I Don’t Want To Defy The Heavens 84 หน้าซื่อใจคด

ตอนที่ 84 หน้าซื่อใจคด

นิยาย | Don’t Want To Defy The Heavens

DTH ตอนที่ 84 หน้าซื่อใจคด

หลังจากหลินฟานจากไป อาวุโสหวี่ก็เดินเข้ามา

“นายท่านดูเหมือนว่านายน้อยเขาจะรู้ความจริงแล้ว”

แผนการของท่านหัวหน้าตระกูลมันน่ากลัวมากจนคนธรรมดายากที่จะยอมรับ และมันก็ทําให้เขาคิดว่านายน้อยช่างน่าสงสารจริงๆ

“ข้ารู้…ข้ารู้… แต่เขาจะทําอะไรได้?” หลินวานยกล่าว

อาวุโสหรูรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อสิ่งที่นายน้อยต้องเผชิญ

ดังเช่นที่ท่านหัวหน้าตระกูลกล่าว

ถ้านายน้อยรู้แล้วมันจะทําไม?

เขาจะกล้าต่อต้านงั้นหรือ?

แม้ว่าเขาจะพยายามขัดขืน แต่เขาก็จะถูกท่านหัวหน้าตระกูลกดลงกับพื้นโดย ที่เขาไม่มีโอกาสได้ต่อต้านเลยด้วยซ้ํา

ณ ลานด้านหลัง

หลิน ฟานที่เจ็บหัวรู้สึกว่ามันมีอันตรายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ที่แห่งนี้มันอันตรายเกินไป และมันก็ไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าโลกภายนอกมากนัก

ขณะที่กําลังนอนอยู่ในเวลากลางคืน มันก็มีโอกาสที่อาจถูกผู้อื่นทําร้าย

เขาอยากจะถามว่ามันมีใครที่มีชีวิตที่น่าเศร้ากว่าเขาอีกไหม

ในระบบสนับสนุนขนาดเล็ก

ร่างกาย : 120 (เส้นทางต่อสู้ขั้นสี่)

กําลังภายใน : 150 (เส้นทางต่อสู้ขั้น
ห้า)

เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิ ตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นสาม)

เทคนิคเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (กลับสู่ความจริง) เทคนิคควบคุมแมลง (พื้นฐาน) กายราชันที่มิอาจสั่นคลอน (ยังไม่ได้เรียน) ทักษะดาบสายฟ้าสี่รูปแบบ (รอบรู้) หัตถ์เศษหยกรวมศูนย์ (ยังไม่ได้เรียน)

คะแนนความโกรธ : 3,477

การบ่มเพาะของหลิน ฟานในปัจจุบันนั้นไม่ได้อ่อนแอ และอาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่สถานที่ที่เขาอยู่นั้นเล็กเกินไป ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ไม่ได้บ่มเพาะ หรือไม่ก็เป็นพวกที่บ่มเพาะมานานแล้ว

ทําให้ทุกคนที่เขาพบล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งนี้ทําให้หลิน ฟานรู้สึกว่าตนนั้นยังอ่อนแออยู่มาก

มากกว่านี้… ข้าต้องเพิ่มคะแนนลงไปให้มากกว่านี้

ระดับร่างกายของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด

เขาใช้คะแนนไปทั้งหมด 3,000คะแนนเพื่อสิ่งนี้เพียงอย่างเดียว
ร่างกาย : 150 (เส้นทางต่อสู้ขั้นห้า)

ร่างกายของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการเพิ่มระดับในแต่ละครั้งก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง และเส้นลมปราณภายในร่างกายก็ดูเหมือนจะขยายตัว

เขาหยิบมีดในชามผลไม้ขึ้นมาและเฉือนไปที่นิ้วของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงจะเป็นแผลและมีเลือดสดๆไหลออกมา

แต่ที่น่าประหลาดใจคือมันไม่มีแม้แต่รอยสีขาวให้เห็น

“ถ้าข้ายังคงเพิ่มระดับร่างกายแบบนี้ต่อไป… ข้าจะฟันแทงไม่เข้าเลยหรือไม่?” หลินฟานพึมพํา เขานึกสงสัยในใจว่าตอนนี้เขาจะสามารถทนได้ หรือไม่หากเขาเอาดาบแทงตัวเองแรงๆ

