My Disciples Are All Villains 437

ตอนที่ 437

การปรากฏตัวของเล้งลั่วได้หยุดผู้อาวุโสทั้ง 10 แห่งสำนักหยุนเอาไว้ได้

ย้อนกลับไปในตอนที่ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ายังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็เห็นถึงการมีอยู่ของเล้งลั่วมาก่อนชายคนนี้ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนจุดสูงสุดของบัญชีดำในเมื่อ 300 ปีก่อน นอกจากนี้เล้งลั่วยังเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่หาตัวได้ยากอีกด้วย

ฟางเหวินเซียนคารวะให้ก่อนที่จะพูดออกมา “นี่ถือว่าเป็นเรื่องของพวกเราสำนักหยุน ข้าอยากจะขอร้องอ้อนวอนให้ผู้อาวุโสปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป”

“ไร้สาระ!” เล้งลั่วปฏิเสธ “ฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้อาวุโสแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า มันไปเกี่ยวอะไรกับสำนักหยุนของพวกเจ้ากัน? ถ้าหากไม่อยากหยุดหายใจลงที่นี่ พวกเจ้าก็ถอยไปซะเถอะ” หลังจากที่พูดจบเล้งลั่วก็ได้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าฮั๊ววู่เด๋าอย่างรวดเร็ว

ด้วยเคล็ดวิชาเต๋าพรางตัว ผู้อาวุโสทั้ง 10 ที่เห็นแบบนั้นจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวต่อ ผู้อาวุโสทั้งหมดทำได้เพียงหันไปสบตากันเพียงเท่านั้น

ฟานเหวินเซียนที่ได้ฟังแบบนั้นพูดออกมาเบาๆ “ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีในจุดตันเถียนของตัวเองก็เพื่อที่จะสู้กับสิบสุดยอดคนทรงมา ในตอนนี้พลังวรยุทธของท่านก็คงจะยังไม่ได้รับการฟื้นฟูกลับมา ครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นถึงผู้นำของเหล่าอัศวินดำ ฝานซุยเหวิน ท่านลองมองตัวเองดูให้ดี ในตอนนี้ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีดีอะไรถึงต้องให้ท่านคอยรับใช้ด้วย?”

‘หืม?’ ฟางเหวินเซียนรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมีน้อยคนนักที่จะได้รับรู้

“ตายซะ!” เล้งลั่วไม่ยอมให้ใครพูดดูถูกตัวเขาได้

เล้งลั่วได้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า ตัวเขาได้อยู่เหนือผู้อาวุโสทั้ง 10 คนภายในพริบตาเดียว เล้งลั่วไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ตัวเขาได้เรียกใช้พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบในทันที!

หวืออ!

พลังอวตารเริ่มขยายใหญ่มากขึ้น มากขึ้น!

ผู้อาวุโสทั้ง 10 กระเด็นหายไปในอากาศ ที่ปากของทุกคนล้วนแต่กระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวด

เล้งลั่วลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะที่เอามือไขว้หลัง ตัวเขาในตอนนี้กำลังกวาดสายตาอันเย็นชาจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสทั้ง 10

ฟางเหวินเซียนและจางเฟยฟานได้แต่ยืนมอง พวกเขาทั้งคู่ต่างก็จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ

ในขณะเดียวกัน ที่ป่าอันไหม้เกรียมที่อยู่ห่างไกล มีอะไรบางอย่างกำลังผุดขึ้นมาจากท่ามกลางเถ้าถ่าน

ที่ตรงนั้นมีผู้ฝึกยุทธมากมายหลายคนกำลังยืนรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นอะไรบางอย่าง ผู้ฝึกยุทธทุกคนก็ได้แต่ตื่นตกใจ

“พวกเราประเมินพลังศาลาปีศาจลอยฟ้าต่ำจนเกินไป พลังนั่นคือพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ในเมื่อฝานลี่เทียนถูกจัดการแล้ว นั่นจะต้องเป็นพลังของเล้งลั่วแน่” ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายอยู่ไกลเกินไปจนกว่าจะมองเห็นเจ้าของร่างอวตารได้

“ไปดูกันเถอะ!”

พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!

