Memorize เล่มที่ 19 29

เล่มที่ 19 ตอนที่ 29

หากเป็นช่วงเวลาปกติทั่วไป เขาคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อไปแล้ว แต่ชายผู้นั้นกลับยอมพยักหน้าเข้าใจ

ชายหนุ่มตรงหน้านี้ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูทั่วๆ ไป ทว่าพลังที่แผ่ซ่านออกมานี่สิ กลับดูน่ากลัวจนขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนหมาจนตรอกอย่างไรชอบกล

“ถะ ถ้างั้น ทำอย่างไรดี…”

“ทำไงได้ล่ะครับ ผมได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกครองทวีปทั้งที ก็ต้องต่อสู้กับเขาเองสิครับ เป้าหมายของเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ก็คือตัวผมเองนี่แหละ”

“ไซม่อน? นี่คุณกำลังจะบอกว่าจะต่อสู้กับมันคนเดียวงั้นเหรอ”

“แหงอยู่แล้วสิครับ แต่ยังไงผมก็คิดว่าคงจะขอความช่วยเหลือจากพวกคุณบ้าง เพราะฉะนั้น…”

ไซม่อนหยุดพูดไปชั่วขณะ เขายกมือซ้ายขึ้นมา แล้วจึงพูดต่อเนื่องออกมาด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ

“ขอให้ช่วยตายไปสักทีครับ”

“ครับ? คุณพูดอะ…”

“ไม่ต้องเครียดไปครับ คุณจะไม่ได้ตายอย่างอเนจอนาถหรอก เพราะการตายของคุณในครั้งนี้ ผมจะทำให้มันดูมีคุณค่าขึ้นมาสักหน่อย”

ประโยคที่ไม่มีใครคาดคิดคาดฝันจากไซม่อน ทำเอาชายผู้นั้นถามกลับไปด้วยความสงสัยเคลือบแคลง

แต่ชายผู้นั้นยังไม่ทันได้พูดอะไร มือซ้ายของไซม่อนก็เริ่มเปล่งประกายแสงสีแดงเข้มปะทุออกมาเสียแล้ว และเจ้าแสงสีแดงเข้มนั้นก็ได้พวยพุ่งเข้าไปปกคลุมเหล่าผู้เล่น รวมถึงชายหนุ่มผู้นั้นในพริบตาเดียว แสงนั่นค่อยๆ เลื้อยแล่นพันรอบกายเหล่าผู้เล่น หลังจากนั้นจึงเปล่งแสงออกมาหลากสีสัน

“เอ๊ะ? อะไรเนี่ย”

แล้วการเปลี่ยนแปลงของอะไรบางอย่างก็เริ่มต้นขึ้น

ฮึม! ฮึมมม!

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาแสนสั้น ร่างกายของเหล่าผู้เล่นที่โดนแสงร้ายนั่นพันรอบ เริ่มนิ่ม เละ เป็นเพียงเนื้อเหลวๆ หลังจากนั้น ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาจึงได้เริ่มหลอมละลายลงไปเหมือนน้ำไหล

“อ๊ากกก! ฮึก อ๊ากกก!”

ป่าทึบอันแสนเงียบงัน บัดนี้กลับมีเสียงกรีดร้องดังลั่นกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศ เนื้อหนังที่ถูกหลอมละลายได้ไหลปะปนกับเลือดสีแดงฉาน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ถูกแสงสีแดงเข้มดูดซึมเข้าไป เหล่าผู้เล่นที่มีอยู่เกือบร้อยกว่าคน บัดนี้กลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

และในตอนนั้นเอง แสงสีแดงเข้มที่พวยพุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศ จึงได้คืนกลับมาหาไซม่อนอีกครั้งหนึ่ง แล้วแสงนั่นก็ค่อยๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่างของอะไรบางอย่างขึ้นมา หนังสือเล่มหนึ่งในมือซ้ายของเขาร่วงหล่นสู่เบื้องล่างในทันที หนังสือที่ว่านั่นเกิดขึ้นมาได้จากการหลอมรวมของเลือดเนื้อของเหล่าผู้เล่นเมื่อครู่

