My Disciples Are All Villains 606 แดนเถ้ากระดูก

ตอนที่ 606 แดนเถ้ากระดูก

  ฮี้!
  จี้เหลียงหันมาก่อนที่จะพยายามเป่าใส่ยู่เฉิงไห่ ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามปลุกเขาอยู่นั่นเอง
  แต่น่าเสียดาย ดวงตาของยู่เฉิงไห่ยังคงปิดสนิท ไม่มีวี่แววที่ยู่เฉิงไห่จะตื่นขึ้นเลย
  “เจ้าเห็นด้วยกับข้าสินะ?” ยู่ฉางตงยิ้มให้
  ฮี้!
  “ข้าน่ะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว” ยู่ฉางตงหันไปมองป่าทึบ “ยังไงซะการช่วยเหลือใครสักคนมันก็ยากกว่าการฆ่าใครสักคนอยู่ดี”
  หลังจากที่พักผ่อนไปชั่วครู่ ยู่ฉางตงก็ลุกขึ้นก่อนจะกระโดดขึ้นหลังของจี้เหลียง ทั้งสามเดินทางไปยังทิศตะวันตกเพื่อที่จะออกจากป่าทึบ
  จี้เหลียงได้รักษาความสูงเอาไว้ก่อนที่จะบินไปทางตะวันตก ทั้งสามได้บินผ่านหุบเขาร้างก่อนที่จะมุ่งสู่ที่ราบอันกว้างใหญ่
  ในระหว่างที่บินยู่ฉางตงก็มองไปรอบๆ เมื่อถึงที่ราบวิสัยทัศน์ของยู่ฉางตงก็เริ่มดีมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ง่ายมากเช่นกันที่ผู้ฝึกยุทธคนอื่นจะสังเกตเห็นตัวเขาเช่นกัน เมื่อก่อนยู่ฉางตงคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะตอนนี้ตัวเขาได้รับฝากชีวิตยู่เฉิงไห่มา เพราะแบบนั้นยู่ฉางตงจึงอยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้
  จี้เหลียงยังคงบินต่อไปด้วยระดับความสูงต่ำภายใต้แสงจันทร์
  ในตอนนั้นเองยู่ฉางตงก็เริ่มเห็นจุดอับชื้น “พวกเรามาถึงบึงโคลนแล้ว จี้เหลียง บินให้สูงกว่านี้”
  ฮี้!
  ยู่ฉางตงเคยมาที่นี่ในเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นตัวเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะท้าทายยอดฝีมือ เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีตยู่ฉางตงก็นึกถึงอารมณ์ที่มีในตอนนั้น
  จี้เหลียงข้ามหนองน้ำตามที่ยู่ฉางตงได้สั่งการ
  เมื่อมองข้ามหนองน้ำที่เห็น ยู่ฉางตงก็ได้เห็นนครหลวงลั่วหลาน
  เมืองลั่วหลานที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ เมื่อมองเห็นจากในระยะไกลมันดูทั้งลึกลับและแปลกตา
  “นี่สินะแดนเถ้ากระดูก” ยู่ฉางตงพึมพำขึ้นเมื่อเห็นโครงกระดูกมากมายหลายชิ้นโผล่พ้นจากพื้นดิน
  ความเร็วของจี้เหลียงมันรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่ผ่านไป 15 นาที จี้เหลียงก็ได้พายู่ฉางถึงมาใกล้แดนเถ้ากระดูกได้ บนพื้นที่ส่วนใหญ่มีเพียงโคลนและโครงกระดูก
  “หยุดก่อน” ยู่ฉางตงกระโดดลงจากจี้เหลียง ที่ทางด้านหน้าของยู่ฉางตงหลายสิบไมล์เป็นถิ่นฐานของชาวลั่วหลาน
  ตัวเขาเหลือบมองดูโคลนที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง “เราจะอยู่ที่นี่ ที่นี่คือที่ที่ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ผ่านพ้นความตายครั้งแรกมาได้…”
  เป็นเพราะความเร็วของจี้เหลียงจึงทำให้ตัวเขาเดินทางมาถึงที่นี่โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ย้อนกลับไปในตอนที่ยู่เฉิงไห่ยังไม่ได้รับการฝึกฝน ในตอนนั้นตัวเขาจะต้องใช้เวลาเดินสำรวจจนข้ามแดนเถ้าแห่งกระดูกนานแค่ไหน? แม้แต่ประสบการณ์อันโหดร้ายที่เหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามีก็ยังไม่อาจเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดที่ยู่เฉิงไห่ได้รับได้
