Midterm Fantasy 252

ตอนที่ 252
ผู้อพยพจากม่านหมอกแห่งความมืด

ก๊อบๆ ก๊อบๆ ก๊อบๆ

เสียงฝีเท้าม้าที่เหยียบย่างไปบนถนนเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังไปทั่วท้องทุ่งอันกว้างใหญ่นี้

12ชั่วโมงผ่านไปแล้วตั้งแต่ม่านหมอกแห่งความมืดปกคลุมทวีปซีแลนเดีย และเป็น 12 ชั่วโมงที่ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว

หมู่บ้านไลเน่ เป็นหมู่บ้านหนึ่งในเขตของเมืองแอมโบรเซีย หลังจากม่านหมอกความมืดเข้าปกคลุมในช่วงเย็น ชาวบ้านก็หนีเข้าเขตกำแพงและปิดประตูหมู่บ้าน

ค่ำคืนนั้นก็อบลินจำนวนไม่มากพยายามบุกเข้าโจมตีหมู่บ้าน หากแต่ชาวบ้านช่วยกันต้านเอาไว้ได้จนถึงเช้า

ตอนเช้าที่ไม่มีใครเห็นแม้แต่ดวงอาทิตย์ ม่านหมอกความมืดนี้ประหลาดนัก เหมือนกับมันบดบังแสงอาทิตย์ไปจนหมด สิ่งที่ทุกคนเห็นมีเพียงแสงจันทร์ และแสงจากมหานวดาราซูเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เท่านั้น

เครื่องมือเวทมนตร์ที่ใช้ติดต่อระหว่างหมู่บ้านใช้การไม่ได้

มีผู้ที่หลบหนีภัยเข้ามาในหมู่บ้านบอกว่าตอนนี้ข้างนอกนั่นเริ่มมีก็อบลินที่รวมกลุ่มเป็นกองกำลังตั้งบนถนนใหญ่ที่จะไปเมืองแอมโบรเซีย เหมือนกับจะเตรียมโจมตีหมู่บ้านและปิดเส้นทางหลบหนี

“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ถ้าก็อบลินโจมตีพวกเราคงสู้ไม่ได้แน่”

“แล้วพวกเราจะไปไหนล่ะ”

ชาวบ้านทั้งหมดเป็นชาวเมืองแอมโบรเซีย รู้จักเพียงแต่เส้นทางไปเมืองของตน

แต่ละคนแทบไม่เคยออกนอกเขตเมืองนี้ หรือถ้าเคยก็เป็นการเดินทางตอนกลางวันสว่างๆที่เห็นเส้นทาง ไม่เคยมีใครเดินทางทั้งที่มืดๆแบบนี้

“ไปที่นั่นไง”

ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ไปที่ขอบฟ้า ที่นั่นมีแสงสว่างเรืองรองส่องอยู่

“แสงนั่น!”

“หมู่บ้านโอลเซ่น จริงสิ ข้าได้ยินว่าที่นั่นได้รับความคุ้มครองจากเทพแห่งแสงนิชลีน”

“เทพนิชลีน จริงสิ”

ชาวบ้านทั้งหลายหันไปมองรถม้าสองคันที่จอดอยู่กลางหมู่บ้าน

คืนที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมดแทบจะหมดหวังในชีวิตไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะรถม้าสองคันนี้

เพราะท่ามกลางความมืดมิดที่ไฟก็ไม่อาจจุดติดนี้ แสงสว่างจากไฟแอลอีดีในตุ๊กตานิชลีนประจำรถม้าทั้งสอง ถือเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านทุกคน ในรัศมี100เมตรรอบรถม้า ไม่มีหมอกสีดำอยู่เลย

“พวกเราไปหมู่บ้านโอลเซ่นกันเถอะ”

“ใช่ๆ”

“ว่าแต่เราจะไปยังไงล่ะ พวกเราไม่เคยไปกันไม่ใช่เหรอ”

ทุกคนนิ่งอึ้งไปพร้อมกันอีกครั้งก่อนที่เจ้าของรถม้าผู้ที่ทำงานให้กับอูเบอร์จะยกมือขึ้น

“คือพวกข้ารู้ทางไปโอลเซ่นนะ”

ชาวหมู่บ้านไลเน่เดินเท้าไปกับรถม้ารวบรวมอาวุธและข้าวของไปกันโดยมีรถม้าปิดหัวท้าย ที่กลางขบวนมีผู้ที่ถือเสาติดหุ่นนิชลีนที่แงะมาจากสำนักงาน

ไฟส่องสว่างสามดวง เป็นเหมือนแสงไฟเรือลำน้อยที่ลอยในทะเลแห่งความมืด

ก๊อบๆ ก๊อบๆ

“นั่นใคร” บราวน์ตะโกนจากรถม้าเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหน้า

“พวกเราไม่ใช่คนร้าย พวกเราเป็นคนจากหมู่บ้านวีชัทกับแวทออฟ”

ชาวบ้านร่วมสามร้อยคนโผล่มาจากข้างทาง

“ทำไมมีกันแค่นี้ล่ะ” บราวน์ถามอย่างประหลาดใจ ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านน่าจะมากกว่านี้สิ

“เมื่อคืนก็อบลินโจมตีหมู่บ้านของเราจนแตก นี่คือคนที่หนีรอดมาได้” ชาวบ้านคนนึงบอก “ให้พวกเราไปกับพวกท่านเถอะ”

“ว่าไงบอส” บราวน์ถาม

“จะให้ว่าไง ก็ต้องไปด้วยกันสิ คนยิ่งเยอะยิ่งดี” บอสตอบ

บอสกับบราวน์ผู้ขับรถม้าทั้งสองคนไม่ได้ว่าอะไรต่อ เขาจำได้ว่าหมู่บ้านวีชัทและแวทออฟเป็นสองหมู่บ้านที่ไม่มีสาขาของอูเบอร์

ขบวนเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าม้าดังปะปนไปกับเสียงปั่นไฟด้วยเครื่องปั่นไฟมือหมุน บราวน์ปั่นไฟไปด้วยมองไปรอบๆ ก่อนที่ชาวบ้านที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนด้านหน้าจะวิ่งกลับมา

“ทุกคนระวัง” หญิงสาวที่ลาดตระเวนอยู่ตะโกนบอก

“เกิดอะไรขึ้นแซลลี่” บอสถาม

เฮฮฮฮฮฮ

ร่างสีเขียวพุ่งออกมาจากความมืดแห่กันเข้ามา

“ก็อบลินบุก!”

ก็อบลินพุ่งเข้ามานับร้อย ชาวบ้านที่อยู่กลางขบวนกรีดร้อง ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้ระงม

บอสกับบราวน์ขับรถม้าขึ้นขวาง

“เร็วเข้า หน่วยป้องกันหมู่บ้านเตรียมตัวเร็วเข้า” บอสตะโกน “ใครมีอะไรก็เอามาสู้เดี๋ยวนี้เลย”

รถม้าสองคันหันข้างให้กลุ่มก็อบลินที่บุกเข้ามา จากนั้นหลังคาก็เปิดออกเผยให้เห็นหน้าไม้อัตโนมัติ บอสและบราวน์กดคันโยกและหันแท่นยิงกราดออกไป ลูกศรหน้าไม้พุ่งออกไปครั้งละ 5 ดอก ยิงได้1ครั้งต่อ2 วินาที ห่าลูกดอกหน้าไม้พุ่งปักก็อบลินจนล้มลงเป็นแถบๆ

ทีแรกพ่อค้าอูเบอร์ก็ไม่อยากให้ติดหน้าไม้ไว้ แต่รอนให้เหตุผลว่าเผื่อจะมีโจรดักปล้น … ตอนนี้หน้าไม้ได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว

“เร็วเข้า กระสุนจะหมดแล้ว” บอสร้องเรียก “เจมส์ พร้อมหรือยัง”

“พร้อมแล้ว” เจมส์ขานรับ “หน่วยป้องกันหมู่บ้าน บุกได้”

เฮฮฮฮฮฮ

เหล่าผู้ชายวิ่งออกไปพร้อมดาบและโล่เข้าสู้กับฝูงก็อบลิน ก็อบลินที่กว่าครึ่งได้รับบาดเจ็บไม่ใช่คู่มือของคนเหล่านี้เลย

การต่อสู้ดำเนินต่อไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวด้านหลัง ร่างในชุดสีแดง 10 ร่างปรากฎขึ้นและร่ายเวทลูกไฟ

“กรี๊ดดดด ก็อบลินเมจ”

“พวกเราหลบเร็วเข้า”

ลูกไฟลอยพุ่งเข้ามาในขบวน ผู้คนต่างวิ่งหลบหนี

“แย่แล้ว หน่วยป้องกันหมู่บ้านยังสู้ด้านโน้นอยู่”

“ถอยเร็ว อย่าโดนลูกไฟของมัน”

ลูกไฟพุ่งเข้ามานับสิบลูก ชาวบ้านทิ้งข้าวของแตกตื่นหนีตาย เด็กเล็กๆที่วิ่งอยู่หกล้มร้องไห้กระเจิงจนคนที่ต่อสู้อีกด้านก็ห่วงพะวง

จะทำอย่างไรดี

“กรี๊ดดดด” เด็กห้าขวบคนหนึ่งหกล้มลงกับพื้น ลูกไฟลอยพุ่งเข้าไปหาร่างเด็กคนนั้น

“ย้ากกกกก” เสียงหญิงคนหนึ่งร้องขึ้นมา และพุ่งเข้าขวาง ในมือยกกระทะขึ้นกัน

ซูมมมมมมมมมม

ลูกไฟถูกกักเอาไว้ในกระทะเทฟล่อน!

“กระทะ กระทะของร้านARMAMENTป้องกันลูกไฟของมันได้จริงๆด้วย”

เหตุการณ์ที่รอนเคยใช้กระทะเทฟล่อนกักลูกไฟของก็อบลินเมจแล้วโยนกลับ ถูกเล่าขานโดน Bard ไปยังหลายพื้นที่ ไม่นึกว่าตอนนี้ชาวบ้านทั่วไปจะได้ทำตาม

“เอาคืนไป”

ซูมมมม ฟู่ อ้ากกกกก

ก็อบลินเมจที่ไม่ทันระวังเจอลูกไฟลอยย้อนกลับเข้าตัว

“โคนี่ แซลลี่ เจสสิก้า ทุกคน ไปกันเลย”

“เฮฮฮฮฮ”

เหล่าแม่บ้านคว้ากระทะโครินทร์คิง และมีดทำครัวตราหัวแมวลายดาหน้าเข้าหาก็อบลินเมจ ลูกไฟพุ่งเข้าใส่เหล่าแม่บ้าน แต่ทุกคนล้วนป้องกันเอาไว้ด้วยกระทะในมือได้

“เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ แกคิดว่าข้าจะปล่อยเมจให้มากันโดยไม่มีใครคุ้มกันเรอะ” ก็อบลินกัปตันปรากฎกายขึ้น  “รับดาบของข้าซะ”

เคร้ง!

