I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 50

ตอนที่ 50

 

ช่วงที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นม.ต้น ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มแปลกไป

 

ยูมาเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเราได้สองสามปีแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉันคาดการณ์ไว้ ยูกับฉันกลายเป็นศูนย์กลางของชั้นเรียน…ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นศูนย์กลางของทั้งชั้นปีการศึกษามากกว่า

 

ถึงฉันจะมีความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง แต่มันก็ดูจะแย่ไปหน่อยเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับยู

 

แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้รู้สึกอิจฉายูในเรื่องนั้นหรอกนะ ความสัมพันธ์เราไม่ได้บอบบางขนาดนั้น

 

“อ่ะ อุมิล่ะ! อรุณสวัสดิ์อุมิ!”
 

“อุหว่า~ ฉันบอกเธอไปหลายครั้งแล้วน่ะว่าอยู่ดีๆอย่าวิ่งเข้ามากอดแบบนี้…แต่…เพราะว่าเธอน่ารักครั้งนี้ฉันจะยอมให้สักครั้งแล้วกันนะ”

 

“เฮะเฮะ ขอบคุณนะอุมิ”
 

สำหรับยูตั้งแต่ที่เลื่อนขึ้นมาอยู่ชั้นม.ต้น เธอก็ไม่ได้หวาดกลัวที่จะมายืนอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆเหมือนตอนสมัยอยู่ชั้นประถมอีกแล้ว และตอนที่เธอได้อยู่กับฉัน เธอก็ชอบทำตัวแบบนี้ประจำ

 

รอยยิ้มของเธอยังคงเหมือนรอยยิ้มที่เธอแอบยิ้มให้ฉันเห็นแบบลับๆตอนที่ฉันได้พบเธอครั้งแรก

 

มันก็น่าดีใจนะที่ยูมองว่าฉันเป็นคนพิเศษ แต่บางที…เธอก็ติดฉันเกินไปหน่อย

 

“ซานาเอะ มานากะ อรุณสวัสดิ์”
 

“อรุณสวัสดิ์อุมิจัง”
 

“อรุณสวัสดิ์~~”

 

ความสัมพันธ์ของฉันกับซานาเอะและมานะกะยังคงเหมือนเดิม พวกเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่แน่นอนว่าพวกเธอไม่ได้ติดฉันเหมือนยู ไม่สิ แบบนี้แหละคือความสัมพันธ์แบบเพื่อนปกติ…แบบยูนี่ฉันรู้สึกว่าเกินปกติไปนิดนึง

 

“อ๊ะ จริงสิยู วันนี้เป็นเวรเธอไม่ใช่เหรอ? ทั่วไปเอาสมุดบันทึกประจำวันมาจากอาจารย์หรือยังนะ?”

 

“เอ๊ะ? …..อ๊า!”

 

“โถ่…เอาล่ะๆ รีบไปแล้ว ถ้าช้าเดี๋ยวอาจารย์จะโกรธเอานะ”

 

“อะ อืม ทุกคน ฉันขอตัวไปเอาสมุดบันทึกแปปนึงนะ”

 

ยู เด็กสาวผมบลอนด์ที่ยิ่งโตเธอก็ยิ่งดูสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ รีบเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางรีบร้อน

 

ทั้งๆที่เป็นแค่การเดินธรรมดาๆเพื่อไปเอาสมุดบันทึกประจำวัน แต่ภาพของเธอกลับสวยงามราวกับผีเสื้อกำลังบินออกจากดอกไม้

 

ถึงโรงเรียนของเราจะเป็นโรงเรียนหญิงล้วน แต่ดูเหมือนทุกคนก็ยังคงหลงใหลในตัวยู

 

“จริงๆเลย…อ๊ะ พวกเธอสองคนช่วงวันหยุดสัปดาห์หน้าพวกเธอว่างไหม?”

 

“เอ๊ะ? เอ่อ…ฉันก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน…”

 

“ฉันไม่รู้ว่าจะมีเรียนพิเศษหรือเปล่านะสิ…ว่าแต่มีอะไรเหรอ?”

 

“เฮะๆ จริงๆแล้ว…”

 

ฉันหยิบตั๋วออกมาจากกระเป๋าของชุดนักเรียน มันคือบัตรชมภาพยนตร์ฟรีในวันนั้น ดูเหมือนว่าแม่ของฉันจะได้มาจากคนรู้จัก และเธอก็ให้มันกับฉันเพื่อเอาไว้ไปดูหนังกับเพื่อน

 

“ฉันมีตั๋วอยู่สี่ใบพอดี ทำไมเราไม่ไปด้วยกันล่ะ แล้วหลังจากดูหนังเสร็จ เราก็ไปเที่ยวหรือว่าไปหาอะไรกินต่อดีไหม?”
 

ตั้งแต่ที่เราขึ้นม.ต้นมา พวกเราก็ไปเที่ยวพร้อมกันสี่คนน้อยลงเรื่อยๆ ซานาเอะกับมานากะนั่นยุ่งอยู่กับการเรียนและการเรียนพิเศษ ถึงแม้พวกเธอจะสัญญาว่าจะมาเล่นด้วยบ่อยๆ แต่พวกเธอคนใดคนหนึ่งหรือไม่ก็ทั้งสองคนมักจะไม่ว่างอยู่เสมอ

 

แม้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังตัดสินใจชวนพวกเธออยู่ตลอด

 

ฉันไม่คิดว่ามิตรภาพของพวกเราจะจืดจางลงเพียงเพราะว่าพวกเราเล่นด้วยกันน้อยลง ฉันยังอยากเล่นกับทุกคนดังนั้นเลยชวนพวกเธอไปเที่ยวด้วยกันอยู่เป็นระยะๆ

 

เพราะว่าฉันเป็นตัวกลางระหว่างพวกเราทั้งสี่คน
 

“เอ่อ~~ วันเสาร์ วันอาทิตย์…เสาร์ อาทิตย์ อะ…เอ่อ…”

 

“สัปดาห์หน้า ค่อนข้างยุ่งน่ะ”
 

“เอ๊ะ? ทั้งสองคนเลยหรอ? มีเรียนพิเศษงั้นหรอ?”
 

ถึงคิดไว้แล้วว่าบางทีอาจจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ แต่มันก็กลายเป็นแบบที่คิดไว้จริงๆสินะ

 

“อืม ประมาณนั้นแหละ~”
 

“ฉันเองก็ด้วย ต้องไปเรียนพิเศษเหมือนกัน”

 

“งั้นหรอ…ช่วงนี้เรียนกันบ่อยจัง”
 

แม้ที่บ้านของฉันกับยูจะเป็นครอบครัวธรรมดา แต่ที่บ้านของซานาเอะกับมานากะนั้นค่อนข้างมีฐานะ ทำให้พ่อแม่ของพวกเธอค่อนข้างจริงจังกับการเรียนของทั้งสองคนไม่เหมือนกับที่บ้านของฉัน

 

“ขอโทษนะอุมิจัง เธออุตส่าชวน…”

 

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องของที่บ้านของทั้งสองคนมันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

ฉันแตะไหล่ของพวกเธอทั้งสองคนที่มีท่าทางเสียใจว่าไม่ต้องกังวล
 

ถึงค่าตัวหนังจะแพงไปหน่อย แต่เอาไว้ไปดูพร้อมกันครั้งหน้าก็ได้เพราะยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม
 

“อ๊ะ แล้วอาทิตย์ต่อไปล่ะ? ฉันยังว่างอยู่ แล้วมานากะล่ะ?”

 

“อืม ฉันจะลองคุยกับพ่อแม่ดู ฉันเองก็อยากพักเหมือนกัน”
 

เห็นไหมล่ะ ถ้าฉันไม่ชวนพวกเธอล่วงหน้าแบบนี้ บางทีพวกเธออาจจะไม่ว่างกันอีกด้วยเหตุผลบางอย่างก็ได้

 

“…ขอโทษที่ให้รอนะทุกคน! ฉันไปเอาสมุดบันทึกประจำวันจากอาจารย์มาเรียบร้อยแล้วล่ะ”
 

“โอ้ งั้นเอาไว้คุยกันทีหลังนะ…ฉันจะติดต่อเรื่องเวลานัดกับพวกเธออีกทีนะ”

 

มันช่วยไม่ได้ ถึงจะรู้สึกเหงานิดหน่อย แต่จะปล่อยตั๋วหนังทิ้งไปเฉยๆก็ไม่ได้ ตอนแรกฉันว่าจะชวนยูไปดูด้วยกัน แต่แบบนั้นมันคงไม่ดีกับอีกสองคนที่ไม่ได้ไป ฉันเลยคิดว่าจะไปดูคนเดียว มันอาจจะทำให้มีสมาธิในการดูหนังมากขึ้น…บางทีการไปดูหนังคนเดียวก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันวางแผนจะไปดูหนังคนเดียวในวันเสาร์หน้าโดยที่ไม่ได้ชวนยูไปด้วย ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะต้องออกไปเที่ยวในเมืองคนเดียว…แต่ว่า ฉันอยากจะสาปแช่งตัวเองจริงๆที่ตัดสินใจทำแบบนี้

 

มันเป็นตอนที่ฉันกำลังเดินมุ่งหน้าไปที่โรงหนังในย่านใจกลางเมือง มันอยู่ห่างจากสถานที่ที่ฉันชอบไปเที่ยวเล่นบ่อยๆประมาณสองถึงสามสถานี
 

“เอ่อ…โรงหนัง โรงหนังอยู่ไหน…นะ…”

 

ในตอนที่ฉันกำลังเดินพร้อมกับดูแผนที่บนมือถือ ฉันกลับได้ยินเสียงของใครบางคนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่
 

“ยูจัง เอาล่ะ ไปที่นั่นกันต่อนะ”

 

“อ๊ะ รอเดี๋ยวสิทั้งสองคน…”
 

ในตอนนั้นฉันรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงมาก

 

แน่นอนว่าเสียงที่ฉันได้ยินนั้นมาจากคนสามคน
 

ซานาเอะ มานากะ และยู

 

ฉันหันไปทางด้านที่ได้ยินเสียงเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด

 

นอกจากยูแล้วทำไมสองคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? พวกเธอไม่ได้มีธุระที่ต้องทำงั้นเหรอ?
 

ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันแอบซ่อนตัวในเงามืดทันทีและแอบมองดูทั้งสามคน

 

“เป็นอะไรไปอีกยูจัง? เธอดูใจลอยๆนะ…ไม่สนุกหรอ?”
 

“เอ๊ะ? ไม่ใช่หรอก ฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อนแล้วก็รู้สึกสนุกมาก แต่ว่า…ฉันรู้สึกเหงานิดหน่อยเพราะว่าอุมิไม่ได้มาด้วยน่ะ”
 

“งะ งั้นเหรอ…แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา วันนี้อูมิจังดูเหมือนเธอจะยุ่งๆ”

 

“อือ ฉันชวนอุมิแล้วแต่เธอบอกว่าวันนี้เธอไม่ว่างน่ะสิ”
 

ไม่ใช่ เป็นซานาเอะกับมานากะ เป็นทั้งสองคนไม่ใช่หรือไงที่บอกว่าวันนี้ไม่ว่าง ทำไมถึงบอกกับยูว่าฉันไม่ว่างกันล่ะ…นี่มันอะไรกัน ทั้งๆที่ฉันเป็นคนชวน…ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้

 

ในขณะที่คิด ใบหน้าของฉันก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ฉันไม่รู้ทำไมว่าพวกเธอถึงโกหก ทำไมถึงกีดกันฉันให้กลายเป็นคนนอกและแอบมาเที่ยวกับยูในสถานที่ที่ฉันไม่น่าจะตามมาเจอพวกเธอ
 

ฉันอยากกระโดดออกไปและถามพวกเธอตรงๆ ทำไมพวกเธอถึงปฏิเสธฉัน ฉันเป็นคนเดียวที่คิดว่าพวกเธอเป็นเพื่อน หรือพวกเธอเกลียดฉันเพราะว่าฉันทำตัวเป็นหัวหน้ากลุ่ม?

 

“…อึก…”

 

อย่างไรก็ตาม เท้าของฉันไม่สามารถก้าวออกจากเงามืดไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว
 

ในที่สุดฝั่งของเหตุผลก็เป็นฝ่ายชนะ
 

ฉันรู้ดีว่าถ้าตัวเองก้าวเท้าออกไปจากที่นี่ทุกอย่างที่สร้างมาจะพังทลายลง การระบายอารมณ์เพื่อบรรเทาความโกรธอาจจะต้องแลกกับความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสี่คนที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
 

“…ฉันต้องทำเป็นไม่เห็นพวกเธอ”

 

ฉันพึมพัมกับตัวเอง ถึงจะเศร้า แต่ถ้าฉันทนได้ฉันก็จะสามารถปกป้องมิตรภาพของพวกเราไว้ได้

 

ด้วยวิธีนี้ ฉันจะสามารถปกป้องรอยยิ้มของยูไว้ได้

 

ฉันควรจะปล่อยให้ยูไว้แบบนี้ เธอไม่จำเป็นต้องรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ฉันเดินกลับบ้านโดยไม่ได้ไปดูหนังตามที่ตั้งใจไว้เพื่อที่ทั้งสามคนจะได้ไม่มาบังเอิญมาเจอกับฉัน ตั๋วหนังที่มีรอยหยดน้ำเล็กๆถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่ฉันจะโยนมันลงถังขยะที่หน้าร้านสะดวกซื้อ
 

หลังจากนั้น…ฉันเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในใจ พยายามทำตัวให้เหมือนปกติและคบหาเป็นเพื่อนกับพวกเธอต่อไป
 

ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองจะทนได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น แต่การโดนเพื่อนที่เชื่อใจหลอกลวงดูเหมือนจะมีผลมากกว่าที่ฉันจินตนาการไว้…ท้ายที่สุดแล้วตัวฉันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
 

นั่นเป็นช่วงกลางฤดูหนาวของชั้นปีสาม ในความจริงฉันควรที่จะเรียนต่อชั้นม.ปลายที่โรงเรียนเดิม…แต่ฉันเลือกที่จะคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้และเกี่ยวกับเรื่องการย้ายโรงเรียน

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. กลับมาแล้วครับ หลังจากหายไปนาน หลังจากนี้ก็น่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็น่าจะแปลต่อได้ยาวๆครับ(ฮา)

ปล2. อันนี้ใช้ของเล่นใหม่ โดยการใช้เสียงพิมพ์เอา ก็รู้สึกเหมือนว่าจะสบายขึ้น…(มั้ง) คำผิดยังไม่ได้เช็คครับ เดี๋ยวกลับมารีเช็คให้อีกทีนะครับ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ 

Durimtok Channel
 

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

Score 10
Status: Completed
ผมชื่อ มาเอะฮาระ มากิ คนที่ไม่เพื่อน หรือคนรู้จักในโรงเรียนม.ปลาย แต่ในที่สุดก็มีคนที่ผมสามารถออกไปเที่ยวด้วยกัน ภายนอกรั้วโรงเรียนด้วยได้ เธอคือเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ อะสะนางิซัง เด็กสาวที่พวกนักเรียนชายในชั้นเรียนต่างเรียกเธอว่า 'สาวน่ารักอันดับสองของชั้นเรียน'

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset