I Know That After School The saint is More Than Just Noble 2 ชีวิตในโรงเรียนเริ่มเปลี่ยนไป

ตอนที่ 2 ชีวิตในโรงเรียนเริ่มเปลี่ยนไป

 

 

“อ่ะ สายแล้ว!”

 

เวลาประมาณเที่ยงวัน 

 

หลังจากไปเดินเล่นกับเซย์ล่า ผมกลับบ้านและเข้านอนโดยคิดว่าน่าจะนอนพักได้ชั่วโมงเดียว แต่นี่ไม่ใช่แล้ว

 

ครอบครัวคุรากิประกอบด้วยยามาโตะและแม่ ซึ่งมักจะไปทำงานแต่เช้าตรู่ ดังนั้น ผมจึงอาศัยเพียงนาฬิกาปลุกท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าแค่นาฬิกาปลุกจะไม่มีผล ต่อร่างกายหลังจากที่ใช้เวลาตลอดทั้งคืนกับเซย์ล่า

 

ถึงอย่างนั้น แม่ไม่ได้ว่าผมแต่อย่าไรสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะผมได้บอกแม่ล่วงหน้าแล้วว่าผมกำลังพักอยู่ที่บ้านเพื่อน 

 

สายเกินไปที่จะมาถึงก่อนเริ่มเรียน แต่การโดดเรียนไม่ใช่ทางเลือกสำหรับผม ผมรีบเตรียมของเสร็จและรีบออกจากบ้าน

 

ผมรีบปั่นจักรยานเพื่อไปโรงเรียน โดยใช้เวลาสิบนาที

 

ขณะที่ผมปั้่นจักรยานลงเขาสูงชันตามปกติ ผมเห็นอาคารเรียนของโรงเรียนมัธยม มหานครอาโอซากิ 

 

ผมสงสัยว่า ชิราเสะ เซย์ล่า เซนต์คนนั้นจะไปโรงเรียนเหมือนผมหรือเปล่า เธอไม่ได้นอนมาทั้งคืนเช่นกัน และบางทีเธออาจจะไม่มา

 

 

 

(ผมไม่คิดว่าจะคุยกับเธอได้อย่างปกติที่โรงเรียน หากมีนักเรียนคนอื่นๆ อยู่ที่นั่น)

 

ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ผมก็เดินผ่านประตูโรงเรียนและจอดรถจักรยานไว้ที่ลานจอด

 

ผมมาถึงช่วงพักเที่ยงได้พอดี จึงคิดว่าจะเดินไปที่ห้องเรียนท่ามกลางนักเรียนคนอื่นๆ แต่ผมแอบมองเข้าไปในห้องก่อน ผ่านประตูหลัง

 

จากนั้น ในห้องเรียนที่พลุกพล่าน ผมเห็น ชิราเสะ เซย์ลาที่นั่งอยู่คนเดียวริมหน้าต่าง

 

เครื่องแบบเสื้อเบลเซอร์สีดำของเธอดูมีสไตล์เมื่อสวมใส่อย่างเหมาะสม และต้นขาสีขาวของเธอที่ยื่นออกมาจากกระโปรงที่โดดเด่น

 

บรรยากาศรอบตัวเธอไม่ได้แตกต่างจากปกติ และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอ ทุกคนรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้รบกวนเธอ

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภาพปกติของหญิงสาวสวยโดดเดี่ยว

 

ดังนั้น ผมเลยรู้สึกผิดหวังอย่างเงียบๆ บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อาจเป็นความฝัน มายา หรือบางทีอาจเป็นแค่ความเพ้อฝันของผมเอง

 

(คาดหวังอะไรอยู่?)

 

เนื่องจากผมไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องเรียน

 

ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนอย่างเงียบ ๆ ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นผม

 

 

เมื่อผมนั่งลงที่โต๊ะของผม คนที่สามจากด้านหลังตรงโถงทางเดิน ชายคนหนึ่งสังเกตเห็นผมและพูดเกินจริงว่า “ห๊ะ?” และเข้ามาหาฉัน

 

“โอ้ …คุณคุรากิ วันนี้นึกอะไรถึงมาได้ละเนี่ย ”

 

ชายที่เดินเข้ามาหาผมด้วยท่าที่สบายๆ

 

ชื่อของเขาคือ ชินโจ เออิตะ เขามีผมสีน้ำตาลสดใส ใบหน้าที่หล่อเหลา บุคลิกร่าเริง และสูงประมาณ 180 เซนติเมตร เขาก็เป็นหัวหน้าห้อง และเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่มีแฟนในตอนนี้  และเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเขาก็คือการที่เขาพูดถึงเรื่องที่ผมมาสายอย่างไม่เกรงใจผมเลย

 

“พอดีเมื่อคืนไม่ได้นอนนะ ฮ่าๆๆๆ…”

 

ดังนั้น ผมจึงตอบด้วยรอยยิ้มจอมปลอมและหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“อ้อ ผมก็เป็นเหมือนกันเวลาติดพวกโทรทัศน์ ซี่รี่ทําให้ฉันไม่ได้นอนเลยละนะ”

 

“อืม อะไรประมาณนั้น”

 

“แต่การที่มาโรงเรียนตอนเที่ยงนี่มันสุดยอดจริงๆน้าา ถ้าเป็นฉัน ฉันคงได้หยุดหนึ่งวันแน่นอนน”

 

เอตะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ 

 

เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายและอาจแค่พยายามเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเขา เขาเหมาะสมที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของชั้นเรียนจริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ ผมรู้ว่าเออิตะไม่ใช่คนงี่เง่า แต่ผมรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้ๆ ตัวเขา

 

ดูเหมือนเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนจะมารวมตัวกันรอบๆ ตัวเขา และหนึ่งในนั้นคือเด็กสาวที่ดูอ่อนเยาว์ เมื่อเธอเห็นผม เธอเลยพูดออกมา

 

“เอ๊ะเดี่ยวนะ!? ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเขาเป็นผู้ชายคนนั้น  คนที่ไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อปีที่แล้ว”

 

อย่างที่เธอพูด ผมออกจากโรงเรียนไปเมื่อปีก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธเธอได้

 

ขณะที่ผมเงียบไป บรรยากาศรอบๆ ตัวดูเหมือนจะแย่ลง

 

“เฮ้ เฮ้ อย่าพูดแบบนั้นสิ มันทําให้บรรยากาศแย่ลงนะ  ฉันขอโทษนะคุรากิคุง เธอคงไม่มีเจตตาที่จะว่าร้ายนายหรอก”

 

จากนั้นเออิตะก็ตักเตือนหญิงสาว และเธอก็มาขอโทษผมด้วย

 

ผมยังคงยิ้มและไม่ขึ้นเสียง บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้เองที่หญิงสาวพูดว่า “ฉันขอโทษจริงๆ บางครั้งเราคุยกันโดยไม่คิดอะไรมาก นายอย่าอารมณ์เสียไปเลย”

 

ท้ายที่สุด ชินโจ เออิตะ   เป็นคนที่มีความสามารถ เขาไม่ปล่อยให้บรรยากาศแย่ลง และไม่ลืมที่จะนึกถึงผม

 

 

 

อย่างไรก็ตามการที่พวกเขาจะกลายเป็นเพื่อนกันได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

จากมุมมองของผม การมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอย่างเออิตะนั้นค่อนข้างอึดอัด

 

ดังนั้น ผมก็แค่อธิษฐานให้เขารีบไปจากผม

 

—ข้อให้จบลงในไม่ช้า

 

ในขณะนั้นเสียงและความวุ่นวายรอบตัวผมก็หยุดลง

 

ผมเข้าใจเหตุผลทันที

“อรุณสวัสดิ์ ยามาโตะคุง”

 

ผมรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเสียงแหลมเล็กน้อย ทําให้ผมหันกลับไปมอง

 

ชิราเสะ เซย์ล่า ยืนอยู่ข้างหลังผม

 

บางทีอาจจะเต็มไปด้วยบรรยากาศลึกลับที่เธอสร้างขึ้น นักเรียนที่อยู่รอบๆ เธอก็ถอยห่างออกไป

 

แต่ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

 

“เอ่อ คือ…”

 

“นี่มันเที่ยงแล้วนะ มันไม่สายเกินไปเหรอ?”

 

“เอ่อ..”