  ยู่ฉางตงไม่ได้รีบร้อนที่จะเริ่มการช่วยชีวิต ตัวเขาบินสำรวจบึงโคลนอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่น่าสงสัยอยู่ตัวเขาจึงเลือกที่จะนำยู่เฉิงไห่ลงมา
  แสงจันทร์ได้ส่องมายังยู่ฉางตงและบึงโคลน ถ้าหากไม่มีแดนแห่งเถ้ากระดูกที่อยู่ด้านหลัง ด้วยบึงโคลนเพียงอย่างเดียวอาจจะทำให้ทัศนียภาพที่นี่ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
  ยู่ฉางตงสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณและพลังชีวิตจากป่าโดยรอบได้ มันเป็นพลังที่หนาแน่นกว่าที่ไหนๆ
  ป่าที่อยู่ทางขวาและแดนเถ้ากระดูกที่อยู่ด้านหลังถูกแม่น้ำสายหนึ่งตัดผ่าน ต้นต่อของแม่น้ำที่เห็นอยู่ภายในนครหลวงลั่วหลาน เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่มีจึงทำให้ที่นี่เหมือนมีเขตแดนจากพลังจากธรรมชาติ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังที่อัดแน่น
  ยู่ฉางตงมองไปที่บึงโคลน ตัวเขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจ “ยังไงซะท่านก็ต้องข้ามผ่านความเป็นความตายอยู่ดี ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วล่ะ”
  ยู่ฉางตงกางมือออกก่อนที่จะใช้พลังยกร่างของยู่เฉิงไห่ขึ้น
  ยู่ฉางตงโบกมือของตัวเอง
  พรึ๊บ!
  ตุ๊บ!
  ยู่เฉิงไห่บินไปยังใจกลางบึงโคลนก่อนที่จะปล่อยร่างของยู่เฉิงไห่
  จ๋อม!
  ร่างของยู่เฉิงไห่ที่ถูกผลักโดยพลังงานทำให้ยู่ฉางตงมั่นใจแล้วว่าร่างของผู้เป็นศิษย์พี่จะถูกฝังอยู่ในบึงโคลน ในตอนนี้ตัวเขาไม่คิดที่จะสนใจบึงโคลนอีกต่อไป ตัวเขาเหลือบมองจี้เหลียงก่อนที่จะพูดออกมา “จี้เหลียง…ข้าจะต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลา 49 วัน”
  ฮี้!
  จี้เหลียงวิ่งเหยาะๆ ดูเหมือนว่ามันไม่คิดที่จะจากยู่ฉางตงไปไหน
  ยู่ฉางตงยิ้มก่อนจะพูดออกมา “เจ้าต้องการจะอยู่ต่ออย่างงั้นสินะ?”
  ฮี้!
  จี้เหลียงวิ่งเหยาะๆ ล้อมรอบยู่ฉางตง
  “ย่อมได้” ยู่ฉางตงลูบหลังจี้เหลียงเบาๆ “เจ้ากับข้าต่างก็เข้ากันได้ดี ถ้าหากข้าได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ บางทีเมื่อกลับไปพวกเราอาจจะกลายเป็นคู่หูของกันและกันก็ได้”
  …
  ในขณะเดียวกันที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อสายลับทั้งหมดถูกจัดการไปทั่วทั้งเมืองก็เงียบสงบอีกครั้ง
  ฮั๊วจงหยางได้ส่งสาวกสำนักอเวจีปกป้องประตูเมืองทั้งสี่มุมเมืองไว้ และเพราะแบบนั้นทำให้ทุกคนที่คิดจะเข้าออกจะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
  หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ชาวเมืองก็กลับมาใช้ชีวิตภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต้องการได้
  ความสำเร็จอันน่าประทับใจของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้แพร่ไปทั่ว บางครั้งผู้คนก็ชื่นชมศาลาปีศาจลอยฟ้าจนเรียกพวกเขาว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้าแทน
  …
  ภายในตำหนักต้าเฉิง
  ฮั๊วจงหยางเพิ่งจะรายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
  ลู่โจวที่ฟังทุกอย่างลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้า “แล้วเจ้าจะตัดสินใจทำยังไงกับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่อ?”
  ลู่โจวไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการปกครองอาณาจักร และก็เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้กับคนอื่นได้สานต่อ
  ฮั๊วจงหยางเกาหัว “ผู้อาวุโสจี ข้าเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารเช่นกัน!”
  ในตอนนั้นเองโจวยู่ไค ประมุขแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เริ่มต้นพูดขึ้น “ผู้อาวุโสจี ข้ามีอะไรที่อยากจะเสนอ”
  “ว่ามา”
  “พวกเราต้องการเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อดูแลอาณาจักร…สิ่งที่พวกเราจะต้องทำนั่นก็คือการให้โอกาสและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เดิม จากที่ข้ารู้มาศิษย์คนที่ห้าแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจ้าวยู่เป็นลูกแท้ๆ ของเจ้าหญิงหยุนจ้าว เท่ากับว่านางเป็นเชื้อสายราชวงศ์ ถ้าหากนางยอมแสดงตัว เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องยอมกลับมาดูแลอาณาจักรตามปกติแน่ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายที่พวกเราจะเลือกจักรพรรดิคนใหม่”
  ทุกๆ คนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
  “แล้วเจ้าสามารถเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่ทั้งหลายได้อย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวถาม
  “อย่ากังวลไปเลยผู้อาวุโสจี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ ให้ข้าจัดการเอง”
  ภายใต้สถานการณ์ปกติ การที่จะเกลี้ยกล่อมทุกคนได้คงจะเป็นเรื่องยาก แต่ในตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างก็เริ่มเข้าข้างศาลาปีศาจลอยฟ้ามากขึ้น ดังนั้นการจะเกลี้ยกล่อมคนส่วนน้อยให้คล้อยตามคนส่วนมากได้จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
  ฮั๊วจงหยางพูดต่อ “ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้อย่างราบรื่นแน่ถ้าหากเจ้าหน้าที่ทั้งหลายยอมช่วยเหลือ ในไม่ช้ามณฑลทั้งเก้าจะต้องกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง”
  ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า “งั้นข้าจะฝากเรื่องของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไว้กับเจ้า อย่าได้กวนข้าถ้าหากไม่มีเหตุจำเป็น”
  ทุกคนรู้ดีว่าชายชราคนนี้สนใจการฝึกฝนมากกว่าสิ่งใด
  หลังจากที่ลู่โจวพูดจบ ตัวเขาก็ลุกขึ้นก่อนที่เตรียมพร้อมจะเดินจากไป…
  ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกตำหนัก “ท่านอาจารย์”
  ซู่ฮ่องกงเดินตรงมา ตัวเขาที่เดินตรงมาพร้อมกับเสียงปรบมือของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงตัวเขาก็ได้คารวะให้กับลู่โจว
  ทุกๆ คนต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นแบบนั้น
  แคล๊ง!
  ต้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นกระแทกหอกราชันย์ลงไปบนพื้น
  ซู่ฮ่องกงที่ได้ยินเสียงหอกตื่นตกใจ
  “ศิษย์น้องแปด เจ้าตั้งใจที่จะทำอะไรกัน?” ต้วนมู่เฉิงถามออกมา
  “หืม? ปะ…เปล่า…ข้าที่เดินมาได้เห็นพื้นอันสวยงามของพระราชวังหลวง ถ้าหากข้าไม่ได้ทักทายท่านอาจารย์ให้สมศักดิ์ศรีมากพอ ข้าก็คงจะต้องกินนอนไม่หลับแน่…”
  ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย
  ลู่โจวมองดูซู่ฮ่องกงก่อนจะถามออกมา “มีอะไรกัน?”
  “ท่านอาจารย์ มีจดหมายมาจากศิษย์พี่สี่”
  “ส่งมา”
  ซู่ฮ่องกงส่งจดหมายให้ด้วยความเคารพ
  ลู่โจวเปิดจดหมายก่อนที่จะอันมัน หลังจากที่อ่านเสร็จตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ยู่ฉางตงไปที่ลั่วหลานอย่างงั้นเหรอ?”