แต่เขาไม่กล้าทดสอบ เพราะเขากลัวว่ามันจะเจ็บ

หากมันแทงเข้าจริงๆมันต้องเจ็บมากเป็นแน่

เมื่อเขามีคะแนนความโกรธมากขึ้น เขาจะเพิ่มมันลงไปในคัมภีร์อาทิตย์ม่วง สี่นักบุญเพื่อปรับปรุงคุณภาพของกําลังภายในของเขาให้ดียิ่งขึ้น แต่สําหรับตอนนี้มันจะเป็นการดีกว่าหากเขาปรับปรุงระดับของเขาตอนบ่าย

หลิน ฟานกําลังจะเข้าไปเดินเล่นในเมือง เมื่อเขาเดินผ่านลานฝึกเขาก็เห็นหลี่จือเซียวกําลังฝึกอยู่ที่นั่น

หอกในมือของเธอราวกับไร้รู้ร่าง พลังของมันแผ่ออกมาเกิดเป็นสนามพลัง ภายในก่อตัวเป็นวงกลม โดยมีเสาไม้รูปมนุษย์ตั้งอยู่ด้านหน้าของเธอ

หลี่คือเซียวมองไปที่หลินฟานอย่างไม่แยแส พลังในมือของเธอระเบิดออกมาและพุ่งเข้ากระแทกเป้าของเสาไม้

ปัง!

เสาไม้ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ หากนั่นเป็นคนจริงๆแทนที่จะเป็นเสาฝึกเกรงว่าคงตัวระเบิดไม่ต่างกัน

“ลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงคนนี้เล่นได้ดี นางสมควรได้รางวัล” หลินฟานกล่าว

โจว เชียงเหมาเกาหัว “ลูกพี่ลูกน้องนางแข็งแกร่งจริงๆ”
เชี่ย!

เขาไม่คิดเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะเรียกเธอว่าลูกพี่ลูกน้องจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาคงต้องล้างสมองลูกพี่ลูกน้องของเขาอีกครั้ง

“ความโกรธ +6

ซุยหลานยื่นผ้าขนหนูให้คุณหนูของเธอ และเธอก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําพูดของนายน้อยหลิน เขาพูดแบบนั้นกับคุณหนูได้อย่างไร? คุณหนูไม่ดีตรงไหนกัน? เขาก็น่าจะเห็นอยู่ว่าคุณหนูยอดเยี่ยมขนาดไหน

หลิน ฟานไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับคะแนนความโกรธเล็กๆที่เขาเพิ่งได้รับ นอกเสียจากไร้ค่า

“เราไปกันเถอะลูกพี่ลูกน้อง” หลินฟานเหลือบมองก่อนจะเดินออกไป

ทันใดนั้นเขาก็พบว่าเป็นหลี่จือเซียว ต่างหากที่ได้รับอันตรายมากที่สุดไม่ใช่เขา สําหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ตราบใดที่มีสมองเล็กน้อยก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร

แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทําได้

เพราะหากอ่อนแอก็ไม่สามารถทําได้แม้แต่ขัดขืน

“คุณหนู” ซุยหลานรู้สึกกังวลเมื่อเห็นคุณหนูของเธอไม่เปลี่ยนสีหน้า

หลี คือเซียวไม่ต้องการพูด ต้องการพ สีหน้า
ารถทําได้

อคืนตราบใดที่มีและในที่สุดเธอก็เข้าใจบางอย่างที่เธอเข้าใจผิดมาโดยตลอด

หัวหน้าตระกูลหลินเป็นคนที่รับมือได้ยากจริงๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ควรจะเป็นฝีมือของหัวหน้าตระกูลหลิน
ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้

เขามาและจากไปอย่างไร้ร่องรอย และก่อนที่เธอจะทันได้ตอบสนองเธอก็หมดสติไปแล้ว

“ซุยหลาน เตรียมไม้กระดานและตะปูให้ข้าด้วย” หลี่จือเซียวกล่าว

ซุยหลานไม่เข้าใจ “คุณหนูท่านจะเตรียมของพวกนี้ไปทําไม?”
“ไม่ต้องถามแค่เตรียมไว้ให้พร้อมก็พอ”

หลี่ จือเซียวรู้สึกราวกับกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ และอันตรายที่แท้จริงในตระกูลหลินคือหลินวานยี่เธอมองโลกในแง่ดีเกินไป

บนถนนหลินฟานกําลังเดินเล่นเรื่อยเปื่อย คนทั่วไปที่เดินผ่านไปมาต่างทักทายเขาด้วยความเคารพ

ชื่อเสียงในเมืองหยูฉางของเขายังคงดีเช่นเดิม ทุกสิ่งที่เขาทําจะได้รับความเคารพ และเป็นที่ชื่นชอบจากชาวเมืองเสมอ

ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบม้าดังมาจากระยะไกล

มันเป็นม้าสีดําหลายตัวที่วิ่งมาตามทางสัญจรของเมือง
ชาวเมืองต่างหวาดผวา

“หลบไป! หลบไปให้พ้นทางข้า!”

คนขี่ม้าเป็นชายที่หยาบกระด้างและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ด้านหลังของเขามีดาบขนาดใหญ่กว้างเท่าฝ่ามือซึ่งถูกพันด้วยผ้าสีขาว

หลิน ฟานยืนอยู่กลางถนนดูม้าที่ถูกควบเข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะถอย

“หลีกไป!”

คนที่นําหน้าเป็นชายสูงแปดฟุต ใบหน้าและดวงตาคล้ายเสือดาว คางนกนางแอ่นและมีเคราคล้ายเสือ เขายังคงพุ่งมาข้างหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัว

“ลูกพี่ลูกน้อง หยุดเขา” หลินฟานกล่าวอย่างใจเย็น

โจว เชียงเหมาพุ่งไปข้างหน้าโดยทิ้งหลุมลึกไว้ด้านหลัง เขาเหยียดแขนออก และคว้าขาหน้าของม้าทันที

เขาคํารามออกมาและต้านทานแรงของม้า จากนั้นก็ออกแรงดึง

พัฟ!

ม้าสีดําถูกฉีกขาดครึ่งทําให้เลือดขอ งมันกระเซ็นไปทั่วเหมือนน้ํา ชาวเมืองจํานวนมากที่หลบไม่พ้นถูกทําให้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดพวกนั้น

ทันใดนั้นชายบนหลังม้าก็ตะลึง เขาถีบหลังม้าลอยขึ้นไปในอากาศแล้วร่อน

ลงสู่พื้น

คนที่ตามหลังมาทั้งหมดหยุด พวกเขาดึงเชือกทําให้ม้าของพวกเขายกขาหน้าขึ้นและหยุดนิ่ง

“ลูกพี่ลูกน้อง ข้าบอกให้เจ้าหยุดเขา ทําไมเจ้าจึงฉีกม้าของเขาเป็นสองส่วน?” หลินฟานทําตัวไม่ถูก

โจว เชียงเหมาหันกลับมาและยิ้มโชว์ฟันขาวของเขา “ข้าไม่มีทางเลือก”

“อืม” หลิน ฟานพยักหน้า เหตุผลของเขาฟังขึ้นและเขาก็ไม่ได้มีปัญหากับมัน

“รนหาที่ตาย!” ชายคนนั้นโกรธมากจนใบหน้าและหูเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากําลังเอื้อมมือไปหยิบดาบเล่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง แต่เมื่อเขาได้ยินหลินฟานแนะนําตัว มือของเขาก็หดกลับโดยไม่รู้ตัว

หลิน ฟานเงยหน้าขึ้นและกล่าว “ข้าเป็นนายน้อยของตระกูลหลิน และพวกเจ้าทุกคนก็กําลังขี่ม้าอยู่ในดินแดนของข้า เจ้าเคยขออนุญาตจากตระกูลของข้าหรือยัง?”

ชายผู้หยาบกระด้างป้องหมัดและยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นนายน้อยของตระกูลหลินนี่เอง ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของท่านมาบ้าง ขออภัยที่บ้าทําตัวเสียมารยาท”

“ในเมื่อเจ้าเคยได้ยินเรื่องของข้ามาบ้าง งั้นเจ้ารู้ไหมว่าข้าชื่ออะไร?” หลินฟานถาม

เป็นคําถามที่ยุ่งยากเสียจริง

ชายผู้นั้นแสดงสีหน้าอึดอัดใจเมื่อถูกถาม พวกเราแค่คุยกันตามปกติ ดังนั้น ไม่คิดจะไว้หน้ากันหน่อยเลยหรือ?

“ความโกรธ +123
“เจ้าก็อายุไม่ใช่น้อยแล้วแต่ทําไมถึง ยังชอบโกหกอยู่อีก เฮ้อ…” หลินฟาน ส่ายหัวและชี้ไปที่คนด้านหลัง “ลงจากหลังม้า พวกเจ้าไม่คิดจะเคารพกฎและทําเหมือนกับว่าเมืองนี้เป็นที่สําหรับขี่ม้าของพวกเจ้า?”

ชายคนนั้นโบกมือให้พวกเขาลงจากม้า “นายน้อยหลิน เราเพิ่งมาถึงที่นี่และยังไม่รู้กฏดีได้โปรดยกโทษให้เราด้วย”

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ เนื่องจากพวกเจ้ารู้ว่าตนเองผิด งั้นข้าก็จะไม่โทษเจ้า ไปเถอะ” หลินฟานโบกมือ

เขาต้องควบคุมเรื่องนี้ก่อนที่มันจะเกิดอุบัติเหตุ
ชายคนนั้นป้องหมัด “ไป”

ทันใดนั้นคนที่ตามมาก็ขึ้นขี่ม้าอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน พวกเจ้ากําลังทําอะไรกัน? ข้าบอกให้พวกเจ้าเลิกขี่ม้าในเมือง แต่ทําไมถึงยังขอยู่? ลูกพี่ลูกน้องยึดม้าของพวกเขา”

“แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ตระกูลของข้าเป็นตระกูลใหญ่และข้าก็ไม่ได้สนใจ ม้าของพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย และถ้าหากเจ้ากําลังจะออกจากเมืองก็ขอให้มา ที่ตระกูลหลินเพื่อหาข้า”

ในฐานะตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหยูฉาง ตระกูลหลินต้องควบคุมกฎและความปลอดภัยของที่นี่

โดยเฉพาะชายตัวใหญ่เหล่านี้แค่มอง แวบแรกก็รู้ได้เลยว่าไม่ใช่คนดี

“ความโกรธ +111

“ความโกรธ +88

ความโกรธ +123

คะแนนความโกรธสามชุด

เห็นได้ชัดเลยว่ามาจากสามคนนี้

“เนื่องจากนายน้อยหลินกล่าวเช่นนั้น เราก็จะทําตามที่นายน้อยหลินกล่าว แล้วเราจะไปรับม้าของเราที่คฤหาสน์ตระกูลหลินในอนาคต” ชายคนนั้นพูดพร้อมป้องหมัด

คุยง่ายจริงๆ
มันเกินความคาดหมายของหลินฟานเล็กน้อย

ในไม่ช้าชายทั้งสามก็จากไป

“ลูกพี่ลูกน้องพวกเขามาจากไหน?” หลินฟานถาม ตามปกติแล้วคนเช่นพวกเขาไม่ค่อยปรากฏตัวในเมืองหยูฉาง

โจว เชียงเหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“พวกเขาทุกคนน่าจะบ่มเพาะร่างกาย และม้าสีดําสามารถพบได้เฉพาะที่ราบทางตอนเหนือเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาต้องมาจากทางเหนือแน่นอน”

“ข้าแค่จะถามเจ้าว่าพวกเขามาจากไหนและอยู่กองกําลังอะไร” หลินฟานทําตัวไม่ถูก ความคิดของลูกพี่ลูกน้องของเขาค่อนข้างพิเศษ

โจว เชียงเหมาส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้

หลิน ฟานไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขามองย้อนกลับไปที่คนเหล่านั้นที่จากไปแล้วส่ายหัว สําหรับม้าที่ถูกลูกพี่ลูกน้องของเขาแยกเป็นสองส่วนจะถูกแจกจ่ายให้กับชาวเมือง
จากนั้นเขาก็ขึ้นไปบนม้าสีดําและตระเวนไปรอบเมืองอย่างช้าๆ

การมีสัตว์ขี่นี่มันดีจริงๆ

Options

not work with dark mode
Reset