 

เซย์ล่าที่กําลังเดินเข้ามาหาผม แต่ไม่มีทางที่ผมจะมีความสุขกับเรื่องนี้

 

เป็นเพราะว่าผมอยู่ในโรงเรียน และอยู่ในห้องเรียน มีเพื่อนร่วมชั้นและนักเรียนจากชั้นเรียนอื่นอยู่รอบตัวผม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นจุดสนใจจากคนอื่นๆ

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเซย์ล่า สถานการณ์ตอนนี้เธอเหมือนจะไม่สนใจ และเธอเอียงศีรษะมองมาที่ผมซึ่งพูดไม่ออก

 

“นี่เมื่อวานเธอละเมอรึปล่าว? หรือเป็นไปได้ไหมที่เธอลืมหน้าตาของฉัน? อื่ม.. ไม่เข้าใจเลย ตอนนี้ฉันอยู่ในเครื่องแบบ”

 

“ไม่ใช่หรอก คือ…”

 

“อืม.. เมือวานนี้ฉันลืมขอเบอร์ติดต่อนา-”

 

“ชิราเสะซัง เดี๋ยวก่อน!”

 

ผมลุกขึ้นยืนและวิ่งออกจากห้องเรียนพร้อมกับจับมือของเซย์ล่า

 

ผมวิ่งไปรอบๆทางเดินเพื่อหาพื้นที่สัาหรับคุย แต่ดันเป็นที่สะดุดตาของนักเรียนคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นพักเที่ยง และอาคารเรียนทุกหลังก็เต็มไปด้วยนักเรียน ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่เซย์ล่าก็ได้แนะนำสถานที่มา

 

“ไปที่ดาดฟ้าไหม? ฉันไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่นั่น”

 

“อืม.. ดาดฟ้าถูกล็อกไว้นะ… ผมคิดว่าไม่น่าขึ้นไปได้นะ”

 

“ฉันรู้วิธีขึ้นไปดาดฟ้าน่ะ ไว้ใจฉันได้เลย”

 

“จริงเหรอ?”

 

“อืม ใช่แล้วละ”

 

เซย์ล่า ไม่ได้แสดงความภาคภูมิใจกับความจริงนั้นและเริ่มเดินไปข้างหน้าราวกับว่าเธอกำลังนำทางผม เนื่องจากผมไม่มีที่ไปอีกแล้ว จึงตัดสินใจตามเธอไปเงียบๆ

 

เมื่อไปถึงชั้นบนสุดของบันได ก็พบว่าประตูของดาดฟ้าล็อคอยู่จริงๆ

 

ขณะที่ผมเริ่มคิดอยู่ว่าเธอจะทําอะไรต่อไป เซย์ล่าก็เตะช่องระบายอากาศที่ด้านล่างของประตู

 

จากนั้นส่วนช่องระบายอากาศก็หลุดออกมาอย่างสมบูรณ์

 

เซย์ล่าผ่านมันไปโดยไม่ลังเลแล้วกวักมือเรียกผม

 

(ใครให้ฉายาเธอว่า “เซนต์” เนี่ย!…)

 

ขณะที่ผมเดินออกไปที่บนดาดฟ้าด้วยความคิดเช่นนั้น แสงแดดส่องมา

 

ผมมองลงแล้วมองขึ้นไปเห็นท้องฟ้าสีฟ้าใสเหนือภูเขา

 

“อากาศดีจัง~”

 

เซย์ล่าที่พูดออกมาแล้วกางมือออก ดูเหมือนเธอจะสบายใจ

 

ลมพัดผมและกระโปรงของเธอไปพร้อมกัน ทำให้ผมรู้สึกประหม่า

 

ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นว่า

 

ทันใดนั้น เซย์ล่าก็หันกลับมา

 

จากนั้น ขณะจับผมของเธอให้เข้าที่ เธอก็หันตาโตตรงมาที่ฉัน

 

“ฉันรบกวนนายหรือเปล่า ยามาโตะคุง”

 

เซย์ล่าถามด้วยน้ำเสียงตามความเป็นจริง ไม่ได้ซักถามหรือขอโทษ

 

เธอคงหมายถึงที่ว่าเธอได้เข้ามาทักผมในห้องเรียนก่อนหน้านี้ เมื่อรู้อย่างนี้ ผมก็ส่ายหัวไปทางซ้ายและขวา

 

“ไม่ใช่ จริงๆแล้วมันเป็นความช่วยเหลือเลยละ แม้ว่าจะอึดอัดเล็กน้อยก็ตาม”

 

“อ้อ เข้าใจแล้ว”

 

บางที เซย์ล่าอาจตั้งใจช่วยผมจริงๆก็ได้

 

แม้ว่าผมจะคิดอย่างนั้น แต่ก็ควรบอกอีกเรื่องไปด้วย

 

“…… แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ชิราเสะซังทําวิธีอื่นที่ไม่โดดเด่นจนเกินไป ชิราเสะซังอาจไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ผมสนใจสายตาของคนอื่น อารมณ์ ความคิด อะไรแบบนั้นนะ”

 

หากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เกิดข่าวลือแปลก ๆ ผมอาจจะมีปัญหาได้

 

ผมเข้าใจว่ามันอาจจะสายเกินไปแล้ว แต่ก็ยังพูดเผื่อถึงอนาคต

 

“ฉันเข้าใจ.”

 

เซย์ล่าตอบอย่างเรียบง่าย แล้วเอียงศีรษะราวกับจะพูดว่า “แค่นี้เหรอ?”

 

ผมโล่งใจที่ดูเหมือนเธอจะไม่ขุ่นเคืองอะไร ผมเลยตัดสินใจขอเบอร์ติดต่อเธอไป

 

“แต่ผมรู้สีกดีที่ได้คุยกับซิราเสะซังนะหรือ…ผมหมายถึงอยากขอเบอร์ไว้ติดต่อกับซิราเสะซังนะ”

 

“อ้อ เรื่องนั้นได้สิ เมื่อวานนี้ฉันลืมเลยว่าจะขอเหมือนกัน”

 

จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อและแสดงหน้าจอให้ผมดู

 

ขณะที่ผมกำลังจดเบอร์ของเธอผมก็ตัดสินใจเตือนเธอเผื่อไว้

 

“แต่คราวหน้าที่ชิราเสะซังโทรหาผม ดูเวลากับสถานที่ตอนนั้นด้วยนะ”

 

“อืม? โทษทีนะ ฉันไม่เข้าใจ”

 

“คุณรู้น่าา…”

 

“ฉันล้อเล่นนะ อย่าซีเรียสเลย แฮะ แฮะ”

 

หัวใจของผมเต้นรัวเมื่อเซย์ล่ายิ้มให้ผมโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

 

(ทุกครั้ง มันกะทันหันและน่าประหลาดใจเกินไป)

 

คราวนี้แม้ว่ารอยยิ้มจะเหมือนเด็กซุกซนมากกว่าของเซนต์ ยังไงหัวใจของผมก็เต้นรัวอยู่ดี

 

เธอมักจะแสดงสีหน้าแห้งๆ ดังนั้นเมื่อเธอยิ้ม พลังทำลายล้างของเธอก็มหาศาล ผมคิดจริงๆ ว่ารอยยิ้มของเซนต์อาจเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้คนขึ้นสวรรค์ได้เลย

 

“แต่ว่านะชิราเสะซัง คุณล้อเล่นเป็นด้วยหรอ?”

 

“บางครั้งนะ”

 

เซย์ล่าบอกว่าเธอล้อเล่นเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าเธอเข้าใจความหมายของการอ่านบรรยากาศ คิดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เมื่อพูดออกไปไหมนะ

 

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าอาจถูกแกล้งอีกก็ได้ 

 

ใกล้จะหมดวลาพักเที่ยงแล้ว ผมเลยแนะนำให้เรากลับไปเรียน แล้วหันกลับมาพูดกับเซย์ล่า

 

“เอ่อ คุณซิราเสะกำลังทำอะไรอยู่นะ…?”

 

ผมสังเกตว่า เซย์ล่านอนอยู่กลางดาดฟ้า…

 

เซย์ล่าถอดเสื้อของเธอออกแล้วใช้เป็นผ้าห่มและหลับตาลงราวกับว่าเธอรู้สึกสบายตัว เธออยู่ในโหมดงีบอย่างสมบูรณ์

 

เนื่องจากเธอไม่ตอบคำถามของผม เธออาจจะหลับไปแล้วก็ได้

 

ยังไงก็ต้องปลุกเธอให้ได้

 

“เฮ้ ชิราเสะซัง?”

 

“…ยามาโตะคุง อยากมานอนข้างฉันไหม มันรู้สึกดีนะ.”

 

“เสียงระฆังจะดังขึ้น คุณชิราเสะซัง”

 

“ราตรีสวัสดิ์.”

 

“หมายความว่าคุณซิราเสะซัง จะโดดเรียนหรอ? ..”

 

Ding dong dong dong… และที่นั่นเสียงระฆังดังขึ้น

 

แต่เซย์ล่าไม่แสดงอาการตื่นเลย

 

เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจจะโดดเรียนช่วงบ่ายอย่างจริงจัง

 

“เฮ้ออ…”

 

ผมนอนลงพร้อมกับถอนหายใจ

 

ผมรู้สึกไม่เต็มใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ยังไงผมจะต้องถูกถามคำถามมากมายโดยเพื่อนร่วมชั้นของอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าผมกลับไปตอนนี้ละ?

 

อาจเป็นเพราะว่าผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ผมจึงนอนลงข้างๆ เซย์ล่าโดยไม่ตั้งใจ

 

ขณะที่ผมกำลังสงสัยว่าควรจะรักษาระยะห่างจากเธออีกสักหน่อยไหม ขณะเดียวเองเซย์ล่าจึงหันมามองผม

 

“เอ๊ะ? ยามาโตะคุงเองก็โดดเรียนกับฉันแล้วหรอ”

 

“ผมยอมแพ้คุณเลยครับ ชิราเสะซัง”

 

“อืม ยอมรับก็ดีแล้วละ ”

 

ผมคิดว่านี่เธอกําลังแกล้งผมอยู่รึปล่าว แต่สุดท้ายแล้วผมก็หยุดคิดแล้วชั่งมัน คงทําอะไรไม่ได้แล้วละ

 

หลังจากการคุยกันของเรา ระฆังหลักก็ดังขึ้น เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะกลับไปที่ห้องเรียนตอนนี้…

 

“บางทีเราอาจโดนเรียกไปตักเตือนใช่ไหม?”

 

“อาจจะ”

 

“แล้วพวกเขาจะไม่โทรหาพ่อแม่ของเราใช่ไหม…?”

 

“ผมคิดว่ามีโอกาสสัก5050ละมั้งครับ”

 

 เซย์ล่าขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าแม้แต่เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวลว่าพ่อแม่ของเธอจะได้รับการรายงานจากครู

 

“ในห้องเรียนตอนนี้ต้องเต็มไปด้วยการพูดคุยเกี่ยวกับเรา มันคงเป็นเทศกาลสำหรับการสนุกปากแล้วละมั้งครับ”

 

“อืม~ ช่างมันเถอะน่าา~”

 

“คุณไม่สนใจเรื่องนั้นเลย คุณควรเริ่มสนใจเรื่องนั้นสักหน่อยนะครับ… ผมหมายถึงชิราเสะซังดังมาก ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณซิราเสะซังไม่เข้ากันกับใครได้เลย”

 

“เอ๊ะ? งั้นแปลว่าฉันเข้ากันได้ดีกับยามาโตะคุง”

 

เซย์ล่าพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมหันหลังให้กับเธอด้วยความเขินอาย

 

“ก็จริงนะ… แต่คุณซิราเสะซังไม่มีใครคุยด้วยนอกจากผม ทำไมคุณซิราเสะไม่เคยพยายามหาเเข้าหาพื่อนเลยละครับ”

 

ผมถามโดยหันหลังกลับ และเซย์ลาก็ส่งเสียงคำราม “ฮัม” พร้อมกับพองแก้มเล็กน้อย

 

“ถ้าไม่สะดวกพูด ก็ไม่เป็นไรครับ”

 

“ฉันไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น แต่ฉันเดาว่าคงเป็นเพราะไม่มีใครที่ฉันอยากจะคุยด้วย ฉันเลยไม่เข้าหาเอง ฉันไม่อยากรักษาความสัมพันธ์อะไรทํานองนั้นนะ”

 

ผมหันไปเห็นใบหน้าของเธอขณะที่เธอพูดแบบนี้ มือของเธอเอื้อมไปบนท้องฟ้าและมองดูสีหน้าครุ่นคิดอยู่ไกลๆ

 

“แล้วทำไมเมื่อคืนยามาโตะคุงชวนฉันไปเที่ยวละ? เป็นเพราะเราสองคนเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันหรอ หรือยามาโตะคุงไม่ต้องการให้ฉันรู้ว่ายามาโตะคุงอยู่ที่เมืองตอนกลางดึก?”

 

มันเป็นคำถามที่แย่มากที่จะถาม ผมคิด

 

แต่มีเหตุผลเดียวที่ผมคิดได้

 

ปีที่แล้วเราไม่ได้เจอกันเพราะเราอยู่คนละชั้นกัน และถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่ชั้นเดียวกัน เราก็ไม่เคยคุยกันเลย มันเป็นความสัมพันธ์ที่เธอจำชื่อผมไม่ได้จนกระทั่งผมบอกเธอเมื่อคืนนี้

 

หญิงสาวผู้โดดเดี่ยวได้ตอบรับคําชวนบุคคลดังกล่าว ซึ่งเธอไม่เคยติดต่อด้วยมาก่อน ให้ออกไปเที่ยวด้วยกัน จากมุมมองขอผมแล้ว ผมคิดได้เพียงว่าจุดประสงค์เดียว…..ทำให้ผมนิ่งเงียบเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนั้น

 

“เพราะ… ผมอยากรู้จักคุณ”

 

เธอนื่งเงียบไป

 

“…”

หลังจากนั้นไม่นาน เซย์ลาก็หันศีรษะมาทางผมแล้วพูดว่า

 

“อย่างนั้นเองหรอ อืม….ที่ฉันตอบคําชวนของยามาโตะคุงไปเพราะ ฉันเห็นความเบื่อหน่ายในสายตาของยามาโตะคุง มันทำให้ฉันรู้สึกอยากใกล้ชิดกับนายมากขึ้นนะ”

 

ดูเหมือนว่าเซย์ล่าจะมองเห็นความตั้งใจที่แท้จริงของผมตั้งแต่แรกเริ่ม

 

อันที่จริง ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันของผม และเมื่อเผมห็นเซย์ล่า ซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในโลกที่ต่างไปจากของผมเอง มันเลยรู้สึกอยากรู้จักเธอมากขึ้น

 

แต่ส่วน “รู้สึกใกล้ชิด” นั้นหนักใจผม เธอรู้สึกเบื่อหน่ายแบบเดียวกันกับผมและปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเธอเองหรอ?

 

แต่สำหรับผมแล้ว การที่เซย์ล่ารับรู้ถึงความรู้สึกของผมและชวนผมไปเล่นนั้นก็มากเกินพอที่จะทำให้มีความสุขแล้ว

 

“…ขอบคุณสำหรับทุกอย่างสําหรับเมื่อวานนี้ ผมดีใจมากที่คุณตอบรับคําชวนของผมไปเที่ยวนะครับ”

 

ผมสารภาพความรู้สึกของผมออกมา ไม่เหมือนกับตัวตนปกติของผมเลย

 

“ฟุฟุ  ฉันก็สนุกและดีใจที่ได้รับคําชวนยามาโตะคุงด้วย!”

 

ผมตกใจนิดนึงเมื่อเซย์ล่าพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ที่แฝงไผด้วยความรู้สึก

 

เมื่อเธอเห็นผมทําท่าทีที่ตกใจ ทําให้เธอยิ้มขึ้นอีกครั้ง

 

เซย์ล่า ไม่โอ้อวดและเป็นทําตัวเป็นธรรมชาติ และพูดทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ผมอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเธอเพราะผมดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับเธอในทุกๆด้าน

 

นั่นคือเหตุผล  จู่ๆผมก็รู้สึกอยากบอกเธอบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องของตัวผม ผมต้องการบอกให้เซย์ล่ารู้เรื่องนี้

 

“ฉันขอถามได้ไหมว่าทําไม ยามาโตะคุงเมื่อปีก่อนถึงไม่ได้มาโรงเรียนละ”

 

ผมตกใจกับคําถาม ผมไม่คิดว่าเซย์ล่าจะถามคําถาม ที่ผมอยากจะบอกออกไป

 

