One Man Army 50 เหมือนอย่างที่คาดไว้

ตอนที่ 50 เหมือนอย่างที่คาดไว้

One Man Army ตอนที่ 50 เหมือนอย่างที่คาดไว้

 

“ฉันขอโทษนะ ฉันเข้าใจเงื่อนไขของนายนะ แต่ฉันขอปฏิเสธ”

 

แทมินพยักหน้าอย่างเงียบๆ หลังจากที่ฟังคําตอบของซางฮยอค มันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้เล่นเลเวลสูงจะมาทํางานเป็นทหารรับจ้าง

 

“เข้าใจแล้ว งั้นฉันจะไม่รบกวนนายแล้ว”

 

แทมินยอมแพ้ เขารู้ว่าเขสไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของซางฮยอคได้

 

“ฉันจะพยายามทํางานให้เต็มที่”

 

“ขอบคุณนะ ฉันจะจ่ายให้นายตามสัญญา หากนายต้องการอะไรอีกก็บอกว่าได้เลย เราจะสนับสนุนนาย”

 

“โอเค ขอบคุณ”

 

เบลคพยักหน้าพร้อมกับยิ้มขึ้นมา เขาไม่ปฏิเสธของที่คนอื่นซื้อให้

 

“โอ้ ฉันวางแผนที่จะย้ายนายไปอีกกลุ่มหนึ่ง นายโอเคมั้ย?”

 

“ย้ายกลุ่มไปไหนเหรอ?”

 

“กลุ่ม A-S มันเป็นกลุ่มที่มีแต่ชนชั้นสูงของกิลด์เรา”

 

“ดูเหมือนว่ากลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายยังไม่ถูกสร้างขึ้น”

 

ซางฮยอคพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

 

“โอเค แต่ฉันอยากขออะไรซักหน่อย”

 

“พูดมาได้เลย”

 

“ฉันชอบต่อสู้คนเดียวและไม่อยากฟังคําสั่งของใคร สไตล์การต่อสู้ของฉันไม่เหมาะกับการทํางานเป็นทีม”

 

“โอ้…นายไม่อยากให้ใครออกคําสั่งงั้นเหรอ?”

 

“ฉันจะฟังคําสั่งของหัวหน้ากลุ่มเมื่อเราไม่ได้ต่อสู้ แต่หากต่อสู้ฉันไม่อยากฟังคําสั่งของใคร”

 

แทมินนึกย้อนไปถึงวิดีโอที่สมาชิกกิลด์ส่งมาให้เขาซึ่งก็ดูเหมือนว่าเบลคชอบต่อสู้คนเดียว

 

ไม่มีความขัดแย้งในการสนทนาครั้งนี้ เนื่องจากคนทั้งสองต้องการสิ่งเดียวกัน การสนทนาจึงดําเนินไปได้ด้วยดี ซางฮยอคไปที่สํานักงานกิลด์เพื่อทําสิ่งที่เขาต้องการให้สําเร็จ

 

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถสร้างกิลด์ขึ้นมาได้ทันที ทหารรับจ้างไม่สามารถเป็นหัวหน้ากิลด์ได้

 

นั่นคือสาเหตุที่เขาซื้อใบอนุญาติสร้างกิลด์และวางแผนจะเซ็นต์มันหลังจากที่ทํางานของทหารรับจ้างเสร็จ

 

“ส่วนชื่อกิลด์…ก็เอา [วัน]”

 

เขาตั้งชื่อกิลด์ได้อย่างรวดเร็วและโชคดีที่ยังไม่มีกิลด์ที่ใช้ชื่อ [วัน]

 

หลังจากที่ซื้อใบอนุญาติสร้างกิลด์ด้วยทอง 50,000 ทอง ซางฮยอคก็ออกจากสํานักงานกิลด์

 

การสร้างกิลด์จําเป็นต้องใช้ทองจํานวนมาก ดังนั้นจึงจํานวนกิลด์จึงไม่มากเท่าไหร่

 

หลังจากที่เตรียมตัวสร้างกิลด์เสร็จ ซางฮยอคก็กลับมาที่กิลด์สกายอะบั๊ฟสกาย แทมินได้เปลี่ยนกลุ่มของซางฮยอคไปเป็นกลุ่ม A-S และในปัจจุบันกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีแต่ผู้เล่นชั้นสูงของกิลด์สกายอะบั๊ฟสกาย

 

เมื่อกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายถูกสร้างขึ้นในภายหลัง 70% ของสมาชิกกลุ่ม A-S จะถูกย้ายไปที่นั่น

 

การย้ายไปกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่านั้นหมายความว่าเขาจะได้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งมากขึ้น

 

การปรากฏตัวอย่างแท้จริงของเบลต

 

ตํานานของสงครามสกายโกลด์กําลังจะเริ่มต้นแล้ว

 

“นายมั่นใจ 100% ใช่มั้ย?”

