Midterm Fantasy 260

ตอนที่ 260
เผลอข้ามมิติโดยไม่ทันตั้งตัว

วิทวัสจ้องหน้ารอนอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง

“เธอหมายความว่ายังไง” วิทวัสถาม “ศิลานักปราชญ์ที่เธอใช้อยู่ไม่ค่อยพูดเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ค่อยพูดครับ คือผมไม่เคยคุยกับศิลานักปราชญ์ของผมเลย”

“เดี๋ยวนะ นี่เธอจะบอกว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยคุยกับศิลานักปราชญ์เลยอย่างงั้นเรอะ”วิทวัสร้องขึ้น “แล้วเธอใช้ฟังก์ชั่นต่างๆได้ยังไงกัน”

วิทวัสเอื้อมมือไปจับหัวของรอนไว้แล้วพูดออกไป

“หรือว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับศิลานักปราชญ์ของรอน”

“{ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก}”

เสียงดังขึ้นจากในหัวของเด็กหนุ่มจนรอนตกใจ

“ใครกัน!”

“{ข้าก็คือSystemศิลานักปราชญ์ในตัวเจ้าไง}”

“อ้าว ก็ปกติดีนี่ แล้วทำไมถึงบอกว่าไม่เคยพูดล่ะ”

“นั่นสิครับ อยู่ในตัวผมมาตั้งนานเจอเรื่องคับขันตั้งหลายอย่างไม่เห็นเคยพูดอะไรออกมาเลย”

“{ก็เจ้าไม่เคยถามนี่}” ศิลานักปราชญ์ตอบ

เออจริง ไม่เคยถาม รอนเอามือแปะหน้าผากอย่างเซ็งกริบ

“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุยกับคุณได้ล่ะครับ”

“{ทำไมจะไม่ได้ ก็เคยบอกใบ้ตั้งหลายครั้ง ทั้งตอนที่เจ้าถูกผู้หญิงแอบชอบแต่ไม่รู้ตัว ทั้งตอนที่เจ้าเจอเฝ้ามอง ทั้งตอนที่เจ้าเจอจิตสังหาร ก็ข้าบอกเจ้าทั้งนั้นไม่ใช่เรอะ}”

“อ้าว นั่นคือบอกแล้วเหรอ ผมนึกว่าเป็นระบบซะอีก”

“{ก็นั่นแหละ ข้าก็คือระบบนั่นแหละ}” มันตัดบท

“งั้นดีเลย ผมขอถามเรื่องที่อยากรู้เลยแล้วกัน” รอนถามขึ้น “ตอนนี้ผมอยากจะเปิดแผนที่รบกับใช้Bonus Statที่เหลืออยู่ จะมีวิธีไหนที่ไม่ต้องใช้มานาไหมครับ”

“{ไม่มี}”

“งั้นผมจะทำไงล่ะครับ”

“{ก็ทำอย่างที่เคยทำนั่นแหละ}”

“ทำยังไงเรอะ” วิทวัสที่ยังจับหัวรอนอยู่ได้ยินการโต้ตอบกัน เลยถามอย่างสนใจ มีวิธีที่ทำให้คนที่ปราศจากมานาสามารถใช้พลังเวทได้ด้วยรึ

“{…}” ศิลานักปราชญ์

“…”รอน

วิทวัสไม่เก้ท ก็เลยเอามือออกจากศีรษะของเด็กหนุ่ม ทั้งรอนและศิลานักปราชญ์ในร่างต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก

“{เกือบไปแล้วแกร์}”ศิลานักปราชญ์บอก

“เกือบได้ตายหมู่แล้ว” รอนพูดในใจ

“อ้อ จริงสิ” รอนนึกได้ “แล้วมีวิธีไหนที่ทำให้เราสามารถข้ามมิติได้ทั้งๆที่ไม่ใช่ตอนเที่ยงวันหรือเที่ยงคืนไหม หรือข้ามมิติวันละหลายๆครั้ง”

“มีแต่ไม่คุ้ม” วิทวัสและศิลานักปราชญ์ในร่างรอนตอบพร้อมๆกัน ก่อนที่วิทวัสจะโบกมือ

“เอาล่ะ ในเมื่อคุยกันได้แล้วก็คุยกันเองแล้วกัน พ่อไปตรวจความเรียบร้อยที่ด้านโน้นก่อน” พ่อของแพทบอกก่อนจะเดินไปทางอื่น

รอนคุยต่อไป

“ไม่คุ้มยังไงเหรอ”

“ตัวศิลานักปราชญ์ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานจากจักรวาลในการข้ามมิติ ก็เลยมีข้อจำกัดเรื่องห้วงเวลา ที่ดีเลย์ได้ไม่เกิน1นาที” มันตอบ “ถ้าหากจะเลื่อนเวลาให้นานกว่านั้น ก็ต้องอาศัยพลังเวลาชีวิตจากสิ่งมีชีวิตเข้าไป อย่างเช่นถ้าตอนเที่ยงคืนนายข้ามมิติมาไม่ทัน แต่ตอนเที่ยงคืน 10 นาทีนายเปลี่ยนใจอยากจะข้ามขึ้นมา นายก็ต้องใช้เวลาในชีวิตมาแลกไปปีนึง”

“หนึ่งปี!” รอนอุทาน “แล้วแลกยังไงล่ะ”

“ก็แค่เปิดฟังก์ชั่นข้ามมิติซึ่งมันจะข้ามไม่ได้ แต่พอยืนกรานจะข้ามก็จะมีคำเตือนขึ้นมาว่าต้องแลกด้วยเวลาในชีวิตปีนึง” มันบอก “ถ้าตอบตกลงไป นายก็จะหมดสติไปปีนึงแต่ร่างข้ามไปอีกฝั่งได้ ซึ่งถ้าอีกฝั่งนั่นไม่มีใครรอคอยดูแลอยู่ ก็เท่ากับไปรอความตายเฉยๆน่ะ … แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ที่ผ่านมาเพื่อป้องกันเรื่องนี้ Default ที่ตั้งไว้เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้ออกไป หรือถ้ามีใครบ้าบิ่นพอที่จะเลือก เราก็จะต้องเตือนก่อนเสมอ”

“แล้วใช้อย่างอื่นแทนไม่ได้เหรอ” รอนถามต่อ “อย่างเช่นจับใครสักคนมาดูดเวลาชีวิตไปไรงี้”

“ไม่ได้หรอก การจะดูดเวลาชีวิตแบบนี้มันต้องอาศัยความยินยอมพร้อมใจของผู้ถูกดูดเพื่อให้ตอนข้ามมิติเวลาไม่ติดขัด” ศิลานักปราชญ์ตอบ “ยกเว้นนายหาคนที่ยินยอมอย่างหมดใจได้จริงๆแบบนั้นถึงจะทำได้”

รอนพยักหน้าหงึกๆ

“เพราะอย่างนี้นี่แหละ เลยทำให้เวลาเคลื่อนย้ายมิติต้องมีกฎ 30 วันเข้ามา เพราะของที่อยู่ในตำแหน่งใกล้ชิดกันนานๆ เวลาข้ามมิติจะกำหนดตำแหน่งได้ง่ายกว่า แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นนายไม่ต้องเข้าใจหรอก”

“เครๆ”

รอนพยักหน้าอีก

“เอาล่ะ ไหนๆก็แล้ว เราจะสอนการใช้ฟังก์ชั่นการใช้งานระบบให้นายแบบเป็นการเป็นงานละกัน ไม่งั้นไปออกรบแล้วจะตายเอาซะก่อน” ศิลานักปราชญ์บอก “แต่ก่อนอื่นเอาโทรศัพท์มือถือของนายออกมา แล้วเอามาแนบที่หูซะ”

รอนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแบบงงๆ โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องใหม่ที่เอามาใช้แทนเจ้าเปิ้ลที่หน้าจอพัง เขาเพิ่มติดชิพโกเลมเข้าไปหมาดๆ

รอนแนบโทรศัพท์ไปกับหู แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น

“กรี๊ดดดดดดดด… (ซ่าาาาา)”

“เฮ้ย อะไรกัน”  รอนดึงโทรศัพท์ออกทันทีด้วยความงงงัน

“เจ้าโกเลมโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของนาย มันมีแนวคิดชั่วร้ายต้องการครองโลกซ่อนอยู่” ศิลานักปราชญ์บอก “เราก็แค่ล้างความคิดนั้นไปก็เท่านั้นเอง”

“เห นายทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ” รอนอุทาน … ไม่นึกว่าของในโลกเวทมนตร์แบบนี้จะรู้เรื่องเครื่องมืออิเลคโทรนิคด้วย

“ทำได้สิ ก็เราเป็น A.I. แบบนึงเหมือนกัน”

“เห?”