เหล่าผู้ฝึกยุทธยังคงซ่อนตัวในขณะที่เฝ้าดูการต่อสู้ที่เชิงเขาจากในระยะไกล

การโจมตีของเล้งลั่วเข้าเป้าไปเต็มๆ ตัวเขาเอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าพวกอ่อนหัด”

ผู้อาวุโสทั้ง 10 ที่เคยมาพร้อมกับความมั่นใจได้แต่จ้องมองเล้งลั่วด้วยความหวาดกลัว

ฟางเหวินเซียนได้พูดออกมาอีกครั้ง “เล้งลั่ว…มีท่านคนเดียวที่คอยปกป้องศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่สินะ? 300 ปีก่อนท่านได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเกินกว่าจินตนาการเพื่อฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่ง ทำไมท่านในตอนนี้ถึงต้องพยายามทำหน้าที่เทพผู้พิทักษ์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วยล่ะ? ทำไมท่านไม่ลองคิดดูให้ดี? เมื่อศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกทำลาย ท่านที่ให้ความร่วมมือก็จะถูกคนทั้งยุทธภพยกย่องให้กลายเป็นผู้ให้ความร่วมมือที่แสนจะยิ่งใหญ่ ท่านน่ะยังมีโอกาสที่จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งนะเล้งลั่ว”

คราวนี้เล้งลั่วไม่ได้ตอบกลับ ตัวเขาเลือกที่จะหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่

ฟางเหวินเซียนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ผู้อาวุโสทั้ง 10 เองก็อยู่ไม่สุขเช่นกัน เล้งลั่วไม่ได้บาดเจ็บสาหัสหรอกหรอ?

ตู๊ม!

อวตารเล้งลั่วปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันปรากฏตัวที่ด้านข้างของฟางเหวินเซียน

เล้งลั่วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือของตัวเอง

ฟางเหวินเซียนขมวดคิ้ว ตัวเขาได้ป้องกันการโจมตีด้วยแขนทั้งสองข้างที่ตัวเองมี

พรึ๊บ!

คนอื่นๆ ถูกจู่โจมจนกระเด็นกลับไปเช่นกัน

“ชั้นแห่งความมืด!” เล้งลั่วขยับฝ่ามือไปมา พลังลมปราณที่ตัวของเขาเพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะหายไปจากสายตาทุกคนอีกครั้ง

ไม่นานนักท้องฟ้าทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด

ในตอนนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้าหาฟางเหวินเซียนที่กำลังสั่นกลัว

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

พลังฝ่ามือสีทองที่ถูกอัดแน่นตกลงมาจากท้องฟ้า พลังที่ว่าได้ตกลงบนร่างกายของฟางเหวินเซียน

“ผู้อาวุโส!”

ทุกๆ คนต่างก็จ้องมองด้วยความหวาดกลัว

เล้งลั่วแข็งแกร่งเกินไป! ยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบน่ากลัวเกินกว่าที่จะต่อกรด้วย

ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนท่วมท้น

สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

ฟางเหวินเซียนตกลงสู่พื้น ในช่วงเวลาสั้นๆ เล้งลั่วก็ได้ใช้พลังฝ่ามือของตัวเองโจมตีตัวเขา ฟางเหวินเซียนไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้อะไรได้เลย

ตู๊ม!

ฟางเหวินเซียนตกลงสู่พื้น

เล้งลั่วในตอนนี้กำลังลอยอยู่บนอากาศ ตัวเขากำลังเอามือไขว้หลังก่อนที่จะจ้องมองไปที่เหล่าผู้อาวุโส “มีดีแค่นี้เองอย่างงั้นสินะ?”

ในตอนนี้ที่เชิงเขากลับมาเงียบงันอีกครั้ง

ผู้อาวุโสทั้ง 10 ไม่คิดมาก่อนว่าเล้งลั่วจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ แม้แต่ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ยังตกตะลึงในความแข็งแกร่งที่เล้งลั่วมี

สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าคิดมาเสมอว่าเล้งลั่วเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญวิชาที่ใช้ในการหลบหนี ถ้าหากจะเทียบพลังต่อสู้ เล้งลั่วก็คงจะเป็นรองฝานลี่เทียนแน่ พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเล้งลั่วจะมีฝีมือที่มากขนาดนี้

ฝางเหวินเซียนไอออกมา ตัวเขาได้ลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบากก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตัวเขามองขึ้นฟ้าก่อนที่จะหัวเราะออกมา “อืม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านได้รับบาดเจ็บมาจริงๆ” ถ้าหากเล้งลั่วไม่ได้รับบาดเจ็บ ฟางเหวินเซียนก็คงจะตายเมื่อถูกการโจมตีในครั้งนี้

“ผู้อาวุโส!” ผู้อาวุโสทั้ง 10 พุ่งเข้าหาฟางเหวินเซียนก่อนที่จะยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เล้งลั่วที่กำลังลอยอยู่บนกลางอากาศ ผู้อาวุโสทั้งหมดได้พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “รวมพลัง!”

ผู้อาวุโสทั้งสิบได้ยืนล้อมรอบฝางเหวินเซียนในรูปของสามเหลี่ยม ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านหน้าได้ยื่นมือออกไป ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ได้เอามือวางไปบนหลังของผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านหน้า พลังลมปราณเริ่มไหลไปตามแขนของเหล่าผู้อาวุโส พลังทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปให้กับผู้อาวุโสที่ยืนอยู่หน้าสุด

พลังฝ่ามืออันใหญ่ยักษ์ได้ลอยไปหาเล้งลั่ว

เล้งลั่วที่เห็นแบบนั้นพุ่งไปบนอากาศก่อนที่จะถอยหลังกลับไป

“รวมพลังอีกครั้ง!”

พลังฝ่ามือได้ไล่ตามเล้งลั่วอย่างไม่ลดละ คราวนี้ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตู๊ม!

ทันใดนั้นเองพลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋าก็ได้ระเบิดพลังออกมา แสงสีทองได้แผ่ขยายปกคลุมเล้งลั่วเอาไว้ พลังแสงสีทองได้เข้าปะทะกับพลังฝ่ามืออันใหญ่ พลังฝ่ามือที่เข้าปะทะพลังป้องกันของฮั๊ววู่เด๋าได้กระจัดกระจายกลายเป็นแสงก่อนที่จะหายจางไป

“ท่านอาจารย์ ฟังข้าเถอะ ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ ตอนนี้ยังทัน!” จางเฟยฟานได้ร้องเรียกฮั๊ววู่เด๋ามาจากทางด้านหลัง

ฮั๊ววู่เด๋าจะไม่หงุดหงิดเลยถ้ามีคนอื่นพูดเรื่องนี้ แต่ถึงแบบนั้นจางเฟยฟานเคยเป็นลูกศิษย์ของตัวเขามาก่อน ฮั๊ววู่เด๋าได้เสียสละเวลาและพลังไปอย่างมากในการสั่งสอนลูกศิษย์คนนี้ ถึงแบบนั้นลูกศิษย์คนนี้กลับเยาะเย้ยให้กับตัวเขาที่นี่ มันจะไม่ทำให้ฮั๊ววู่เด๋ารู้สึกโกรธได้ยังไง? ฮั๊ววู่เด๋าก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กับพลังผนึกตราประทับทั้งหก ตัวเขาตัดสินใจที่จะผลักพลังผนึกตราประทับทั้งหกไปที่ด้านหน้า!

ผู้อาวุโสทั้ง 10 ต่างก็เดินหน้าเช่นกัน

ตู๊ม!

ตู๊ม!

ตู๊ม!

พลังฝ่ามืออันใหม่ได้เข้าปะทะกับพลังผนึกตราประทับทั้งหก ไม่ว่าจะปะทะกันกี่ครั้งพลังการป้องกันของฮั๊ววู่เด๋าก็ยังไม่ถูกทำลายลง

“เจ็ดกลีบอย่างงั้นเหรอ? ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบแล้วสินะ?” ฟางเหวยเซียนลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก สีหน้าของตัวเขาที่ได้เห็นพลังของฮั๊ววู่เด๋าแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

ปมในใจที่ฮั๊ววู่เด๋ามีเป็นสิ่งที่ทุกคนในสำนักหยุนต่างก็รู้จักกันดี ฮั๊ววู่เด๋าไม่มีท่าทีอะไรที่จะฝึกฝนตัวเองจนก้าวหน้าในเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมาได้ ฟางเหวินเซียนไม่คิดมาก่อนว่าฮั๊ววู่เด๋าจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาหลังจากที่เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว

มีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบและผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ส่วนผู้อาวุโสทั้ง 10 คนต่างก็มีพลังวรยุทธที่แตกต่างกัน ผู้อาวุโสผู้ที่มีพลังสูงสุดเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบเพียงเท่านั้น แล้วผู้อาวุโสทั้งหมดจะต่อกรกับยอดฝีมือทั้ง 2 คนได้ยังไงกัน?

“สร้างค่ายกล!” ฟางเหวินเซียนสั่งการออกมา

“ครับ!” ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างก็หยุดใช้พลังฝ่ามือก่อนที่จะเปลี่ยนตำแหน่งการยืนใหม่

ในตอนนั้นร่างของเล้งลั่วก็ได้หายไปจากสายตาของทุกคนอีกครั้ง

“ช้าไป!”

เล้งลั่วปรากฏตัวท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโสก่อนที่จะใช้งานพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ!

เมื่อพลังวรยุทธอยู่ในขั้นที่ต่างกัน พลังความแข็งแกร่งที่ร่างอวตารมีก็จะยิ่งแตกต่างกันมากขึ้น ต่อหน้าคู่ต่อสู้ ทั้งความสูงของพลังอวตาร, ความแข็งแกร่ง, ความกว้าง และพลังในการแผ่ขยาย พลังทุกอย่างสามารถทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าบดขยี้ผู้ที่มีพลังอวตารที่อ่อนแอกว่าได้ ผู้อ่อนแอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหลีกการต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือ

แต่การจะหลบหลีกเล้งลั่วได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เล้งลั่วเป็นผู้ที่ใช้วิชาที่เลื่องชื่อในด้านของความเร็ว ตัวเขาไม่มีวันที่จะให้โอกาสผู้อาวุโสทั้งหมดหลบหนีไปได้แน่

ตู๊ม!

ผู้อาวุโสหันกลับไปที่ด้านหลัง

ฮั๊ววู่เด๋าได้ลอยไปสู่ท้องฟ้า ตัวเขาที่ได้ลอยขึ้นไปได้ปล่อยพลังด้วยฝ่ามือ

ตู๊ม!

หนึ่งในผู้อาวุโสที่ชนเข้ากับพลังผนึกตราประทับทั้งหกได้กระอักเลือดออกมาเฮือกใหญ่

“ฮั๊ววู่เด๋าเรียนรู้การใช้วิชาโจมตีแล้วเหรอ?!” ต้วนมู่เฉิงอุทานออกมาพร้อมกับหอกราชันย์ในมือ

เมื่อซู่ฮ่องกงเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ได้หัวเราะออกมา “ศาลาปีศาจลอยฟ้าไร้เทียมทาน! ผู้อาวุโสเองก็ย่อมไร้เทียมทานไปด้วย!”

“…” จ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นมองไปที่ซู่ฮ่องกงอย่างรังเกียจ

ในขณะเดียวกันเล้งลั่วก็ได้ระเบิดพลังของตัวเองอีกครั้ง ตัวเขาได้พุ่งใส่ฟางเหวินเซียนอย่างรวดเร็ว

ฮั๊ววู่เด๋าเองได้หยุดการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสทั้ง 10 ด้วยพลังผนึกตราประทับทั้งหก มีคนว่าเอาไว้ว่าวิชาผนึกตราประทับทั้งหกสามารถใช้ป้องกันได้เพียงอย่างเดียว เมื่อพลังผนึกตราประทับทั้งหกเริ่มเคลื่อนไหว มันก็เป็นเหมือนกับตาข่ายยักษ์ที่จะผนึกการเคลื่อนไหวของศัตรูเอาไว้ได้

ในตอนนั้นเองผู้อาวุโสทั้งหมดก็รู้ตัวแล้วว่าผู้ที่แข็งแกร่งไม่ใช่เล้งลั่ว แต่เป็นฮั๊ววู่เด๋า

ฮั๊ววู่เด๋าได้ย่อขนาดพลังผนึกตราประทับทั้งหก และเพราะแบบนั้นทำให้ผู้อาวุโสทั้งสิบจะต้องอยู่ใกล้กันมากขึ้น

“จงออกมา!” ผู้อาวุโสทั้งสิบตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

พลังอวตารทั้ง 10 ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่อันจำกัด พลังแสงสีทองของอวตารได้ซ้อนทับกัน

ตู๊ม!

“ตายซะฮั๊ววู่เด๋า!” ผู้อาวุโสทั้งสิบตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน เมื่อเหล่ายอดฝีมือโจมตีประสานโดยพร้อมเพรียงกัน พลังผนึกตราประทับทั้งหกที่เดิมทีไม่ใช่พลังที่มีการป้องกันจากภายในที่สูงส่งอะไร พลังผนึกตราประทับทั้งหกจะต้านทานพลังจากภายในได้ไหม?

ควันที่เกิดจากการระเบิดได้ลอยไปทั่ว ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วใครจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

ผู้ฝึกยุทธจำนวนมากที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ในป่าต่างก็จ้องมองการต่อสู้ด้วยความรู้สึกประหม่า

“แบบนี้แย่แน่! ผู้อาวุโสฮั๊วกำลังแย่!”

พรึ๊บ!

พรึ๊บ!

ลูกศรพลังงานได้พุ่งออกมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้า

ฮั๊วยู่จิงง้างคันธนูจันทราด้วยความโกรธ นางได้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเรียนรู้มาไปกับการโจมตี ฮั๊วยู่จิงได้สร้างลูกศรพลังงานจนสุดความสามารถก่อนที่จะปล่อยมันออกไป

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

ลูกศรพลังงานจู่โจมผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ใกล้มากที่สุด

“เยี่ยม!” ฮั๊ววู่เด๋าถอยกลับมา ตัวเขาได้ถอนพลังผนึกตราประทับทั้งหกออกมาก่อนที่จะปลดปล่อยพลังออกมาอีกครั้ง

การโจมตีเพียงครั้งเดียวมันก็มากพอแล้ว ความพยายามที่จะผสานพลังกันของผู้อาวุโสถูกทำลายไปในที่สุด

ตู๊ม!

ทุกๆ คนต่างก็ถูกผลักออกไปโดยพลังผนึกตราประทับของฮั๊ววู่เด๋า

“เจ้าทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ !”

“ท่านเองก็ทำได้ดีเช่นกัน ผู้อาวุโส!”

นี่คือความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า!

ผู้อาวุโสทั้ง 10 ล้มลงกับพื้น

ในขณะเดียวกันพลังฝ่ามือของเล้งลั่วก็ได้จู่โจมโดนตัวของฟางเหวินเซียน

ฟางเหวินเซียนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวโดยไร้ซึ่งความช่วยเหลือใดๆ ตัวเขาถูกการโจมตีของเล้งลั่วเข้าไปเต็มๆ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ปวดบวมและช้ำไปทั่วทั้งหน้า

ผั๊วะ! ผั๊วะ! ผั๊วะ!

ฟางเหวยเซียนถูกการโจมตีต่อเนื่องของเล้งลั่วเข้าให้ ร่างกายของเล้งลั่วเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว ตัวเขามีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือฟางเหวินเซียน

แม้ว่าฟางเหวินเซียนจะพยายามใช้พลังปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ แต่เมื่อได้พบกับการโจมตีของเล้งลั่ว ฟางเหวินเซียนได้แต่สิ้นหวัง การป้องกันอย่างเต็มรูปแบบของเขาเป็นการป้องกันที่เปล่าประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบ

ตู๊ม!

ฟางเหวินเซียนล้มลงไปกับพื้น

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

Score 10
Status: Completed
ลู่โจว ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและพบว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ในร่างกายของใครบางคนอยู่ เขาคนนี้กำลังอยู่ในร่างกายของปรมาจารย์ผู้ชั่วร้ายนามว่าจีเทียนเด๋า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบใหม่นั่นเอง! แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น ร่างกายของจีเทียนเด๋าผู้นี้นั้นแก่ชราเกินไป พลังวรยุทธ์ทั้งหมดที่เคยมีเองยังสูญหายไปอีกด้วย นี่ฉันจะต้องกลายเป็นคนแก่ไร้ค่าไปแล้วอย่างงั้นหรอ? นอกจากตัวเขาแล้วยังมีลูกศิษย์ที่โหดเหี้ยมและเป็นจอมมหาวายร้ายอีก 9 คน ลูกศิษย์ทั้ง 9 ต่างก็จ้องที่จะโค่นอาจารย์คนนี้อยู่ตลอดเวลา

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options

not work with dark mode
Reset