 

“ผมมั่นใจ ผมได้คุยเรื่องนี้กับเขาแล้ว ถ้าเขาโกหกม้วนคําสาบานจะทํางาน.. แล้วเขาจะบัญชีของเขาจะถูกลบ”

 

แบล็คกี้ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลด์โกลด์รัช “กลุ่มแอลฟ่า” พยักหน้าหลังจากที่ฟังลูกน้องของเขาพูด

 

สงครามระหว่างกิลด์สกายอะบั๊ฟสกายและกิลด์โกลด์รัชกลายเป็นสงครามระหว่างสกายไลน์และโกลด์ไลน์

 

เรื่องนี้เกิดขึ้น 10 วันหลังจากที่กิลด์สกายอะบั๊ฟสกายกับกิลด์โกลด์รัชเริ่มต้นสงคราม และตอนนี้ก็ผ่านไป 10 วันแล้ว….สงครามก็เริ่มรุนแรงขึ้น

 

แม้ว่าพวกเขาจะสู้กันมามากกว่า 20 วันแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะเป็นผู้ชนะสงครามครั้งนี้

 

กิลด์โกลด์รัชนั้นได้เปรียบอย่างมากตอนเริ่มสงคราม แต่ด้วยการปรากฏตัวของเบลคทําให้ความได้เปรียบหายไปทันที

 

“เบลค… วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ได้เ”

 

แบล็คกี้พึมพําพร้อมกับกัดฟันของเขาแน่น

 

ทหารรับจ้างเบลคได้บดขยี้ทุกอย่าง จํานวนคนที่ตายด้วยดาบของน้ำคือ 1,147 คน

 

โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ทหารรับจ้างจะทําแบบนี้ได้

 

จนถึงจุดที่ว่าเบลคเปลี่ยนกระแสของสงคราม

 

เพียงแค่ครั้งเดียว เพียงแค่สังหารเขาครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทําให้เขาถอนตัวออกจากสงครามครั้งนี้ได้ ดังนั้นกิลด์โกลด์รัชจึงพยายามสังหารเขาหลายครั้ง แต่ความพยายามของพวกเขาก็ล้มเหลวทุกครั้ง

 

ในความจริงการสังหารครั้งนี้กิลด์สกายอะบั๊ฟสกายก็มีส่วนร่วมเช่นกัน

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะสัญญาของพวกเขา กิลด์สกายอะบั๊ฟสกายต้องจ่ายให้เขามากกว่า 10 ล้านทอง ซึ่งหากนําทอง 10 ล้านทองมากองรวมกันมันจะกลาเป็นภูเขาทองขนาดใหญ่ทันที

 

นี่เป็นภาระที่ใหญ่สําหรับพวกเขา และมีคนหลายคนในกิลด์สกายอะบั๊ฟสกายต้องการให้เบลคตาย

 

แม้การกระทําของพวกเขาจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่พวกเขาก็พยายามให้เบลคและกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายไปสนามรบที่อันตรายมากขึ้นหลายครั้ง

 

อย่างไรก็ตามเบลคก็รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง และผู้เล่นคนอื่นในกลุ่มก็รอดเช่นกัน เนื่องถูกเขาช่วยชีวิต

 

ในท้ายที่สุดแทมินก็ได้เจรจากับเบลคว่าจะจ่ายทองให้เบลค 5 ล้านทอง และที่เหลือก็เป็นไอเทมที่มีมูลค่าเท่ากัน

 

เนื่องจากพวกเขาเสีย 1-2 ทองทุกวัน พวกเขาจึงมีทองเหลือน้อยมากถึงขั้นที่ว่าซื้อนอุงและแทมินต้องซื้อทองด้วยเงินสดเพื่อเอาทองมาจ่ายให้เบลค

 

อย่างไรก็ตามหากพวกเขายังเสียเงิน 1-2 ทุกวันแบบนี้ต่อไป ในสัปดาห์สุดท้ายพวกเขาก็จะไม่มีทองเพียงพอที่จะจ่ายให้เบลค

 

บางที่อาจเป็นเพราะเรื่องนั่นทําให้แทมินได้เลือกทางที่เลวร้ายที่สุด

 

“เรามาทบทวนแผนการอีกครั้งกัน เราจะหลอกผู้ชายคนนั้นและให้สมาชิกกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายถอยออกไปเพื่อให้เขาถูกเราล้อมและฆ่าใช่มั้ย?”

 

“ใช่แล้ว แม้ว่าเบลคจะถูกเรียกว่าทหารรับจ้างอมตะ แต่เขาก็สามารถตายได้หากถูกกลุ่มแอลฟ่าล้อม”

 

“ใช่แล้วถึงแม้จะเป็นเขาก็ไม่สามารถรอดจากวงล้อมของกลุ่มแอลฟ่าได้ แต่ทําไมกิลด์สกายอะบั๊ฟสกายถึงต้องการให้เขาตายกันล่ะ?”

 

“ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน แต่จากสิ่งที่ฉันได้ยินมาจํานวนทองที่พวกเขาจ่ายให้เบลคนั้นเยอะมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เขาถอนตัวออกจากสงครามครั้งนี้”

 

“พวกเขาบ้ามาก… พวกเขาทําตัวราวกับพวกเขาเป็นคนฉลาด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะโง่ยิ่งกว่าฉันซะอีก”

 

“โอ้นายพึ่งรู้เหรอว่านายโง่?”

 

“หุบปาก”

 

แบล็คก็ตบหัวรุ่นน้องของเขาและยืนขึ้น

 

“ในที่สุดเราก็มีโอกาสแก้แค้นชักที ไอบัดซ*เบลค…วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ได้”

 

ทุกคนจากกลุ่มแอลฟายืนขึ้นตามแบล็คกี้ซึ่งกลุ่มแอลฟ่ามีสมาชิกทั้งหมด 14 คนและความสามารถของพวกเขาแต่ละคนก็ค่อนข้างยอดเยี่ยมมาก

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายบดขยี้ไปแล้ว 3 ครั้ง และสมาชิกทุกคนนั้นถูกเบลคสังหารอย่างน้อย 2 ครั้ง

 

โดยเฉพาะแบล็คกี้ เขาถูกบดขยี้ถึง 3 ครั้งเพราะความดื้อดึงของเขา

 

“คราวนี้แกตายแน่!”

 

ตอนนี้เหลือเวลาแค่ 5 นาทีก่อนจะถึงเวลาที่ตกลงไว้…แบล็คกี้กัดฟันแน่นและมองไปข้างหน้า

 

[ฉันไม่คิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีเลย]

 

เจ็ทตี้หนึ่งในสมาชิกหลักของกิลด์สกายอะบั๊ฟสกายรวมถึงเป็นสมาชิกของกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายเช่นกัน มีข้อกังขาเกี่ยวกับแผนการนี้ตั้งแต่เริ่มแรก

 

ซึ่งมีผู้เล่นที่คิดเหมือนกันภายในกิลด์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดรู้ว่านี่เป็นการทําเพื่อผลประโยชน์ของกิลด์

 

[เจ็ทตี้ เราไม่สามารถทําอะไรได้ ฉันก็ไม่คิดว่าการบังคับให้เบลคถอนตัวออกจากสงครามครั้งนี้เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน แต่เราจะทําอะไรได้ล่ะ?]

 

[แต่ถึงยังไงนี่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เขาช่วยเราหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้เรา…]

 

[เฮ้ หยุดทําตัวเป็นคนดีได้แล้ว เราแค่ทําสิ่งที่ถูกสั่งให้ทําก็พอแล้ว นายคิดว่าเขาได้เงินไปเท่าไหร่กัน? เขาต่างหากที่ต้องเป็นคนขอบคุณเรา]

 

ไม่ใช่สมาชิกทุกคนของกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายจะชอบเบลค ในความจริงแล้วสมาชิกมากกว่าครึ่งนั้นอิจฉาและไม่ชอบเขา

 

[จํานวนทองที่เขาได้ไปนั้นเยอะมาก 10 ล้านทอง! ซึ่งถ้าเทียบเป็นเงินสดในตอนนี้จะมีค่า 500 ล้านวอน (500,000 ดอลลาร์) เลยนะ]

 

[500 ล้านวอนเหรอ? จริงๆ เหรอ? นั่นมันบ้ามาก]

 

[แต่เราเป็นคนยอมรับเงื่อนไขเองนะ]

 

[อย่าพูดไร้สาระ และหากนายไม่เห็นด้วย นายก็อย่าทําลาย

แผนนะ]

 

ไม่ว่าเจ็ทตี้จะคัดค้านมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ไร้ประโยชน์ แผนการนี้ชื่อว่า “การแยกทาง” ซึ่งในตอนนี้แผนการก็ได้เริ่มไปแล้ว และเบลคก็กําลังตกอยู่ในอันตราย

 

“ฟู… ฉันจะต้องทําแบบนี้งั้นเหรอ?”

 

เจ็ทตี้เริ่มคิดอย่างจริงจังว่าจะทํายังไงดีในขณะดูช่องแชทของสมาชิกกิลด์สกายอะบั๊ฟสกาย

 

การปะทะกันระหว่างกลุ่มแอลฟ่าและกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายครั้งนี้เป็นการทะปะครั้งที่ 4 ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย

 

อย่างไรก็ตาม…การต่อสู้นั้นแปลกมาก

 

วิธีการต่อสู้ของกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายนั้นคือให้เบลคอาละวาด และสมาชิกคนอื่นก็โจมตีช่องโหว่ที่เบลคสร้างขึ้น

 

ดังนั้นเบลคจึงต่อสู้คนเดียวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามวันนี้มีบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม

 

สมาชิกคนอื่นของกลุ่มอันดับหนึ่งอะบั๊ฟสกายนั้นไม่ได้โจมตีช่องโหว่ที่เบลคสร้างขึ้น แต่กลับถอยออกไปอย่างช้าๆ

 

และในที่สุด… พวกเขาทั้งหมดก็หายไปราวกับพวกเขาตายไปกันหมดแล้ว

 

ในตอนนี้เบลคเหลือเพียงตัวคนเดียว

 

สมาชิกของกลุ่มแอลฟ่าของกิลด์โกลด์รัชล้อมรอบเบลคเป็นวงกลมเพื่อปิดเส้นทางการหลบหนีของเบลค

 

ในตอนนี้เบลคถูกศัตรู 14 คนล้อม ภาพนี้ดูราวกับว่าเขาไม่สามารถทําอะไรได้และตายลงไป

 

“เบลค! ฉันดีใจมากที่ได้เจอนายที่นี่”

 

แบล็คกี้ตะโกนใส่เบลคด้วยน้ำเสียงล้อเลียน เขาทําตัวราวกับว่าเบลคไม่สามารถทําอะไรได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตามเบลคยิ้มตอบในขณะมองไปรอบๆ

 

“พวกเขาทําเหมือนที่ฉันคาดไว้เลย”

 

ทุกอย่างเป็นเหมือนกับที่เขาคาดไว้ และเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างชัดเจน เขาก็หัวเราะออกมา

 

“นายยังหัวเราะได้อีกนะ ในเมื่อนายกําลังจะตายแล้ว”

 

ในความจริงแบล็คก็ไม่ได้รู้สึกว่าความแค้นของเขากับเบลคนั้นหายไปเพียงเพราะว่าสังหารเขาได้หนึ่งครั้ง และมันไม่มีบทลงโทษการตายของทหารรับจ้างในสงครามกิลด์

 

ดังนั้นแบล็คกี้จึงพยายามทําให้เบลครู้สึกแย่โดยการพูดกับเขา

 

“นายพูดมากเหมือนเคยนะ”

 

เบลคยิ้มออกมาอีกครั้งในขณะที่มองไปที่แบล็คกี้

 

มันยังคงเหมือนเดิม แบล็คกี้มักจะพูดมากเสมอในช่วงเวลาสําคัญ

 

“อะไรกัน? นายไม่เข้าใจเหรอว่านายอยู่ในสถานกา-“

 

ในขณะที่แบล็คกี้กําลังจะพูดต่อ ซางฮยอคก็หยิบการ์ดฟิวชั่นออกมาและใช้การ์ดฟิวชั่นใส่ตัวเอง

 

ฟริ้งงงง! ฟริ้งงงง!

 

ในตอนนั้นเองกลุ่มแอลฟ่าก็เตรียมตัวโจมตีทันที

 

แบล็คกี้ตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดพร่ำทําเพลง จากนั้นเขาก็ดึงอาวุธของเขาออก อย่างไรก็ตามซางฮยอคก็ได้พูดขึ้นมาว่าแต่นาย

 

“ฉันขอบคุณนายจริงๆ ที่สร้างสุสานให้กับฉัน …แต่นายจะทําไปทําไมกันในเมื่อฉันไม่ตาย”

 

ชิ้งงงง!

 

เบลคหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับดึงดาบนักล่าออร์คออกมา

 

เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาจึงไม่รู้สึกสับสนหรือตื่นตระหนก แต่เขากลับรอคอยช่วงเวลานี้อยู่

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากชีวิตก่อนของเขา นี่เป็นสถานที่ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด สถานที่ที่ผู้คนต่างทรยศกันเพื่อผลประโยชน์ –

 

– โลกของ EL

One Man Army

One Man Army

Score 10
Status: Completed
โดย นำเรื่อง One Man Army มาเป็นบางส่วน บทนำ ซางฮยอคชายผู้ที่อายุเกือบจะ 40 ปี ได้รับการติดต่อจากบริษัทสกายเทเลคอมเพื่อช่วยทีมสกายกลายเป็นทีมที่ดีที่สุดภายในระยะเวลา 3 ปี หลังจากที่เขาได้ทำตามสัญญาได้สำเร็จ เขากลับถูกบริษัทที่เขาทุ่มเทให้ถูกอย่างทรยศ
อย่างไรก็ตามเขาก็ตื่นขึ้นมาพบกับตัวเองในอายุ 18 ปี – หนึ่งปีก่อนการเปิดตัวเกม Eternal Life

Options

not work with dark mode
Reset