“ผมไม่สามารถเข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศได้ เพราะผมเป็นไข้หนักในวันที่เข้าพิธี และมันกินเวลาค่อนข้างนาน ตอนที่ผมหายดีก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว …มันทำให้ผมคิดจะตัดสินใจที่จะไปโรงเรียน แต่หลังจากวันนั้นผมได้ยินข่าวลือที่จงใจใส่ร้ายผม”

 

มันเป็นการพูดที่ค่อนข้างเจ็บปวด แต่ผมสามารถสัมผัสได้ว่าเซย์ล่ากำลังฟังผมอยู่

 

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเล่าเรื่องราวของผมต่อไปได้โดยไม่ลังเล

 

“ดังนั้นผมจึงหยุดไปโรงเรียนเพื่อทําใจให้ดีก่อน ตอนแรกนึกว่าจะแค่วันเดียวเอง แต่พอหยุดมากขึ้น ก็ติดเป็นนิสัย จนทําให้ผมไม่อยากมาโรงเรียนอีกเลย”

 

“ทําไมละ”

 

“ผมรู้สีกอายที่จะมาโรงเรียน การโดนข่าวลือนั่นทําร้ายจิตใจผมก็เกินจะทนแล้ว”

 

ผมกล่าวไปแบบนั้น ผมคิดว่าเธอจะหัวเราะเยาะ ว่าแค่นี้ทนก็ไม่ได้หรอ เรื่องแค่นี้เอง ใช่เรื่องแค่นี้แต่ใช่เรื่องแค่นี้ละทําให้ผมเจ็บปวดเกินทนแล้ว ตั้งแต่มัธยมต้นแล้วโดนมาตลอดจนสุดท้ายก็ทนมันมาได้ ผมคิดว่าคงได้เริ่มต้นใหม่ในโรงเรียนมัธยมปลายแต่ไม่ใช่เลย! ผมคิดอยู่ในหัวไม่ได้พูดออกมา ผมมองไปที่เธอแต่เซย์ล่าไม่แม้แต่จะกระพริบตา 

 

เธอยังคงเงียบเพียงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมก็โล่งใจที่เห็นเธอแบบนั้น ผมเลยจะพูดเป็นประโยคสุดท้าย

 

“ผมก็เลยอยู่คนเดียวตั้งแต่วันนั้น เพราะมีคนคิดว่าผมเป็นคนเลว  ผมไม่สามารถอธิบายเหตุผลของผมให้ทุกคนฟังได้ และตอนนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”

 

เมื่อผมพูดจบด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยตนเอง เซย์ล่าก็ยิ้มให้ผม

 

“แต่ตอนนี้ยามาโตะคุง ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ”

 

“เอ๊ะ?”

 

“ดูสิ ฉันอยู่นี่แล้ว”

 

“…”

 

ผมหน้าแดงเมื่อเซย์ล่าพูดแบบนั้นโดยไม่อาย 

 

แต่ผมไม่รู้สึกอยากปฏิเสธ

 

“…ขอบคุณครับชิราเสะซัง”

 

เซย์ล่ายิ้มให้กําลังใจผม ผมรู้สึกได้อย่างนั้น

 

ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าผมเพิ่งจะเล่าอดีตของผมให้เซย์ล่าฟัง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์อันดำมืดของผม

 

I Know That After School The saint is More Than Just Noble

I Know That After School The saint is More Than Just Noble

Score 10
Status: Completed
คุรากิ ยามาโตะ นักเรียนมัธยมตอนปลาย ระหว่างทางกลับบ้านจากร้านสะดวกซื้อ เมื่อเขาได้พบกับชิราเสะ เซย์ลา สาวสวยจากชั้นเรียนของเขาซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเซนต์ เธอชวนเขาไปใช้เวลากับเธอในย่านใจกลางเมืองตอนกลางดึก และวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างทั้งสอง ทั้งสองเล่นปาเป้าด้วยกัน ให้ยืมแผ่นซีดี และไปกินร้านราเม็งด้วยกัน ชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อของยามาโตะมีสีสันมากขึ้นเมื่อเขาเข้าไปพัวพันกับเซย์ล่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เขานิสัยเสียและมีด้านที่ขี้เล่น “ฉันดีใจมากที่ยามาโตะมากับฉันในเวลานั้น” นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนหวานอันล้ำค่าของวัยรุ่นของผมและความรักที่ใช้เวลากับเธอ

Options

not work with dark mode
Reset