยากจะรู้คำตอบอย่างมาก แต่เธอก็พยายามสะกดความรู้สึกสงสัยภายในใจตัวเองเอาไว้ พร้อมกับโบกมือไปทางลีฟ

อีกฝ่ายหายตัวแวบเข้าไปในต้นไม้เหมือนกับวิญญาณ

ได้ยินว่าความสามารถอันนี้ทำให้อีกฝ่ายสามารถเคลื่อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของป่าเร้นลับได้ในพริบตา ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในป่า ก็ไม่มีทางที่ลีฟจะไม่รู้ ส่วนต้นไม้นับหมื่นๆ ต้นก็กลายเป็นแหล่งให้เธอใช้ดูดซับพลังเวทมนตร์ ด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถควบคุมต้นไม้ให้ขนเอาวัสดุก่อสร้างไปยังแนวหน้าได้ตลอดเวลา ประสิทธิภาพการขนย้ายของผู้ช่วยวิเศษนั้นไม่อาจเทียบได้เลย

นี่คือความแข็งแกร่งของการวิวัฒนาการเหรอ

ไม่รู้ว่าเมื่อไรตัวเองถึงจะแข็งแกร่งได้เหมือนพี่ลีฟบ้าง มอลลี่คิดอย่างอิจฉา เธอมาอยู่ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ 4 – 5 เดือนแล้ว หนังสือก็อ่านออกเขียนได้ไม่เป็นปัญหา เอาไว้เมื่อเรียนเรื่องกฏธรรมชาติจบ ก็น่าจะถึงตาเธอได้วิวัฒนาการบ้างแล้ว

เธอปีนขึ้นไปบนหัวผู้ช่วยวิเศษ ก่อนจะบังคับมอมอตาเดินออกไปนอกป่า

เมื่อออกมาจากป่า ภาพคนงานกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

“หนึ่ง สอง สาม ยก!”

“ไปทางซ้ายอีกหน่อย!”

“วางลงช้าๆ วางลงช้าๆ!”

คนงานเกือบพันคนกำลังยืนล้อมอยู่สองข้างของรางเหล็กที่ต่อขยายออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อสร้างสถานีหมายเลขศูนย์ขึ้นมาอย่างขมักเขม่น มันเป็นทั้งสถานีที่เชื่อมต่อไปยังซากเมืองทาคิลาและเป็นสถานีปลายทางที่ปกป้องผืนป่า ป้อมปืนสี่ป้อมทั้งอยู่ตรงสี่มุมของสถานี โดยมีหลุมเพลาะและสิ่งกีดขวางเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน คนงานที่ใส่ชุดสีสันแตกต่างกันเดินเข้าไปข้างใน ถ้าไม่เป็นเพราะรู้เรื่องแผนการของฝ่าบาทอยู่ก่อนแล้ว เธอคงไม่มีทางเชื่อมโยงภาพที่อยู่ตรงหน้าเข้ากับสงครามได้แน่

“เฮ้ นั่นมันคุณหนูมอลลี่ใช่หรือเปล่า? ขอบคุณที่มาช่วยนะ!”

“วันนี้ต้องรบกวนเจ้าอีกแล้วนะ คนงานต่างยุ่งกันมากๆ เลย”

“คุณหนูมอลลี่ เครื่องจักรไอน้ำตรงนี้มันล้มลงมา เจ้าช่วยพวกเรายกหน่อยได้ไหม?”

ผู้ช่วยวิเศษที่อมรางเหล็กเอาไว้ค่อยๆ เดินผ่านกลุ่มคนเข้าไป คนงานพากันทักทายเธอหรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากเธออยู่ตลอดเวลา เธอมาที่นี่ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ แต่หลายๆ คนก็จำชื่อเธอได้แล้ว

ถึงแม้หน้าที่หลักๆ ของมอลลี่คือป้องกันไม่ให้ซีกัลเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ขอเพียงมีคนขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็เต็มใจที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เหมือนกับตอนที่เธออยู่ที่เกาะสลีปปิ้ง

เวลาที่เห็นคนอื่นยิ้มขอบคุณให้ มอลลี่มักจะรู้สึกได้ถึงความสุข

สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขมากกว่านั้นก็คือบนเกาะสลีปปิ้งนั้นมีแค่แม่มดกับชาวฟยอร์ดจำนวนเล็กน้อยที่จะแสดงความขอบคุณต่อเธอ นอกจากเรื่องขนถ่ายสินค้าแล้ว สิ่งที่เธอช่วยได้นั้นมีอยูไม่เยอะเท่าไร แต่ที่นี่ทุกคนปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นคนดัง ที่ๆ ต้องการให้เธอช่วยเหลือก็มีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด ก็เหมือนกับคำกล่าวที่ว่ายิ่งได้รับคำขอบคุณก็จะยิ่งมีความสุข ขอเพียงซีกัลไม่ขึ้นบิน เธอก็จะพาผู้ช่วยวิเศษเดินไปเดินมาตามรางรถไฟตลอดทั้งวัน

หลังออกมาจากสถานีหมายเลขศูนย์ ภาพตามทางก็เปลี่ยนไป

ควันไฟเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้ามอลลี่

นั่นคือร่องรอยที่รถไฟทิ้งเอาไว้

ความจริงอสูรเหล็กพวกนี้ต่างหากที่เป็นผู้ช่วยหลักจริงๆ ของลีฟ พวกมันขนเอาของเข้ามาในป่าเพื่อส่งไปยังแนวหน้าของสนามรบโดยไม่หยุด เมื่อกับว่าพวกมันไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอย่างไรอย่างไร พวกรางเหล็กที่ตัวเธอขนมานี้เป็นแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น

เสียดายที่เธอได้ยินองค์หญิงทิลลีบอกว่าเจ้ารถไฟพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ ตอนนี้เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีเพียงแค่ 2 – 3 คันเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ซีกัลต้องบินไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองเนเวอร์วินเทอร์กับแนวหน้าอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าสงครามบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์จะเป็นอย่างไร ด้านหลังก็ต้องคอยรักษาการผลิตเอาไว้

เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ปลายสุดของรางเหล็กๆ ทหารที่ใส่ชุดเครื่องแบบเหมือนกับก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ

หลังผ่านการสังเกตมาเป็นเวลาอาทิตย์หนึ่ง มอลลี่ก็พอจะแยกออกแล้วว่าพวกไหนเป็นทหารใหม่ พวกไหนเป็นทหารที่เคยผ่านการรบมาหลายครั้ง คนที่นั่งอยู่ที่พื้นคอยฟังครูฝึกสอน แล้วก็มักจะเหลือบมองดูเธอเป็นระยะๆ นั้นคือพวกแรก ส่วนคนที่ตั้งใจเช็ดถูอาวุธที่อยู่ในมือ แล้วก็มองเธอผ่านๆ เหมือนไม่ได้สนใจนั้นมักจะเป็นพวกหลัง

“พวกเจ้าดูละเอียดแล้วใช่ไหม นี่คือชนิดของพวกปีศาจที่พวกเรารู้จักในตอนนี้!” ครูฝึกคนหนึ่งเคาะไปบนภาพที่ติดอยู่บนกระดานดำแผ่นเล็กๆ “พวกที่เจอบ่อยที่สุดก็คือปีศาจคุ้มคลั่ง รูปร่างบึกบึน แขนมีขนาดใหญ่โต สามารถขว้างหอกกระดูกได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่สามารถขว้างติดต่อกันได้ นอกเสียจากมันจะกลายเป็นหมาจนตรอกจริงๆ!”

“ฮ่าๆๆ…” เหล่าทหารหัวเราะขึ้นมา

“หัวเราะอะไร!” ครูฝึกตะคอก “เอาไว้พอถึงตอนนั้นจริงๆ กลัวว่าพวกเจ้าจะกลัวจนฉี่ราดกางเกงตัวเองไปเสียก่อน ต่อให้พวกเจ้าจะวิ่งหนีหรือยอมแพ้ก็ไม่สามารถแลกเอาชีวิตที่น่าสงสารของพวกเจ้ากลับคืนมาได้ วิธีที่ถูกต้องวิธีเดียวก็คือเล็งปืนไปที่พวกมันแล้วเหนี่ยวไก กำจัดมันก่อนมันจะฆ่าเจ้า! เข้าใจไหม?”

“รับทราบ!” ทุกคนตอบพร้อมกัน

“อย่างนั้นดูรูปต่อไป” เขาชี้ไปยังรูปภาพอีกรูปหนึ่ง “สัตว์ประหลาดที่มีลูกตาอยู่ตรงหน้าผากชนิดนี้ชื่อว่าปีศาจแห่งความกลัว ถึงแม้จะมีจำนวนไม่เยอะเหมือนพวกแรก แต่ความสามารถของมันกลับแข็งแกร่งกว่ามาก ขอเพียงพวกมันมองเห็นพวกเจ้า พวกมันก็จะทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวจนไม่อาจขยับได้ แล้วก็ทำได้แค่นั่งรอให้พวกมันมาฆ่าเจ้า การโจมตีทางด้านจิตใจแบบนี้สามารถถูกหินอาญาสิทธิ์ป้องกันได้ คนที่ขึ้นไปรบในแนวหน้าจะได้รับแจกหินอาญาสิทธิ์ทุกคน แต่ก็มีโอกาสที่พวกเจ้าจะไปเจอมันโดยไม่ได้สวมหินอาญาสิทธิ์เอาไว้เหมือนกัน”

“อย่างนั้นต้องทำยังไงขอรับ?”

“สวดภาวนาขอพรจากย่าของพวกเจ้า หรือไม่ก็คิดถึงคนหรือของที่พวกเจ้ารัก เอาเป็นว่าปกติพวกเจ้าเอาชนะความกลัวยังไง พอถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็ทำแบบนั้นนั่นแหละ!”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ มอลลี่จึงพบว่ามีคนมองมาทางเธอ

ส่วนเธอก็กะพริบตาพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

“เฮ้ย พวกเจ้ากำลังมองอะไร!” ครูฝึกตะโกนเสียงดัง “ถ้าไม่อยากเรียนก็ไสหัวกลับไปแบกปูนที่ไซต์ก่อสร้างไป!”

คนๆ นั้นรีบหันหน้ากลับไปทันที

เทียบกับพวกทหารเก่าแล้ว ทหารใหม่ดูน่ารักกว่าตั้งเยอะ

มอลลี่มุ่ยปาก ก่อนจะควบคุมผู้ช่วยวิเศษเดินต่อไปข้างหน้า

หลังเดินไปได้ไม่กี่ร้อยเมตร เธอก็มองเห็นปลายสุดของทางรถไฟ ทั้งคนงาน ทหาร แม่มดต่างก็มารวมกันอยู่ที่นี่เพื่อที่จะสร้างเจ้ารางเหล็กออกไปให้ไกลมากขึ้น

ส่วนคนที่ดูสะดุดตาที่สุดในกลุ่ม ก็คือหญิงสาวผมยาวสีบลอนด์ที่สวมชุดทำงาน

ฝ่าบาทอันนา วิมเบิลดัน ราชินีแห่งเกรย์คาสเซิล

………………………………………………………………

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1300 อ่านนิยาย

อ่านต่อด้านล่าง

 


เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของเจ้าชายโรแลนด์พร้อมภารกิจแย่งชิงราชบัลลังก์ในยุคกลาง
เจ้าชายต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพื่อพาเมืองเล็กๆ แถบชายแดนไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง

ทว่าในโลกที่ยังต้องการการพัฒนาทั้งทางวัตถุและความคิดของผู้คน เขาจะสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้อย่างไร แน่นอนว่าหนึ่งในกำลังสำคัญของเขาก็คือแม่มด ผู้ซึ่งถูกล่าอย่างเอาเป็นเอาตายภายใต้ศาสนจักร

พวกเธอเป็นสิ่งชั่วร้ายจริงๆ หรือเป็นเพียงเหยื่อของศาสนา เป็นสิ่งที่ควรล่า หรือควรพิทักษ์
และหากเขาจะเริ่มต้นก้าวแรกนับแต่บัดนี้ เขาจะต้องพบเจออะไรบ้าง

Options

not work with dark mode
Reset