Goblin Kingdom 72

ตอนที่ 72

[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 15

[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B – >> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (เลเวล 36)

◇◆◇

ขวานของโอเกอร์ที่หนักราวกับหินผากำลังถูกเหวี่ยงลงมา

ขวานเล่มนั้นฟันลงตรงหน้าผม ขณะที่มันบดขยี้พื้นดิน

“โอ๊ววววว!”

ขนของมันงอกขึ้นอย่างอิสระ กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเหมือนกับหินผา ร่างกายของมันถูกย้อมไปด้วยสีดำ และขวานที่เหวี่ยงโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัดของตัวเอง

หลังจากคุซานพาเราไปมา เราก็พบกับโอเกอร์ตัวหนึ่งที่กำลังเดินอยู่รอบ ๆ ป้อมปราการ เราจึงเริ่มโจมตีมันก่อน แต่ใครจะคิดล่ะ ว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้

ก็อบลินทุกตัวที่อยู่ข้างผมมีระดับอย่างน้อยเป็นก็อบลินแรร์ด้วยซ้ำ นั่นเป็นระดับที่มากพอสำหรับก็อบลิน ที่จะกลายเป็นหัวหน้าฝูง แต่ถ้าเทียบกับโอเกอร์ตรงหน้า พวกเขาไม่ต่างจากทารกแรกเกิด

ก็อบลินสองตัวที่ค่อนข้างอ่อนแอในการโจมตีอย่างกิจิและกิกิ ทำอะไรไม่ถูกกับโอเกอร์ พวกเขาไม่สามารถโจมตีให้โอเกอร์เกิดบาดแผล พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้าดูด้านข้าง

ในทางกลับกันกิโก อะมัทสึกิได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ในฐานะผู้ได้การคุ้มครองจากเทพดาบ ทำให้ความคมจากดาบของเขาไม่เหมือนใคร

ในชั่วพริบตาเขาก็ลอดผ่านขาของโอเกอร์ หลบการโจมตีแล้วใช้ดาบโค้งคล้ายกับการเต้นรำที่งดงาม

ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นจากเคลื่อนไหวอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีท่วงท่าที่เสียเปล่าอยู่ในนั้น

ผมรู้สึกมึนงงเมื่อเห็นเขา แต่ในที่สุดกิโกก็ถอยห่างออกมาจากโอเกอร์ตัวนั้น และเมื่อเขามองไปที่ดาบของตัวเอง เขาก็กัดฟันแน่น

ดาบของเขาไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ผิวหนังของโอเกอร์แข็ง และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่มีประสบการณ์ของเขา

“…งี่เง่า”

เขาเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง

โดยมีหัวหน้าเผ่าทั้งสี่เป็นผู้ควบคุม

“ศรพัวพัน! Fair Ring Arrow”

เจ้าหญิงนาร์ซาแห่งเผ่ากันระหยิบธนูดาวตกออกมาโดยไม่มีลูกศรที่ถูกรั้ง แต่มีเวทมนตร์ที่สร้างรูปร่างของลูกศรพุ่งไปยังเท้าของโอเกอร์

“รับนี่ไป”

กาดิเอต้านักธนูคนแรก กิลมิยิงธนูด้วยความแม่นยำไปยังดวงตาของโอเกอร์ ลูกศรนั้นยิงไปในเวลาเดียวกันกับที่ลูกศรของนาร์ซา ทำให้โอเกอร์ถูกบังคับให้หลับตา มันตอบสนองเช่นเดียวกับสัตว์ป่า แต่อลูฮาลิฮาลก็ขี่สัตว์สอูรเข้าไปหามันแล้ว

“หอกของข้าจะทะลวงทุกสิ่ง! Lightning Lance”

คำร่ายบนหอกโค้งเปล่งประกายออกมา ขณะที่อลูฮาลิฮาลพุ่งเข้าหาโอเกอร์และการโจมตีของเจ้าหญิงนาร์ซาที่แทงทะลุฝ่าเท้าทำให้มันก้มลงไป

ชายผู้สูญเสียดวงตา รัสกาทุบกระบองสีดำของเขาลงกับโอเกอร์ สร้อยแห่งโทสะ ‘ไวดอลอมูเล็ท’ กัดลงบนผิวหนังของรัสกาอย่างไร้ปรานี ทำให้กล้ามเนื้อของเขาโป่งพองมากขึ้น

“สวมกอดข้าด้วยศักดิ์ศรีอันรุนแรง! Ra Giliion”

แสงสีดำนั้นกระแทกเข้าที่ศีรษะของโอเกอร์โดยตรง ในเวลาเดียวกันแสงสีดำนั้นก็ทำให้เกิดพายุอันรุนแรง ทำให้ส่วนหัวของโอเกอร์ตัวนั้นกระเด็นไป

ความดุร้ายจากการโจมตีครั้งนั้น ทำให้แม้แต่ผมต้องสั่น

ผมไม่เคยรับมันตอนที่เราต่อสู้กัน แต่ถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ร่างกายส่วนบนของผมก็อาจจะปลิวไปเช่นกัน

หลังจากนั้นร่างของโอเกอร์ก็ล้มลง

“ในที่สุดก็จัดการมันได้” รัสกาพึมพำ

แน่นอน แต่จากคำพูดของกิกิ มีโอเกอร์อีกสี่ตัวอยู่ในบริเวณนี้

“พวกโอเกอร์มักจะไม่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เว้นแต่พวกมันจะมีหัวหน้า” เยลโล่กล่าว

“โอเกอร์ลอร์ด” กิซาร์พึมพำ

โอเกอร์ลอร์ดและผู้ใต้บังคับบัญชา ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่ตัว แต่พวกมันน่าจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของผมอย่างแน่นอน

◆◇◇

เมื่อได้ยินเสียงของเหล็กที่ดังขึ้นจากการเหวี่ยงมันกับเหยื่อตรงหน้า นกกระจอกเทศสองหัวก็ถูกฟันออกเป็นสองท่อนอย่างหมดจด

“ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”

นักผจญภัย 10 คนถูกรวมตัวกันภายใต้คำร้องขอของกัลแลนด์ จริง ๆ แล้วมันควรจะมีมากกว่านี้ แต่หลังจากคัดเลือกสมาชิกทั้งหมด พวกเขาจึงเหลือเพียง 10 คนเท่านั้น

จาก 10 คนที่รวมตัวกัน มีสามคนที่มีชื่อเสียงแม้แต่ในเผ่าบลัดโอทธ์สวอนโล่ว เฮอร์คูเลียน ไวแอตต์ ไม้กายสิทธิ์แห่งการทำลายล้าง เบลแลน นักฆ่าจอมเวทย์ มิลล์ นอกจากนั้นยังมีฮอว์กอาย ฟิคและนักผจญภัยอมตะที่รู้จักกันในนามหัตถ์ขาวแห่งชีวิต

นี่คือทีมออลสตาร์

ใครก็ตามที่พบเจอกับกลุ่มนี้ คงจะสงสัยว่าพวกเขากำลังเผชิญกับมอนสเตอร์ที่ชั่วร้ายหรือเปล่า?

แต่ความจริงแล้ว พวกเขาแค่มารวมกันที่นี่เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว

ผ่านหน่วยข่าวกรองของกิลด์ คนเหล่านี้มารวมกันจากทั่วทุกมุมโลก และนี่คือความสามารถที่ทำให้นักผจญภัยต่างจากมนุษย์ปกติ

ความสามารถของมนุษยชาติในการจัดระบบตัวเองเป็นอาวุธที่ดีที่สุด ทั้งเอลฟ์ ก็อบลินและกึ่งมนุษย์ไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้

“3 กิโลทางด้านขวา มีออร์คอยู่” ฮอว์กอายฟิคกล่าวขณะที่เขาออกไปสำรวจ

“ฟิค ทำไมเจ้าไม่ใช้เวลานั้นไปค้นหานักบุญแทนออร์คล่ะ” เพื่อนเก่าของเขาล้อเลียน

“เพราะมันไม่มีประโยชน์ เจ้าหญิงนิทรามักจะนอนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของป่าไม่ใช่เหรอ?” ฟิคยิ้ม

“มันอาจเป็นแค่ออร์คจำนวนหนึ่ง แต่เรามาสนุกกันก่อนดีกว่าไหม?” กัลแลนด์กล่าว

ความดุร้ายของผู้อยู่อาศัยในป่าฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของนักผจญภัยทุกคน นั่นเป็นเรื่องจริงมากขึ้นสำหรับพวกนักผจญภัยที่มีชื่อเสียง การสูญเสียเพื่อนหรือญาติพี่น้อง … พวกเขาล้วนเคยผ่านประสบการณ์เช่นนั้น

เพราะเหตุนั้นเอง กัลแลนด์เลยไม่เชื่อว่านักบุญจะยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ

“แต่เรามาตามหานักบุญไม่ใช่เหรอ?” มิลล์ถาม

“นักฆ่าจอมเวทย์ มิลล์แห่งเผ่าบลัดโอทธ์สวอนโล่ว” กัลแลนด์พึมพำ

มีคำขู่ในคำพูดเหล่านั้น

“เจ้าไม่ได้ยินเหรอ? ข้าบอกให้ไปล่าออร์คพวกนั้น!”

“ข้ารับงานแค่ช่วยตามหานักบุญ” มิลล์ตอบขณะเกร็งกรงเล็บ และดวงตาที่หรี่ลงราวกับนกกำลังจะพุ่งเข้าหาเหยื่อ ด้วยลมหายใจสม่ำเสมอ เธอเตรียมพร้อมจะต่อสู้อย่างชัดเจน

” ตามข้อตกลง ข้าได้จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว”

“ข้ากำลังบอกว่าเนื้อหาภารกิจนี้แตกต่างออกไป”

กัลแลนด์เอื้อมมือไปหาดาบด้านหลังเขา

“เฮ้ เฮ้ ไม่ว่าจะยังไง ทำไมพวกเจ้าทั้งสองไม่วางมือลงก่อนล่ะ” ไวแอตต์เข้าไปตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง ร่างกายที่ใหญ่โตและโล่ที่ด้านหลัง เขาใช้มือโอบกอดพวกเขาอย่างง่ายดาย

“มิลล์ เจ้าก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกับที่กัลแลนด์ตกลงกันไว้ แต่ถ้าหากมนุษย์หลงทางเข้ามาในป่า ก็มีเพียงมอนสเตอร์ที่น่าสงสัยที่สุดใช่ไหม?”

ก็อบลิน ออร์ค แมงมุม โอเกอร์…มีสัตว์อสูรกินคนมากมายซ่อนตัวอยู่ในป่า

“ดังนั้นนี่จะเป็นการดีที่สุด ที่เราจะไปหามอนสเตอร์เหล่านั้นก่อน เจ้าเข้าใจใช่ไหมมิลล์?”

ไวแอตต์พยายามอธิบาย แต่มิลล์แค่เพียงหันหน้าไปอีกทาง

“เจ้าก็เช่นกันกัลแลนด์ เจ้าโตแล้วไม่ใช่เหรอ? ส่วนนี้ข้าไม่ได้พูดเรื่องที่เจ้าจ้างเรามา แต่ทำไมเจ้าไม่ลองทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อยล่ะ?”

“อย่ามาล้อเล่นกับข้า” กัลแลนด์ปล่อยดาบของตัวเอง ขณะดำเนินการต่อเพื่อเดินทางต่อไป

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง ไวแอตต์ก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้

◆◆◇

ในขณะเดียวกัน โกเวนนำกองทัพของเขาทั้ง 400 นายไปตัดป่าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างถนน

ถนนสายเล็ก ๆ นั้นค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

โกเวนใช้นักบุญเป็นข้ออ้างเพื่อขยายอาณาเขตของตัวเอง เขารวบรวมทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่หามาได้เพื่องานนี้

แม้ว่าที่ดินของเขาจะอยู่ติดกับป่าทมิฬ แต่การแสดงหาความร่ำรวยในป่าก็ยังเป็นงานที่อันตราย เพื่อที่จะปล้นชิงมันอย่างปลอดภัย เขาจึงต้องขยายอาณาเขตของตัวเองไว้

สัตว์อสูรล้มตายลงทีละตัว ขณะที่ดินแดนของมนุษย์กำลังถูกสร้างขึ้น

อัศวินแขนเหล็กผู้ทะเยอทะยานกำลังเดินไปตามเส้นทางแห่งการครอบครองอย่างช้า ๆ

“ใต้เท้า ดูเหมือนจะมีโคโบลอยู่ข้างหน้าไปประมาณ 40 เมตร”

“กำจัดพวกมันถ้าขวางทาง พวกโคโบลสามารถเรียกมอนสเตอร์ตัวอื่นได้ ดังนั้น …ให้ระวังไว้ด้วย”

“ขอรับ ใต้เท้า!”

ในขณะที่ทหารหนุ่มตอบอย่างจริงใจ โกเวนมองไปยังป่าอันมืดมิดเพื่อวางแผนของเขา

◇◇◆◆◇◆◇◇

ค่าสถานะ

[ชื่อ] โกเวน เรนิด

[เผ่าพันธุ์] มนุษย์

[เลเวล] 90

[อาชีพ] เซนท์ไนท์, อัศวินแขนเหล็ก, ลอร์ดนคร

[ทักษะ] <<ความชำนาญการใช้ขวาน B+>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B+>> << ความชำนาญการใช้หอก A->> << ความชำนาญการใช้ธนู A->> <<ความเป็นผู้นำ A->> <<การฝึกฝนที่ไร้ขีดจำกัด>> <<อัศวินที่มีแผลเป็นจากการต่อสู้>> <<ผู้สังหารปีศาจนับพัน>> <<การอวยพรของผู้สร้าง>> <<ผู้แสวงหาจุดสูงสุดของการต่อสู้ >> <<Martial Barrier>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] ไม่มี

[แอตทริบิวต์] ไม่มี

◆◇◇◆

ค่าสถานะ

[ชื่อ] กัลแลนด์ ริฟนิน

[เผ่าพันธุ์] มนุษย์

[เลเวล] 88

[อาชีพ] อัศวินศักดิ์สิทธิ์,อัศวินพายุ,นักเดินทาง,ผู้แสวงหามอนสเตอร์,ดาบคลั่ง,วิญญาณของนักรบผู้บ้าคลั่ง

[ทักษะ] <<Strong Arm>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ A->> <<เสน่ห์>> <<บ้าเลือด>> <<วิญญาณของนักรบผู้บ้าคลั่ง>> <<ความโลภอย่างบ้าคลั่ง>> <<ผู้สังหารปีศาจนับร้อย>> <<การอวยพรของเทพเจ้าแห่งไฟ>> <<จิตวิญญาณปฏิปักษ์>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพเจ้าแห่งไฟ

[แอตทริบิวต์] ไฟ

[อุปกรณ์สวมใส่] บลูไลท์นิง (ดาบใหญ่)

◆◇◇◆◆◇◇◆

อ่านนิยายล่วงหน้าได้ในกลุ่ม ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล (ตอนนี้แปลถึงตอน 400 กว่าแล้วนะครับ)

https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/

Options

not work with dark mode
Reset