  เมื่อยี่เทียนซินได้ฟังแบบนั้น นางตื่นตกใจเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่รองได้ตัดดอกบัวทองคำออกก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนใหม่ ในตอนนี้พลังวรยุทธของเขาคงจะอยู่ไกลจุดสูงสุดที่เคยมี ข้าเกรงว่าถ้าหากศิษย์พี่เข้าไปยังส่วนลึกของลั่วหลาน ศิษย์พี่คงจะต้องตกอยู่ในอันตราย ท่านอาจารย์ได้โปรดให้ข้าติดตามไป”
  ซู่ฮ่องกงแสดงความเห็นต่อ “ศิษย์พี่รองประมาทจนเกินไป นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ข้ารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้จริงๆ ท่านอาจารย์…ข้าคิดว่าศิษย์พี่หกพูดถูกแล้ว อย่างน้อยที่สุดศิษย์พี่หกก็ยังมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ…”
  ต้วนมู่เฉิงรีบปฏิเสธ “แต่อาการของศิษย์น้องหกยังไม่สู้ดี”
  ซู่ฮ่องกงพูดต่อ “ท่านอาจารย์ ในเมื่อเรื่องของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็จบลงแล้ว ทำไมท่านไม่ไปที่นั่น? ”
  ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองลู่โจว
  ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับไปในทันที “ตั้งแต่ที่ยู่ฉางตงเริ่มเดินทาง เจ้านั่นก็ได้รับความช่วยเหลือจากจี้เหลียงแล้ว”
  “ท่านอาจารย์ แต่ศิษย์พี่รอง…”
  “ข้าเชื่อในตัวเขา”
  ทุกๆ คนได้แต่โค้งคำนับ ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นอีกต่อไป
  …
  ในบ่ายวันนั้น ณ ห้องโถงด้านข้างตำหนักต้าเฉิง
  ลู่โจวที่อยู่เพียงลำพังได้เปิดระบบขึ้นมา
  แต้มบุญ: 62,053
  อายุขัย: 35,584 วัน
  ลู่โจวมองดูแต้มบุญที่เหลือเกินกว่า 60,000 ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจกำจัดสายลับ ตัวเขาได้รับแต้มบุญมากถึง 50,000 แต้ม
  “ได้เวลาเสี่ยงโชคแล้วสินะ”
  “ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 ได้รับค่าความโชคดี”
  ลู่โจวได้จับฉลากนำโชคติดต่อกันถึงสิบครั้ง และทุกครั้งตัวเขาก็ได้เพียงรางวัลปลอบใจ
  ลู่โจวรู้สึกสับสนเล็กน้อย “นี่ล้อกันเล่นสินะ?”
  “จับฉลากนำโชค”
  “ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 และค่าความโชคดี 11 ได้รับการ์ดเสริมกำลัง x5 และหินส่องแสง x1”
  “การ์ดเสริมพลังจะทำให้ผู้ใช้ได้รับอายุขัยย้อนกลับไป 1,000 วัน”
  “หินส่องแสง มีโอกาสที่จะเพิ่มคุณภาพของอาวุธในระหว่างการขัดเกลาได้”

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

Score 10
Status: Completed
ลู่โจว ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและพบว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ในร่างกายของใครบางคนอยู่ เขาคนนี้กำลังอยู่ในร่างกายของปรมาจารย์ผู้ชั่วร้ายนามว่าจีเทียนเด๋า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบใหม่นั่นเอง! แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น ร่างกายของจีเทียนเด๋าผู้นี้นั้นแก่ชราเกินไป พลังวรยุทธ์ทั้งหมดที่เคยมีเองยังสูญหายไปอีกด้วย นี่ฉันจะต้องกลายเป็นคนแก่ไร้ค่าไปแล้วอย่างงั้นหรอ? นอกจากตัวเขาแล้วยังมีลูกศิษย์ที่โหดเหี้ยมและเป็นจอมมหาวายร้ายอีก 9 คน ลูกศิษย์ทั้ง 9 ต่างก็จ้องที่จะโค่นอาจารย์คนนี้อยู่ตลอดเวลา

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options

not work with dark mode
Reset