ดาบเหล็กของก็อบลินกัปตันหักกระเด็นลอยขึ้นไป กระทะโครินทร์คิงอันประกอบไปด้วยโลหะผสม36ชั้นแข็งแกร่งกว่าดาบเหล็กโกโรโกโสนั่นมากนัก และก่อนที่หัวหน้ามอนสเตอร์จะทันตั้งตัว มีดทำครัวนับสิบก็เสียบทะลุเกราะของมัน

“ไม่ .. จริง .. น่า ..” ก็อบลินกัปตันล้มลง ขณะที่ฝูงก็อบลินเมจวิ่งหนีตายดั่งแมลงวันไร้หัว พวกมันหนีไปได้ไม่ไกลก็ถูกแม่บ้านเอากระทะฟาดแล้วจ้วงแทง

“เอาล่ะทุกคน ไปช่วยพวกผู้ชายกัน”

“เฮฮฮฮ”

การต่อสู้จบลงในเวลาอันสั้น ก็อบลินร่วมสามร้อยทิ้งชีวิตเอาไว้ตรงนั้น ขณะที่ชาวบ้านมีความสูญเสียไม่ถึง10คน

นอกจากลูกศรและหน่วยป้องกันหมู่บ้านแล้ว อีกส่วนเป็นเพราะก็อบลินประเมินพวกแม่บ้านพลาดไป มันไม่คิดว่ากระทะกับมีดทำครัวนั่นจะทำจากโอริค่อนที่แข็งแกร่ง

“เอาล่ะ ทุกคนเดินทางต่อกัน หมู่บ้านโอลเซ่นอยู่ข้างหน้านี่แล้ว”

ขบวนของหมู่บ้านไลเน่เดินทางไปเรื่อยๆ มีชาวบ้านที่เข้ามาสบทบเพิ่มขึ้นช้าๆ ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านโอลเซ่นทุกคนก็พบว่าคนที่มาถึงตรงนี้ได้ก็เป็นเพราะเหตุผลเดียวกัน

เพราะมีรถม้าอูเบอร์ที่ติดตั้งรูปเคารพของท่านเทพนิชลีนส่องแสงนำทางนั่นเอง

นอกจากนี้ แม้จะไม่เห็นดวงอาทิตย์ไม่รู้ทิศทาง แต่ถนนที่รอนส่งเสริมให้สร้างมีการติดตั้งหลักกิโล ป้ายบอกทางเป็นระยะ ทำให้คนขับรถสามารถหาเส้นทางถนนได้อย่างไม่ผิดพลาด

“นั่นหมู่บ้านโอลเซ่นอยู่ข้างหน้า อีกแค่สามไมล์เราก็จะถึงแล้ว”

“นั่นน่ะรึหมู่บ้านโอลเซ่น”

ทุกสายตาจับจ้องไป หมู่บ้านโอลเซ่นในตอนนี้ส่องสว่างโดดเด่นท่ามกลางความมืด แสงสว่างน้อยๆจากรถม้านี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับเรือน้อยๆที่แล่นฝ่ามหาสมุทรมาได้มาพบกับเมืองท่าเป้าหมายแล้ว

“เร่งฝีเท้าเร็ว”

“รถม้ากระจายขนาบข้าง ป้องกันการโจมตี”

“หน่วยป้องกันหมู่บ้าน ระวังไว้ให้ดี ไม่แน่ว่าจะมีก็อบลินอีก”

ทั้งหมดเร่งฝีเท้ากันอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ขบวนประกอบไปด้วยรถม้า12คัน รวบรวมผู้คนจากหมู่บ้าน36หมู่บ้าน เป็นขบวนอพยพขนาดใหญ่ที่มีคนราวๆ 8000 คน

ด้วยจำนวนขนาดนี้ ข่าวสารที่ทุกคนแลกเปลี่ยนกันจึงทำให้ทราบว่าก็อบลินที่โจมตีแต่ละหมู่บ้านนั้นมากมายนัก ทำให้ทุกคนกลัวการลอบโจมตีอย่างที่สุด

“บราวน์ ข้างหลังนั่น” บอสร้องบอก

บราวน์มองไปด้านหลังด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วหันไปตะโกนบอก

“หน่วยคุ้มกันหมู่บ้าน รวมกำลังเดี๋ยวนี้”

“ทุกคนทิ้งสัมภาระที่ไม่จำเป็น หนีเข้าหมู่บ้าน หน่วยวัลคีรีคอยคุ้มกันคนเข้าเมือง”

หน่วยวัลคีรีทั้งหมดชูกระทะและมีดทำครัวเป็นการรับคำก่อนจะคุ้มกันเด็กและคนชรารีบวิ่งหนีมุ่งไปทางหมู่บ้านโอลเซ่น ขณะที่หน่วยคุ้มกันหมู่บ้านต่างรวมกลุ่มกันที่แนวรถม้า ทุกคนจับจ้องไปที่หมอกความมืดที่เป็นเหมือนกำแพงสีดำตรงหน้า

พื้นดินสั่นสะเทือนช้าๆ แล้วร่างสีเขียวก็ปรากฎก้าวเข้ามาจากหมอกแห่งความมืด

ก็อบลิน ก็อบลินเต็มไปหมด ประเมินด้วยสายตาน่าจะมีหลายพัน !

“จะไหวเหรอ”

“แต่ไม่ไหวก็ต้องไหว ไม่งั้นครอบครัวของพวกเราต้องไม่รอดแน่”

“สู้!”

ชาวบ้านกระชับโล่ในมือให้มั่น หอกในมือเตรียมพร้อมเข้าสู้ศึก ขณะที่ก็อบลินที่โผล่ขึ้นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละตัวแยกเขี้ยวแสยะออก ดาบเหล็กผุพังในมือของพวกมันบางตัวยังมีคราบเลือดของมนุษย์ที่โชคร้าย และก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเคลื่อนกำลังเข้าสู้กันนั้นเอง

ครืน ๆ ๆ ๆ ๆ

เสียงสั่นสะเทือนดังมาจากพื้นดินอีกครั้ง

“นั่นมันอะไรกัน”

จู่ๆโกเลมอัลปาก้านับร้อยโผล่มาม่านหมอกอีกด้าน แล้วพุ่งเข้าไปในหมู่ก็อบลิน หลายตัวแบกก้อนเรืองแสงกลมๆสีชมพูไว้ที่หลัง  และก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว ก้อนเรืองแสงเหล่านั้นก็ระเบิดออก

บรึม!

ก็อบลินที่อยู่แนวหน้าถูกแรงระเบิดอัดลอยขึ้นไปในอากาศ แขนขาเลือดเนื้อกระเด็นไปทั่วทิศทาง ไม่เพียงเท่านั้น เด็กสาวคนหนึ่งบนหลังม้าก็ปรากฎตัวขึ้น คทาเวทในมือของเธอยกขึ้นก่อนที่เกล็ดน้ำแข็งแหลมคมจะก่่อตัวในอากาศ

“[Blizzard]”

ตูม! ตูม! ตูม!

“กัปตันเรย์คะ!”

“ได้เลยคุณแพท!” เสียงของกัปตันเรย์ขานรับ “ทหารม้า ชาร์จ!”

“เฮฮฮฮฮ”

ทหารม้าหนักโรมันสองกองร้อยบุกเข้าบดขยี้ก็อบลินที่พยายามจัดกำลัง กองทหารม้าทะลวงเข้าไปอย่างง่ายดายดุจดั่งมีดร้อนๆที่ตัดทะลุเนย

“ทุกคนถอยก่อนค่ะ พวกเราจะยันเอาไว้”

เด็กสาวในชุดเกราะจอมเวทร้องบอกเหล่าชาวบ้านและคนขับรถม้าอูเบอร์

“ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยพวกเราคงแย่แน่ๆ คุณ…”

“แพทค่ะเป็นผู้ปกป้องหมู่บ้านนี้”

แพทตอบออกไป

“ขอต้อนรับทุกท่านสู่หมู่บ้านโอลเซ่น”

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

Score 10
Status: Completed
เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ ... มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset