I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 64

ตอนที่ 64

ตอนนี้ก็เป็นเดือนธันวาคมแล้ว

 

แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเพียงแค่เดือนๆหนึ่งในปฏิทินเท่านั้นเอง แล้วนอกจากนี้มันก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเป็นพิเศษเกิดขึ้นในช่วงนี้เช่นกัน ช่วงหน้าหนาวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนดังนั้นในเวลานี้เราจึงเตรียมการรับมือความหนาวเย็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

 

“…นะ”

 

นั่นคือคำแรกที่ผมพูดออกมาในตอนที่ตื่นขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกในมือถือที่กำลังดังอยู่ในตอนเช้า

 

จริงๆผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่า「นะ」 แต่ตั้งใจจะพูดว่า「หนาว」ต่างหาก

 

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ผมรู้สึกว่าอากาศเริ่มที่จะหนาวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าๆแบบนี้ ส่งผลให้การที่จะต้องลุกออกจากฟูกนอนเป็นเรื่องที่ทรมานเป็นอย่างมาก ถ้าต้องลุกไปที่ห้องนั่งเล่นก็จะต้องทนความหนาวไปอีกสักพักก่อนที่เครื่องทำความร้อนกับเครื่องปรับอากาศจะทำงานได้เต็มที่และทำให้อากาศภายในห้องอุ่นขึ้นมา…ใช่แล้วพวกมันกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วหลังจากที่ส่งไปซ่อมมา

 

ถึงจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ก็เป็นช่วงไม่กี่นาทีที่ทรมานสำหรับผมที่เป็นเด็กสมัยใหม่ที่โตมากับสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย

 

เอาล่ะ…บ่นไปก็ไม่ได้อะไร ยังไงสุดท้ายก็ต้องลุกออกจากฟูกอยู่ดี…

 

ผมเดินไปล้างหน้าในขณะเดียวกันก็ต้องทนกับความเย็นของน้ำในตอนเช้า แต่มันก็ทำให้ผมที่กำลังทำหน้าง่วงๆอยู่หายง่วงได้แถมยังรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย

 

“อืม…คิดในแง่ดีแล้วกัน”

 

ผมมองดูหน้าตาตัวเองในกระจกแล้วบ่นออกมาเบาๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้นอนดึกสักเท่าไหร่ ส่งผลทำให้รอยคล้ำใต้ตาค่อยๆจางลงไปบ้างแล้ว

 

ต่อมาผมก็มองไปที่ผมหน้าม้าของตัวเอง…ดูเหมือนมันจะเริ่มยาวแล้ว ถึงโรงเรียนจะไม่ได้มีกฏเกี่ยวกับความยาวของผมกำหนดไว้ก็ตาม แต่ผมเองก็อดรู้สึกรำคาญนิดหน่อยไม่ได้เวลาที่ปลายผมมันยาวเกินไปจนมาบดบังการมองเห็น…ดูเหมือนว่าต้องไปตัดผมสักหน่อยแล้วสิ

 

ช่วงนี้ผมเองก็ค่อยๆเริ่มหันมาดูแลรูปร่างและหน้าตาของตัวเองขึ้นทีละเล็กทีละน้อยบ้างแล้ว

 

“อรุณสวัสดิ์ มากิ”

 

“อรุณสวัสดิ์ครับแม่…แม่ดูไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”

 

“ช่วยไม่ได้หรอก แม่พึ่งนอนได้ไปสี่ชั่วโมงเองนี่นา”

 

ขณะที่กำลังรอให้ห้องนั่งเล่นอุ่นขึ้น แม่ที่พึ่งจะตื่นนอนก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางง่วงซึมไม่ค่อยสดชื่น ผมจึงเดินไปชงกาแฟให้แม่ เผื่อว่าจะช่วยให้แม่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

 

แม่ของผมทำงานอยู่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะยุ่งเป็นพิเศษในช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี

 

ถึงตอนนี้จะยังพอมีเวลากลับมานอนที่บ้านบ้าง แต่ยิ่งใกล้สิ้นปีมากเท่าไหร่งานก็จะยิ่งยุ่งขึ้นเรื่อยๆจนทุกวันดูเหมือนเป็นวันศุกร์…หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือแม่จะยุ่งมากจนแทบจะไม่สามารถกลับบ้านได้นั่นเอง

 

ผมแอบสาบานกับตัวเองในใจว่าในอนาคตจะไม่หันมาสนใจทำงานในสายนี้เป็นอันขาด

 

“บอกหน่อยสิมากิ”

 

“หืม?”

 

“ถ้าพูดถึงเดือนธันวาก็ต้องพูดถึงวันคริสต์มาสสินะ ลูกมีแผนจะทำอะไรไหม?”

 

“ยังครับ ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย”

 

ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถ้าพูดถึงเดือนธันวาแล้วต้องนึกถึงวันคริสต์มาสด้วย? ในเดือนธันวายังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปลายภาคที่กำลังจะเริ่มในสัปดาห์หน้า แล้วหลังนั้นก็ยังจะมีวันส่งท้ายปีเก่าที่รออยู่…และยังมีอะไรอีกมากที่ต้องเตรียมพร้อม เช่นการทำความสะอาดบ้าน

 

วันคริสต์มาสก็เป็นเพียงวันหนึ่งในช่วงปลายเดือนก่อนที่จะขึ้นเดือนใหม่แค่นั้นเองไม่ใช่หรือไง? พูดก็พูดเถอะ…ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อยนี่

 

…นั่นคือสิ่งที่ผมจะพูด หากว่าเป็นปีที่แล้วล่ะก็นะ

 

เพราะว่าในช่วงวันหยุดสิ้นปีของปีที่แล้ว…ในตอนนั้นผมยังใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังเท่านั้น

 

“…แล้วถ้าแม่หมายถึงอุมิล่ะก็ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้นัดอะไรกับอุมิไว้เลย แล้วอีกอย่างนี่ก็พึ่งจะต้นเดือนเองด้วย”

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งจะมีใครสักคนที่ได้รู้จักและรู้สึกสนิทด้วยอยู่

 

ใบหน้าของเธอที่กำลังยิ้มอย่างซุกซนจนเห็นฟันขาวแว๊บเข้ามาในหัวของผม

 

ชื่อของเธอคือ อาซานางิ อุมิ

 

พวกเราพึ่งจะเป็นเพื่อนกันมาได้ประมาณสามเดือน แต่ด้วยเหตุผลและเหตุการณ์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ในตอนนี้เธอจึงได้กลายมาเป็นคนที่ผมรู้สึกด้วยมากกว่าคำว่าเพื่อน

 

ในช่วงสุดสัปดาห์พวกเราสองคนจะมาเล่นและกินข้าวด้วยกันเป็นประจำ พวกเราเดินจับมือกัน กลับบ้านด้วยกัน…และล่าสุดผมยังถูกเธอหอมแก้มด้วย…และถึงพวกเราจะยังไม่ได้คบเป็นแฟนกันจริงๆ แต่ผมก็คิดว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

นี่จะเป็นวันคริสต์มาสครั้งแรกของผมกับอุมิ พวกเรามีในความสัมพันธ์กันในรูปแบบ「มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน」 (TL: เฟื่อนนั่นเอง) และโรงเรียนของพวกเราก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวหลังจากสอบเสร็จ ดังนั้นผมคิดว่าบางทีพวกเราควรจะมีนัดทำอะไรกันสักอย่างในช่วงวันคริสต์มาสก็ดีเหมือนกัน

 

“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นแม่แนะนำว่าให้ลูกรีบจองตัวอุมิจังไว้ก่อนดีกว่านะ…นัดล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์น่าจะกำลังดี ถ้าไม่รีบล่ะก็ระวังอุมิจังจะโดนแย่งตัวไปซะก่อนนะ”

 

“…ไม่เป็นแบบนั้นหรอกมั้ง?”

 

“เป็นสิ…แล้วก็นะ ที่โรงเรียนอุมิจังน่ะดังมากเลยใช่ไหม?”

 

“อืม ก็ใช่แหละ”

 

บางทีคำพูดของแม่ก็ฟังดูมีเหตุผล ที่โรงเรียนอุมิเป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นในทั้งเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายก็ตาม และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อามามิซัง ที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ

 

อืม…ถ้าอย่างนั้นก็แค่นัดอุมิออกไปเที่ยวเล่นกันวันอื่นก็ได้นี่ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย…ถ้าบอกแม่ไปแบบนั้นแม่จะโกรธหรือเปล่านะ?

