King propose 1 หลอมรวม part 3

ตอนที่ 1 หลอมรวม part 3

มุชิกิที่ออกจากห้องอาจารใหญ่มา ถูกคุโรเอะพาตัวไปที่ดาดฟ้า

ก่อนออกจากห้องมุชิกิถูกบังคับให้เปลี่ยนจากแตะในบ้านเป็นรองเท้าจริงๆ แถมไม่ใช่รองเท้าแบนๆที่เคยใส่

แต่ดันเป็นส้นสูง

 

「ทางนี้ค่ะ จากนี้ไปจะเป็นทางลาด ระวังด้วยนะคะ」

 

คุโรเอะพูดพร้อมยื่นมือออกมา

มุชิกิตอบ「ขออนุญาตินะครับ」แล้วจับมือคุโรเอะค่อยๆเดินออกไปข้างนอก

 

「――ที่นี่คือ…」

 

ข้างบนดาดฟ้า มุชิกิเดินไปตามแนวรั้วแล้วมองลงไปยังทิวทัศน์ที่ขยายออกไปด้านล่างพลางเอามือกดเส้นผมที่ถูกลมสายลมพัดปลิวสไว ส่งเสียงออกมาเบาๆ

จากที่นี่สามารถมองเห็นบริเวณรอบๆที่มองไม่เห็นตอนอยู่ข้างล่าง

รอบๆโซนอาคารเรียนเป็นพื้นที่กว้างที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ มีอาคารอยู่หลายหลัง เมื่อมองข้ามกำแพงจะเห็นเป็นทิศทัศน์เมืองขยายออกไป

 

「อ๊ะ……ข้างนอกก็เป็นเมืองปกติสินะครับ」

「ค่ะ คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันล่ะคะ」

「คือว่า…พอพูดถึงเวทมนตร์ เลยเผลอคิดว่าถูกส่งมาต่างโลกน่ะครับ」

「คุณมุชิกิอาจจะไม่รู้ แต่พวกเราน่ะ เคลื่อนไหวจากเบื้องหลังของโลกมาตลอดค่ะ อุทยานแห่งนี้ถ้าพูดถึงที่ตั้งก็อยู่ที่ฝั่งตะวันออกเขตโอวโจวค่ะ」

「อยู่ใกล้กว่าที่คิดนะครับ……แต่ว่าอาคารรูปร่างแบบนี้ตรงแถวๆนั้น――」

「เพราะมีการขัดขวางการรับรู้อยู่ค่ะ จากภายนอกจะไม่สามารถรับรู้ถึงที่แห่งนี้ได้

――ว่าแต่ว่าตอนนี้อยากให้สนใจข้างบนมากกว่าข้างล่างนะคะ」

「เอ๊ะ?」

 

มุชิกิแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองตามที่คุโรเอะบอก

ในวินาทีนั้น

――ท่ามกลางหมูเมฆที่ลอยละล่องบนอยู่ท้องฟ้าอันแสนสงบ เจ้าสิ่งนั่นได้ปรากฏออกมา

 

「……? นั่นมัน……อะไรน่ะครับ 」

 

เจ้าสิ่งนั้นคือกรงเล็บ

กรงเล็บขนาดใหญ่ยักที่โผล่ออกมาจากท่องฟ้าว่างเปล่าไม่มีอะไร

ไม่ใช่  จะบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ถูก

พื้นที่รอบๆกรงเล็บมีช่องว่างมิติรูปร่างเหมือนรอยแตกอยู่

รอยแตกนั้นค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น แล้วในที่สุดท้องฟ้าก็ถูกร่างอันใหญ่ยักพุ่งทะลุออกมา

เมื่อได้เห็นเจ้าสิ่งนั้น มุชิกิก็ตาเบิกโพลง

ผิวหนังที่แข็งแกร่งปกคลุมไปทั่วร่างกายใหญ่ยัก กรงเล็บจำนวนมากที่ติดอยู่ที่ฝ่ามือและเท้า เขาใหญ่ยาวที่ยืดออกมาจากหัวและแนวหลัง และปีกยักคู่หนึ่ง

รูปร่างที่ใกล้เคียงกับไดโนเสาร์ยุคโบราณ หรือสัตว์อสูรที่เคยเห็นในหนัง

 

「――ปัจจัยแห่งการล่มสลายหมายเลข 206 : Dragon」

 

คุโรเอะประกาศชื่อของเจ้าสิ่งนั้นราวกับเป็นการยืนยันความคิดของมุชิกิ

 

「ร่ายกายที่แข็งแกร่งกับพลังชีพมหาศาล แม้แต่การโจมตีแบบครึ่งๆกลางๆก็รับไว้ตรงๆไม่ได้ เปลวไฟที่ปล่อยออกมาสามารถเปลี่ยนญี่ปุ่นทั้งประเทศให้กลายเป็นทะเลเพลิงได้ในเวลาไม่กี่วัน สมกับเป็นคำจำกัดความของการล่มสลายอย่างแท้จริงเลยสินะคะ」

 

ราวกับเป็นการยืนยันคำอธิบายของคุโรเอะที่ยืนพูดอยู่อย่างไม่ค่อยใส่ใจ  เจ้ามังกรแผดเสียงคำรามและปล่อยคลื่นเพลิงออกจากปาก

 

「น่ะ…….!?」

 

ท้องฝ้าถูกเผาไหม้ เพลิงพิโรธที่แม้แต่มุชิกิที่อยู่ห่างออกไปยังรู้เจ็บแสบตามผิว แค่จะลืมตาภายใต้อุณหภูมินี้ก็ยากเต็มกลืน

ลมหายใจเพลิงที่ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายปรัมปรา

ถ้าโดนของแบบนั้นเข้าไปตรงๆละก็ บ้านเมือง ป่าเขา และผู้คนจะเป็นยังไงกันนะ

คำตอบของคำถามอันแสนสิ้นหวังนั้นได้ถูกนำมาแสดงต่อหน้ามุชิกิ

 

「…….!」

 

ภาพทิวทิศน์ที่เคยอยู่ตรงหน้าถูกครอบไปด้วยเพลิงไฟ

เมืองที่คุ้นตา โลกที่เคยใช้ชีวิตอยู่ทุกวันจนถึงเมื่อวานถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นนรกในชั่วพริบตา

เปลวไฟที่ลุกลามราวกับจะโลมเลียผืนดิน ทุกสิ่งที่อยู่ในเส้นทางถูกย้อมเป็นสีดำแดง

เสียงร้องโหยหวน เสียงสัญญาน เสียงของบ้านเมืองที่พังทลายผสมปนเปดังก้องไปทั่วบริเวณ

ภาพการล่มสลายที่เกิดขึ้นกะทันหันทำเอาสมองมุชิกิประมวลผลไม่ทัน

 

「น่ะ……. 、เอ๊――」

 

หลังจากนั้นสักครู่ สมองที่แทบจะหยุดนิ่งก็เริ่มประมวลเหตุการณ์แล้วยิงคำสั่งไปยังแขนขาที่หยุดนิ่ง

มุชิกิที่ถูกกดดันจากสถานการณ์กระทันหัน เข้าไปคว้าไหล่คุโรเอะ 

 

「คุโรเอะ! แย่แล้ว, เมืองมัน!」

「ไม่ต้องบอกก็เห็นอยู่แล้วค่ะ ใจเย็นๆก่อนค่ะ คุณมุชิกิ」

「เห็นแบบนี้จะยังบอกให้ใจเย็นอยู่ได้ยังไงครับ! ทางคุโรเอะต่างหากล่ะ ทำไมถึงยังนิ่งได้ขนาดนั้นครับ!?」

「ต่อให้ลนลานไปก็ไม่ทำไมสถานการณ์ดีขึ้นหรอกนะคะ และยิ่งกว่านั้น――」

「ถ้าไม่ดูดีๆ จะพลาดเอานะคะ」

「……….เอ๊ะ?」

 

มุชิกิหันกลับไปข้างบนฟ้า

และในจังหวะนั้น

 

「―――ยี้ยยยยย――――ยะฮ่าาาาาาาาาา―――――!!!」

 

เสียงตะโกนลั่น  พร้อมกับเงาเล็กๆจุดหนึ่งจากพื้นดินกำลังพุ่งขึ้นฟ้าราวกับกระสุนปืนที่ถูกยิงออกไป

เงาที่ว่านั่นพุ่งเป็นเส้นตรงไปใส่มังกร ตามด้วยเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นและร่างใหญ่ยักของมังกรก็ถูกซัดลอยขึ้นฟ้า

 

「น่ะ――」

 

เจ้ามังกรคำรามลั่นจนท้องฟ้าสั่นไหว

แต่ว่าเสียงคำรามนั่นไม่ใช่เสียงคำรามที่มีไว้ประกาศตัวตนกับเหยื่อ หรือเสียงคำรามที่มีไว้ขู่คู่ต่อสู้ แต่เป็นเสียงร้องโหยหวนที่เกิดจากความเจ็บปวด

 

「ฮ่ะ หนวกหูว้อย ไอ้กิ้งก่าบ้านี่――」

 

เงาของคนที่ซัดมังกรจนปลิวกางแขนสองข้างออก

แล้วเจ้าสิ่งที่หมุนวนอยู่รอบตัวเขาราวกับเป็นดาวเทียมขนาดเล็กก็เรืองแสงขึ้นราวกับเป็นการตอบรับ

วินาทีต่อมา เสียงระเบิดที่คล้ายเสียงฟ้าฝ่าก็ดังกึกก้อง ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยแสงจ้า 

ความสว่างของแสงทำให้เผลอหลับตาโดยไม่รู้ตัว

 

「…….….!」

 

พอมุชิกิลืมตาขึ้นมา ร่างอันใหญ่ยักของมังกรก็หายไปไม่เหลือแม้แต่เงา

 

「อะ ไอ้นั่นมัน…」

「อัศวินอัลเวียต สวาลน่า หนึ่งในระดับหัวกะทิของ〈กองอัศวิน〉องค์กรณ์ที่อยู่ภายใต้การควมคุมท่านไซกะโดยตรงค่ะ

แม้แต่ใน〈อุทยาน〉แห่งนี้ก็อยู่ในตำแหน่งสูงสุด…จอมเวทย์ระดับ S ค่ะ กับปัจจัยแห่งการล่มสลายระดับนั้น เขาคนเดียวก็เหลือแหล่ค่ะ」

 

คุโรเอะที่ยืนมองฟ้าอยู่ด้วยกันพูดขึ้นมาเหมือนเป็นการตอบเสียงมุชิกิ

 

「ภายใต้การควบคุมของคุณไซกะโดยตรง……คุณไซกะเนี่ย แข็งแกร่งกว่าคนๆนั้นอีกงั้นหรอครับ?」

 

พอมุชิกิถามไป คุโรเอะก็ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่แยแส

 

「ระดับที่แค่คิดจะเทียบก็ถือว่าไม่เจียมตัวแล้วค่ะ」

「…..โหเอ๊ะ―」

 

มุชิกิเหมือนจะตะลึงไปพักนึง แต่หลังจากนั้นก็สะดุ้งแล้วรีบเลื่อนสายตาลงไปยังพื้นด้านล่าง

 

「เดี๋ยวสิ เมืองล่――」

 

ทว่า…พอได้มองไปยังเมืองถูกเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง―มุชิกิก็หยุดพูด

 

「เอ๊ะ……」

 

เห็นผลง่ายๆ เพราะเมืองที่เพิ่งถูกไฟสีแดงลุกลาม มีเสียงร้องโวยวายของผู้คนผสมปนเปกัน ไม่รู้ทำไม ถูกย้อนสภาพกลับไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

 

「เอ๊ะ..แต่ว่าเมื่อกี้ เห็นเมืองกำลังถูกไฟไหม้…」

「ถูกต้องค่ะ ไม่ได้คิดไปเองหรอก เมืองได้ถูกไฟของเจ้ามังกรทำลายไปแล้วจริงๆค่ะ ถ้าอัศวินอัลเวียตกำจัดมังกรไม่ได้ละก็ ภาพเหล่านั้นจะถูกโลกบันทึกในฐานะ『ผลลัพธ์』 ในที่สุดค่ะ 」

「…….จะบอกว่าเพราะฆ่ามังกรได้ สิ่งที่เห็นพวกนั้นก็เลยไม่เกิดขึ้นเหรอครับ」

「ถ้าพูดอธิบายแบบง่ายๆก็ตามที่ว่าค่ะ ส่วนคนที่อยู่นอก〈อุทยาน〉น่ะ แม้แต่ว่าเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่สามารถรับรู้ได้ค่ะ 」

 

คุโรเอะตอบคำถามกลับมาอย่างสงบ

มุชิกิยืนอึ้งกับความจริงอันแสนเหลือเชื่อที่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา

ราวกับข้อมูลที่คุโรเอะพูดมาทั้งหมดได้ไหลมารวมกัน

 

「หรือว่า…ที่ผ่านมามีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆเหรอครับ」 

 

คุโรเอะพยักหน้า แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของมุชิกิแล้วพูดต่อ

 

「 15,165 ครั้งค่ะ」

「เอ๊ะ?」

「จำนวนครั้งที่ท่านไซกะและเหล่าจอมเวทย์ปกป้องโลกไว้จนถึงตอนนี้ค่ะ」

「…….! ขนาดนั้นเลยเหรอครับ…!?」

「ค่ะ

ในโลกนี้น่ะ จะมีวิกฤติการณ์แห่งการล่มสลายมาเยือนทุกๆประมาณ 300 ชั่วโมงค่ะ」

「――――」

 

มุชิกิหันกลับไปจ้องคุโรเอะอย่างอึ้งๆ

 

「ไม่ใช่แค่มังกรอย่างเดียว แต่ยังมีผลที่บรรจุความรู้ในการสร้างอาวุธทำลายดาว、ความผิดปกติทางวิญญาณที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ดั่งใจ、ฝูงตั๊กแตกทองคำที่กลืนกินทุกสิ่ง、โรคระบาดที่อัตราการติดต่อและการตายสูง、 ทูตจากอนาคตผู้ข้ามเวลามาเพื่อเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ และยักษาแห่งไฟที่เพียงแค่การมีตัวตนก็สามารถทำให้ผืนแผ่นดินมอดไหม้ ―――

                พวกตัวตนที่สามารถทำลายโลกได้เหล่านี้ พวกเราเรียกมันว่า 『ปัจจัยแห่งการล่มสลาย』 ค่ะ」

 

แล้วคุโรเอะก็พูดต่อ

 

「พวกเราเหล่าจอมเวทย์ใช้พลังแห่งปาฏิหาริย์เพื่อกำจัดปัจจัยแห่งการล่มสลาย และในบรรดาปัจจัยทั้งหมดที่เคยปรากฏตัวขึ้นในอดีต มีเคสที่ถ้าไม่ใช่ท่านไซกะก็จัดการไม่ได้ทั้งหมด 12 ครั้งค่ะ

―――เข้าใจหรือยังคะ?

ถ้าไม่มีท่านไซกะ โลกนี้คงได้ล่มสลายไปแล้วอย่างน้อย 12 ครั้งเลยนะคะ

คนที่คุณรวมร่างอยู่น่ะ เป็นคนแบบนั้นแหละค่ะ」

 

คุโรเอะพูดให้มุชิกิฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็แฝงด้วยความร้อนรน

มุชิกิมือสั่นกับความจริงที่แสนน่าตกใจ

 

「มะ、ไม่อยากเชื่อเลย….」

 

พอเห็นมุชิกิที่พึมพำออกมาด้วยความตกใจ คุโรเอะก็ลดสายตาลง

 

 「จะไม่อยากเชื่อก็ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริ―」

「วิกฤติแห่งการล่มสลายเกิดขึ้นทุก 300 ชั่วโมง…. อย่างน้อย 15000 ครั้ง…….?

ถ้าคำนวณแบบคร่าวๆก็อายุเกิน 500 ปีแล้วสินะครับ…..? แต่ถึงแบบนั้นแต่ผิวก็ยังเปล่งปลั่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย…… 」

「……………..」

「โอ๊ย! เจ็บๆ เจ็บนะครับ คุโรเอะ!」

 

ในที่สุดก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือจนได้

มุชิกิยกแขนสองข้างขึ้นมาปกป้องตัวเองจากคุโรเอะที่เข้ามาตบตี

แล้วในตอนนั้น

 

「……! เอ๊ะ?」

 

ก็มีแสงเส้นหนึ่งพุ่งลงมาราวกับดาวตก วินาทีต่อมา ร่างของชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้ามุชิกิและคุโรเอะ

 

「――โย่ว คุโอซากิ มายืนชมวิวอยู่ในที่แบบนี้เองเรอะ อารมณ์ดีจังนะเว้ย 」

Options

not work with dark mode
Reset