บทที่ 318 กดข่มทุกคน
ดวงตาของเซียวเฉินลุกวาว สายตาของเขาจับไปที่หุ่นเชิดเกราะสองตัวนี้ เหมือนกันคนอื่นๆ,เขาค่อนข้างจะมีความสนใจในหุ่นเกราะสีทองตัวนี้
อย่างไรก็ตาม ความคิดของเซียวเฉินนําหน้าไปจากคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะเอาหุ่นเกราะสีทองนี้มาได้ แต่การทําให้มันจดจําเขาในฐานะเจ้านาย นี่เป็นปัญหา
กระบวณการที่ทําให้หุ่นเกราะจดจําเจ้านายมันต้องใช้เวลาสามอึดใจ หุ่นเกราะสีทองนั้นจะต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีกเป็นแน่ ประเด็นหลักก็คือจะทําอย่างไรไม่ให้คนอื่นโจมตีใส่เขาในช่วงเวลานั้น
ข้าจะต้องคิดหาทางถอยหนีให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ สองทางออกที่อยู่ด้านหลังบัลลังก์ดึงดูดสายตาของเซียวเฉิน มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเขาเขาเคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบๆ
เซียวเฉินใช้โอกาสในตอนที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หุ่นเชิดเกราะเงินและบัลลังก์สีแดง
เซี่ยวเฉินหลบเลี่ยงสายตาของทุกคน และมุ่งหน้าไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสิบนาที,เซียวเฉินก็กลับมาที่โถงใหญ่อย่างเงียบๆ;เขารู้แล้วว่าต้องทําอะไร
ดาบฉีของสองหุ่นเชิดเกราะเงินเริ่มที่จะอ่อนแสงลง ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก
ในจังหวะที่หุ่นเชิดเกราะเงินล้มลง,หุ่นเชิดเกราะทองนาาจะเริ่มเคลื่อนไหว ในตอนนั้น,การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น
เส้นผมสีขาวปรากฏขึ้นบนผมที่หลังของต้วนมู่ฉิง เห็นชัดว่านางกําลังเริ่มทักษะเหมันต์ลึกล้ํา
ร่างสีแดงปรากําขึ้นที่ด้านหลังของฮวาหยุนเฟยร่างของมันเรื่องสลัว,และดาบของเขาเปล่งดาบแสงสีแดงประหลาดออกมา
ดวงตาของจีชางคงเต็มไปด้วยดวงดาว สายธารดวงดาวรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นรอบตัวของ เขา,เปล่งแสงสีอ่อนออกมา ดวงดาวพวกนั้นเปล่งแสงเจิดจ้าเว้นแต่เพียงดวงเดียว;ดวงดาวที่เป็นดั่งตัวแทนของเขามืดมิดและไร้แสง
ขุนนางกุยยี่ที่สวมเกราะศึกทองคําและถือดาบผ่านภาเอาไว้ในมือ เขาแสดงออกท่าทางที่ดุร้าย พลังฉีที่เอ่อล้นมารวมตัวที่จุดบนหน้าผากของเขา
สายตาของเซี่ยวเฉินเบนไปที่ฉ่ฉาวอวิ๋นเขาได้ ซึ่งความกังวลและมีสีหน้านิ่งสงบ
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่หลังของฉ่ฉาวอวิ่นกําลังสะสมกระแสพลังอย่างต่อเนื่อง มันสั่นไหวเล็กน้อย,ดูน่าตื่นตาอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันเพียงรอเวลาที่จะถูกชักออกมา,เพื่อสะกดสายตาของทุกคน
ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าการต่อสู้เช่นกันพวกเขาควบคุมหุ่นเชิดเกราะเหล็กของพวกเขาเพื่อให้ชักอาวุธของพวกมันออกมา และปลดปล่อยกระแสพลังออกมาโดยไม่มีกักเก็บเอาไว้
ครู่หนึ่ง,ทุกคนภายในห้องโถงก็ได้ว่างแผนกัน พวกเขาทั้งหมดปลดปล่อยกระแสพลังออกมาไม่หยุดหย่อน แต่อย่างไรก็ตาม มันยังสงบอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นลมสงบก่อนที่พายุจะเข้า นอกจากเสียงจากดาบฉีของหุ่นเชิดเกราะเงิน,ก็มีเพียงเสียงลมหายใจหนักแน่นของทุกคนในห้องโถง
ความหนาแน่นของทุกคนเร่งขึ้นสนถึงจุดขีดสุด พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปยังหุ่นรบเกราะทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ความปรารถนาลอยอบอวลอยู่ในสายตาของพวกเขา
ในที่สุด,พลังงานจิตวิญญาณในหุ่นรบเกราะเงินทั้งสองก็ได้หมดลง,และล้มลงกับพื้น ในจังหวะที่พวกมันล้มลง,ดวงตาอันว่างเปล่าของหุ่นรบเกราะทองก็เผล่งแสงสีทองขึ้น มันลุกยืนขึ้นจากบัลลังก์
“เครั้ง! เครั้ง!”
เกราะสีทองส่งเสียงเหล็กกระทบออกมา เสียงดังสะท้อนไปมาภายในห้องโถง
มันชักดาบสีทองที่เอวของมันออกมา ทันใดนั้น,กระแสพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นก็ได้ปลดปล่อยออกมาจากรอบตัวของมัน
อย่างไรก็ตาม,ทันใดนั้น,กระบวณท่าสังหาร,ที่ทั้งสิบคนได้เตรียมพร้อมเอาไว้,ถูกใช้ออกมาจากทั่วทุกสารทิศ
“ดาบดาราร่ายรํา,รวมหมู่ดาว!”
จีชางคงร้องตะโกนและปลดปล่อยแสงรุ่งโรจน์ออกมาจากดาบของเขา ดวงดาวที่เป็นดั่งตัวแทนของเขาที่อยู่ในธารดาราทันใดนั้นก็เรืองแสงเจิด
“เจ้าจิตวิญญาณโลหิต, มรณาเลือดใต้สวรรค์!”
ฮวาหยุนเฟยร้องตะโกนออกมาอย่างดุร้าย ร่างสีเลือดจางสลัวที่ด้านหลังของเขาแข็งตัวและหลอมรวมเข้ากับร่างของเขา ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง และรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาดูน่ากลัว
กระแสพลังของฮวาหยุนเฟยเร่งขึ้น แสงสีแดงจากดาบของเขาราวกับว่ามันกําลังกลืนกินโลกใบ
“ทลายเหมันต์ลึกล้ํา,เยือกแข็งสัมบูรณ์!”
ผมสีดําของต้วนมู่ฉิงพลันกลายเป็นสีขาวหิมะในทันที ดวงตาของนางสูญสิ้นซึ่งอารมณ์ของมนุษย์ราวกับเทพธิดาจากสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึก
เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนโรยลงมาจากท้องฟ้า อุณหภูมิโดยรอยลดต่ําลง ความหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกลึกไปถึงวิญญาณ
ขุนนางกุยย,หยิงเซี่ยว,ไม่ได้กล่าวอะไร เขาโบกสะบัดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเกิดระลอกคลื่นบางๆในกฎแห่งสวรรค์และปฐพี่ เขาชื้นําอํานาจของเต๋าสวรรค์เพื่อโจมตีใส่หุ่นรบสีทอง
อัจฉริยะปีศาจทั้งสิบเริ่มเคลื่อนไหว,ไปทีละคน แสงสีสันถูกปลดปล่อยออกไปในอากาศ ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่วางแผนจะเข้าไปร่วมด้วยถูกส่งลอยปลิวไปโดยคลื่นกระแทก
การจู่โจมที่น่าหลาดกลัวเหล่านี้ได้สะสมพลังมาเป็นเวลานาน แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นกลางก็จะตกตายได้ภายในครั้งเดียว;เขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้หลบเลี่ยง
ปฏิกิริยาตอบโต้ของเซียวเฉินรวดเร็ว ขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะใช้ออกอัสนีหลบเลี่ยง,ทันใดนั้น เขาก็หยุดลงและมองไปที่บัลลังก์สีแดง
ทันทีที่หุ่นรบสีทองยืนขึ้น,บัลลังก์สีแดงนั้นก็ดู เหมือนจะลอยสูงขึ้นประมาณ 0.66 เซนติเมตรโดยไม่มีเหตุผล นอกจากนั้น เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานจิตอันแข็งแข็ง
เกิดอะไรขึ้น? หรือข้าจะตาฝาดไป? เซียวเฉินงุนงง
ขณะที่เซียวเฉินกําลังงุนงง,การโจมตีของสิบระ ดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก็ซัดลงไปที่นั่นรบสีทองในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงดังสนั่นอย่างไม่น่าเชื่อ และพลังงานอันน่าหวาดกลัวระเบิดขึ้นที่เหนือบัลลังก์
“บุม!”
เสาทั้งสิบสองต้นในห้องโถงทันใดนั้นก็แตกสลาย ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ติดกันไม่อาจหลบได้ทันเวลา คลื่นกระแทกซัดโดนพวกเขาทั้งหมด พวกเขากระอักเลือดออกมาและล้มลงไปกับพื้นอย่างน่าสังเวช
ทั่วทั้งห้องโถงสั่นสะเทือน ดินหินร่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน
ห้องโถงแห่งนี้กําลังจะถล่มลงมาฝุ่นควันถูกตบลอยขึ้นไปในอากาศ ทุกคนวิ่งหนีขณะที่ก้อนหินร่วงหล่นไล่ตามมา ในห้องโถงกลายเป็นวุ่นวายในทันที
“ฮ่ะ!”
ท่ากลางความวุ่นวาย,แสงสีทองทันใดนั้นก็เรืองขึ้น มันเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน,มันเปล่งประกายจนทุกคนตกตะลึง
ฉ่ฉาวอวิ่นที่เงียบขรึมได้เคลื่อนไหว ระลอกคลื่นสีทองปรากฏผ่านอากาศราวกับว่าพื้นที่ถูกแยกออกจากกัน
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ,เขากดการโจมตีของคนอื่นๆอีกเก้าคน พวกเขาทั้งหมดถูกซัดตัวลอย
นี่คือความแข็งแกร่งของฉ่ฉาวอวิ่น ในจังหวะที่เขาชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา,และดาบแสงเรืองขึ้น,พลังของมันก็กดข่มทุกคนเอาไว้ แม้ว่ามันจะเสียเปรียบที่ยิงออกมาช้า,แต่พลังนี้ก็ไม่อาจถูกปิดมิด
“ปัง!”
ฉ่ฉาวอวิ่นจับตัวหุ่นรบสีทองเอาไว้ เขาส่งฝ่ามือจู่โจมไปที่กําลังแพงด้านหลังของบัลลังก์,ระเบิดออกเป็นรูขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปอย่างไม่มีความลังเล
ฝ่ามือนี้ยิ่งทําให้ห้องโถงยิ่งสั่นสะเทือน:มันเริ่มที่จะพังทลาย
“วิ่ง!เร็ว! ห้องโถงนี้กําลังจะพังลงมา หากเจ้าไม่ออกไปตอนนี้เจ้าตายแน่” เมื่อผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นเห็นสถานการณ์ที่กําลังเป็นไป,พวกเขาใช้ออกทักษะของพงกเขาเพื่อวิ่งหนีออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว
ทั้งเก้าคนที่ถูกฉ่ฉาวอนโยนลอยไม่มีความลังเล พวกเขาแสดงออกอย่างเกรี้ยวโกรธพร้อมกับตามฉ่ฉาวอวิ่นผ่านเข้าไปในรูที่กําแพง
“บูม! บูม! บูม!”
ห้องโถงอันโอ่อ่าและสง่างามพลังทลายลง หินก้อนมหึมาร่วงหล่นลงมาจากเพดาน,สั่นสะเทือนพื้นดิน มันราวกับสวรรค์กําลังถล่มลงมา
หลังจากผ่านไปนาน,ห้องโถงที่วุ่นวายก็เงียบลง ห้องโถงที่สมบูรณ์กลายเป็นซากดินหิน
ห้องโถงทรุดลง,กําแพงพังทลายและเสาล้มแตกเกลื่อนพื้น ฝุ่นควันลอยเต็มไปทั่วพื้นที่ขยายออกไป
“ปะ ปะ!”
เสาศิลาและก้อนหินเกลื่อนไปเต็มพื้นที่ เศษดินหินตกลงมาอย่างรวดเร็ว และหุ่นรบเกราะเหล็กที่เสียหายเป็นอย่างมากก็ยืนนิ่ง
เซี่ยวเฉินนอนอยู่กับพื้น,ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยฝุ่น เขายืนขึ้นอย่างไร้บาดแผล
เซี่ยวเฉินมองไปที่หุ่นรบเกราะเหล็กที่แตกพัง และยิ้มขึ้นเบาๆ เขากล่าว “พลังป้องกันของหุ่นรบ เกราะเหล็กนี้ช่างน่าตกตะลึง มันสามารถป้องกันก้อนหินใหญ่ทั้งหมดที่ร่วงลงมาจากเพดาน น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่ามันจะพังแล้ว”
เขาส่ายหัวเล็กน้อย,เซียวเฉินมองไปที่ซากปรักหักพังที่ไร้วี่แววของมนุษย์ เขาจับจ้องไปที่ บัลลังก์ที่เต็มไปด้วยฝุ่น จากนั้นเขาก็เดินตรงไปด้วยสายตาที่แน่วแน่
“กะ กะ!”
เซี่ยวเฉินเหยียบเศษดินหินแตกขณะที่เขาเดินไปที่บัลลังก์สีแดง เขาไม่ได้รีบร้อน เขามองดูไปรอบๆก่อนอันดับแรก,ให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบแล้ว จากนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่บัลลังก์
ขณะที่เซี่ยวเฉินเตรียมที่จะสํารวจตรงบัลลังก์,หางตาของเขามองไปเห็นหุ่นรบเกราะ เงินที่ถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพัง
เซียวเฉินส่งฝ่ามือวายุออกไปและกวาดเอาซากปรักหักพังออกไป,เผยให้เห็นหุ่นเชิดเกราะสีเงิน
นอกเสียจากถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น,มันไม่ได้เสียหายอย่างน่าประหลาดใจ มันดูเหมือนว่าพลังป้องกันของหุ่นรบเกราะเงินจะดียิ่งกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นทั่วไปเสียอีก
เมื่อเทียบกับหุ่นรบเหราะเหล็ก,มันแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก เซี่ยวเฉินกวาดมือไปในอากาศ,เป่าฝุ่นบนหุ่นรบเกราะเงินออกไป
จากนั้นเซี่ยวเฉินก็ก้มลงและเปิดหน้าต่างที่หลังของหุ่นรบเกราะเงิน ตามที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้,หุ่นรบเกราะเงินใช้หินวิญญาณระดับกลาง เหมือนตัวก่อนหน้านี้ มันมีอยู่ยี่สิบก้อน
เซี่ยวเฉินหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางที่หมดพลังแล้วออกมาก่อนที่จะขจัดตัวตนของเจ้านายคนก่อนออกไป จากนั้นเขาก็เริ่มกระบวณการทําให้มันจดจําเขาเป็นเจ้านายคนใหม่ กระบวณการนี้ใช้เวลาสิบห้านาทีก่อนที่เซียวเฉินจะสามารถประทับตัวตนของเขาลงไป
หลังจากนั้นไม่นาน,หุ่นรบเหราะเงินทั้งสองก็จดจําเซียวเฉินเป็นเจ้านายของพวกมัน หลังจากที่เขาเติบหินวิญญาณระดับกลางเข้าไป,พวกมันก็ฟื้นคืนพลังงานกลับมาในทันที
พวกเขาโบกสะบัดดาบของมันและดาบฉีเฉียบคมกวาดผ่านซากปรักหักพัง ทุกที่ที่มันผ่าน,กําแพงและเสาศิลาแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆ
เซียวเฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ด้วยหุ่นรบเกราะเงินสองตัวและหุ่นรบเกราะเหล็กที่เสียหาย,เขาน่าจะพอรับมือกับหุ่นรบเกราะทองของฉูฉาวอวิ๋น
เซียวเฉินรวบรวมความคิดและมองกลับไปที่บัลลังก์สีแดง เขาควบคุมหุ่นทั้งสามตัวให้ไปเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ออกจากบัลลังก์
หลังจากนั้น เซี่ยวเฉินก็กวาดมือของเขาเป่าฝุ่นทั้งหมดออกไปจากบัลลังก์ บัลลังก์สีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉินอย่างเต็มตา
บัลลังก์ทั้งชิ้นทําขึ้นมาจากวัตถุดิบลึกลับสีแดง เซียวเฉินแตะลงไปที่เครื่องหมายด้านบน และรู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พร้อมกับเขาพยายามจะนึกว่าวัตถุดิบมันคืออะไร
มันไม่ใช่โลหะหรือไม้วิญญาณ มันไม่ใช่ศิลาเช่นกัน มันหนักแน่นและเย็นเมื่อสัมผัส
จากนั้น,เซี่ยวเฉินก็นึกถึงพลังงานจิตที่ออกมาจากมัน เซี่ยวเฉินวางมือของเขาลงบนที่พักแขน,และค่อยๆใส่สัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในบัลลังก์ผ่านทางแขนของเขา