บัดนี้เหลืออยู่เพียงสองคนเท่านั้น นั่นก็คือ ไซม่อนกับชายหนุ่ม

“อ้า ไม่ได้ตายอย่างสง่าผ่าเผยเท่าไหร่เลยแฮะ สงสัยคงจะไม่ได้ต่อต้านขัดขืนอะไรเลยมั้งนั่น”

“…”

“ฮ่าๆ คุณรู้งอะไรไหมครับ รู้หรือเปล่าว่าคุณโคตรน่ารำคาญมากแค่ไหน คุณแม่งทำลายแผนทุกอย่างที่ผมวางไว้หมด ไหนจะยังตามจองล้าง จองผลาญกันแบบนี้ คนรับใช้ที่ผมโคตรรัก โคตรหวงก็ยัง…”

“…”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จาเหมือนเคย แต่สายตาของเขาดูแปลกๆ อย่างไรชอบกล สายตาเหมือนกำลังบ่งบอกว่าเขากำลังนั่งดูละครสัตว์

“อะไรกันครับ สายตาแบบนั้นน่ะ”

ในตอนนั้น ชายหนุ่มจึงได้กะพริบตาครั้งหนึ่ง ไซม่อนเห็นดังนั้น จึงรีบถอยห่างเลยทันที เขายังไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไรเลยแท้ๆ แต่จู่ๆ กลับรู้สึกหัวเสียขึ้นมาจนได้ ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนี่จะคอยตามติด สืบค้นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเขามาตลอด

ตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้นี้ก็คือ…คิมซูฮยอน

ความจริงแล้ว หลังจากที่เขาสามารถหลุดพ้นออกจากวงล้อมของซองฮยอนมินได้สำเร็จนั้น ทั้งไซม่อนและคิมซูฮยอนต่างก็ต้องหลีกหนีจากสงครามขนาดย่อมๆ ที่เกิดขึ้นไม่รู้จบด้วย และด้วยสถานการณ์เช่นนั้น จึงทำให้คิมซูฮยอนได้เปรียบ เขาไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคใดๆ เลย แถมยังไม่ต้องมาตามไล่ล่าคลาสนักเวทอีกด้วย

“อย่างที่คิดไว้เลยนะ”

ตึก ตึก ตึก

คิมซูฮยอนพูดออกมาเพียงหนึ่งประโยค แล้วจึงเริ่มย่างก้าวเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง

แต่กระนั้นไซม่อนก็ยังคงทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ สบายอารมณ์ตลอดเวลา สีหน้าเหนื่อยอ่อนเมื่อครู่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ คงเพราะเหล่าผู้เล่นจำนวนร้อยกว่าคนที่ถูกดูดกลืนไปเมื่อครู่ กลายมาเป็นความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมในตัวเองเสียแทน

ในขณะนี้ คิมซูฮยอนอยู่ห่างเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น ไซม่อนเห็นดังนั้น จึงทำให้ปประกายแสงสีเลือดเข้มปะทุขึ้นมาในแววตาทันที

หนังสือที่ถูกอัญเชิญเริ่มเปิดไล่หน้าไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไซม่อนไม่ได้ยื่นมือเข้าไปแตะต้องเลย หากเห็นหนังสือที่มีแสนยาอานุภาพแข็งแกร่งเพียงนี้ คนทั่วไปก็คงจะหยุดเคลื่อนไหวไปแล้ว แต่คิมซูฮยอนก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไซม่อนเห็นแล้วจึงแค่นหัวเราะออกมา

แล้วชั่วขณะหนึ่ง หน้าหนังสือที่เปิดไปเรื่อยๆ นั้นก็ได้หยุดการเคลื่อนไหวไป

วินาทีนั้น ในบริเวณที่ไซม่อนยืนอยู่ ก็ได้บังเกิดชายที่กำลังยืนกำหมัดแน่นขึ้นมา มีอยู่ประมาณสิบกว่าคนเห็นจะได้ ร่างกายของพวกมันต่างถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงเลือดนก

“เทพวัลแคลแห่งเลือด”

ณ วินาทีที่ไซม่อนปริปากพูดออกมา เจ้ามนุษย์สีเลือดกลุ่มนั้นก็ได้พุ่งตัวเข้ามาหาชายหนุ่มโดยทันที

มนุษย์สีเลือดที่พุ่งตัวเข้ามาราวกับลูกปืนใหญ่ ได้เข้ามาล้อมรอบกายชายผู้นั้นในพริบตาเดียว และในตอนนั้นเอง ไซม่อนได้คาดไว้แล้วว่าควันจากระเบิดจะปะทุขึ้นมา เขาจึงเผยรอยยิ้มอันแสนเย็นชาออกมาให้เห็น

ทว่าสิ่งที่ไซม่อนคาดหวังก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาแต่อย่างใด

ฟิ้ววว!

เจ้ามนุษย์สีเลือดนั้นได้ปลิวกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีในชั่วพริบตา พวกมันกระจายตัวเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย เหมือนเป็นเพียงหยาดเลือดในสายน้ำเท่านั้น

“อะไรเนี่ย”

ไซม่อนขมวดคิ้วไม่ชอบใจ

ตึก ตึก ตึก

คิมซูฮยอนเดินเข้ามาอย่างเคร่งขรึม โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย

“หะ หอกแห่งเลือด!”

ไซม่อนพยายามตะโกนดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ทันใดนั้นจึงบังเกิดหอกสีเลือดด้ามยาวประมาณสามสิบด้ามขึ้นมา และแน่นอนว่าเจ้าหอกพวกนั้นได้พุ่งเข้าไปหาคิมซูฮยอนทันที

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

คราวนี้แตกต่างไปจากคราวก่อนหน้าเล็กน้อย เจ้าหอกที่พวยพุ่งเข้ามานั้นปักเข้ามาทั่วบริเวณโดยรอบเหมือนขนเม่น ช่างแตกต่างจากมนุษย์สีเลือดที่วายวอดหายไปได้อย่างง่ายดาย ดูท่าว่าพวกมันจะฝ่าเวทต้านทานเข้ามา จึงทำให้บริเวณปลายหอกสั่นระริกไม่หยุด

เปรี๊ยะ!

บริเวณจุดใดจุดหนึ่งได้เริ่มเกิดรอยร้าวเล็กๆ ขึ้นมา คิมซูฮยอนหยุดเคลื่อนไหวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไซม่อนเห็นดังนั้นจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

ในตอนนั้นเอง

“หืม”

คิมซูฮยอนทำเสียงขึ้นจมูกหน่อยๆ หลังจากนั้นจึงกวัดแกว่งเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่อยู่ในมือขวา

ด้านบน หนึ่งครั้ง

ชิ้ง!

ด้านขวา หนึ่งครั้ง

ชิ้ง!

ด้านซ้าย หนึ่งครั้ง

ชิ้ง!

การกระทำของเขาเช่นนั้น จึงทำให้กลุ่มหอกที่ว่าถูกตัดขาดไปอย่างไม่มีชิ้นดี หลังจากนั้นจึงค่อยๆ กระจายขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนตามมนุษย์สีเลือดก่อนหน้า

คิมซูฮยอนเริ่มย่างก้าวเข้ามาอีกครั้ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาสามารถหลุดพ้นออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ไซม่อนเห็นเช่นนั้นจึงประหลาดใจอย่างมาก วิธีการต่างๆ ที่ทั้งน่าเหลือเชื่อและยากที่จะเข้าใจได้นั้นถูกอีกฝ่ายจัดการไปได้อย่างดีเยี่ยม ไซม่อนที่ได้แต่วางหน้าเคร่งขรึมมาตลอด บัดนี้ก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว

“ปะ เป็นไปไม่ได้! ถะ ถึงแกจะมีพลังต้านทานเวทสูงแค่ไหนก็เถอะ! ตะ แต่แกเห็นไอ้ร้อยคนนั่นที่เป็นเครื่องเซ่นไหว้บูชาบ้างไหม!”

ไซม่อนถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วคิมซูฮยอนก็สาวเท้าเข้ามาเร็วมากขึ้น

“เฮ้อ นายนี่ทำฉันลำบากจริงๆ”

คิมซูฮยอนยืนประจันหน้ากับไซม่อนได้สำเร็จ เขายื่นมือซ้ายออกมาช้าๆ และคว้าหนังสือที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศเล่มนั้นมา ไซม่อนจึงรีบไขว่คว้าหนังสือเล่มนั้นโดยอัตโนมัติ แต่เขาไม่สามารถต้านทานพลังของอีกฝ่ายได้ จึงทำให้ถูกช่วงชิงหนังสือเล่มนั้นไปอย่างเสียมิได้

คิมซูฮยอนสามารถช่วงชิงหนังสือเล่มดังกล่าวมาได้สำเร็จ เขาจึงพลิกหน้าพลิกหลัง สอดส่องด้วยสายตาแสนเพลิดเพลิน เขาระพริบตาครั้งหนึ่ง แล้วจึงปริปากพูดออกมาว่า

“คลาสลับเหรอเนี่ย เป็นผลลัพธ์ที่ฉันไม่คาดคิดคาดฝันมาก่อนเลยล่ะ”

คิมซูฮยอนนำหนังสือเล่มนั้นซุกเข้าในอ้อมอกอย่างหวงแหน ไซม่อนเห็นดังนั้น จึงได้แต่ตกตะลึง ชายหนุ่มตรงหน้านี้ทำท่าทีเหมือนไม่ได้มองเขาอยู่ในสายตามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

สายตาของไอ้หมอนี่ทำเหมือนไม่ได้จะมาสู้กับเขาอย่างไรก็ไม่รู้ ไซม่อนคิดได้เช่นนั้น ก็เกิดความรู้สึกคับแค้นใจแล่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ในตอนนั้น เขาชูมือซ้ายขึ้นมา เพื่อที่จะอัญเชิญหนังสือกลับมาอีกครั้ง แต่แล้วคิมซูฮยอนกลับขยับมือรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

โฟ่ว โฟ่ววว!

“อ๊ากกก!”

จู่ๆ มือซ้ายของไซม่อนก็เกิดรู้สึกร้อนอย่างไรชอบกล เขาจึงกรีดร้องดังลั่นออกมา

“มะ มือฉัน ! มือฉัน!”

มือซ้ายของไซม่อนถูกคิมซูฮยอนกอบกุมไปได้ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ หลังจากนั้นเขาจึงปล่อยมือ พลางมองดูท้องฟ้าเบื้องบนที่อยู่เหนือข้อมือ มือซ้ายของไซม่อนกำลังถูกไฟเผาอย่างไม่มีชิ้นดี

เมื่อคิมซูฮยอนปล่อยมือออกจากมือซ้ายของอีกฝ่าย เขาก็วางมือลงบนศีรษะของไซม่อน เขาขยุ้มหัวอีกฝ่าย แล้วจึงฉุดกระชากขึ้นด้านบนทันที ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร่างกายของเขาลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศ

Memorize

Memorize

Score 10
Status: Completed

เล่มที่ 1-48  อ่านนิยาย

(จบ)

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ชายหนุ่มที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดท่ามกลางความสับสน, ‘คิมซูฮยอน’

เขาเลือกที่จะย้อนกลับไปในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อเปลี่ยนแปลงอดีตอันแสนเจ็บปวด…

แล้วเขาจะทำสิ่งนั้นได้สำเร็จหรือไม่!

Options

not work with dark mode
Reset