Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ 1050

ตอนที่ 1050

ปริศนาที่ยากจะเข้าใจ

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ทิลลีก็เอารายชื่อผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของโรแลนด์

“เป็นยังไงบ้าง การรับสมัครราบรื่นดีไหม?” โรแลนด์รินชาให้อีกฝ่ายพร้อมถามออกไป เมื่อต้องเจอ ‘น้องสาว’ ในนามคนนี้ เขายังคงมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจตลอด เธอไม่เหมือนกับอันนาที่เขาเป็นฝ่ายสารภาพทุกอย่างออกไปตรงๆ เพราะเธอถือว่าเป็นคนแรกที่มองออกว่าเขาไม่ใช่เจ้าชายลำดับที่สี่ตัวจริง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าที่เธอช่วยปกป้องเขาในตอนที่พวกปีศาจมันบินมาโจมตีเนเวอร์วินเทอร์จะเป็นเพราะความสัมพันธ์ฉันมิตร แต่ความรู้สึกผิดภายในใจเขากลับไม่ได้ลดลงเลย

เพราะว่าเขาได้ยึดร่างของเจ้าชายลำดับที่สี่เอาไว้

ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปโดยไม่อธิบายอะไร แต่เมื่อเห็นว่าเธอก็ไม่ได้มาคาดคั้นอะไร ตัวเขากลับเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

แต่คิดมันก็ส่วนคิด เขาคงไม่มีทางที่จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกแน่ เพราะคนที่พยายามจะคาดคั้นหาคำตอบให้ได้ ส่วนใหญ่มักจะตายกลางทาง โรแลนด์รู้ในจุดนี้ดี

“นอกจากเรื่องจำนวนคนที่ไม่เป็นอย่างที่คาดเอาไว้แล้ว เรื่องอื่นๆ ล้วนแต่ไม่มีปัญหา” ทิลลีรับเอาแก้วชามาเป่าเล็กน้อย “คนที่คัดเลือกออกมาจากผู้อพยพนั้นมี 124 คน คนที่คัดเลือกออกมาจากชาวเมืองนั้นมี 73 คน รวมกันแล้วยังไม่ถึง 200 คน….ในตอนที่ต้องสู้กับปีศาจจริงๆ จำนวนคนแค่นี้คงจะทำอะไรไม่ได้มาก”

“เริ่มแรกมันก็ยากเสมอแหละ” โรแลนด์พลิกดูรายชื่อ “เอาไว้เมื่อมีตัวอย่างเมื่อไร การสมัครรอบที่สองจะต้องมีคนมาสมัครเยอะขึ้นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของเมืองเนเวอร์วินเทอร์เท่านั้นแล้ว”

ถึงแม้มุมมองของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่ความปรารถนาในการเสาะหาดินแดนอันกว้างใหญ่ของมนุษย์ยังคงฝังรากลึกอยู่ในกระดูก นับตั้งแต่ที่อารยธรรมเริ่มผลิใบขึ้นมา มนุษย์เราก็เริ่มมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบนกหรือการใช้บอลลูนในการสำรวจท้องฟ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคสมัยของเครื่องบิน ซึ่งเหล่านักสำรวจของสมาคมของแปลกนั้นคือตัวอย่างที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กังวลใจว่าจะไม่มีใครมาสมัครกองทัพอากาศ

อย่างแรกเลยคือต้องผลิตกองทัพที่สามารถบินได้ขึ้นมาก่อน

แต่เขารู้ว่าการจะผลิตนักบินขึ้นมาซักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ในยุคสมัยที่ระบบการควบคุมการบินยังไม่สมบูรณ์ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักบินก็คือ…พรสวรรค์ การทดสอบเรื่องกลัวความสูง ความอดทนต่อการวิงเวียน การประสานงานของร่างกายนั้นเป็นแค่การทดสอบขั้นพื้นฐานที่ พวกการรับรู้ทิศทางบนอากาศ ความเข้าใจในการบิน หรือแม้กระทั่งความเร็วในการตอบสนองของร่างกายล้วนแต่จะเป็นตัวตัดสินว่าคนๆ นั้นเหมาะสมที่จะเป็นนักบินหรือไม่

ทหารเก่าของกองทัพที่หนึ่งนั้นมีความเชื่อฟังและความน่าเชื่อถือที่สูงมาก การจะเลือกเอาทหารที่ยอดเยี่ยมออกมาส่วนหนึ่งเพื่อจัดเป็นกองกำลังระดับหัวกะทินั้นยังพอไหว แต่ถ้าจะให้พวกเขาเปลี่ยนไปอยู่ในกองทัพอากาศนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก

ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่เขาขยายขอบเขตการคัดเลือกไปยังกลุ่มผู้อพยพด้วย

เรื่องความรู้นั้นสามารถเรียนรู้กันได้ แต่เรื่องพรสวรรค์ถ้าไม่มีก็คือไม่มี แทนที่จะไปฝืนคนที่ทำไม่ได้ให้พยายามบินให้ได้แล้ว สู้ไปหาคนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมดีกว่า

จากตัวเลขที่รวบรวมว่าจะเห็นได้ว่าภายในหนึ่งสัปดาห์มีคนมาลงชื่อสมัคร 3,000 กว่าคน พอคัดเลือกมาแล้วก็มีคนที่ผ่านเกณฑ์เกือบ 200 คน แบบนี้ก็แสดงให้ว่าการที่ขยายการรับสมัครไปยังผู้อพยพนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

เมื่อพลิกไปดูรายงานหน้าสุดท้าย โรแลนด์พลันรู้สึกแปลกใจขึ้นมา “มี 6 คนที่ไม่ผ่านการปฏิญาณตนเหรอ?”

“ปากไม่ตรงกับใจ ถูกเวเดอร์พาตัวไปสอบสวนล้วเพคะ” คนที่ตอบเขาคือไนติงเกล “ในนั้นมีอยู่สองคนที่เป็นพลเมืองของเนเวอร์วินเทอร์”

โรแลนด์ขมวดคิ้วขึ้นมา ตามหลักแล้วนี่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะใจคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ได้หวังจะให้คนเหล่านี้คิดเหมือนเดิมตลอดไป แต่ในตอนที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ เขาก็ยังอดรู้สึกผิดหวังขึ้นมาไม่ได้

เดิมพวกเขาเหล่านั้นสามารถติดตามเขาไปยังยุคสมัยใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้

เรียกได้ว่าพวกเขามองเห็นธรณีประตูแห่งยุคสมัยใหม่แล้ว

แต่สุดท้ายพวกเขากลับเลือกที่จะละทิ้งมัน

“แล้วสอบสวนได้อะไรไหม?”

“เดิมหม่อมฉันคิดจะสอบสวนให้ทุกอย่างกระจ่างก่อนค่อยรายงานพระองค์เพคะ” ไนติงเกลพูดอย่างขี้เกียจ “พวกเขาต่างก็ถูกพวกพ่อค้าต่างถิ่นซื้อตัวไปเพคะ โดยพวกเขาหวังจะเข้ามาอยู่ในกองทัพ แล้วก็ค่อยสืบข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธของเราเพคะ หลังจากนั้นทางตำรวจก็รีบลงมือ แต่ก็คว้าน้ำเหลว พวกเขาจับมาได้แค่ผู้ช่วยพ่อค้าที่ยังอยู่ในโรงแรมเท่านั้น ดังนั้นหม่อมฉันก็เลยให้แอ๊คเซียฉายภาพย้อนกลับดู ก่อนจะเห็นว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวงเก่า เมื่อดูจากเนื้อหาที่เขียนในจดหมายแล้ว เหมือนตัวการจะเป็นขุนนางเพคะ แต่ถึงยังไงตอนนี้พวกเราก็รู้ที่มาที่ไป รูปพรรณสัณฐานกับสถานะของอีกฝ่ายแล้ว ภาพเหมือนที่โซโรยาวาดออกมาก็ถูกส่งไปให้ทาซาแล้ว หม่อมฉันว่าเขาหนีไปไหนไม่ได้นานหรอกเพคะ”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ โรแลนด์กลับหลุดหัวเราะออกมา ความรู้สึกไม่สบายใจในตอนแรกหายไปจนหมด เมื่อต้องเจอกับวิธีการสืบสวนแบบนี้ ไอพวกที่ก่อกบฏนี่ช่างน่าสงสารจริงๆ

“เอ่อ….มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพคะ?” ไนติงเกลกะพริบตา

“เปล่า เจ้าทำได้ดีมาก” โรแลนด์หุบยิ้มลง “ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกรา เมืองทางเหนือก็พร้อมยินดีต้อนรับพวกเขา”

ดูเหมือนพวกขุนนางเก่าในอดีตจะยังไม่ยอมแพ้ ขอเพียงเขามีจุดอ่อนอะไร คนพวกนี้ก็จะพยายามเล่นงานเขาให้ได้ แต่นี่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอะไร เพราะขุนนางศักดินานั้นถือกำเนิดมาเกือบพันปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในสามอาณาจักรใหญ่ที่เหลือก็ยังมีขุนนางศักดินาอยู่ การจะทำให้ระบบนี้หายไปหมดนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จในวันหรือสองวัน

“เอาล่ะ” ทิลลีกระแอมขึ้นมา มากลับเข้าประเด็นเราได้แล้ว “ปัญหาเรื่องคนนั้นแก้ไขได้แล้ว แล้วเครื่องบินล่ะอยู่ไหน?”

“อันนี้น่ะเหรอ…เออใช่ ช่วงนี้อีฟลินทำเครื่องดื่มยุ่งเหยิงที่รสชาติยอดเยี่ยมมากขึ้นมา เจ้าอยากจะลองดูไหม?”

“เอ๋? เอาสิ….ไม่สิ!” ทิลลีได้สติกลับมา “เห็นๆ อยู่ว่ากำลังคุยกันเรื่องเครื่องบิน อย่าบอกนะว่าท่านยังสร้างเครื่องบินไม่เสร็จ?”

ถูกเผง

“ยังไงซะพวกเขาก็ต้องเรียนจากการอ่านเขียนแล้วก็ทฤษฎีพื้นฐานนี่นา ถ้าแค่จะสาธิตให้ดู ใช้เครื่องร่อนก็….”

“ไม่ได้” ทิลลีพูดตัดบททันที “ต่อให้เป็นเครื่องร่อน แต่เครื่องร่อนที่ปรับปรุงแล้วกับเครื่องร่อนตัวต้นแบบมันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วนับประสาอะไรกับเครื่องบินล่ะ ถ้าข้าไม่เคยแม้แต่จะได้ลองขับมันด้วยตัวเอง แล้วข้าจะไปสอนคนพวกนั้นได้ยังไง? จริงอยู่ที่อีกนานกว่าคนเหล่านั้นจะได้บินจริงๆ แต่อย่างน้อยๆ ข้าก็ต้องใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งในการทำความเข้าใจความสามารถของเครื่องบิน แล้วก็ทำการปรับเปลี่ยนเนื้อหาในคู่มือ แถมนี่ยังไม่รวมถึงเวลาที่ต้องทำการแก้ไขเครื่องบินหลังจากนี้ด้วยนะ ในเมื่อท่านมอบหมายเรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการแล้ว ข้าก็ย่อมมีหน้าที่ในการเร่งท่านให้ทำงานให้เสร็จ”

โรแลนด์เพิ่งจะเคยเห็นเจ้าหญิงลำดับที่ห้าจริงจังขนาดนี้เป็นครั้งแรก

เขามองออกเลยว่าเธอชื่นชอบ ‘เจ้าของเล่น’ ที่สามารถบินได้แล้วก็เหมาะกับความสามารถของตัวเองอันนี้จริงๆ

แต่ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือโรแลนด์ประเมินความยากในการสร้างเครื่องบินไว้ต่ำเกินไป นี่ขนาดเป็นเครื่องบินปีกสองชั้นที่เป็นเครื่องบินรุ่นเก่าที่สุด แถมสิ่งที่เพิ่มมาจากเครื่องร่อนก็มีแค่อุปกรณ์ให้กำเนิดพลังงานกับเชื้อเพลิงเท่านั้น แต่ระดับความซับซ้อนกลับเพิ่มขึ้นจากเดิมกลายเป็นเท่าตัว ขนาดเขามีข้อมูลจำนวนมากจากโลกแห่งความฝันเป็นแหล่งอ้างอิงยังยากขนาดนี้ ถ้าเกิดเขาออกแบบมันด้วยตัวคนเดียว เกรงว่า 3 – 4 ปีก็คงสร้างไม่เสร็จ

“ข้ารู้แล้ว” เขาส่ายหัวอย่างจนปัญญา “อีกสองสัปดาห์ข้าจะเอาเครื่องบินที่บินได้มาให้เจ้า”

“อย่างนั้นเราตกลงตามนี้” ทิลลียิ้มเล็กน้อย “แล้วก็ เครื่องดื่มยุ่งเหยิงรสเยี่ยมที่ท่านว่าล่ะ? ขอข้าลองชิมหน่อยได้ไหม”

….

“แปลก….” หลังเจ้าหญิงลำดับที่ห้าถือขวดเครื่องดื่มยุ่งเหยิงออกไปแล้ว ไนติงเกลจึงพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา

“ทำไมเหรอ?” โรแลนด์ถาม

“ก่อนหน้านี้เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ นางจะเรียกพระองค์ว่าพี่ชายอยู่บ่อยๆ แต่พอเวลาอยู่กันตามลำพังกับพระองค์ นางแทบจะไม่ค่อยเรียกพระองค์เช่นนั้นเลย…นี่มันไม่แปลกหรือเพคะ?”

“อย่างนี้นี่เอง?” เขางุนงง “แต่ว่า…ทำไมล่ะ?”

“หม่อมฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเพคะ”

ทั้งสองคนสบตากันพร้อมกับลูบคางตัวเอง ก่อนจะตกลงไปในปริศนาที่ยากจะเข้าใจนี้ด้วยกัน

…………………………………………………………..

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1300 อ่านนิยาย

อ่านต่อด้านล่าง

 


เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของเจ้าชายโรแลนด์พร้อมภารกิจแย่งชิงราชบัลลังก์ในยุคกลาง
เจ้าชายต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพื่อพาเมืองเล็กๆ แถบชายแดนไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง

ทว่าในโลกที่ยังต้องการการพัฒนาทั้งทางวัตถุและความคิดของผู้คน เขาจะสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้อย่างไร แน่นอนว่าหนึ่งในกำลังสำคัญของเขาก็คือแม่มด ผู้ซึ่งถูกล่าอย่างเอาเป็นเอาตายภายใต้ศาสนจักร

พวกเธอเป็นสิ่งชั่วร้ายจริงๆ หรือเป็นเพียงเหยื่อของศาสนา เป็นสิ่งที่ควรล่า หรือควรพิทักษ์
และหากเขาจะเริ่มต้นก้าวแรกนับแต่บัดนี้ เขาจะต้องพบเจออะไรบ้าง

Options

not work with dark mode
Reset