 

“ยังไงก็ตาม…ถ้าลูกอยากพาอุมิจังมาที่บ้านตอนวันคริสต์มาส ลูกต้องรีบลงมือทันที เข้าใจนะ…เอ่อ แล้วก็ถ้าลูกพาอุมิจังมาก็อย่าลืมบอกแม่ก่อนเหมือนทุกทีด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”

 

“รู้แล้วน่า”

 

โดยปกติแม่จะไม่ค่อยพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับอุมิสักเท่าไหร่…แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอพูดถึงเรื่องนี้…แม่ก็จะทำตัวจู้จี้จนบางทีผมก็รู้สึกรำคาญเลยทีเดียว

 

จะว่ายังไงดีล่ะ…โดยปกติแล้ววันคริสต์มาสของทุกปีที่ผ่านๆมา สำหรับตัวผมและแม่…มันคือวันที่มีแต่ความทรงจำอันขมขื่นล่ะนะ…

 

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่แม่ต้องการให้ผมได้มีความทรงจำที่สนุกสนานในวันคริสต์มาสให้มากขึ้น

 

เอาเถอะ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับอุมิเหมือนกัน

 

“อ๊ะ! แล้วก็นะ มากิ แม่มีคำแนะนำที่สำคัญอย่างหนึ่งในการใช้เวลาช่วงวันคริสต์มาสกับอุมิจังให้ลูกด้วยนะ”

 

“ทำไมเปลี่ยนท่าทีกะทันหันแบบนั้น…แล้วมันคืออะไรล่ะ?”

 

“อืม คือว่านะ…”

 

แม่ทำหน้าจริงจัง ก่อนที่จะ…

 

“เผื่อฉุกเฉิน…ลูกรู้วิธีใช้ใช่ไหม?”

(TL: แม๊~~~~~~~~~ ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°) )

 

“…………………….”

 

แม่ทำบ้าอะไรเนี่ย!!!!

 

ผมรีบทำการไล่แม่ออกจากบ้านทันที

 

ขอร้องล่ะครับ…แม่ช่วยหยุดคิดมากแล้วรีบออกไปทำงานโดยสวัสดิภาพทีนะครับ….

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆ 

 

ตอนนี้เป็นตอนเปิดบทที่ 2 ของเรื่องครับ

ก็ไม่มีอะไรมากครับสำหรับตอนนี้นอกจาก………คุณแม๊~~~~~~~~~ ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°)

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ 

ยังไงก็ฝาก Durimtok Channel | Facebook ไว้ด้วยนะครับ อย่าลืมกด like กด share กดปักตะไคล้ (ฮา) กันด้วยนะครับ

ตอนนี้ก็เป็นเดือนธันวาคมแล้ว

 

แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเพียงแค่เดือนๆหนึ่งในปฏิทินเท่านั้นเอง แล้วนอกจากนี้มันก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเป็นพิเศษเกิดขึ้นในช่วงนี้เช่นกัน ช่วงหน้าหนาวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนดังนั้นในเวลานี้เราจึงเตรียมการรับมือความหนาวเย็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

 

“…นะ”

 

นั่นคือคำแรกที่ผมพูดออกมาในตอนที่ตื่นขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกในมือถือที่กำลังดังอยู่ในตอนเช้า

 

จริงๆผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่า「นะ」 แต่ตั้งใจจะพูดว่า「หนาว」ต่างหาก

 

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ผมรู้สึกว่าอากาศเริ่มที่จะหนาวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าๆแบบนี้ ส่งผลให้การที่จะต้องลุกออกจากฟูกนอนเป็นเรื่องที่ทรมานเป็นอย่างมาก ถ้าต้องลุกไปที่ห้องนั่งเล่นก็จะต้องทนความหนาวไปอีกสักพักก่อนที่เครื่องทำความร้อนกับเครื่องปรับอากาศจะทำงานได้เต็มที่และทำให้อากาศภายในห้องอุ่นขึ้นมา…ใช่แล้วพวกมันกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วหลังจากที่ส่งไปซ่อมมา

 

ถึงจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ก็เป็นช่วงไม่กี่นาทีที่ทรมานสำหรับผมที่เป็นเด็กสมัยใหม่ที่โตมากับสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย

 

เอาล่ะ…บ่นไปก็ไม่ได้อะไร ยังไงสุดท้ายก็ต้องลุกออกจากฟูกอยู่ดี…

 

ผมเดินไปล้างหน้าในขณะเดียวกันก็ต้องทนกับความเย็นของน้ำในตอนเช้า แต่มันก็ทำให้ผมที่กำลังทำหน้าง่วงๆอยู่หายง่วงได้แถมยังรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย

 

“อืม…คิดในแง่ดีแล้วกัน”

 

ผมมองดูหน้าตาตัวเองในกระจกแล้วบ่นออกมาเบาๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้นอนดึกสักเท่าไหร่ ส่งผลทำให้รอยคล้ำใต้ตาค่อยๆจางลงไปบ้างแล้ว

 

ต่อมาผมก็มองไปที่ผมหน้าม้าของตัวเอง…ดูเหมือนมันจะเริ่มยาวแล้ว ถึงโรงเรียนจะไม่ได้มีกฏเกี่ยวกับความยาวของผมกำหนดไว้ก็ตาม แต่ผมเองก็อดรู้สึกรำคาญนิดหน่อยไม่ได้เวลาที่ปลายผมมันยาวเกินไปจนมาบดบังการมองเห็น…ดูเหมือนว่าต้องไปตัดผมสักหน่อยแล้วสิ

 

ช่วงนี้ผมเองก็ค่อยๆเริ่มหันมาดูแลรูปร่างและหน้าตาของตัวเองขึ้นทีละเล็กทีละน้อยบ้างแล้ว

 

“อรุณสวัสดิ์ มากิ”

 

“อรุณสวัสดิ์ครับแม่…แม่ดูไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ”

 

“ช่วยไม่ได้หรอก แม่พึ่งนอนได้ไปสี่ชั่วโมงเองนี่นา”

 

ขณะที่กำลังรอให้ห้องนั่งเล่นอุ่นขึ้น แม่ที่พึ่งจะตื่นนอนก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางง่วงซึมไม่ค่อยสดชื่น ผมจึงเดินไปชงกาแฟให้แม่ เผื่อว่าจะช่วยให้แม่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

 

แม่ของผมทำงานอยู่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะยุ่งเป็นพิเศษในช่วงก่อนวันหยุดสิ้นปี

 

ถึงตอนนี้จะยังพอมีเวลากลับมานอนที่บ้านบ้าง แต่ยิ่งใกล้สิ้นปีมากเท่าไหร่งานก็จะยิ่งยุ่งขึ้นเรื่อยๆจนทุกวันดูเหมือนเป็นวันศุกร์…หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือแม่จะยุ่งมากจนแทบจะไม่สามารถกลับบ้านได้นั่นเอง

 

ผมแอบสาบานกับตัวเองในใจว่าในอนาคตจะไม่หันมาสนใจทำงานในสายนี้เป็นอันขาด

 

“บอกหน่อยสิมากิ”

 

“หืม?”

 

“ถ้าพูดถึงเดือนธันวาก็ต้องพูดถึงวันคริสต์มาสสินะ ลูกมีแผนจะทำอะไรไหม?”

 

“ยังครับ ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย”

 

ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถ้าพูดถึงเดือนธันวาแล้วต้องนึกถึงวันคริสต์มาสด้วย? ในเดือนธันวายังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปลายภาคที่กำลังจะเริ่มในสัปดาห์หน้า แล้วหลังนั้นก็ยังจะมีวันส่งท้ายปีเก่าที่รออยู่…และยังมีอะไรอีกมากที่ต้องเตรียมพร้อม เช่นการทำความสะอาดบ้าน

 

วันคริสต์มาสก็เป็นเพียงวันหนึ่งในช่วงปลายเดือนก่อนที่จะขึ้นเดือนใหม่แค่นั้นเองไม่ใช่หรือไง? พูดก็พูดเถอะ…ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อยนี่

 

…นั่นคือสิ่งที่ผมจะพูด หากว่าเป็นปีที่แล้วล่ะก็นะ

 

เพราะว่าในช่วงวันหยุดสิ้นปีของปีที่แล้ว…ในตอนนั้นผมยังใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังเท่านั้น

 

“…แล้วถ้าแม่หมายถึงอุมิล่ะก็ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้นัดอะไรกับอุมิไว้เลย แล้วอีกอย่างนี่ก็พึ่งจะต้นเดือนเองด้วย”

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งจะมีใครสักคนที่ได้รู้จักและรู้สึกสนิทด้วยอยู่

 

ใบหน้าของเธอที่กำลังยิ้มอย่างซุกซนจนเห็นฟันขาวแว๊บเข้ามาในหัวของผม

 

ชื่อของเธอคือ อาซานางิ อุมิ

 

พวกเราพึ่งจะเป็นเพื่อนกันมาได้ประมาณสามเดือน แต่ด้วยเหตุผลและเหตุการณ์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้น ในตอนนี้เธอจึงได้กลายมาเป็นคนที่ผมรู้สึกด้วยมากกว่าคำว่าเพื่อน

 

ในช่วงสุดสัปดาห์พวกเราสองคนจะมาเล่นและกินข้าวด้วยกันเป็นประจำ พวกเราเดินจับมือกัน กลับบ้านด้วยกัน…และล่าสุดผมยังถูกเธอหอมแก้มด้วย…และถึงพวกเราจะยังไม่ได้คบเป็นแฟนกันจริงๆ แต่ผมก็คิดว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

นี่จะเป็นวันคริสต์มาสครั้งแรกของผมกับอุมิ พวกเรามีในความสัมพันธ์กันในรูปแบบ「มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน」 (TL: เฟื่อนนั่นเอง) และโรงเรียนของพวกเราก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวหลังจากสอบเสร็จ ดังนั้นผมคิดว่าบางทีพวกเราควรจะมีนัดทำอะไรกันสักอย่างในช่วงวันคริสต์มาสก็ดีเหมือนกัน

 

“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นแม่แนะนำว่าให้ลูกรีบจองตัวอุมิจังไว้ก่อนดีกว่านะ…นัดล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์น่าจะกำลังดี ถ้าไม่รีบล่ะก็ระวังอุมิจังจะโดนแย่งตัวไปซะก่อนนะ”

 

“…ไม่เป็นแบบนั้นหรอกมั้ง?”

 

“เป็นสิ…แล้วก็นะ ที่โรงเรียนอุมิจังน่ะดังมากเลยใช่ไหม?”

 

“อืม ก็ใช่แหละ”

 

บางทีคำพูดของแม่ก็ฟังดูมีเหตุผล ที่โรงเรียนอุมิเป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นในทั้งเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายก็ตาม และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อามามิซัง ที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ

 

อืม…ถ้าอย่างนั้นก็แค่นัดอุมิออกไปเที่ยวเล่นกันวันอื่นก็ได้นี่ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย…ถ้าบอกแม่ไปแบบนั้นแม่จะโกรธหรือเปล่านะ?

 

“ยังไงก็ตาม…ถ้าลูกอยากพาอุมิจังมาที่บ้านตอนวันคริสต์มาส ลูกต้องรีบลงมือทันที เข้าใจนะ…เอ่อ แล้วก็ถ้าลูกพาอุมิจังมาก็อย่าลืมบอกแม่ก่อนเหมือนทุกทีด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”

 

“รู้แล้วน่า”

 

โดยปกติแม่จะไม่ค่อยพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับอุมิสักเท่าไหร่…แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอพูดถึงเรื่องนี้…แม่ก็จะทำตัวจู้จี้จนบางทีผมก็รู้สึกรำคาญเลยทีเดียว

 

จะว่ายังไงดีล่ะ…โดยปกติแล้ววันคริสต์มาสของทุกปีที่ผ่านๆมา สำหรับตัวผมและแม่…มันคือวันที่มีแต่ความทรงจำอันขมขื่นล่ะนะ…

 

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่แม่ต้องการให้ผมได้มีความทรงจำที่สนุกสนานในวันคริสต์มาสให้มากขึ้น

 

เอาเถอะ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับอุมิเหมือนกัน

 

“อ๊ะ! แล้วก็นะ มากิ แม่มีคำแนะนำที่สำคัญอย่างหนึ่งในการใช้เวลาช่วงวันคริสต์มาสกับอุมิจังให้ลูกด้วยนะ”

 

“ทำไมเปลี่ยนท่าทีกะทันหันแบบนั้น…แล้วมันคืออะไรล่ะ?”

 

“อืม คือว่านะ…”

 

แม่ทำหน้าจริงจัง ก่อนที่จะ…

 

“เผื่อฉุกเฉิน…ลูกรู้วิธีใช้ใช่ไหม?”

(TL: แม๊~~~~~~~~~ ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°) )

 

“…………………….”

 

แม่ทำบ้าอะไรเนี่ย!!!!

 

ผมรีบทำการไล่แม่ออกจากบ้านทันที

 

ขอร้องล่ะครับ…แม่ช่วยหยุดคิดมากแล้วรีบออกไปทำงานโดยสวัสดิภาพทีนะครับ….

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆ 

 

ตอนนี้เป็นตอนเปิดบทที่ 2 ของเรื่องครับ

ก็ไม่มีอะไรมากครับสำหรับตอนนี้นอกจาก………คุณแม๊~~~~~~~~~ ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°) ( ͡° ͜ʖ ͡°)

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ 

ยังไงก็ฝาก Durimtok Channel | Facebook ไว้ด้วยนะครับ อย่าลืมกด like กด share กดปักตะไคล้ (ฮา) กันด้วยนะครับ

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

Score 10
Status: Completed
ผมชื่อ มาเอะฮาระ มากิ คนที่ไม่เพื่อน หรือคนรู้จักในโรงเรียนม.ปลาย แต่ในที่สุดก็มีคนที่ผมสามารถออกไปเที่ยวด้วยกัน ภายนอกรั้วโรงเรียนด้วยได้ เธอคือเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ อะสะนางิซัง เด็กสาวที่พวกนักเรียนชายในชั้นเรียนต่างเรียกเธอว่า 'สาวน่ารักอันดับสองของชั้นเรียน'

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset