King propose 2 อุทยาน part 3

ตอนที่ 2 อุทยาน part 3

「──เรื่องที่ต้องระวังข้อที่สองก็คือ การจัดการกับพลังเวทย์ค่ะ」

 

ย้อนเวลากลับไปที่ห้องผู้อำนวยการอีกครั้ง 

หลังอธิบายข้อแรกจบ ก็ชูนิ้วขึ้นมาอีกนิ้วแล้วเริ่มพูดต่อ 

 

「จัดการพลังเวทย์…..เหรอครับ ไอ้นั่นไม่เข้าใจตั้งแต่หมายถึงอะไรแล้วล่ะครับ…」

「จำว่าเป็นพลังงานที่มีอยู่ในทุกสิ่งมีชีวิตก็ไม่มีปัญหาค่ะ แยกแบบกว้างๆเป็นสองประเภท พลังเวทย์ภายนอกที่ลอยอยู่เต็มโลก กับพลังเวทย์ภายในที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคล เรียกว่ามานาและโอดิกค่ะ 」

 

คุโรเอะทำมือประกอบการอธิบายไปด้วย

 

「จะละรายละเอียดยิบย่อยไว้ค่ะแต่ว่า ──พลังเวทย์ภายในของท่านไซกะน่ะ มีมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่าตัวค่ะ แม้แต่วิชาที่จอมเวทย์ทั่วไปไม่มีทางใช้ได้หากไม่ดึงพลังงานจากภายนอก ท่านไซกะสามารถใช้เวทย์นั้นได้ด้วยพลังของตัวเองเพียงอย่างเดียว」

「สุดยอด สมเป็นคุณไซกะ」

「ค่ะ สุดยอดจริงๆค่ะ แต่ว่าตอนนี้น่ะ พลังเวทย์ที่เอ่อล้นราวกับน้ำตกนั่น อยู่ในสภาพถูกปลดปล่อยอย่างไร้การควบคุมค่ะ ──เห็นอะไรที่รอบตัวหรือเปล่าคะ?」

「………..เอ๊ะ?」

 

พอได้ยินแบบนั้น ก็ลดสายตาลงไปยังมือทั้งสองข้าง

เมื่อลองเพ่งมองก็เห็นเหมือนบริเวณรอบตัวกำลังเรืองแสงอ่อนๆ

 

「หวา…ไอ้นี่มันอะไรกันครับ」

「นั่นคือพลังเวทย์ของท่านไซกะค่ะ พอฟังคำพูดของฉันทำให้รู้สึกถึงการมีตัวตนและสัมผัสได้ในที่สุดสินะคะ」

「เอ๊ะ เจ้านี่มองเห็นได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?」

「ไม่มีทางค่ะ ปกติแล้วการจะรับรู้ถึงพลังเวทย์แม้แต่คนหนุ่มสาวก็ได้ยินว่ากินเวลาเฉลี่ยถึงหนึ่งปีค่ะ อย่าได้ลืมว่าดวงตาที่ใช้มองอยู่ตอนนี้คือดวงตาของท่านไซกะสิคะ」

 

คุโรเอะพูดเหมือนเตือนออกมา

 

「แล้วตอนนี้ขอให้คิดไว้ว่า พวกจอมเวทย์ที่มีฝีมือน่าจะรับรู้ถึงพลังเวทย์ของคุณกันหมดแล้วค่ะ ไม่รู้จะนับเป็นโชคดีหรือโชคร้าย แต่เพราะท่านไซกะเพิ่งถูกจ้องเอาชีวิตมา จะให้เข้าใจว่ากำลังระมัดระวังรอบตัวอยู่ก็ได้ค่ะ แต่ว่า………จะปล่อยไว้แบบนี้ตลอดไปก็ไม่ได้ค่ะ」

「นั่นสินะครับ… จะให้คุณไซกะเป็นพวกอั้นไม่อยู่ก็คงไม่ดีสินะครับ」

「รู้สึกขัดใจกับการใช้คำ แต่ก็ตามที่ว่าค่ะ ก่อนอื่นขอให้เรียนรู้ ──ไม่สิ 『นึก』วิธีกักเก็บพลังเวทย์ไว้ในร่างกายให้ออกด้วยค่ะ」

「นึกให้ออก…เหรอครับ」

 

มุชิกิกอดอกพร้อมทำสีหน้าประหลาดใจ

 

「ค่ะ แบบเดียวกับตอนที่สัมผัสพลังเวทย์ได้เมื่อสักครู่ สิ่งเหล่านั้นคือฟังค์ชั่นที่มีอยู่ในตัวท่านไซกะแต่ดั้งเดิมค่ะ เพียงแต่ตัวคุณที่เป็นคนขับเคลื่อนอยู่ในตอนนี้ไม่รู้วิธีสัมผัสมัน พลังเหล่านั้นเลยไม่ทำงาน สิ่งที่จำเป็นคือการระลึกและรับรู้ค่ะ 」

 

คุโรเอะอธิบายต่อ

 

「พลังเวทย์ด้วยตัวของมันเองก็ถือเป็นพลังงานที่ทรงพลังอยู่แล้วค่ะ คำร่าย วงเวทย์ สูตรเวทย์ แม้จะไม่พึ่งสิ่งเหล่านี้ เพียงแค่รวบรวมแล้วปล่อยออกมาก็ก่อให้เกิดพลังทำลายได้ระดับหนึ่งอยู่แล้วค่ะ แล้วยิ่งถ้าเป็นพลังเวทย์ของแม่มดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างท่านไซกะด้วยแล้วก็──」

 

คุโรเอะพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่เพื่อจะเตือนว่า โปรดระมัดระวังให้มากๆด้วยค่ะ

 

───คาบที่หนึ่ง คาบบรรยาย

แน่นอนว่าแม้จะเริ่มคาบเรียนแล้ว บรรยากาศในห้องก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกกว่านี้ละก็ บรรยากาศในตอนนี้น่ะมันตึงเครียดยิ่งกว่าช่วงโฮมรูมเสียอีก

 

『…………』

 

ถึงจะไม่ได้จ้องมาแบบไม่ยำเกรง แต่ก็รู้สึกได้ว่า ทุกชีวิตในห้องเรียนกำลังเฝ้าระวังกับทุกการกระทำของมุชิกิ ระดับที่ว่าถ้ามุชิกิเกิดจามขึ้นมาสักทีแล้วก็ จะต้องมีนักเรียนที่ตกใจจนร่วงตกเก้าอี้แน่ๆ

 

「……….」

 

มุชิกิที่รับรู้ถึงความรู้สึกอึดอัดถอนหายใจออกมาเบาๆ

เมื่อเห็นแบบนั้น รูริที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆก็หันมาพูดกระซิบด้วยเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน

 

「──ช่วยมองข้ามไปด้วยค่ะ ทุกคนแค่กำลังประหม่าอยู่น่ะ」

 

พูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา

จะว่าไปแล้วรูริเนี่ย เมื่อคาบโฮมรูมยังเห็นนั่งอยู่ที่นั่งไกลๆ ไม่รู้ทำไมพอเริ่มเรียนแล้วถึงมาอยู่ตรงนี้

ส่วนนักเรียนเจ้าของที่เดิมก็กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ตรงที่นั่งเก่าของรูริ

นี่ไปเจรจากันอีท่าไหนเนี่ย

 

「……..อา เรื่องนั้นเข้าใจอยู่แล้วล่ะ แค่ว่า ยังไงก็เป็นความรู้สึกที่แปลกแหละนะ รู้สึกราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปทั่วร่างเลยน่ะ」

「คงช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ก็ท่านแม่มดอยู่ใกล้ขนาดนี้นี่นา จะบอกให้ทุกคนทำเหมือนไม่อยู่ก็คงไม่ไหวหรอกค่ะ」

「นั่นสินะ …จะว่าไป ประโยคที่ว่าตัวฉันถูกมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปทั่วร่างเนี่ย คิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็อดใจเต้นไม่ไหวเนอะ?」

「เอ๊ะ นี่อ่านใจฉันเหรอคะ?」

 

รูริตาเบิกโพลงขึ้นพร้อมๆกับแก้มที่แดงระเรื่อ

รู้สึกเหมือนจะเข้าใจเหตุผลที่หล่อนถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะขึ้นมาแล้ว

 

「──อะ เอ…ถ้างั้น จะสงบใจแล้วเริ่มคาบเรียนแล้วนะ 」

 

คนที่พูดออกมาด้วยสภาพที่ดูไม่สงบใจเท่าไหร่คืออาจารย์ประจำชั้นที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะผู้สอน คุริเอดะ โทโมเอะ นั่นเอง ดูเหมือนว่าคาบแรกจะเป็นหน้าที่ของเธอ

โทโมเอะใช้นิ้วมือที่สั่นเทาแตะไปยังกระดานด้านหลัง แล้วตรงนั้นก็มีแสงรางๆสว่างขึ้นมา ดูแล้วน่าจะเป็นกระดานไฟฟ้า

ส่วนบนโต๊ะของพวกนักเรียนก็มีสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแท็บเล็ตอยู่ เป็นห้องเรียนที่ดูทันสมัย──ไม่สิ เรียกว่าดูล้ำสมัยเลยมากกว่า ต่างจากภาพ『โรงเรียนเวทย์มนต์ 』ที่มุชิกิคิดไว้ไกลโข

จะว่าไปก็เคยถามเรื่องคล้ายๆกันกับคุโรเอะ ทางนั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแคลงใจว่า 「…..? ถ้าแค่ใช้ไฟฟ้าก็จบ ทำไมจะต้องดั้นด้นไปใช้เวทย์มนต์ด้วยล่ะคะ?」

 

「──ถะ ถ้างั้น ต่อจากเนื้อหาเมื่อวาน ประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ เรื่องการค้นพบครั้งใหญ่และการเปลี่ยนแปลงห้าสมัย…」

 

โทโมเอะใช้นิ้วมือที่สั่นเครือควบคุมกระดานดำ แล้วเริ่มชั้นเรียน

ส่วนพวกนักเรียนก็ก้มลงมองแท็บเล็ตแล้วเริ่มจดโน๊ตไปพลางสังเกตุท่าทีของมุชิกิ

 

「…….ตามที่ทุกคนรู้กัน ประวัติศาสตร์ของศาสตร์เวทย์แบ่งออกเป็น 5 ยุคสมัยใหญ่ๆ 『ยุคค้นพบพลังเวทย์』『ยุคใช้คำร่าย』『ยุคที่ใช้วงเวทย์ สัญลักษณ์และบรรจุลงสสาร』──」

「…….ฮึ่ม」

 

มุชิกินั่งฟังบรรยายพลางลูบคางเบาๆ

แน่นอนว่าที่โทโมเอะพูดมาทั้งหมดเนี่ย ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ว่า ทางมุชิกิเองก็ไม่อาจปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ได้ เพราะยังไงเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับทั้งชีวิตของมุชิกิและไซกะ

มุชิกิค่อยๆยกมือขึ้นด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องมาขัดการเรียนการสอน

 

「คือว่า ขอพูดอะไรสักหน่อย──ได้หรือเปล่านะ?」

『………….!』

 

ทันใดนั้น ทุกสายตาในห้องก็ถูกรวบรวมไปที่มุชิกิทันที

บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่แล้วก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีก ใบหน้าของเหล่านักเรียนเต็มไปด้วยความประหม่า

อาจารย์ใหญ่ตั้งใจจะพูดอะไรกัน ──จะคลาดสายตาไปไมได้เด็ดขาด ทุกคนกลั้นหายใจและจ้องมาทางมุชิกิ

「ฮี้── มะ มะมะมะมะมะมะมีจุดไหนที่ผิดพลาดไปหรือคะ…..!?」

 

โทโมเอะในตอนนี้ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเต็มที ทั้งหดไหล่และยืนตัวสั่น

จะพูดแบบนี้ก็กระไรอยู่ แต่สภาพตอนนี้เหมือนลูกหมาที่ถูกทิ้งให้ยืนสั่นอยู่กลางฝนเย็นเฉียบเลย

 

「อา เปล่าหรอก แค่มีเรื่องที่อยากจะถามนิดหน่อยน่ะนะ」

「ฮะ ฮ่า…..ระ เรื่องอะไรหรือคะ…….」

 

โทโมเอะถามกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ

มุชิกิคิดว่าอาจจะถูกทุกคนหัวเราะเยาะใส่ก็ได้ แต่ก็ถามออกไป

 

「เป็นคำถามที่พื้นฐานสุดๆเลยรู้สึกอายนิดหน่อยน่ะ แบบว่า…..ศาสตร์เวทย์เนี่ยคืออะไร ช่วยอธิบายมาแบบง่ายๆได้หรือเปล่านะ」

『──────!?』

 

พอมุชิกิถามออกไป

พวกคนในห้องก็พากันแตกตื่นขึ้นมาทันที

 

「……ศะ ศาสตร์เวทย์…คืออะไร…..?」

「ไม่ได้หมายความตามคำพูดแน่ๆ……เจ้านี่คือคำถามที่ดูเรียบง่าย แต่ก็แอบแทรกความนัยอันแสนลึกซึ้งอยู่ ……!」

「ปัญหารากฐานเวทย์มนต์เชิงปรัชญา….. ระดับเดียวกับที่ถามกันว่า『มนุษย์คืออะไร』……!」

「ไอ้คำที่ได้ยินบ่อยๆตามงานวิชาการนั่นไง! เป็นคำถามที่ดูมือใหม่แต่ว่า!(จากนี้ไปจะซัดแกให้ยับเลย) ฉันเองก็รู้เรื่องเวทย์มนต์แค่นิดหน่อยน่ะ…….!」

「ระวังไว้นะครับอาจารย์…….! คำถามของท่านแม่มด…….ถ้าเกิดตอบผิดขึ้นมาละก็──」

 

เสียงเซ็งแซ่ของเหล่านักเรียนที่ตีความคำถามของมุชิกิลึกเกินไปดังขึ้นเต็มห้อง พวกเจ้าตัวคงกะกระซิบกระซาบกัน แต่ได้ยินชัดแจ๋วเลย

ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงพวกนั้นหรือเปล่า โทโมเอะหน้าแดงก่ำจนกลายเป็นซีดไปแล้ว

ทำท่าเหมือนกำลังคิดคำตอบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นด้วยสภาพที่ราวกับน้ำทั้งหมดในร่างกายถูกส่งออกมาทางใบหน้า โทโมเอะกดหัวตัวเองกับโต๊ะผู้สอน

 

「…….ขะ ขะขะขะขะขะขออภัยจริงๆค่ะท่านแม่มด…….! เจ้าคนสมองตื้นคนนี้ คนคว้าความรู้มาไม่พอที่จะตอบคำถามอันแสนลึกซึ้งของท่านแม่มด….! อย่างน้อย อย่างน้อยขอแค่ชีวิต……!」

「เปล่า แค่อยากให้ตอบแบบธรรมดาน่ะนะ」

 

มุชิกิเกาแก้มด้วยใบหน้าที่ดูหน้ามึนงงนิดหน่อย

โทโมเอะที่ได้ยินแบบนั้น แอบส่งสายตามองสีหน้ามุชิกิตาปริบๆอยู่หลายครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

「บะ แบบธรรมดาได้จริงๆเหรอคะ……?」

「อา ขอแบบที่แม้แต่มือใหม่ก็เข้าใจด้วยนะ」

「ถะ ถ้างั้น ขออนุญาตินะคะ….」

 

โทโมเอะเริ่มอธิบายด้วยสภาพกล้าๆกลัวๆ

 

「ศะ ศาสตร์เวทย์คือชื่อเรียกของวิชาที่ใช้พลังเวทย์ในการทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆค่ะ…….มีอยู่หลากหลายชนิดก็จริง

แต่สายหลักใน 〈อุทยาน〉แห่งนี้คือการนำพลังเวทย์มาแปลงเป็นสสารเรียกว่าวิชาจำแลงค่ะ……. ถะ ถูกใช่มั้ย……?」

 

โทโมเอะหันไปหาพวกนักเรียนด้วยความกังวล ทุกคนส่งเสียง  『ไม่เป็นไรน่า』『พยายามเข้า』กระซิบกลับมา

 

「……….」

 

แต่ว่ามุชิกิกลับลูบค้างด้วยสีหน้าปั้นยาก ──ตามจริงเลย ก็ยังไม่เข้าใจแม้แต่อย่างเดียว

 

「ช่วยบอกวิธีใช้มาเลยได้หรือเปล่านะ? เอาแบบที่พื้นฐานสุดๆไปเลยก็ดี」

「เอ๊ะ…….? ฮ่ะ ฮ่า…….」

 

โทโมเอะค่อยๆยกมือขึ้น แล้วชูนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้ว

「แบบที่ฉันถูกสอนมาสมัยก่อน จะฝึกโดยใช้วิธีหมุนนิ้วแบบนี้แล้วพันพลังเวทย์เข้าไปค่ะ…..จินตนาการว่านิ้วคือแท่งไม้ ส่วนพลังเวทย์คือขนมสายไหมจะช่วยให้ทำง่ายขึ้นค่ะ…..」

พอเพ่งมองดู ก็เห็นแสงอ่อนๆที่ล้อมรอบตัวเธอไหลไปรวมกันที่นิ้ว

 

「ฮึ่ม」

 

อย่างงี้นี่เอง ถ้าแค่นี้ก็น่าจะทำได้อยู่หรอก คุโรเอะเองก็เคยพูดไว้ว่า ความรู้สึกแบบ「น่าจะทำได้」เป็นสิ่งสำคัญ

มุชิกิชูนิ้วขึ้นเลียนแบบโทโมเอะ จินตนาการภาพขนมสายไหมขึ้นในหัวแล้วหมุนนิ้ว

ในตอนนั้น

ทันทีที่สายไหมขนาดยักถูกสร้างขึ้นมา──

เจ้าสิ่งนั้นก็พุ่งผ่านเส้นผมของโทโมเอะไประเบิดใส่กระดานดำไฟฟ้า กำแพงโดยรอบ พื้น และเพดานถูกลบหายเป็นหลุมกลวงเหมือนถูกตักออก

 

「──เฮ้ะ?」

 

ในชั่วพริบตา หน้าห้องเรียนก็มีหลุมรูปวงกลมขนาดใหญ่เปิดออก ข้างในรูมีดอกไม้ไฟส่งเสียงแปล๊บๆ ขณะเดียวกันก็มีลมพัดเข้ามาจากภายนอก ผมที่ถูกตัดครึ่งไปบางส่วนของโทโมเอะถูกพัดลอยขึ้นไป

 

「────โคฮิ้ว────」

 

ในตอนที่ตกใจอย่างแท้จริง ดูเหมือนว่ามนุษย์จะไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้

โทโมเอะตากลับเป็นสีขาว แล้วล้มลงกับที่ราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดด้าย

 

「อะ อาจ้านนนนนนนนนน!?」

「ก็บอกให้สอนแบบพื้นฐานของพื้นฐานไงคร้าบบบบบบบบบบบ!」

「โปรดระงับความโกรธด้วยครับท่านแม่มด……! อาจารย์ไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนท่านแม่มดหรอกครับ….!」

 

ในตอนที่โทโมเอะล้มลงไป เหล่านักเรียนที่ยืนเหวอกันอยู่ก็ได้สติขึ้นมาแล้วส่งเสียงโหวกเหวก

ในกลุ่มนั้นมีเพียงแค่รูริที่นั่งอยู่ข้างๆมุชิกิที่กำลังพยักหน้ากอดอกด้วยท่าทีประทับใจอยู่

 

「แม้แต่พลังเวทย์ง่ายๆยังมีพลังทำลายขนาดนี้ ──สมแล้วค่ะ ท่านแม่มด เป็นการเตือนว่าไม่ว่าศาสตร์เวทย์จะถูกพัฒนาไปไกลแค่ไหน ก็อย่าได้หลงระเริงกับเคล็ดวิชาสินะคะ จะจำให้ขึ้นใจเลยค่ะ」

 

พอเห็นรูริพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เหล่านักเรียนที่กำลังโหวกเหวกโวยวายก็พากันทำหน้า「เห…..อย่างงั้นเองเหรอ…..?」ส่งสายตามาทางมุชิกิ

 

「……..」

 

แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ก็แค่อุบัติเหตุเท่านั้นแหละ

แต่ว่า จอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดจะมาผิดพลาดกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

 

「───หึ จงทุ่มเทเข้าล่ะ ทุกคน?」

 

มุชิกิพยายามกดเสียงหัวใจที่เต้นตุบตับมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วแกล้งทำใจเย็น โยนคำพูดที่ดูสมเป็นแม่มดหลากสีออกไป 

……เป็นมุชิกิที่กำลังคิดว่า ไอ้ภารกิจนี้เนี่ย….มันอุปสรรคสูงกว่าที่คิดไว้ไม่ใช่หรือไง

Options

not work with dark mode
Reset