*******

พอถึงเที่ยงวันรอนกลับมาที่มิติของโลกในเวลาเที่ยงคืน เด็กหนุ่มไปเตรียมเก็บของเพื่อเดินทางไปฮ่องกง

หลิวลี่จงติดต่อผ่านข้อความว่า ตอนนี้รวบรวมปืนและอาวุธสงครามเท่าที่จะทำได้แล้ว เหลือเพียงแต่เอาไปใส่ที่ตู้คอนเทนเนอร์

จะติดขัดก็เพียงแต่ว่าการรวบรวมอาวุธสงครามครั้งนี้ถูกจับตามองจากตำรวจมากเป็นพิเศษ

รอนเขียนบอกให้หลิวลี่จงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังและกำหนดนัดหมายตอน 5 ทุ่ม

รอนนอนหลับพักผ่อนจนถึงเช้าแล้วตื่นขึ้นมาเตรียมกระเป๋า

เด็กหนุ่มบอกลาพ่อแม่เตรียมเดินทางไปฮ่องกงโดยมีคุณแม่ของแพทมารอรับด้วย

พ่อแม่ของรอนไม่ได้สงสัยอะไรมากนักที่แม่ของแพทไปด้วย แต่ว่า …

“แล้วสามสาวต้องไปด้วยเหรอ” พ่อถามอย่างสงสัย รอนบอกว่าจะไปตามง้อแพทที่หนีไปฮ่องกง ถ้าเอาเจนัสไปด้วยไม่ยิ่งงอนกันไปใหญ่เหรอ

“แพทกับเจนัสเค้าสนิทกันค่ะ ถ้าไม่ยอมคุยกับแม่และรอน ก็จะได้ใช้สามคนนี้ช่วยคุย” อารยาบอก

ในเมื่อแม่ของแพทเป็นคนออกปากเอง พ่อแม่ของรอนก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ทั้ง5คนขึ้นรถและมุ่งหน้าออกไปสนามบิน

“เครื่องจะออกตอนบ่าย3โมง ไม่น่ามีปัญหาอะไร” อารยาบอก “แล้วเดี๋ยวพอใกล้เที่ยงพวกเราก็หยุดรถสักพัก ให้รอนข้ามไปโลกโน้นแล้วกลับมาให้เรียบร้อยก่อนค่อยเดินทางต่อ”

“ข้ามไปโลกโน้น … หมายความว่ายังไงคะคุณน้า” เจนถาม

“ใช่ค่ะ โลกไหนกันคะคุณน้า” แจนถามอีกคน

“อ้าว เจนัส เธอยังไม่ได้บอกสองคนนี้เหรอ” อารยาถามเจนัสที่กำลังขับรถอยู่

“ยังค่ะ …คุณแม่คะ ข้างหลังมีรถตามเรามาค่ะ” เจนัสบอก

ทุกคนในรถชะงักแล้วเหลือบมองกระจก มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งตามหลังมา

“ไม่มีแถบพลังชีวิต ไม่ใช่ศัตรูครับ” รอนบอก

“ไม่แน่นะรอน” อารยาบอก “ถ้าอีกฝ่ายเก็บงำจิตสังหารได้ดีมาก ศิลานักปราชญ์ก็จะจับไม่ได้”

“แต่ว่าผมว่า…” รอนบอกขณะที่จ้องไปที่คนที่ดูคุ้นๆบนรถมอเตอร์ไซค์นั้น

“{นายอย่าเถียงอารย่าน่า เค้ารู้ดีกว่านาย}” ศิลานักปราชญ์ร้องขึ้นในหัวของรอน

“แต่…” รอนพยายามจะบอกต่อแต่ก็เปลี่ยนใจ

“เดี๋ยวเราจะต้องยูเทิร์นข้างหน้าค่ะ ถ้าฝั่งนั้นยังตามมาอีกก็น่าจะใช่แล้วค่ะ” เจนัสเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เธอฉีกออกเลนขวาด้วยความเร็ว 100 เร็วกว่าความเร็วกำหนดในเมืองที่ตั้งไว้ที่ 60กมต่อชม. แต่มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ยังขับออกเลนขวาตามมา

เจนัสเตรียมเลี้ยวยูเทิร์น เธอชะลอความเร็วและต่อท้ายรถที่รอเลี้ยวกลับรถในเลนขวาสุด … จักรยานยนต์ชะลอ จากนั้นคนขับก็เคลื่อนรถมาใกล้ แล้วชนเข้าที่กันชนท้ายด้านซ้ายเบาๆ

“ฝั่งนั้นจงใจชนเราค่ะ” เจนัสบอก “เจน แจน เตรียมปืน”

“ค่ะพี่” เจนและแจนหยิบอาวุธออกมาซ่อนไว้

ชายหนุ่มบนมอเตอร์ไซค์ลงมายืนที่ถนน คนหนึ่งเข้ามาขวางหน้ารถ อีกคนยืนที่ข้างรถตะโกนโวยวาย

“ลงมาเดี๋ยวนี้ คิดว่าเป็นรถใหญ่แล้วจะขับเชี่ยๆแบบนี้ได้เหรอ”

“ใช่ จ่ายค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้ ขับรถภาษาห่าอะไร”

“ทุกคนเตรียมพร้อม เดี๋ยวชั้นลงไปเอง”อารยาเปิดประตูลงไปขณะที่สามสาวเครียดเขม็ง เตรียมปืนพกไว้รับมือ

“เอ่อ…” รอนพยายามพูด

“{เงียบไปก่อน ให้คนมีประสบการณ์เค้าจัดการ}” ศิลานักปราชญ์บอกให้รอนเงียบ …เด็กหนุ่มเลยนั่งดูเฉยๆ

ชายหนุ่มทั้งสองผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง

“เฮ้ย ขับรถแบบนี้ซื้อใบขับขี่มาเหรอไง” ไอ้วุธตะโกนใส่

“ยังไงคะ คุณขับรถมาชนท้ายพวกเราที่จอดอยู่นะคะ” อารยาตอบไปตามจริง

“แหกตาดูซะอีห่า มึงอยู่เลนอะไร” ไอ้วุธชี้

“เลนกลับรถ” อารยาตอบ

“เลนขวาสุดเว้ยอีควาย” ไอ้แมนตะโกนใส่

“แล้ว?” อารยางง ไม่รู้อีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“กูบอกแล้วไงว่ามึงน่ะซื้อใบขับขี่มารึไง มึงไม่รู้เหรอว่าเลนขวาสุดเค้ามีไว้แซง ใครขับช้าก็ต้องไปอยู่เลนซ้าย นี่เพราะมึงขับโง่ๆแบบนี้เลยเกิดอุบัติเหตุยังไง” ไอ้วุธตะโกนด่าใส่

“ใช่ ๆ เลนขวาสุดไว้ทำความเร็ว ถ้าขับช้าจะทำให้คันหลังที่เร็วกว่ามาชนได้ ขับกันยังไงเนี่ย”

“รถใหญ่ขับแบบนี้นี่ไม่ไหวเลยนะ”

เสียงของคนที่จอดดูเหตุการณ์ร้องสนับสนุน … อารยามองไปด้านหน้ารถตนเอง ตอนนี้คันอื่นๆขับยูเทิร์นไปหมดแล้ว คนที่มามุงดูเหตุการณ์ทีหลังยิ่งเข้าใจไปกันคนละเรื่องมองว่าพวกเธออยู่เลนขวาสุดแล้วขับช้าจนเกิดอุบัติเหตุ

“เดี๋ยวสิ แต่ว่านี่มันในตัวเมือง เราอยู่ในเลนยูเทิร์นด้วยนี่นา เรื่องแช่ขวาอะไรนั่นมันใช้ได้ด้วยเหรอ” เจนงง

“แล้วต่อให้เราแช่ขวาจริงแล้วผิด ตามกฎหมาย คนที่ขับมาชนท้ายก็ต้องผิดเพราะว่าไม่ระวังอยู่ดี เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกันไม่ใช่เหรอ”  แจนงง

“พี่ก็งง”เจนัสบอก

ก่อนจะมาปฏิบัติงานในประเทศนี้ สามสาวศึกษากฎหมายเบื้องต้นมาอย่างดี แต่พอมาเจอความมั่นใจของคนหมู่มากขนาดนี้พวกเธอก็มีเขว

รอนเอามือแปะหน้า ก่อนจะเปิดประตูลงไป อ้อมไปหลังรถ ดึงมอเตอร์ไซค์ของสองคนนั่นถอยไปนิดนึง ไทยมุงทั้งหลายสนใจแต่อารยาจนไม่ได้หันมองมา

มีแต่เจนและแจนที่กำลังมองอยู่

รอนมัวแต่สนใจแต่เหตุการณ์จนลืมไปว่าตอนนี้เป็นตอนเที่ยงวัน กำลังจะข้ามมิติ
5.. 4.. 3.. 2.. 1.. วาร์ป!

ทั้งคนทั้งรถหายไปแวบนึง ก่อนที่รอนจะปรากฎกายขึ้นมาใหม่ด้วยใบหน้าแสนเซ็ง ส่วนเจนแจนอ้าปากหวอ

ตำรวจเดินมาพอดี

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ตำรวจถาม

“คุณตำรวจมาพอดี” ไอ้วุธบอก “คือรถคันนี้ขับช้าจนรถพวกผมไปชนเข้าครับ”

“รถพวกคุณ  … ไหนรถคุณ”  ตำรวจถาม

ทุกคนในที่นั้นหันมอง … รถจักรยานยนต์ของไทยมุงล้วนมีเจ้าของ … แล้วไหนคือรถของสองคนนี้

“คือสองคนนี้จู่ๆก็เดินข้ามถนนมาไถเงินพวกเราครับ แต่ว่ารถของพวกเราไม่ยอม ฝั่งนั้นก็เลยโวยวาย” รอนตีหน้าซื่อ “แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าสองคนนี้มีคนร่วมมือหรือเปล่า ถ้าสองคนนี้เดินมาตัวเปล่าก็แปลว่าอาจจะเตี๊ยมกันมากับหนึ่งในไทยมุงที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดตรงนี้ก็ได้”

[Poker face Monarch] ของรอนทำงาน … บรรดาขามุงทั้งหลายรู้สึกผิดท่า …  พวกนี้เข้ามาเพราะได้ยินว่ารถใหญ่รังแกรถเล็กแล้วร่วมวงวิจารณ์โดยไม่ทันสังเกตว่าจริงๆไอ้วุธไอ้แมนขี่รถมาหรือเปล่า

แบบนี้ถ้าสองคนนั่นเป็นพวกไถเงินจริงๆ แล้วไม่มีรถ เกิดมันชี้รถคันใดคันหนึ่งว่าเป็นพวกมันก็ซวยสิ

ไทยมุงสลายตัวอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย เดี๋ยว จะไปไหน” ไอ้แมนตะโกน “เฮ้ย รถเราหายไปไหน แกเอารถพวกเราไปใช่ไหม … ไอ้เด็กน้อย…. เฮ้ยยยยยยยย”

“เฮ้ยยยยย”ไอ้วุธตะโกนเสียงหลง

มันทั้งคู่เบิ่งตามอง

ไอ้หนุ่มคนนี้คือรอน! คนที่ทำให้มันซวยทุกงาน ตั้งแต่สมัยมันเป็นลูกน้องเป๋งโมบาย โต้งมิวสิค ตอนไถเงินรถโรงพยาบาล ตอนรับงานโจรปล้นธนาคาร หรือแม้แต่ตอนที่รถตกแม่น้ำที่ต่างจังหวัดตอนนั้น!

แล้วสามสาวในรถนั่น ….มือปืนของแก๊งเมษา

“อ๊ากกกกกก”

และก่อนที่ใครจะทันตั้งตัวติด ไอ้วุธไอ้แมนก็ร้องเสียงหลงวิ่งหนีเข้าพงหญ้าข้างทางไป

“ผมพยายามบอกแล้ว ผมจำหน้าสองนี้ได้ เป็นพวกแก๊งอันธพาลที่ชอบไถเงินคนน่ะครับ” รอนบอก

“…” อารยา

“…” สามสาว

“{…}”ศิลานักปราชญ์

“…”ตำรวจ

“เอาล่ะครับ พวกเราเดินทางกันต่อเถอะ ขอบคุณคุณตำรวจมากครับที่ช่วย” รอนยกมือไหว้ตำรวจแล้วชวนแม่ของแพทให้กลับขึ้นรถพร้อมคิดในใจว่าซวยชะมัด จังหวะเมื่อกี้เลยขนแต่มอเตอร์ไซค์ไป ไม่ทันได้ขนของอย่างอื่นเลย

เอามอเตอร์ไซค์ไปจะใช้อะไรในสงครามได้กันนะ?

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

Score 10
Status: Completed
เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ ... มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset