King propose 4 การแอบพบปะ Part 2

ตอนที่ 4 การแอบพบปะ Part 2

「──กำลังตามหาอยู่เลยค่ะ คุณมุชิกิ ไปอยู่ที่ไหนมาคะ」

 

หลังการต่อสู้ในห้องตรวจประมาณ 10 นาที  

มุชิกิที่กำลังเดินโซซัดโซเซตามโถงทางเดินตึกพยาบาลก็ถูกคุโรเอะเรียก

 

「…..จะว่าไป ในระยะเวลาแค่นี้ทำไมถึงสับเปลี่ยนตัวตนอีกแล้วคะ แถมยังชุดพละยู่ยี่นั่นอีก  

ช่วงเวลาที่ฉันละสายตาไปทำอะไรมาคะ? น่ารังเกียจ」

 

คุโรเอะ จ้องมาที่มุชิกิด้วยสายตาขยะแขยง มุชิกิจึงรีบส่ายหน้า

 

「ไม่ใช่ ไม่ใช่นะครับ คุโรเอะ」

 

พอมุชิกิอธิบายสถานการณ์แบบคร่าวๆ คุโรเอะก็หรี่ตาเหมือนเป็นการยอมรับ

 

「…..แบบนี้นี่เอง อัศวินเอลูลูก้าหรือคะ จะถามเผื่อไว้ก่อนนะคะ…..ยังไม่ถูกจับได้สินะ?」

 

「ครับ ถึงจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร…..」

 

พอมุชิกิพยักหน้ายืนยัน คุโรเอะก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ก็จมกับความรู้สึกนั้นได้ไม่นาน รีบเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังทันที

 

「──คุณมุชิกิ มีเรื่องที่อยากคุยอยู่นิดหน่อยค่ะ แต่แถวนี้คนเยอะเกินไป เชิญทางนี้ค่ะ」

 

「เอ๊ะ? อะ ครับ」

 

มุชิกิพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามคุโรเอะตามโถงทางเดินของตึกพยาบาล

แล้วในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงจุดที่ไม่ค่อยมีคน คุโรเอะกวาดตามองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบ แล้วจึงเปิดปากอีกครั้ง

 

「…..เนื้อหาแบบละเอียดไว้รอประกาศจากแผนกสืบสวนก็แล้วกันค่ะ แต่ว่า เหตุการณ์ปัจจัยแห่งการสูญสลายครั้งใหญ่เมื่อครู่ อาจเป็นฝีมือมนุษย์ก็ได้ค่ะ」

 

「เอ๊──」

 

มุชิกิเบิกตากว้างกับคำพูดของคุโรเอะ

 

「จะบอกว่าเจ้ามังกรพวกนั้น ถูกใครบางคนสั่งให้โจมตีพวกเราเหรอครับ?」

 

「เปล่าค่ะ คงไม่ถึงขั้นให้คำสั่ง แต่ว่า…มีความเป็นไปได้ที่จะควบคุมเวลากับสถานที่เกิด

──หรือโยกย้ายปัจจัยแห่งการสูญสลายที่เกิดขึ้นมาไว้ในตำแหน่งเดียวค่ะ」

 

「แต่ว่า ปัจจัยแห่งการสูญสลายเนี่ย คือตัวตนที่อาจจะทำลายโลกไม่ใช่เหรอครับ? งั้นใครกะ──」

 

พอถึงตรงนั้น มุชิกิก็หยุดชะงัก

คุโรเอะเดาว่ามุชิกิน่าจะรู้ตัวแล้ว จึงพยักหน้าให้

 

「ค่ะ เรื่องแบบนั้นน่ะ จอมเวทย์ทั่วไปไม่มีทางทำหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ใช่อะไรที่คิดจะทำก็ทำได้ด้วย ──แต่ว่า」

 

ใช่ คุโรเอะกำลังพูดแบบนั้น

──คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจเป็นจอมเวทย์ที่โจมตีไซกะกับมุชิกิก็เป็นได้

 

「พอคิดดูดีๆ ถือเป็นการวางแผนที่สุดยอดเลยล่ะค่ะ ฝูงปัจจัยแห่งการณ์สูญสลายระดับที่ยังไงก็สามารถจัดการได้ แต่ก่อนที่จะจัดการได้ทั้งหมด อาจเกิดความเสียหายขึ้นกับนักเรียน──」

 

「….. ถ้างั้น ก็หมายความว่า」

 

พอมุชิกิพูดพร้อมเหงื่อที่ซึมออกจากข้างแก้ม คุโรเอะก็พยักหน้า

 

「──การปรากฏตัวของท่านไซกะ ถูกชักจูงอย่างงดงามเลยล่ะค่ะ  

เหมือนต้องการที่จะยืนยันว่า ท่านไซกะที่อยู่ในโรงเรียนเป็นตัวจริงที่สามารถใช้วิวรณ์บทที่ 4 ได้หรือเปล่า」

 

「….. 、ถ้างั้น ผมก็──」

 

คำพูดของคุโรเอะ ทำให้มุชิกิคิ้วขมวด

แต่ว่า คุโรเอะก็ลดสายตาลงแล้วส่ายหน้า

 

「ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดไปหรอกค่ะ ตอนนั้นถ้าคุณมุชิกิไม่ออกไปก็อาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับนักเรียน ต่อให้ท่านไซกะยังอยู่ก็คงทำแบบเดียวกันค่ะ。กลับกัน จงภูมิใจที่ตัวเองสามารถใช้วิวรณ์บทที่ 4 ในสถานการณ์คับขันได้สำเร็จดีกว่าค่ะ」

 

「นั่นสินะคร้าบ สมเป็นร่างกายของคุณไซกะ」

 

「น่าพิศวงจริงๆนะคะ พูดตามตรงเผลอคิดว่า’กังวลสักหน่อยสิ’เลยล่ะค่ะ 」

 

คุโรเอะหรี่ตาแล้วถอนหายใจ ส่วนมุชิกิก็กอดอกตอบรับ

 

「…..แต่ว่า แย่สุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเกิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากคนลอบโจมตีจริงๆ」

 

「ค่ะ เป็นการยืนยันให้ฝั่งนู้นว่าท่านไซกะยังมีชีวิตอยู่เป็นที่เรียบร้อย  

──ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จะเอาแต่ซ่อนตัวตลอดไปก็คงไม่ได้ค่ะ จะช้าหรือเร็วสักวันก็คงต้องถูกจับได้อยู่ดี」

 

จากนั้น คุโรเอะก็ยังพูดต่อ

 

「มีสิ่งที่สามารถทำได้เฉพาะตอนที่อีกฝั่งรู้ว่าท่านไซกะยังมีชีวิตอยู่ค่ะ」

 

「สิ่งที่ทำได้…..เหรอครับ?」

 

「ค่ะ นั่นคือ──」

 

พอมุชิกิถาม คุโรเอะก็อธิบายแผนนั้นให้ฟัง

 

「…..แบบนี้นี่เอง แต่ว่านี่มัน…..เสี่ยงเอาเรื่องเลยนะครับ」

 

「ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ แต่ว่าถ้าทำสำเร็จ ก็อาจจะสามารถระบุตัวจริงของคนร้ายได้เลยนะคะ มีค่าให้ลองอยู่มากโข」

 

พอคุโรเอะพูดจบ ก็มีเสียงแกร๊กขึ้นที่ส้นเท้าแล้วเปลี่ยนทิศร่างกาย

 

「ฉันจะไปตรวจสอบร่องรอยที่ลานฝึกอีกครั้ง คุณมุชิกิกลับไปเรียนเถอะค่ะ สภาพตอนนี้คงสับเปลี่ยนตัวตนจากความตื่นเต้นไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ」

 

「อ๊ะ คุโรเอะ──」

 

ถึงมุชิกิจะเรียก คุโรเอะก็ยังคงเดินต่อไปตามโถงทางเดินของตึกพยาบาล

 

「……….」

 

มุชิกิที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นคนเดียวยืนเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจว่าทำแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อะไร แล้วเริ่มเดินออกจากเขตพยาบาล

 

ทันใดนั้น───

 

「──มุชิกิ!」

 

「เหวอ!?」

 

ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ใครคนหนึ่งก็กระโจนเข้ามาจากทางด้านหน้าจนล้มก้นกระแทก

 

「เจ็บเจ็บ…..อะ อะไรเนี่ย?」

 

「มุชิกิ──อา ดีจริงๆ ปลอดภัยสินะ…..!」

 

พอมุชิกิทำหน้าบึ้งแล้วพูดออกมา เด็กสาวที่นั่งอยู่บนตัวมุชิกิ──รูริ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

หายใจหืดหอบราวกับเพิ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ชุดพละที่ห่อหุ้มร่างกายมีเหงื่อชุ่ม

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ที่หางตาเหมือนจะมีน้ำตาซึมออกมา

 

「รูริ…..?」

 

「อย่าทำให้เป็นห่วงนักจะได้ไหม เพราะหาตัวไม่เจอเลยคิดว่าเป็นอะไรปะ──」

 

แล้วรูริก็หยุดพูด เหมือนจะรู้ตัวแล้ว ว่าตัวเองกับมุชิกิตกเป้าสายตาของเหล่านักเรียนกับสตาฟโดยรอบ

 

「…..เดี๋ยวก่อน มานี่」

 

รูริยืนขึ้นจากตรงนั้นแล้วพูดแบบห้วนๆ ดึงมือมุชิกิออกไปจากตึกพยาบาลทั้งอย่างนั้น  

พออ้อมมาที่ด้านหลังตึกก็ปล่อยมือ

 

「สถานการณ์แบบนั้นยังอุตส่ารอดมาได้อีกนะ คิดว่าตายไปแล้วเสียอีก」

 

แล้วก็กอดอกพูดอย่างไม่สบอารมณ์ มุชิกิทำตาโตด้วยความแปลกใจ

 

「เอ๊ะ? รู้สึกจะอารมณ์ต่างจากเมื่อกี้หรือเปล่านะ? ทั้งที่อุตส่าเป็นห่วงขนาดนั้นแท้ๆ…..」

 

「พูดเรื่องอะไรยะ ไม่ได้เป็นห่วงอะไรสักหน่อย」

 

พอรูริพูดกลบเกลื่อนจบ ก็จ้องเข้ามาด้วยสายตาแหลมคมแล้วพูดต่อ

 

「──ที่สำคัญ ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม? ว่าจอมเวทย์ของ〈อุทยาน〉ต้องเจอกับเรื่องอันตรายแค่ไหน 

ก็ไม่รู้ว่าไปรู้เรื่องของที่นี่จากไหนหรอกนะ แต่นายน่ะ ไม่เหมาะสมหรอก รีบๆเก็บข้าวของแล้วกลับ 『ภายนอก』ไปซะ  

ลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุข」

 

รูริพูดแล้วชี้นี้ใส่มุชิกิ

มุชิกิทำเสียงครวญคราญกับความคิดเห็นที่ดูสมเหตุสมผล

 

「…..ขอโทษนะ รูริ。เรื่องที่ฉันมันไร้พลังน่ะ เข้าใจดีเลยล่ะ、แต่ว่า…..คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ทางนี้ก็มีเหตุผลอยู่นิดหน่อยน่ะ」

 

「เหตุผล…..? อะไรกันล่ะ นั่นน่ะ」

 

พอมุชิกิพูด รูริก็หรี่ตาทำท่าไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม

แน่นอนว่าจะพูดเรื่องรวมร่างออกไปไม่ได้

เพราะฉะนั้น มุชิกิจึงให้เหตุผลอีกอย่างหนึ่ง

 

「คือว่า…..พี่ ตกหลุมรักไปแล้วล่ะ」

 

「หา────」

 

รูริ เอ๋อกับคำพูดของมุชิกิไปพักหนึ่ง จากนั้นก็

 

「หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา────!?」

 

เสียงตะโกนที่ดังจนน่าจะก้องไปถึงสวรรค์

 

「มะ มะมะมะหมายความว่ายังไง! เรื่องอะไร! ทะ ที่〈อุทยาน〉นี่มีคนรักอยู่อย่างงั้นหรอ!? จะบอกว่าเพื่อที่จะได้อยู่กับคนๆนั้น ก็เลยกลายมาเป็นจอมเวทย์อย่างงั้นหรอ!?」

 

「อะ อืม ถึงรายละเอียดจะต่างกันนิดหน่อยก็เถอะ แต่รวมๆแล้วก็ประมาณนั้น…..มั้ง」

 

「นะ……ซ──」

 

รูริขมวดคิ้วอย่างหนัก ไม่รู้ทำไม ตาถึงกลอกไปมาเหมือนกำลังร้อนใจอยู่ด้วย

 

「น่ะ…..นี่จะบ้าหรือไง!? มาเสี่ยงชีวิตในสนามรบเพราะเรื่องแบบนั้นเนี่ยนะ…..!」

 

「ขอโทษนะ แต่ว่า…สำหรับฉันในตอนนี้น่ะ เป็นเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น」

 

「────」

 

พอมุชิกิพูดแบบนั้น รูริก็กัดริมฝีปาก

──ราวกับว่า กำลังพยายามยั้งสติตัวเอง

หลังจากนั้นก็สะบัดหน้าไปมาเหมือนเปลี่ยนใจ

 

「ยะ ยังไงก็ไม่ได้ ยอมรับไม่ได้หรอก เหตุผลแบบนั้น──」

 

พอรูริพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มุชิกิก็สั่นคิ้วแล้วร้อง「อ๊ะ」เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

 

「จริงสิ รูริ มีเรื่องที่อยากจะขอร้องอยู่น่ะ」

 

「…..อะ อะไรเล่า」

 

「วันเสาร์ที่จะถึงนี้ว่าจะออกไปนอก〈อุทยาน〉สักหน่อยน่ะ ถ้าเกิดว่างละก็…ช่วยมาด้วยกันได้ไหม?」

 

「……………เห๊ะ?」

 

คำพูดของมุชิกิ ทำให้รูริหน้าเอ๋อไปแวบหนึ่ง

แล้วในที่สุด สมองก็ทำความเข้าใจกับคำพูดนั้นได้ รูริตาเบิกโพลง

 

「นะ──นะนะนะนะนี่พูดอะไรของนายยะ อยู่ๆก็、แล้วทำไมฉันต้อง…..」

 

「ไม่ได้เหรอ ไม่ว่ายังไงก็จำเป็นต้องมีรูริล่ะนะ」

 

「นน่ะ…..!?」

 

พอมุชิกิพูดต่อ รูริก็หน้าแดงแจ๋ขึ้นมา

 

「ระ หรือว่า…..คนที่มุชิกิชอบจะเป็น──」

 

จากนั้น ก็พึมพำอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว แล้วบิดตัวดิ้นไปมา

 

「รูริ?」

 

「…..จะ、จะคิดดูก็แล้วกัน…..!  แค่คิดดูเฉยๆเท่านั้นแหละนะ!」

 

รูริชี้ที่มุชิกิแล้วตะโกนแบบนั้นออกมา จากนั้นก็วิ่งสุดชีวิตไปตามทางเดิน

 

 

 

「──ฮิซุมี้─────!」

 

หลังเลิกเรียนวันนั้น รูริส่งเสียงเหมือนตะโกนแล้วกระแทกเปิดประตูหอพักเข้ามา

ฮิซุมิที่ดูเหมือนจะกลับมาก่อน สะดุ้งตกใจแล้วหันไปหา

 

「ว้าา! อะ อะไรน่ะ!? เอ๊ะ…..รูริจังเองเหรอ จัดการควันหลงเหนื่อยแย่เลยนะ ว่าแต่มีอะไรล่ะ」

 

「สะ สะสะสะสถานการณ์ฉุกเฉิน! ทะ ท่านพี่น่ะ!」

 

「ท่านพี่เนี่ย…..、หมายถึงคุกะคุงสินะ?」

 

「ใช่! ท่านพี่คนนั้นน่ะ! ชะ ชะชะชะชะ ชวนฉันไปเดทล่ะ!」

 

「เดทเนี่ย…..แบบพี่น้องเหรอ? ไม่สิ อาจจะแค่ชวนออกไปข้างนอกด้วยกันเฉยๆหรือเปล่า…..」

 

「ไม่ผิดแน่! บอกว่า『เพราะชอบรูริ ก็เลยมาที่〈อุทยาน〉』ด้วยล่ะ!」

 

「เอ๊ะ…..เอ๊───!?」

 

ฮิซุมิทำหน้าประหลาดใจ

 

「งะ งั้นเหรอ…..กับพี่น้อง……เห๊─…..ละ แล้วถูกชวนยังไงล่ะ…..?」

 

「มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วบอกว่า『ฉันน่ะ จำเป็นต้องมีรูริ』ล่ะ…..ตอนนั้นอยู่ใกล้กำแพงหรือเปล่านะ…..?  

อืม…..รู้สึกว่าจะถูกคาเบะด้ง…..แล้วก็น่าจะโดนเชยคางด้วยล่ะ!」

 

พอรูริพูดออกไป ฮิซุมิก็หน้าแดงจางๆ แล้วโน้มตัวเหมือนสนใจเป็นอย่างมาก

 

「วะ ว้า…..คุกะคุงเป็นพวกใจกล้าขัดกับหน้าตา…..」

 

「ทะ ทำไงดีล่ะ!? ที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยเดทเลยด้วย…..」

 

「ทำยังไงเนี่ย ต่อให้ถามอะไรแบบนั้นกับฉัน…..เอ๊ะ แบบว่า แค่ถามเผื่อไว้ก่อนนะ เดทเนี่ย…จะไปจริงๆเหรอ?」

 

「มันแน่อยู่แล้ว! เอ๊ะ ทำไมล่ะ? ท่านพี่อุตส่าชวนแบบนี้มีตัวเลือกไม่ไปด้วยเหรอ?」

 

「เปล่าหรอก คือแบบว่า…..รูริจังก็ทำตัวเกรี้ยวกราดกับคุกะคุงไม่ใช่เหรอ?」

 

「นั่นมันก็…..หลายๆอย่างน่า! เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น! เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้สิ!」

 

「งะ งั้นเหรอ…..」

 

ฮิซุมิเกาแก้มแกรกๆ แล้วถามคำถามเพื่อดึงอารมณ์กลับมา

 

「แล้ว…..นัดกันวันไหนล่ะ?」

 

「วันเสาร์นี้!」

 

「วันเสาร์ หมายความว่าเป็นวันหยุด…..งั้นคงไม่ใช่ชุดนักเรียนสินะ ก่อนอื่นหาชุดที่จะใส่ไปก่อนน่าจะดีหรือเปล่าน้า…..?」

 

「อย่างงี้นี่เอง! สมเป็นฮิซุมิ! แก่แดด!」

 

「รู้สึกเหมือนจะมีคำพูดที่ไม่จำเป็นหรือเปล่าน้า」

 

ฮิซุมิทำหน้าไม่พอใจ แต่รูริก็ไม่สนใจ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

จากนั้น ก็ทำการเลือกชุดชั้นในหลากหลายชนิดที่พับอยู่อย่างเป็นระเบียบ

 

「กฏพื้นฐานคือบนกับล่างต้องเข้าคู่กัน…..สีฟ้าที่คุ้นเคยน่าจะดีที่สุดหรือเปล่านะ หรือจะลองสีดำแบบพวกใจกล้า…..? ไม่สิ เวลาแบบนี้อาจจะควรปลดผนึกสายดึงถุงเถ้าที่เตรียมไว้มากกว่า?」

 

「เดี๋ยวสิรูริจัง ยังเร็วเกินไป」

 

「…..! นั่นสินะ ขอบคุณมาก เพราะกำลังฮึกเหิมเลยรีบด่วนสรุปเกินไป 

ชุดชั้นในทำศึกที่แท้จริงไม่ใช่ชุดชั้นในลามก แต่เป็นสีขาวที่ดูเรียบร้อยสินะ!」

 

「ไม่ใช่แบบนั้น」

 

「ฮิซุมิเนี่ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็คอยใจเย็นให้ฉันเสมอ ฉันน่ะ รู้สึกขอบคุณจริงๆนะ ที่มีเพื่อนซี้อย่างเธอ──」

 

「ลองมาเป็นเพื่อนซี้ที่ถูกขอบคุณในเวลาแบบนี้ดูไหม?」

 

ฮิซุมิหลังจากเหงื่อตก ก็ทำหน้าถมึงทึงแล้วพูดต่อ

 

「ทำไมอยู่ๆถึงไปชุดชั้นในล่ะ…..? ก่อนอื่นต้องเริ่มจากภายนอกก่อนไม่ใช่เหรอ…..แล้วเดิมที มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเห็นด้วยหรือไง…..?」

 

「เรื่องนั้น…..ยังไงก็เป็นท่านพี่นี่นะ…..เรื่องเพ่งเล็งน้องสาวมันแน่นอนอยู่แล้ว…..」

 

「ละ ลามกจกเปรต…..」

 

ฮิซุมิยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทั้งใบหน้าแดงแจ๋ แต่ว่า จากนั้นก็สะบัดหน้าเปลี่ยนความคิดทันที

 

「ฟังนะ? รูริจัง ถ้านั่นเป็นตัวเลือกของรูริจัง ฉันก็จะเอาใจช่วย แต่ว่า อย่าได้ไหลไปตามอารมณ์ชั่ววูบเด็ดขาด ต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากๆนะ…..?」

 

「อือ…..เข้าใจน่า ของแจกในงานแต่งแทนที่จะเป็นถ้วยชามพิมพ์ลาย เอาเป็นของฝากจากแคตตาล็อกน่าจะดีกว่า…..」

 

「ก็บอกว่ายังเร็วไปไงเล่า!」

 

ฮิซุมิตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน

 

Options

not work with dark mode
Reset